ในห้องทำงานของกู้เจียนกั๋ว กู้ชิงหลินกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงอย่างกระสับกระส่าย เล่าเรื่องในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงกลั่นไวน์เมื่อคืนนี้หลังจากฟังกู้ชิงหลินเล่า สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงก็ดูหน้าเสียมาก ราวกับว่ามีญาติเสียชีวิต“หลี่โม่จะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง พวกคนที่ติดตามคุณชายสามหลินมีแต่คนที่โหดเหี้ยมทั้งนั้น จะถูกหลี่โม่เอาชนะได้อย่างง่าย ๆ ได้ยังไง?”กู้เจี้ยนกั๋วคิดไม่ตกกับปัญหานี้ ในหัวเขาว้าวุ่นมาก คิดอยู่นานก็คิดหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลไม่ได้“ชิงหลิน เธอมองยังไงกับเรื่องนี้?” กู้เจี้ยนเจียงเอ่ยถามกู้ชิงหลินหรี่ตาแล้วพูด “ฉินจี้เย่ลูกชายคนโตของตระกูลฉินเรียกตัวเองว่าเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม่ หนูคิดว่าคำพูดของฉินจี้เย่บอกอะไรได้มากเลย หลี่โม่ไม่ใช่ขยะอย่างที่แสดงออกก่อนหน้านี้แน่นอน เขาแสร้งทำเป็นแบบนั้นมาตลอด”คำพูดของกู้ชิงหลินราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ระเบิดอยู่ในหัวของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงเมื่อนึกถึงคำพูดของกู้ชิงหลิน กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงล้วนไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าหลี่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา“จะเป็นไปได้
ใจเฉินเสี่ยวถงกังวลเล็กน้อย กังวลว่าจู่ ๆ ลุงฝูจะฟื้นขึ้นมา ถ้าลุงฝูตื่นขึ้นมา ก็เท่ากับว่าราชินีมังกรจับตาดูอยู่ใกล้ ๆ เฉินเสี่ยวถงเลยกู้หยุนหลานเห็นเฉินเสี่ยวถงสีหน้าไม่ค่อยดี คิดว่าเฉินเสี่ยวถงกังวลเรื่องที่ลุงฝูยังไม่ฟื้น จึงพูดปลอบใจเฉินเสี่ยวถง “เธอไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้การรักษามันก้าวหน้าขนาดนี้แล้ว ลุงฝูน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”“อืม ๆ ขอบคุณค่ะพี่หยุนหลาน ฉันก็คิดว่าลุงฝูเขา... เขาไม่น่าเป็นอะไร”เฉินเสี่ยวถงคิดในใจถ้าลุงฝูปัญญาอ่อนไปเลยก็ดี ถ้าเสียสติก็ไม่เลวหลี่โม่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ เขาไม่ได้คิดที่จะร่วมปลอบใจเฉินเสี่ยวถงเลย เขากำลังคิดว่าการแข่งขันชกมวยใต้ดินกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินอะไรเลยและก็ไม่รู้ว่าทางชูจงเทียนเป็นอย่างไรบ้างเดิมทีคิดจะโทรถามชูจงเทียน แต่หลี่โม่นึกถึงว่ากู้หยุนหลานยังอยู่ข้าง ๆ ถ้าพูดเรื่องการแข่งขันชกมวยใต้ดินคงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เขาจึงหยุดความคิดที่จะโทรหา คิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยไปหาชูจงเทียนก็ได้ขับรถไปถึงโรงพยาบาล หลังจากจอดรถแล้วทั้งสามก็เข้าไปในอาคารผู้ป่วยใน หลี่โม่พากู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงไปห้องผู้ป่วยต
หลี่โม่พูดปลอบใจฉินจี้เย่ ใจของฉินจี้เย่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาตัดสินใจรวบรวมความกล้าในการเริ่มต้นทำงานกับหลี่โม่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำให้ตระกูลฉินกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในประเทศให้ได้เฉินเสี่ยวถงมองลุงฝู กู้หยุนหลานปลอบเธอ จากนั้นก็ขยิบตาให้หลี่โม่บอกหลี่โม่ว่าไปได้แล้วหลี่โม่ตบไหล่ของฉินจี้เย่ แล้วพูดยิ้ม ๆ “รักษาอาการป่วยให้หายดี เราไปก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับ ถ้ามีอะไรที่ต้องทำคุณแค่โทรหาผมก็พอ แม้ว่าสองวันนี้ผมจะเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ตระกูลฉินมีคนมากมายที่พร้อมช่วยเหลือคุณ”หลี่โม่โบกมือยิ้ม ๆ พากู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงออกไปหลังจากออกจากอาคารผู้ป่วยในแล้ว กู้หยุนหลานก็แกว่งโทรศัพท์กับหลี่โม่ “แม่ฉันส่งข้อความมาบอกว่าหวังจงฉวนใกล้จะถึงแล้ว ให้พวกเราจับคู่หวังจงฉวนกับเฉินเสี่ยวถงให้ดี”เฉินเสี่ยวถงเบะปาก ดึงแขนของกู้หยุนหลานแล้วเขย่าเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ“งั้นก็เจอดู ไม่แน่บางทีเสี่ยวถงกับหวังจงฉวนอาจตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นก็ได้” หลี่โม่พูดล้อเล่น“ฉันไม่ตกหลุมรักผู้ชายตั้งแต่แรกเห็นหรอกนะคะ”เฉินเสี่ยวถงเชิดคอราวกับหงส์ที่เย่อหยิ่งหลี่โม
“พี่ไว้ใจเขาจริง ๆ นะเนี่ย” เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างอิจฉา“เหอะ ๆ นี่ไม่ใช่ความไว้ใจหรอก แต่เราเชื่อใจซึ่งกันและกัน”เฉินเสี่ยวถงก้มหน้าไม่พูดอะไร คิดในใจว่าความเชื่อใจคือเพราะว่ามีข้อต่อรองในการทรยศไม่เพียงพอ ถ้ามีข้อต่อรองเพียงพออยู่ต่อหน้าจริง ๆ หลี่โม่คงจะต้องทรยศอย่างแน่นอนถ้าใช้การช่วยเขาโค่นล้มราชินีมังกรมาเป็นข้อต่อรอง ไม่รู้ว่าหลี่โม่จะทรยศกู้หยุนหลานหรือเปล่าเฉินเสี่ยวถงครุ่นคิดเงียบ ๆ ไม่ได้สังเกตว่ากู้หยุนหลานกำลังสังเกตสีหน้าของเธออย่างจริงจังหลี่โม่ขับรถออกจากลานจอดรถ พลางต่อสายหาชูจงเทียนด้วยไม่นานก็โทรติด เสียงของชูจงเทียนเห็นได้ชัดว่ากังวลเล็กน้อย “คุณหลี่”“ทำไมคุณดูกังวลจัง สองวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง การเตรียมการแข่งขันชกมวยใต้ดินนานาชาติเป็นยังไงบ้าง?” หลี่โม่ถามอย่างสบาย ๆชูจงเทียนมองซ้ายทีขวาที จากนั้นหลบเข้าไปด้านในสุดของห้องน้ำ“คุณหลี่ครับ นักมวยมาถึงหลายคนแล้ว สองวันมานี้ผมอยู่กับพวกเขาตลอด มักจะมีคนจ้องมองผมอยู่ตลอด ผมเลยไม่กล้าโทรหาคุณ พวกนักมวยมันบ้ามากจริง ๆ !”หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามอย่างสงสัย “คุณถูกควบคุมอิสรภาพเหรอ?”“ไม่ครับ แต่ก็เกื
ทอมป์สันและเคลตี้กำลังนั่งดูการฝึกซ้อมอยู่ข้างสังเวียนด้วยกัน เป็นการต่อสู้ของนักชกผิวขาวกับนักชกผิวดำ ทั้งสองต่างไม่ได้สวมนวมและอุปกรณ์ป้องกัน ของอย่างนวมและอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในสังเวียนมวยใต้ดินระดับนานาชาติอยู่แล้ว เพราะไม่มีเหล่านักชกคนไหนคำนึงถึงชีวิต การต่อสู้ในสังเวียนสามารถเรียกได้เลยว่าต่อยให้ตายกันไปข้าง บ่อยครั้งที่มีแต่ต้องสังหารคู่ต่อสู้เท่านั้น การแข่งขันยกหนึ่งถึงจะสิ้นสุดลง ผู้แพ้ในการแข่งมวยใต้ดินนานาชาติ ถึงขั้นที่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรอดชีวิตลงจากสังเวียนได้ ถึงพวกเขาจะรอดมาได้ด้วยโชคช่วย แต่ส่วนใหญ่ก็มักทำได้เพียงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนเตียงเท่านั้น สองคนบนสังเวียนต่อสู้กันอย่างดุเดือด นักชกไวลด์การ์ดจำนวนไม่น้อยส่งเสียงเชียร์อยู่รอบ ๆ การซ้อมต่อสู้ยกนี้สู้ได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน สองคนบนสังเวียนกำปั้นปะทะเนื้อ บนร่างของพวกเขาล้วนมีเลือดสาดกระเซ็น ชูจงเทียนมองดูสถานการณ์บนสังเวียน สีหน้าพลันซีดเผือดลงเล็กน้อย เขาเดินค้อมตัวไปหาทอมป์สันและเคลตี้ แล้วเอ่ยกับพวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ทั้งสองท่าน ผมต้องไปซื้อของนิดหน่อยในเมือง จึง
”เลือดที่เอามาจากบนสังเวียนอาจไม่เหมาะสำหรับการทดลอง เพราะมันเป็นไปได้ที่จะเลือดของทั้งสองฝ่ายจะผสมปนเปกัน หรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุอื่นขึ้นมาก็ได้ ต้องคว้าทุกโอกาสเอาไว้เพื่อให้ได้ตัวอย่างทดลองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันไม่อยากทำให้ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ไม่พอใจ” “ก็ได้ นายพูดมีเหตุผลมาก ถึงยังไงปฏิบัติการก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งของนาย บอกแผนการของนายมาแล้วกัน” เคลตี้ยักไหล่แล้วเลิกขัดคอทอมป์สัน ทอมป์สันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูกล้องวงจรปิด “บนรถและบนตัวของชูติดเครื่องติดตามไว้หมดแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีทางหนีรอด จะได้เอาพวกยอดฝีมือกังฟูที่จ้างมาจากไชน่าทาวน์พวกนั้นมาใช้เสียที หวังว่าพวกเขาจะสามารถทำร้ายหลี่โม่ได้นะ” “จะไปเอาอะไรกับลิงเหลืองพวกนั้น ฉันยังสงสัยเลยว่าพวกมันจะใช้หลอดทดลองเก็บเลือดเป็นหรือเปล่า” เคลตี้เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ฮ่าฮ่าฮ่า พวกลิงเหลืองรับหน้าที่แค่ต่อสู้เท่านั้น งานเทคนิคอย่างการเก็บตัวอย่างเลือดน่ะนายเป็นคนไปทำ” ทอมป์สันพูดกลั้วหัวเราะ เคลตี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย อยากจะค้านคำพูดของทอมป์สันแต่จนแล้วจนรอดก็ยังอดกลั้นเอาไว้ ถึงอย่างไรทอมป์สันก็ตำแหน่งสูงกว่าเขา นอกจา
“ประกาศศักดาเหรอครับ?” ชูจงเทียนเกาหัว “ใช้การแข่งขันมวยใต้ดินนานาชาติมาประกาศศักดา คุณเองก็เล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่าครับ อย่าว่าแค่ภายในประเทศเลย แม้แต่ในระดับนานาชาติก็ยังไม่มีใครกล้าทำแบบนี้เลย” “ไม่มีวิธีแล้ว สถานการณ์ซับซ้อนเกินไป มีหลายอย่างที่ผมบอกคุณอย่างละเอียดไม่ได้ ผมจำเป็นต้องแสดงอำนาจความแข็งแกร่งออกมา ไม่อย่างนั้น น่ากลัวว่าจะมีใครบางคนเกิดความคิดไม่ซื่อขึ้นมา” หลี่โม่ต้องแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา ไม่เพียงเพื่อให้ราชินีมังกรเห็นแต่ยังทำเพื่อให้จ้าวมังกรทั้งแปดเห็นด้วยเช่นกัน มีเพียงต้องแสดงความแข็งแกร่งของตนออกมาเท่านั้น ถึงอาจจะพอทำให้คนที่ไม่พอใจในตัวเขาเกิดเกรงกลัวและอาจทำให้คนที่เป็นกลางเอนเอียงมาทางเขาได้อีกด้วย ตอนที่ภายในแดนมังกรท่าทีของจ้าวมังกรทั้งแปดต่างคลุมเครืออย่างมาก รวมไปถึงท่านปาจ้าวมังกรลำดับแปดที่ต่อหน้าแสร้งทำเป็นศิโรราบไปแล้วก็คงจะดีดลูกคิดคำนวณผลประโยชน์ของตัวเองแล้วเหมือนกัน ระหว่างหลี่โม่กับราชินีมังกรยังไม่ถึงบทสรุปสุดท้ายว่าชัยชนะจะตกอยู่ในมือใคร เกรงว่าจ้าวมังกรทั้งแปดล้วนไม่อาจแสดงท่าทีออกมาได้อย่างชัดเจน หลี่โม่จำเป็นต้องดึงดูดค
หลี่โม่เอ่ยกำชับ ในตอนที่ชูจงเทียนเดินมาถึงหน้าประตูห้องส่วนตัว ประตูห้องก็ถูกคนถีบเข้ามาจากข้างนอก ชายฉกรรจ์สามสี่คนในชุดคอจีนกำลังยืนตระหง่านอยู่นอกประตู “พวกแกจะทำอะไร!” ชูจงเทียนตวาดอย่างกราดเกรี้ยว “อย่ามาขวางทางโว้ย พวกข้ามาหาคน!” ชายฉกรรจ์ที่นำอยู่ด้านหน้ากวาดตามองหลี่โม่ ก่อนจะส่งสัญญาณด้วยมือซ้ายที่ไพล่อยู่ข้างหลัง จากนั้นแววตาของชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็วาบประกายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาพลันสูดหายใจลึกแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้ “ทั้งกรุงโซลคือถิ่นของฉัน มาวางก้ามโอหังในถิ่นของฉัน พวกแกอยากรนหาที่ตายนักใช่ไหม” ชูจงเทียนวางมาดแสดงบารมี เตรียมจะใช้อำนาจสยบชายฉกรรจ์เหล่านี้ “รีบไสหัวไปซะไอ้แก่ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าแกซะ” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าผลักชูจงเทียนออก รูม่านตาของชูจงเทียนหดเล็ก รู้สึกว่าแรงผลักของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังใช้กำลังภายในอีกด้วย ชูจงเทียนจึงก้าวถอยหลังแล้วบิดเอวเบี่ยงหลบการผลักนี้ของอีกฝ่าย “โอ้โหเฮ้ย แกก็มีวิชาอยู่บ้างนี่หว่า รู้จักหลบก็ไปให้พ้นซะ ถ้าไม่พอใจก็เข้ามาประมือกับข้าได้เลย ข้าเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งแห่งไชน่าทาวน์เซียงซาน กังฟูหงฉว