“ซ่อนลึกขนาดนี้?”หัวของกู้ชิงหลินยังมึนงงสับสนอยู่เลย เธอก็ไม่เข้าใจความหมายของสวีอวิ๋นอวิ๋นสวีอวิ๋นอวิ๋นส่ายหัวและพูดด้วยการเยาะเย้ย “จนถึงตอนนี้เธอยังคิดว่าหลี่โม่เป็นขยะใช่ไหม ถ้าเขาเป็นขยะ เกรงว่ามีผู้ชายไม่กี่คนในโลกที่ไม่ใช่ขยะ”“ทำไมเขาจะไม่ใช่!”กู้ชิงหลินอยากจะพูดอีกแต่ถูกสวีอวิ๋นอวิ๋นสาดน้ำเย็นบนใบหน้า“เธอตื่นเถอะ เมื่อกี้คุณชายเล็กหลินลำบากแค่ไหนไม่เห็นเหรอ?! หลี่โม่คนเดียวทุบตีคุณชายเล็กหลินเหมือนสุนัขหลงทางเลย! ฉินจี้เย่ที่เก่งกาจขนาดนั้น เขาเอาแต่บอกว่าเขาเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม่ แล้วเกือบถูกทุบตีตายเพื่อปกป้องหลี่โม่ เรื่องพวกนี้ขยะทำได้อย่างนั้นเหรอ?”กู้ชิงหลินเช็ดคราบน้ำบนใบหน้าอย่างเงียบ ๆ จิตใจของเธอสงบลงมากแล้วเรื่องพวกนี้ที่สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดกู้ชิงหลินยอมรับทั้งหมด จนถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่าหลี่โม่ไม่ธรรมดา แต่ทำไมจู่ ๆ ไอ้เศษสวะที่ควรตายนี้ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!“ขอบุหรี่มวนนึง” กู้ชิงหลินพูดอย่างอกสั่นขวัญหายสวีอวิ๋นอวิ๋นหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนส่งให้กู้ชิงหลินแล้วพูดยิ้ม ๆ “กู้หยุนหลานปิดบังมานานขนาดนี้ คาดว่าเป็นเพราะกลัวว่าถ้าหลี่โม่แสดงออกมาชัดเจนเกิ
......พวกหลี่โม่ทั้งสามคนกลับถึงบ้าน เดิมทีหวังฟางจะตำหนิหลี่โม่ที่ไปเพ่นพ่านในตอนกลางคืน แต่พอเห็นกู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงจับมือกันเดินเข้ามาก็ตกตะลึงทันที“หยุนหลาน เด็กสาวคนนี้คือ?”“สวัสดีค่ะคุณน้า หนูชื่อเฉินเสี่ยวถงเป็นเพื่อนกับพี่หยุนหลานค่ะ สองวันนี้ที่บ้านหนูมีเรื่องนิดหน่อย ดังนั้นก็เลยมาอาศัยบ้านของคุณน้าชั่วคราวค่ะ”เฉินเสี่ยวถงยิ้มหวานหวังฟางยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูด “อยู่บ้านน้าได้ตามสบายเลยนะ คนเยอะจะได้คึกคักดี หนูกับหยุนหลานอยู่ด้วยกัน ให้หลี่โม่นอนห้องนั่งเล่นก็ได้”หลี่โม่เบ้ปากถอนหายใจอย่างจนใจกู้หยุนหลานดึงมือหลี่โม่และบีบมือเขาเบา ๆ หลี่โม่ยิ้มตอบกู้หยุนหลาน เข้าใจว่าที่ภรรยาทำแบบนี้เพื่อปลอบใจตัวเอง “หลี่โม่ ยังไม่ไปเตรียมน้ำล้างเท้าอีก มายืนเหม่อตรงนี้ทำไม” หวังฟางพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“อ้อ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”หลี่โม่หันหลังเดินไปห้องครัว เฉินเสี่ยวถงมองแผ่นหลังของหลี่โม่อย่างประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่านายน้อยแดนมังกรเวลาอยู่บ้านจะไม่มีสถานะขนาดนี้ไม่ใช่ว่าครอบครัวกู้ต้องดูแลหลี่โม่อย่างดี ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นนายใหญ่หรอกเหรอ?แต่น่าจะเป็นที่หลี่โม่
กู้หยุนหลานหมดคำพูดกับหวังฟาง รู้ว่าความคิดที่หวังฟางมีต่อหลี่โม่นั้นลึกลงไปถึงกระดูกแล้ว จะโน้มน้าวใจอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้แค่เลือกที่จะยอมแพ้ไปอย่างจนใจ“ไม่พูดกับแม่แล้ว หนูกับเสี่ยวถงกลับห้องดีกว่า”“รีบกลับไปทำไม แม่คิดว่าเสี่ยวถงกับจงฉวนเข้ากันได้จริง ๆ นะ” หวังฟางพูดอย่างไม่ยอมเลิก“พี่จงฉวนไม่คู่ควรกับเสี่ยวถงหรอกค่ะ แม่อย่าคิดเพ้อฝันเลย”“มีอะไรไม่คู่ควร ทีไอ้ขยะหลี่โม่นั่นยังแต่งงานกับลูกได้เลย พี่จงฉวนของลูกหล่อเหลา อาชีพการงานก็มั่นคง ต้องเป็นสามีที่ดีของเสี่ยวถงแน่ เสี่ยวถง พรุ่งนี้น้านัดให้พวกหนูเจอกันดีไหม?”เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างอึดอัด “คุณน้าคะ ตอนนี้หนูยังไม่คิดเรื่องแต่งงานเลยค่ะ ยังไม่รีบหรอกค่ะ รอจนหนูพร้อมแต่งแล้วค่อยว่ากันดีกว่า”“งั้นจะรอได้ยังไงล่ะ โชคชะตาไม่รอใคร ถ้าหนูอยากอยู่บ้านน้า งั้นก็ต้องไปเจอกับจงฉวน ไม่อย่างนั้นน้าไม่โอเคแล้ว” หวังฟางชักสีหน้าพูดเฉินเสี่ยวถงอยากจะร้องไห้แล้ว เธอมองไปทางกู้หยุนหลานอย่างไม่สบายใจกู้หยุนหลานลังเลครู่หนึ่งแล้วพูด “พรุ่งนี้หนูจะนัดพี่ ถึงเวลานั้นให้พวกเขาเจอกัน แบบนี้โอเคไหมคะ?”หวังฟางยิ้มขึ้นมาทันที เธอพยั
'จัดการหลี่โม่ก่อน ช่วยให้ราชินีมังกรควบคุมแดนมังกร จากนั้นค่อยหาโอกาสค่อย ๆ ควบคุมราชินีมังกร ต่อไปแดนมังกรต้องเป็นของฉัน จางเต๋ออู่! ถึงเวลานั้นฉันบอกอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ฉันจะไม่เป็นคนรับใช้แบบตอนนี้อีกต่อไปแล้ว!'สายตาฉายแววความโหดร้าย จากนั้นจางเต๋ออู่ก็ก้มหน้าพลางหลับตาลงซ่อนความทะเยอทะยานในใจไว้เขาเดินเข้าไปในห้อง ใบหน้าของจางเต๋ออู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ราชินีมังกร เฉินเสี่ยวถงแทรกซึมไปอยู่ข้างกายหลี่โม่ได้สำเร็จแล้วครับ คืนนี้หลี่โม่พากลับบ้านไป คาดว่าจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้ เพียงแต่ลุงฝูเกิดอุบัติเหตุ ถูกคนของคุณชายสามหลินทำให้บาดเจ็บ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับ” “ลุงฝูฉันไม่สนใจ เขาจะเป็นจะตายก็ไม่ได้สำคัญ สิ่งสำคัญคือเฉินเสี่ยวถงสามารถหากุญแจได้ ถ้าเธอหากุญแจไม่เจอ ก็ปล่อยให้ทั้งครอบครัวของเธอตายไปซะ”จางเต๋ออู่ก้มหน้ายิ้มขมขื่น “แต่ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกุญแจเลยนะครับ ไม่รู้เลยว่ากุญแจนั่นเป็นยังไง...”“ทำไม นายพูดแทนเฉินเสี่ยวถงเหรอ กังวลเรื่องเด็กคนนั้นหรือไง?” ราชินีมังกรพูดเสียงเย็นชา“ผมไม่กล้าหรอกครับ ผมแค่กังวลว่าถ้าเธอทำงานไม่ราบรื่น ส่งคนไปอยู่ข้างกายหลี่โม่
ในห้องทำงานของกู้เจียนกั๋ว กู้ชิงหลินกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงอย่างกระสับกระส่าย เล่าเรื่องในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงกลั่นไวน์เมื่อคืนนี้หลังจากฟังกู้ชิงหลินเล่า สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงก็ดูหน้าเสียมาก ราวกับว่ามีญาติเสียชีวิต“หลี่โม่จะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง พวกคนที่ติดตามคุณชายสามหลินมีแต่คนที่โหดเหี้ยมทั้งนั้น จะถูกหลี่โม่เอาชนะได้อย่างง่าย ๆ ได้ยังไง?”กู้เจี้ยนกั๋วคิดไม่ตกกับปัญหานี้ ในหัวเขาว้าวุ่นมาก คิดอยู่นานก็คิดหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลไม่ได้“ชิงหลิน เธอมองยังไงกับเรื่องนี้?” กู้เจี้ยนเจียงเอ่ยถามกู้ชิงหลินหรี่ตาแล้วพูด “ฉินจี้เย่ลูกชายคนโตของตระกูลฉินเรียกตัวเองว่าเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม่ หนูคิดว่าคำพูดของฉินจี้เย่บอกอะไรได้มากเลย หลี่โม่ไม่ใช่ขยะอย่างที่แสดงออกก่อนหน้านี้แน่นอน เขาแสร้งทำเป็นแบบนั้นมาตลอด”คำพูดของกู้ชิงหลินราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ระเบิดอยู่ในหัวของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงเมื่อนึกถึงคำพูดของกู้ชิงหลิน กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงล้วนไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าหลี่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา“จะเป็นไปได้
ใจเฉินเสี่ยวถงกังวลเล็กน้อย กังวลว่าจู่ ๆ ลุงฝูจะฟื้นขึ้นมา ถ้าลุงฝูตื่นขึ้นมา ก็เท่ากับว่าราชินีมังกรจับตาดูอยู่ใกล้ ๆ เฉินเสี่ยวถงเลยกู้หยุนหลานเห็นเฉินเสี่ยวถงสีหน้าไม่ค่อยดี คิดว่าเฉินเสี่ยวถงกังวลเรื่องที่ลุงฝูยังไม่ฟื้น จึงพูดปลอบใจเฉินเสี่ยวถง “เธอไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้การรักษามันก้าวหน้าขนาดนี้แล้ว ลุงฝูน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”“อืม ๆ ขอบคุณค่ะพี่หยุนหลาน ฉันก็คิดว่าลุงฝูเขา... เขาไม่น่าเป็นอะไร”เฉินเสี่ยวถงคิดในใจถ้าลุงฝูปัญญาอ่อนไปเลยก็ดี ถ้าเสียสติก็ไม่เลวหลี่โม่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ เขาไม่ได้คิดที่จะร่วมปลอบใจเฉินเสี่ยวถงเลย เขากำลังคิดว่าการแข่งขันชกมวยใต้ดินกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินอะไรเลยและก็ไม่รู้ว่าทางชูจงเทียนเป็นอย่างไรบ้างเดิมทีคิดจะโทรถามชูจงเทียน แต่หลี่โม่นึกถึงว่ากู้หยุนหลานยังอยู่ข้าง ๆ ถ้าพูดเรื่องการแข่งขันชกมวยใต้ดินคงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เขาจึงหยุดความคิดที่จะโทรหา คิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยไปหาชูจงเทียนก็ได้ขับรถไปถึงโรงพยาบาล หลังจากจอดรถแล้วทั้งสามก็เข้าไปในอาคารผู้ป่วยใน หลี่โม่พากู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงไปห้องผู้ป่วยต
หลี่โม่พูดปลอบใจฉินจี้เย่ ใจของฉินจี้เย่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาตัดสินใจรวบรวมความกล้าในการเริ่มต้นทำงานกับหลี่โม่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำให้ตระกูลฉินกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในประเทศให้ได้เฉินเสี่ยวถงมองลุงฝู กู้หยุนหลานปลอบเธอ จากนั้นก็ขยิบตาให้หลี่โม่บอกหลี่โม่ว่าไปได้แล้วหลี่โม่ตบไหล่ของฉินจี้เย่ แล้วพูดยิ้ม ๆ “รักษาอาการป่วยให้หายดี เราไปก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับ ถ้ามีอะไรที่ต้องทำคุณแค่โทรหาผมก็พอ แม้ว่าสองวันนี้ผมจะเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ตระกูลฉินมีคนมากมายที่พร้อมช่วยเหลือคุณ”หลี่โม่โบกมือยิ้ม ๆ พากู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงออกไปหลังจากออกจากอาคารผู้ป่วยในแล้ว กู้หยุนหลานก็แกว่งโทรศัพท์กับหลี่โม่ “แม่ฉันส่งข้อความมาบอกว่าหวังจงฉวนใกล้จะถึงแล้ว ให้พวกเราจับคู่หวังจงฉวนกับเฉินเสี่ยวถงให้ดี”เฉินเสี่ยวถงเบะปาก ดึงแขนของกู้หยุนหลานแล้วเขย่าเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ“งั้นก็เจอดู ไม่แน่บางทีเสี่ยวถงกับหวังจงฉวนอาจตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นก็ได้” หลี่โม่พูดล้อเล่น“ฉันไม่ตกหลุมรักผู้ชายตั้งแต่แรกเห็นหรอกนะคะ”เฉินเสี่ยวถงเชิดคอราวกับหงส์ที่เย่อหยิ่งหลี่โม
“พี่ไว้ใจเขาจริง ๆ นะเนี่ย” เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างอิจฉา“เหอะ ๆ นี่ไม่ใช่ความไว้ใจหรอก แต่เราเชื่อใจซึ่งกันและกัน”เฉินเสี่ยวถงก้มหน้าไม่พูดอะไร คิดในใจว่าความเชื่อใจคือเพราะว่ามีข้อต่อรองในการทรยศไม่เพียงพอ ถ้ามีข้อต่อรองเพียงพออยู่ต่อหน้าจริง ๆ หลี่โม่คงจะต้องทรยศอย่างแน่นอนถ้าใช้การช่วยเขาโค่นล้มราชินีมังกรมาเป็นข้อต่อรอง ไม่รู้ว่าหลี่โม่จะทรยศกู้หยุนหลานหรือเปล่าเฉินเสี่ยวถงครุ่นคิดเงียบ ๆ ไม่ได้สังเกตว่ากู้หยุนหลานกำลังสังเกตสีหน้าของเธออย่างจริงจังหลี่โม่ขับรถออกจากลานจอดรถ พลางต่อสายหาชูจงเทียนด้วยไม่นานก็โทรติด เสียงของชูจงเทียนเห็นได้ชัดว่ากังวลเล็กน้อย “คุณหลี่”“ทำไมคุณดูกังวลจัง สองวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง การเตรียมการแข่งขันชกมวยใต้ดินนานาชาติเป็นยังไงบ้าง?” หลี่โม่ถามอย่างสบาย ๆชูจงเทียนมองซ้ายทีขวาที จากนั้นหลบเข้าไปด้านในสุดของห้องน้ำ“คุณหลี่ครับ นักมวยมาถึงหลายคนแล้ว สองวันมานี้ผมอยู่กับพวกเขาตลอด มักจะมีคนจ้องมองผมอยู่ตลอด ผมเลยไม่กล้าโทรหาคุณ พวกนักมวยมันบ้ามากจริง ๆ !”หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามอย่างสงสัย “คุณถูกควบคุมอิสรภาพเหรอ?”“ไม่ครับ แต่ก็เกื
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา