ในระหว่างที่หลี่โม่กำลังกลับ คนงานที่เฝ้าอยู่ก็เริ่มโทรศัพท์กันอย่างตื่นตระหนก แจ้งเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเมื่อกี้โทรศัพท์ต่อกันมาเป็นทอด ๆ จนในที่สุดประธานหวังก็โทรหากู้เจี้ยนกั๋วแล้วเล่าเรื่องให้ฟังหลังจากกู้เจี้ยนกั๋วฟังเสร็จสีหน้าก็จริงจังขึ้นมาซินแสจางเห็นอารมณ์ของกู้เจี้ยนกั๋วดูแปลกไปก็แอบดีใจ คิดว่าน่าจะเป็นทางหมิงเต๋อทำงานได้ดีเลย“เสี่ยวกู้ นี่เป็นอะไรไป รับโทรศัพท์แล้วก็ดูอารมณ์ไม่ดีเลย”ซินแสจางหน้านิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจเท่าไหร่ใบหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วมีรอยยิ้มขึ้นมา เขายกแก้วเหล้าแล้วพูด “ผมต้องดื่มให้คุณอีกแก้ว คุณเป็นผู้สูงส่งที่อยู่ท่ามกลางคนสูงส่งจริง ๆ พูดอะไรไม่ผิดเลยสักนิด ที่ก่อสร้างเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ แล้ว”“ฮะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกมาหน่อยสิ” ซินแสจางพูดนิ่ง ๆ “เมื่อกี้คนงานที่เฝ้าโรงงานโทรมารายงานว่า ที่ก่อสร้างเกิดเรื่องแล้ว พวกเขาล้วนหลบอยู่ในเพิงคนงานไม่กล้าออกไป ได้ยินแค่เสียงร้องโหยหวนดังอยู่ทุกที่ ดูเหมือนว่าจะผีพูดว่าจะเอาชีวิตอะไรสักอย่าง ฟังแล้วน่ากลัวมาก ๆ ครับ”กู้หยุนหลานฟังที่กู้เจี้ยนกั๋วอธิบาย ในใจก็เริ่มเป็นห่วงหลี่โม่ขึ้นม
เสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงตะลึงไม่ใช่ควรจะตายแต่หลี่โม่คนเดียวเหรอ ทำไมถึงมีคนตายหกคน?“พวกแกดูให้ดี จะมีคนตายหกคนได้ยังไง!” กู้เจี้ยนกั๋วถามอย่างสงสัย“พวกเราดูดีแล้วครับ มีหกคน! ตาเบิกโพลง ตายตาไม่หลับกันหมดเลย พวกเราไม่ทำงานนี้แล้ว พวกคุณให้คนอื่นมาทำเถอะ น่ากลัวเกินไปแล้ว!”คนงานที่เฝ้าอยู่พูดเสร็จก็วางสายไปแล้วทยอยออกจากที่นั่นกู้เจี้ยนกั๋วหันไปมองทางซินแสจาง แล้วถามอย่างงุนงง “ซินแสจาง คุณดูสิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมมีคนตายตั้งหกคนล่ะ!”เรื่องอื่นไม่พูดถึง แค่เรื่องที่ก่อสร้างมีคนตายหกคน ก็มากพอให้กู้เจี้ยนกั๋วเหลือทนแล้ว เรื่องนี้ต้องให้ตำรวจมาดู หลังจากตำรวจเข้ามาแทรกสืบสวนแล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ต้องปิดที่ก่อสร้างไว้ จะได้เปิดอีกเมื่อไหร่ก็บอกไม่ได้เลยแม้ว่าจะเปิดได้แล้ว แต่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ประกอบกับคำพูดที่ซินแสจางพูดก่อนหน้านี้ เกรงว่าจะไม่มีบริษัทก่อสร้างมาทำงานก่อสร้างนี้แล้วกู้เจี้ยนกั๋วอยากจะร้องไห้ให้ตาย เดิมทีคิดว่าจะให้โอกาสนี้ฆ่าหลี่โม่ ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ซินแสจางกระสับกระส่าย ครุ่นคิดว่าเกิดเรื่องขึ้น
“เหล่ากู้ ครั้งนี้นายตัดสินใจผิดพลาดแล้ว ไปเอาคนหลอกลวงมาเพิ่มปัญหาให้ตัวเอง”กลุ่มคนต่างแย่งกันพูดคุย กู้เจี้ยนกั๋วอับอายจนหน้าแดงแล้ว เรื่องที่เขาไปเอาคนหลอกลวงมาดูฮวงจุ้ยต้องแพร่ออกไปแน่นอน ต่อไปกู้เจี้ยนกั๋วก็จะเป็นตัวตลกในวงการแล้วกู้เจี้ยนกั๋วที่อับอายจ้องมองหลี่โม่ ไม่รู้สึกดีสักนิดที่หลี่โม่เปิดโปงกลอุบายแล้วกู้ความเสียหายกลับคืนมาได้ แต่กลับรู้สึกว่าหลี่โม่ทำให้ตัวเองเสียหน้าซินแสจางยื่นมือออกมาชี้ไปที่หลี่โม่ พูดอย่างโกรธแค้น “แกคิดว่านี่จะล้มฉันได้เหรอ? ฉันเองก็มีผู้สนับสนุนอยู่ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนเราจะเจอกันอีก ต่อไปก็ระวังตัวไว้แล้วกัน!”ในเมื่อถูกเปิดโปงแล้ว ซินแสจางก็ไม่คิดจะอยู่ต่อแล้ว เวลานี้ต้องรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางพวกลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะข้าง ๆ ไปล้อมรอบซินแสจาง แล้วป้องกันซินแสจางเดินออกไปหลี่โม่ตีหมิงเต๋อให้สลบ จากนั้นก็ขวางทางเดินของพวกซินแสจางไว้“คนหลอกลวงอยากจะหนีไป เกรงว่าจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“แกคิดจะทำอะไรอีก? แกจะสู้กับฉันให้ถึงที่สุดเลยใช่ไหม? ภูมิหลังตระกูลจางของเรา เป็นสิ่งที่แกจินตนาการไม่ถึง
“จะไปเกิดเรื่องได้ยังไง อย่าไปฟังเรื่องแก้แค้นที่เขาพูดเลยครับ ถ้ากรรมจะสนองก็ตามสนองคนหลอกลวงอย่างไอ้แก่นั่นแหละ” หลี่โม่พูดยิ้ม ๆกู้หยุนหลานพยักหน้า รู้สึกว่าที่หลี่โม่พูดมีเหตุผล ดูจากเรื่องพวกนั้นที่ซินสางทำ ต่อให้มีกรรมก็คงจะตกลงที่หัวเขาเองนั่นแหละกู้เจี้ยนกั๋วไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวแล้ว แขกหลักในงานเลี้ยงถูกพาตัวออกไปแล้ว เขาเองก็กลายเป็นตัวตลกของวงการ ถ้ายังมีกะจิตกะใจจะกินข้างอยู่ก็บ้าแล้ว“แยกย้ายเถอะ วันนี้เป็นเรื่องตลกให้ทุกคนจริง ๆ” กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยใบหน้าอึมครึมบรรดาแขกต่างก็ยิ้มปลอบใจกู้เจี้ยนกั๋ว เห็นกู้เจี้ยนกั๋วอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหลี่โม่กับกู้หยุนหลานจับมือกันเดินออกไป กู้เจี้ยนกั๋วเห็นแผ่นหลังของทั้งสองคนเดินออกไป ก็ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างโหดร้าย“ถุย!”กู้เจี้ยนกั๋วมีประกายความมุ่งร้ายในสายตา “นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!”“พี่ใหญ่ ฉันว่าเราพักกันก่อนสักพักเถอะ เรื่องการก่อสร้างโรงงาน ก็ให้หยุนหลานเป็นคนจัดการไป” กู้เจี้ยนเจียงพูดพร้อมสายตาวูบไหวที่นั่นมีคนตายหกคน แถมยังมีพลังไม่ดีอีก ถึงซินแสจางจะถูกจับกุมไป แต่ข่าวลือไม่หายไปอย่
ราชินีมังกรรักชีวิตตัวเองมาก เพราะป้องกันการลอบสังหารที่อาจจะมีอยู่ เธอไม่ลังเลที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างเครื่องมือเดินทางของเธอเองราชินีมังกรที่แต่งเต็มยศนั่งอยู่ในรถ ในมือถือแก้วไวน์พลางแกว่งเบา ๆ แม้ว่าเธอจะอายุไม่น้อยแล้ว แต่ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษาอย่างระมัดระวัง ราชินีมังกรจึงดูเหมือนอยู่ในวัยสามสิบกว่าเท่านั้น ราวกับหญิงสาวแสนสวยในช่วงวัยแรกรุ่นผิวขาวเปล่งปลั่งเป็นประกาย เครื่องแต่งกายที่สั่งตัดเฉพาะขับเน้นรูปร่างที่สวยงามของราชินีมังกร ราวกับว่ากาลเวลาไม่ได้ทำลายรูปร่างหน้าตาของเธอได้เลย แถมยังมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ที่ยิ่งทำให้คนน้ำลายสออีกด้วยจางเต๋ออู่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ในรถที่กว้างขวาง ในใจเกลียดหลี่โม่มาก“นาย ทำไมถึงไปลอบสังหารหลี่โม่!” ราชินีมังกรพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“ไม่ใช่เพราะผมอยากปูทางให้คุณขึ้นรับตำแหน่งเหรอ หลี่โมขัดขวางอยู่ แค่ฆ่าเขาไปเลยก็จบเรื่องแล้ว” จางเต๋ออู่พูดเสียงเบา“นายจะปูทางให้ฉันขึ้นรับตำแหน่ง? นายมีคุณสมบัติอะไรมาปูทางให้ฉัน? สำเหนียกตัวเองไว้ด้วยนะจางเต๋ออู่!”จางเต๋ออู่ก้มหน้าลงอีก ก้มจนหัวเขาแทบจะจมลงไปในอกอย
หลังจากราชินีมังกรฟังสิ่งที่จางเต๋ออู่พูด สีหน้าของเธอก็เศร้าหมองเล็กน้อย“แต่ก็แค่ท่านปาคนเดียวเท่านั้น พวกจ้าวมังกรล้วนสนับสนุนฉัน มีการสนับสนุนของท่านปาอยู่ หลี่โม่ก็พลิกสถานการณ์อะไรไม่ได้หรอก อีกทั้งยังมีคนกำลังลงมือกับหลี่โม่อยู่ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือพยายามหากุญแจลับให้เจอโดยเร็วที่สุด”ราชินีมังกรพูดจบก็จิบไวน์ กลับมามีท่าที่สง่างามตามเดิม“มีคนจัดการเขาแล้ว?”จางเต๋ออู่มีประกายความตื่นเต้นในแววตา ขอแค่มีคนฆ่าหลี่โม่ได้ ก็เพียงพอสำหรับจางเต๋ออู่แล้ว“ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่นานหลี่โม่ได้จัดการร่างทดลองที่ทำโดยคนเหล่านั้นที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ร่างทดลองนั้นเป็นการทดลองที่ดัดแปลงพันธุกรรมในระยะแรกได้สำเร็จ แม้ว่าพันธุกรรมที่ถูกดัดแปลงจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่ก็เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาแล้ว”“ถูกหลี่โม่จัดการแล้ว? ได้ยินว่าคนพวกนั้นหลังจากที่ดัดแปลงพันธุกรรมแล้วก็ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย”จางเต๋ออู่แปลกใจและรู้สึกโชคดีโชคดีที่ตั้งแต่ต้นจนจบตนเองไม่ได้ไปตาต่อตากับหลี่โม่ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย“วิทยาศาสตร์บ้าบอ การดัดแปลงพันธุกรรมก็เป็
หลี่โม่ถามเรียบ ๆ “ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณต่อหน้า จากข้อมูลของทางผม ราชินีมังกรออกเดินทางแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้เช้าน่าจะถึงกรุงโซล แต่ผมรู้สึกว่าเธอไม่น่าจะไปหาคุณทันที” ท่านปาพูดอย่างเคารพมาก ๆหลี่โม่ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าราชินีมังกรจะมาล่วงหน้า“คุณคิดว่าเธอจะไปหาคุณก่อนเหรอ?”“แน่นอนครับ จางเต๋ออู่ไอ้บ้านั้นหนีกลับไปแล้ว ครั้งนี้มาพร้อมกับราชินีมังกร ผมคาดว่าเขาจะต้องพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับผม ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าราชินีมังกรจะเรียกพบผมหรือเปล่า ผมก็ต้องไปพบเธอก่อน”ท่านปาเล่าสถานการณ์และบอกหลี่โม่ด้วย เลี่ยงการทำให้หลี่โม่เข้าใจผิดว่าตัวเองกับราชินีมังกรสมรู้ร่วมคิดกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วหลี่โม่ไม่ให้ยาแก้พิษกับตัวเองก็คงจบเห่แน่หลี่โม่เงียบไปครู่หนึ่ง ลูบคางแล้วพูด “ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่ามันค่อนข้างแปลก คุณบอกมาว่าทำไมราชินีมังกรต้องมาไกลขนาดนั้นเพื่อมาหาผมด้วย เธอน่าจะเกลียดผมจนอยากให้ตายไปเลยถึงจะถูก”“เอ่อ...”ท่านปาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างลึกลับ “ผมได้ยินข่าวลือมา แต่บอกก่อนนะว่ายังไม่ยืนยันว่าเป็นจริง ได้ยินข่าวลือมาว่าในมือของคุณมีกุญแจลับที่ไขคลังสมบัติของแดนมังก
ช่วงเช้าตรู่ กู้เจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ที่นั่งหลักของห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองผ่านกู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลาน หลี่โม่ รวมทั้งคณะผู้บริหารของบริษัท "การก่อสร้างโรงงานใหม่ควรก้าวหน้าโดยเร็วที่สุด หยุนหลาน เธอคือผู้รับผิดชอบ เธอต้องเริ่มดำเนินงานก่อสร้างภายในสามวัน หากว่าทำได้ไม่ดีภายในสามวันล่ะก็ เธอก็ไปฝึกฝนมาตั้งแต่พื้นฐานซะ" กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างเย็นชา หลังจากกลับไปเมื่อคืนนี้ กู้เจี้ยนกั๋วสืบถามจากเส้นสายทุกช่องทาง ข่าวที่เขาได้รับคือ ที่ดินจะถูกตำรวจปิดล้อมเนื่องจากเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม กำหนดเวลาในการปิดล้อมก็ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของคดี เมื่อมีข่าวพวกนี้เป็นฐาน กู้เจี้ยนกั๋วจึงรู้สึกว่าตนสามารถข่มกู้หยุนหลานได้บ้าง แต่เขาไม่สามารถทำแค่ทนดูตำแหน่งในบริษัทของกู้หยุนหลานมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ผู้บริหารหลายคนมองไปยังกู้เจี้ยนกั๋วด้วยความประหลาดใจและรู้สึกว่าความต้องการของกู้เจี้ยนกั๋วนั้นเป็นฝืนให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้จริง ๆ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และรู้สึกว่าตนต้องพูดอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นหากกู้หยุนหลานทำไม่ได้ภายในสามวันให้ห