ซินแสจางแสร้งทำเป็นมองไปรอบ ๆ สถานที่ก่อสร้างอีกครั้ง แล้วกลับไปที่ทางเข้าสถานที่ก่อสร้างพร้อมกับกู้หยุนหลานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหลี่โม่เห็นว่ากู้หยุนหลานไม่เป็นอะไร จึงนับว่าวางใจได้พวกของกู้เจี้ยนกั๋วรีบเข้าไปล้อมต้อนรับซินแสจางและเริ่มซักถามเรื่องการตรวจสอบฮวงจุ้ยของซินแสจาง“ซินแสจาง ฮวงจุ้ยของสถานที่ก่อสร้างนี้เป็นยังไงบ้างครับ ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรไหมครับ?”ซินแสจางส่ายหน้าท่าทีขรึม ถอนหายใจหนัก ๆ “ที่นี่เป็นที่พลังไม่ดี ถ้าทำการก่อสร้างที่นี่ ต่อไปจะมีคนตายทุกปี”สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงเปลี่ยนไปทันที สิ่งที่ต้องการในการเปิดโรงงานคือความมั่นคง ถ้ามีคนตายทุกปี ปัญหาเรื่องการจัดการค่าชดเชยก็ปวดหัวแย่น่ะสิ“นี่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ทำไมถึงเป็นที่พลังไม่ดี ซินแสจางต้องช่วยพวกเราแก้ไขนะครับ”กู้เจี้ยนเจียงก็กังวลมากพวกประธานหวังขมวดคิ้ว ถ้ามีคนตายในตอนที่พวกเขาก่อสร้างอยู่ ก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก ขนาดประธานหวังยังคิดในใจเรื่องการถอนตัวเลย ถ้าซินแสจางไม่ลงมือช่วยแก้ไขให้ อย่างนั้นก็คงต้องยกเลิกธุรกิจนี้แล้วหลี่โม่ดึงกู้หยุนหลานออกมาจากกลุ่มคน กระซิบพูด
ซินแสจางยกมือขวาขึ้นมานับอย่างคาดเดาไม่ได้ จากนั้นก็พูดเรียบๆ “ยี่สิบล้าน”กู้เจี้ยนกั๋วหายใจเข้าลึก ๆ แม้ว่ายี่สิบล้านจะไม่นับว่ามากจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อยเลย อีกทั้งราคานี้ยังสูงกว่าที่กู้เจี้ยนกั๋วประเมินไว้ในใจอีกด้วย จัดว่าเป็นราคาที่สามารถควักออกมาจ่ายได้ด้วยความวู่วามแต่ตอนนี้กู้เจี้ยนกั๋วยังไม่สามารถวู่วามได้ แม้ว่าจะเชื่อคำพูดของซินแสจางแต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นจริง กู้เจี้ยนกั๋วก็ยังมีหวังในโชคอยู่“ยี่สิบล้านไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยนะครับ ผมคนเดียวคงจะตัดสินใจอะไรไม่ได้ ต้องให้คนในครอบครัวหารือกันก่อนถึงจะได้”กู้เจี้ยนกั๋วหาข้ออ้าง อยากจะถ่วงเวลาไปก่อนชั่วคราวซินแสจางเจอสถานการณ์แบบนี้มาเยอะแล้วจึงพูดยิ้ม ๆ “ไม่มีปัญหา ผมรอพวกคุณได้สามวัน”“ขอบคุณซินแสจางมากครับ งั้นพวกเราส่งซินแสกลับไปพักที่โรงแรมก่อน เดี๋ยวเราจัดอาหารค่ำมื้อใหญ่ไว้รับรองซินแสเลย”ซินแสจางพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันกับพวกลูกศิษย์กลับก่อนแล้ว พวกคุณหารือกันเถอะ จริงสิ เด็กคนนั้นที่ต่อว่าฉันว่าเป็นคนหลอกลวงคนนั้นล่ะ”สายตาของทุกคนมองไปที่หลี่โม่กันเป็นตาเดียว ในแววตาของคนไม่น้อยที่ปรากฏเป็นแววตาที
โรงแรมซิสทีน คือโรงแรมที่ซินแสจางพักอยู่อาหารค่ำที่จัดเตรียมให้ซินแสจางก็เตรียมที่โรงแรมซิสทีนเช่นกันกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงรีบมาเตรียมการที่โรงแรมก่อนนานแล้ว หลังจากจัดการเรียบร้อยกู้เจี้ยนกั๋วก็ส่งข้อความหาหมิงเต๋อ นัดให้หมิงเต๋อออกมาพบเจอพูดคุยกันกู้เจี้ยนกั๋ววางแผนว่าจะถามถึงความชอบของซินแสจาง เพื่อเตรียมทำให้ซินแสมีความสุขในตอนค่ำสักหน่อยไม่นานหมิงเต๋อก็เดินเข้ามาในห้องที่กู้เจี้ยนกั๋วอยู่ พูดพลางยิ้มตาหยี “คุณกู้ทั้งสองคนนัดผมมาก่อน ไม่ทราบว่ามีอะไรจะชี้แนะครับ”“อาจารย์หมิงเต๋อเชิญนั่งก่อนครับ พวกเราอยากจะถามเรื่องพื้นที่พลังไม่ดีสักหน่อย มันอันตรายถึงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอครับ?”“เรื่องนั้นต้องอันตรายสิครับ ถ้าเป็นพลังไม่ดีเล็ก ๆ ซินแสก็คงลงมือช่วยจัดการให้พวกคุณแล้ว แต่สถานที่ที่สร้างโรงงานพวกคุณ เป็นพลังไม่ดีมาก ๆ ถ้าไม่แก้ไขให้หมดสิ้นไป เกรงว่าจะมีคนตายเจ็ดแปดคนทุกปีครับ”คำพูดของหมิงเต๋อทำให้กู้เจี้ยนกั๋วกับกู๋เจี้ยนเจียงหน้าถอดสีทันที หนึ่งปีมีคนตายเจ็ดแปดคนแบบนี้ใครจะรับได้กันล่ะ?ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ คงไม่ต้องได้เปิดโรงงานแล้ว ได้เงินเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอเอา
ซินแสจางนั่งหลับตาทำสมาธิพิงอยู่ที่โซฟา หมิงเต๋อเดินมาที่ข้างกายซินแสจางด้วยสีหน้ามีความสุข “อาจารย์ ผมขู่พวกเขาแล้ว พวกเขาเตรียมส่งไอ้หลี่โม่ไปที่ก่อสร้างคืนนี้ จะได้กำจัดไอ้เลวนั่นระบายความโกรธให้อาจารย์พอดี”“ทำได้ไม่เลว หาคนที่มีความสามารถดี ๆ มาสักสองสามคนไปฆ่ามันคืนนี้ ทำที่เกิดเหตุให้ดูดีหน่อย”ซินแสจางพูดทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลืมตา“ท่านอาจารย์วางใจได้ นี่ไม่ได้เป็นการทำครั้งแรกเสียหน่อย พวกเรามีประสบการณ์โชกโชนแล้ว ผมไปจัดการก่อนนะครับ”ซินแสจางพยักหน้าเล็กน้อย หมิงเต๋อหันหลังเดินออกไปและเริ่มหาคนไปจัดการตามแผน......กู้หยุนหลานนั่งอ่านเอกสารอยู่หลังโต๊ะทำงาน แต่อ่านอย่างไรก็อ่านไม่เข้าหัว เลย เรื่องที่คิดในหัวล้วนเป็นเรื่องที่หลี่โม่มีปัญหากับซินแสจางเรื่องลี้ลับแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ สุดท้ายซินแสจางพูดว่าหลี่โม่จะเกิดเหตุเลือดตกยางออก ถ้าหลี่โม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง ๆ อย่างนั้นควรจะทำอย่างไรล่ะ?กู้หยุนหลานที่ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจ จึงมีความคิดที่ว่าทำอะไรได้ก็ทำก่อน คิดว่าคืนนี้จะให้หลี่โม่ไปขอโทษซินแสจาง จากนั้นก็จะเชิญซินแสจางแก้เรื่องที่หลี่โม่จะเลือดตกยางออกให
อาหารค่ำเริ่มเวลาสองทุ่มตรงเวลาตอนที่กู้หยุนหลานกับหลี่โม่เข้าไปในห้องจัดเลี้ยง กู้เจี้ยนเจียงก็ขวางพวกเขาสองคนไว้“หยุนหลาน เมื่อกี้ซินแสจางกำชับไว้เรื่องหนึ่ง บอกว่าให้ส่งคนไปเอาดินที่ตรงกลางที่ก่อสร้างกลับมาหนึ่งกำมือ บอกว่าต้องดูหลังจากที่พลังไม่ดีแข็งแกร่งในตอนกลางคืน พลังไม่ดีจะกัดกร่อนดิน ฉันคิดว่าจะให้หลี่โม่ไปน่ะ”เหตุผลที่กู้เจี้ยนเจียงมาหาทำให้กู้หยุนหลานหมดหนทางที่จะปฏิเสธ ทำได้เพียงควักกุญแจรถออกมาส่งให้หลี่โม่“งั้นคุณก็ไปเถอะ รีบไปรีบกลับนะคะ”“ได้ ผมไปไม่นานก็กลับมา”หลี่โม่หยิบกุญแจรถแล้วออกไป มุมปากของกู้เจี้ยนเจียงกระตุกขึ้นมาเหมือนจะบอกว่าแผนการสำเร็จแล้ว“หยุนหลาน เราเข้าไปกันเถอะซินแสจางดูจะชอบพอเธอนะ คืนนี้เธอต้องพูดจากับเขาดี ๆ ล่ะ” กู้เจี้ยนเจียงกำชับกู้หยุนหลานพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงกับกู้เจี้ยนเจียงซินแสจางนั่งตรงที่นั่งหลัก กู้เจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ขวามือของซินแสจาง ส่วนที่นั่งทางซ้ายมือของซินแสจางเป็นที่นั่งว่างกู้เจี้ยนกั๋วเห็นกู้หยุนหลานเข้ามา ก็กวักมือพูด “หยุนหลานมานี่เร็ว มานั่งกับซินแสจางสิ”กู้หยุนหลานลังเลเล็กน้อย แล้วกัดฟั
หลี่โม่ทักทายคนงานที่เฝ้าอยู่ แล้วสาวเท้าก้าวเข้าไปตรงกลางที่ก่อสร้างหมิงเต๋อที่ซ่อนอยู่ในความมืดเห็นหลี่โม่เดินเข้าไปตรงที่ลึก ๆ ของที่ก่อสร้าง จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความ เตือนพวกลูกน้องที่ซุ่มโจมตีอยู่ตรงกลางให้ระวังให้ดีออกมาซุ่มโจมตีหลี่โม่ครั้งนี้ หมิงเต๋อเตรียมยอดฝีมือหกคนมาซุ่มโจมตี ส่วนตัวเขาก็อยู่ที่ข้างนอก เตรียมเล่นตุกติกรบกวนการรับรู้ของคนที่เฝ้าอยู่ สร้างฉากผีหลอกหลอนหลี่โม่เดินช้า ๆ ไปที่ตรงกลางที่ก่อสร้าง สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็นชา“ออกมาให้หมด มาเล่นตุกติกแบบนี้ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย ซินแสจางส่งพวกแกมาใช่ไหม ฝีมือแบบนี้อ่อนด้อยเกินไป”หลี่โม่พูดไปพลางควักบุหรี่มาไว้ที่ปากยอดฝีมือทั้งหกคนที่ซุ่มอยู่ไม่ไกล เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยนี่พวกเขาถูกพบเข้าได้อย่างไร? เขาโกงอยู่หรือเปล่า?ทั้งหกคนสบตากัน พวกเขาไม่ได้ผลีผลาม รอหลี่โม่ดำเนินการขั้นต่อไปก่อนหลี่โม่เห็นทั้งหกคนไม่พูดอะไร เขาพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมา แล้วใช้ปลายเท้าเตะก้อนหินก้อนหนึ่งก้อนหินก้อนนั้นกระเด็นออกไป ลอยเข้าไปในพงหญ้าและโดนเข้าที่หัวขอ
ในยอดฝีมือทั้งห้าไม่มีคนไหนในนั้นเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่โม่ได้เลย ไม่นานก็กลายเป็นศพห้าศพนอนอยู่บนพื้นแล้วรวมกับยอดฝีมือที่ถูกหลี่โม่เตะก้อนหินใส่จนตายเมื่อกี้ด้วย หกคนที่หมิงเต๋อจัดเตรียมมานั้นตายหมดแล้วหมิงเต๋อเข้าไปในที่ก่อสร้างอย่างเงียบๆ แต่กำลังเล่นตุกติกอยู่ข้างนอกเพิงคนงาน คนงานหลายคนที่เฝ้าอยู่ตกใจจนตัวสั่นยืนอยู่รวมกันเมื่อเห็นคนงานที่ดูตกใจกัน หมิงเต๋อก็หยิบมือถือมาดูเวลา ตอนนี้ห่างจากตอนที่หลี่โม่เข้าไปในที่ก่อสร้างผ่านไปแล้วสิบห้านาทีหมิงเต๋อคิดว่ายอดฝีมือที่จัดเตรียมไว้ได้จัดการหลี่โม่ไปแล้วและจัดการกับสิ่งที่ทำให้คนตกใจแล้ว ก็รีบเข้าไปในศูนย์กลางที่ก่อสร้าง คิดจะจัดการสถานการณ์ว่าหลี่โม่ตายโหง(ตายแบบไม่คาดคิด)แต่ตอนที่หมิงเต๋อเข้าไปถึงกลับอึ้ง มองศพหกศพอยู่เกลื่อนพื้น วิญญาณของหมิงเต๋อแทบจะหลุดออกจากร่างเลยหมิงเต๋อพ่นคำหยาบคายออกมา ตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ตอนที่เขาหันหลังกำลังจะหนี เขาก็พบว่าหลี่โม่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเองแล้ว กำลังจ้องมองตัวเองด้วยสายตาเย็นชาหมิงเต๋อขนลุกทั้งตัวทันที รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่ขณะที่ก้าวถอยหลัง เขาก็สะดุดกับศพหนึ่ง ล้มลงไปข้าง
ในระหว่างที่หลี่โม่กำลังกลับ คนงานที่เฝ้าอยู่ก็เริ่มโทรศัพท์กันอย่างตื่นตระหนก แจ้งเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเมื่อกี้โทรศัพท์ต่อกันมาเป็นทอด ๆ จนในที่สุดประธานหวังก็โทรหากู้เจี้ยนกั๋วแล้วเล่าเรื่องให้ฟังหลังจากกู้เจี้ยนกั๋วฟังเสร็จสีหน้าก็จริงจังขึ้นมาซินแสจางเห็นอารมณ์ของกู้เจี้ยนกั๋วดูแปลกไปก็แอบดีใจ คิดว่าน่าจะเป็นทางหมิงเต๋อทำงานได้ดีเลย“เสี่ยวกู้ นี่เป็นอะไรไป รับโทรศัพท์แล้วก็ดูอารมณ์ไม่ดีเลย”ซินแสจางหน้านิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจเท่าไหร่ใบหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วมีรอยยิ้มขึ้นมา เขายกแก้วเหล้าแล้วพูด “ผมต้องดื่มให้คุณอีกแก้ว คุณเป็นผู้สูงส่งที่อยู่ท่ามกลางคนสูงส่งจริง ๆ พูดอะไรไม่ผิดเลยสักนิด ที่ก่อสร้างเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ แล้ว”“ฮะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกมาหน่อยสิ” ซินแสจางพูดนิ่ง ๆ “เมื่อกี้คนงานที่เฝ้าโรงงานโทรมารายงานว่า ที่ก่อสร้างเกิดเรื่องแล้ว พวกเขาล้วนหลบอยู่ในเพิงคนงานไม่กล้าออกไป ได้ยินแค่เสียงร้องโหยหวนดังอยู่ทุกที่ ดูเหมือนว่าจะผีพูดว่าจะเอาชีวิตอะไรสักอย่าง ฟังแล้วน่ากลัวมาก ๆ ครับ”กู้หยุนหลานฟังที่กู้เจี้ยนกั๋วอธิบาย ในใจก็เริ่มเป็นห่วงหลี่โม่ขึ้นม
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา