......พวกหลี่โม่ทั้งสามคนกลับถึงบ้าน เดิมทีหวังฟางจะตำหนิหลี่โม่ที่ไปเพ่นพ่านในตอนกลางคืน แต่พอเห็นกู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงจับมือกันเดินเข้ามาก็ตกตะลึงทันที“หยุนหลาน เด็กสาวคนนี้คือ?”“สวัสดีค่ะคุณน้า หนูชื่อเฉินเสี่ยวถงเป็นเพื่อนกับพี่หยุนหลานค่ะ สองวันนี้ที่บ้านหนูมีเรื่องนิดหน่อย ดังนั้นก็เลยมาอาศัยบ้านของคุณน้าชั่วคราวค่ะ”เฉินเสี่ยวถงยิ้มหวานหวังฟางยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูด “อยู่บ้านน้าได้ตามสบายเลยนะ คนเยอะจะได้คึกคักดี หนูกับหยุนหลานอยู่ด้วยกัน ให้หลี่โม่นอนห้องนั่งเล่นก็ได้”หลี่โม่เบ้ปากถอนหายใจอย่างจนใจกู้หยุนหลานดึงมือหลี่โม่และบีบมือเขาเบา ๆ หลี่โม่ยิ้มตอบกู้หยุนหลาน เข้าใจว่าที่ภรรยาทำแบบนี้เพื่อปลอบใจตัวเอง “หลี่โม่ ยังไม่ไปเตรียมน้ำล้างเท้าอีก มายืนเหม่อตรงนี้ทำไม” หวังฟางพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“อ้อ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”หลี่โม่หันหลังเดินไปห้องครัว เฉินเสี่ยวถงมองแผ่นหลังของหลี่โม่อย่างประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่านายน้อยแดนมังกรเวลาอยู่บ้านจะไม่มีสถานะขนาดนี้ไม่ใช่ว่าครอบครัวกู้ต้องดูแลหลี่โม่อย่างดี ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นนายใหญ่หรอกเหรอ?แต่น่าจะเป็นที่หลี่โม่
กู้หยุนหลานหมดคำพูดกับหวังฟาง รู้ว่าความคิดที่หวังฟางมีต่อหลี่โม่นั้นลึกลงไปถึงกระดูกแล้ว จะโน้มน้าวใจอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้แค่เลือกที่จะยอมแพ้ไปอย่างจนใจ“ไม่พูดกับแม่แล้ว หนูกับเสี่ยวถงกลับห้องดีกว่า”“รีบกลับไปทำไม แม่คิดว่าเสี่ยวถงกับจงฉวนเข้ากันได้จริง ๆ นะ” หวังฟางพูดอย่างไม่ยอมเลิก“พี่จงฉวนไม่คู่ควรกับเสี่ยวถงหรอกค่ะ แม่อย่าคิดเพ้อฝันเลย”“มีอะไรไม่คู่ควร ทีไอ้ขยะหลี่โม่นั่นยังแต่งงานกับลูกได้เลย พี่จงฉวนของลูกหล่อเหลา อาชีพการงานก็มั่นคง ต้องเป็นสามีที่ดีของเสี่ยวถงแน่ เสี่ยวถง พรุ่งนี้น้านัดให้พวกหนูเจอกันดีไหม?”เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างอึดอัด “คุณน้าคะ ตอนนี้หนูยังไม่คิดเรื่องแต่งงานเลยค่ะ ยังไม่รีบหรอกค่ะ รอจนหนูพร้อมแต่งแล้วค่อยว่ากันดีกว่า”“งั้นจะรอได้ยังไงล่ะ โชคชะตาไม่รอใคร ถ้าหนูอยากอยู่บ้านน้า งั้นก็ต้องไปเจอกับจงฉวน ไม่อย่างนั้นน้าไม่โอเคแล้ว” หวังฟางชักสีหน้าพูดเฉินเสี่ยวถงอยากจะร้องไห้แล้ว เธอมองไปทางกู้หยุนหลานอย่างไม่สบายใจกู้หยุนหลานลังเลครู่หนึ่งแล้วพูด “พรุ่งนี้หนูจะนัดพี่ ถึงเวลานั้นให้พวกเขาเจอกัน แบบนี้โอเคไหมคะ?”หวังฟางยิ้มขึ้นมาทันที เธอพยั
'จัดการหลี่โม่ก่อน ช่วยให้ราชินีมังกรควบคุมแดนมังกร จากนั้นค่อยหาโอกาสค่อย ๆ ควบคุมราชินีมังกร ต่อไปแดนมังกรต้องเป็นของฉัน จางเต๋ออู่! ถึงเวลานั้นฉันบอกอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ฉันจะไม่เป็นคนรับใช้แบบตอนนี้อีกต่อไปแล้ว!'สายตาฉายแววความโหดร้าย จากนั้นจางเต๋ออู่ก็ก้มหน้าพลางหลับตาลงซ่อนความทะเยอทะยานในใจไว้เขาเดินเข้าไปในห้อง ใบหน้าของจางเต๋ออู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ราชินีมังกร เฉินเสี่ยวถงแทรกซึมไปอยู่ข้างกายหลี่โม่ได้สำเร็จแล้วครับ คืนนี้หลี่โม่พากลับบ้านไป คาดว่าจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้ เพียงแต่ลุงฝูเกิดอุบัติเหตุ ถูกคนของคุณชายสามหลินทำให้บาดเจ็บ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับ” “ลุงฝูฉันไม่สนใจ เขาจะเป็นจะตายก็ไม่ได้สำคัญ สิ่งสำคัญคือเฉินเสี่ยวถงสามารถหากุญแจได้ ถ้าเธอหากุญแจไม่เจอ ก็ปล่อยให้ทั้งครอบครัวของเธอตายไปซะ”จางเต๋ออู่ก้มหน้ายิ้มขมขื่น “แต่ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกุญแจเลยนะครับ ไม่รู้เลยว่ากุญแจนั่นเป็นยังไง...”“ทำไม นายพูดแทนเฉินเสี่ยวถงเหรอ กังวลเรื่องเด็กคนนั้นหรือไง?” ราชินีมังกรพูดเสียงเย็นชา“ผมไม่กล้าหรอกครับ ผมแค่กังวลว่าถ้าเธอทำงานไม่ราบรื่น ส่งคนไปอยู่ข้างกายหลี่โม่
ในห้องทำงานของกู้เจียนกั๋ว กู้ชิงหลินกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงอย่างกระสับกระส่าย เล่าเรื่องในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงกลั่นไวน์เมื่อคืนนี้หลังจากฟังกู้ชิงหลินเล่า สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงก็ดูหน้าเสียมาก ราวกับว่ามีญาติเสียชีวิต“หลี่โม่จะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง พวกคนที่ติดตามคุณชายสามหลินมีแต่คนที่โหดเหี้ยมทั้งนั้น จะถูกหลี่โม่เอาชนะได้อย่างง่าย ๆ ได้ยังไง?”กู้เจี้ยนกั๋วคิดไม่ตกกับปัญหานี้ ในหัวเขาว้าวุ่นมาก คิดอยู่นานก็คิดหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลไม่ได้“ชิงหลิน เธอมองยังไงกับเรื่องนี้?” กู้เจี้ยนเจียงเอ่ยถามกู้ชิงหลินหรี่ตาแล้วพูด “ฉินจี้เย่ลูกชายคนโตของตระกูลฉินเรียกตัวเองว่าเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม่ หนูคิดว่าคำพูดของฉินจี้เย่บอกอะไรได้มากเลย หลี่โม่ไม่ใช่ขยะอย่างที่แสดงออกก่อนหน้านี้แน่นอน เขาแสร้งทำเป็นแบบนั้นมาตลอด”คำพูดของกู้ชิงหลินราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ระเบิดอยู่ในหัวของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงเมื่อนึกถึงคำพูดของกู้ชิงหลิน กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงล้วนไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าหลี่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา“จะเป็นไปได้
ใจเฉินเสี่ยวถงกังวลเล็กน้อย กังวลว่าจู่ ๆ ลุงฝูจะฟื้นขึ้นมา ถ้าลุงฝูตื่นขึ้นมา ก็เท่ากับว่าราชินีมังกรจับตาดูอยู่ใกล้ ๆ เฉินเสี่ยวถงเลยกู้หยุนหลานเห็นเฉินเสี่ยวถงสีหน้าไม่ค่อยดี คิดว่าเฉินเสี่ยวถงกังวลเรื่องที่ลุงฝูยังไม่ฟื้น จึงพูดปลอบใจเฉินเสี่ยวถง “เธอไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้การรักษามันก้าวหน้าขนาดนี้แล้ว ลุงฝูน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”“อืม ๆ ขอบคุณค่ะพี่หยุนหลาน ฉันก็คิดว่าลุงฝูเขา... เขาไม่น่าเป็นอะไร”เฉินเสี่ยวถงคิดในใจถ้าลุงฝูปัญญาอ่อนไปเลยก็ดี ถ้าเสียสติก็ไม่เลวหลี่โม่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ เขาไม่ได้คิดที่จะร่วมปลอบใจเฉินเสี่ยวถงเลย เขากำลังคิดว่าการแข่งขันชกมวยใต้ดินกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินอะไรเลยและก็ไม่รู้ว่าทางชูจงเทียนเป็นอย่างไรบ้างเดิมทีคิดจะโทรถามชูจงเทียน แต่หลี่โม่นึกถึงว่ากู้หยุนหลานยังอยู่ข้าง ๆ ถ้าพูดเรื่องการแข่งขันชกมวยใต้ดินคงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เขาจึงหยุดความคิดที่จะโทรหา คิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยไปหาชูจงเทียนก็ได้ขับรถไปถึงโรงพยาบาล หลังจากจอดรถแล้วทั้งสามก็เข้าไปในอาคารผู้ป่วยใน หลี่โม่พากู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงไปห้องผู้ป่วยต
หลี่โม่พูดปลอบใจฉินจี้เย่ ใจของฉินจี้เย่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาตัดสินใจรวบรวมความกล้าในการเริ่มต้นทำงานกับหลี่โม่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำให้ตระกูลฉินกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในประเทศให้ได้เฉินเสี่ยวถงมองลุงฝู กู้หยุนหลานปลอบเธอ จากนั้นก็ขยิบตาให้หลี่โม่บอกหลี่โม่ว่าไปได้แล้วหลี่โม่ตบไหล่ของฉินจี้เย่ แล้วพูดยิ้ม ๆ “รักษาอาการป่วยให้หายดี เราไปก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับ ถ้ามีอะไรที่ต้องทำคุณแค่โทรหาผมก็พอ แม้ว่าสองวันนี้ผมจะเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ตระกูลฉินมีคนมากมายที่พร้อมช่วยเหลือคุณ”หลี่โม่โบกมือยิ้ม ๆ พากู้หยุนหลานกับเฉินเสี่ยวถงออกไปหลังจากออกจากอาคารผู้ป่วยในแล้ว กู้หยุนหลานก็แกว่งโทรศัพท์กับหลี่โม่ “แม่ฉันส่งข้อความมาบอกว่าหวังจงฉวนใกล้จะถึงแล้ว ให้พวกเราจับคู่หวังจงฉวนกับเฉินเสี่ยวถงให้ดี”เฉินเสี่ยวถงเบะปาก ดึงแขนของกู้หยุนหลานแล้วเขย่าเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ“งั้นก็เจอดู ไม่แน่บางทีเสี่ยวถงกับหวังจงฉวนอาจตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นก็ได้” หลี่โม่พูดล้อเล่น“ฉันไม่ตกหลุมรักผู้ชายตั้งแต่แรกเห็นหรอกนะคะ”เฉินเสี่ยวถงเชิดคอราวกับหงส์ที่เย่อหยิ่งหลี่โม
“พี่ไว้ใจเขาจริง ๆ นะเนี่ย” เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างอิจฉา“เหอะ ๆ นี่ไม่ใช่ความไว้ใจหรอก แต่เราเชื่อใจซึ่งกันและกัน”เฉินเสี่ยวถงก้มหน้าไม่พูดอะไร คิดในใจว่าความเชื่อใจคือเพราะว่ามีข้อต่อรองในการทรยศไม่เพียงพอ ถ้ามีข้อต่อรองเพียงพออยู่ต่อหน้าจริง ๆ หลี่โม่คงจะต้องทรยศอย่างแน่นอนถ้าใช้การช่วยเขาโค่นล้มราชินีมังกรมาเป็นข้อต่อรอง ไม่รู้ว่าหลี่โม่จะทรยศกู้หยุนหลานหรือเปล่าเฉินเสี่ยวถงครุ่นคิดเงียบ ๆ ไม่ได้สังเกตว่ากู้หยุนหลานกำลังสังเกตสีหน้าของเธออย่างจริงจังหลี่โม่ขับรถออกจากลานจอดรถ พลางต่อสายหาชูจงเทียนด้วยไม่นานก็โทรติด เสียงของชูจงเทียนเห็นได้ชัดว่ากังวลเล็กน้อย “คุณหลี่”“ทำไมคุณดูกังวลจัง สองวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง การเตรียมการแข่งขันชกมวยใต้ดินนานาชาติเป็นยังไงบ้าง?” หลี่โม่ถามอย่างสบาย ๆชูจงเทียนมองซ้ายทีขวาที จากนั้นหลบเข้าไปด้านในสุดของห้องน้ำ“คุณหลี่ครับ นักมวยมาถึงหลายคนแล้ว สองวันมานี้ผมอยู่กับพวกเขาตลอด มักจะมีคนจ้องมองผมอยู่ตลอด ผมเลยไม่กล้าโทรหาคุณ พวกนักมวยมันบ้ามากจริง ๆ !”หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามอย่างสงสัย “คุณถูกควบคุมอิสรภาพเหรอ?”“ไม่ครับ แต่ก็เกื
ทอมป์สันและเคลตี้กำลังนั่งดูการฝึกซ้อมอยู่ข้างสังเวียนด้วยกัน เป็นการต่อสู้ของนักชกผิวขาวกับนักชกผิวดำ ทั้งสองต่างไม่ได้สวมนวมและอุปกรณ์ป้องกัน ของอย่างนวมและอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในสังเวียนมวยใต้ดินระดับนานาชาติอยู่แล้ว เพราะไม่มีเหล่านักชกคนไหนคำนึงถึงชีวิต การต่อสู้ในสังเวียนสามารถเรียกได้เลยว่าต่อยให้ตายกันไปข้าง บ่อยครั้งที่มีแต่ต้องสังหารคู่ต่อสู้เท่านั้น การแข่งขันยกหนึ่งถึงจะสิ้นสุดลง ผู้แพ้ในการแข่งมวยใต้ดินนานาชาติ ถึงขั้นที่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรอดชีวิตลงจากสังเวียนได้ ถึงพวกเขาจะรอดมาได้ด้วยโชคช่วย แต่ส่วนใหญ่ก็มักทำได้เพียงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนเตียงเท่านั้น สองคนบนสังเวียนต่อสู้กันอย่างดุเดือด นักชกไวลด์การ์ดจำนวนไม่น้อยส่งเสียงเชียร์อยู่รอบ ๆ การซ้อมต่อสู้ยกนี้สู้ได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน สองคนบนสังเวียนกำปั้นปะทะเนื้อ บนร่างของพวกเขาล้วนมีเลือดสาดกระเซ็น ชูจงเทียนมองดูสถานการณ์บนสังเวียน สีหน้าพลันซีดเผือดลงเล็กน้อย เขาเดินค้อมตัวไปหาทอมป์สันและเคลตี้ แล้วเอ่ยกับพวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ทั้งสองท่าน ผมต้องไปซื้อของนิดหน่อยในเมือง จึง