“จะไปเกิดเรื่องได้ยังไง อย่าไปฟังเรื่องแก้แค้นที่เขาพูดเลยครับ ถ้ากรรมจะสนองก็ตามสนองคนหลอกลวงอย่างไอ้แก่นั่นแหละ” หลี่โม่พูดยิ้ม ๆกู้หยุนหลานพยักหน้า รู้สึกว่าที่หลี่โม่พูดมีเหตุผล ดูจากเรื่องพวกนั้นที่ซินสางทำ ต่อให้มีกรรมก็คงจะตกลงที่หัวเขาเองนั่นแหละกู้เจี้ยนกั๋วไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวแล้ว แขกหลักในงานเลี้ยงถูกพาตัวออกไปแล้ว เขาเองก็กลายเป็นตัวตลกของวงการ ถ้ายังมีกะจิตกะใจจะกินข้างอยู่ก็บ้าแล้ว“แยกย้ายเถอะ วันนี้เป็นเรื่องตลกให้ทุกคนจริง ๆ” กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยใบหน้าอึมครึมบรรดาแขกต่างก็ยิ้มปลอบใจกู้เจี้ยนกั๋ว เห็นกู้เจี้ยนกั๋วอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหลี่โม่กับกู้หยุนหลานจับมือกันเดินออกไป กู้เจี้ยนกั๋วเห็นแผ่นหลังของทั้งสองคนเดินออกไป ก็ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างโหดร้าย“ถุย!”กู้เจี้ยนกั๋วมีประกายความมุ่งร้ายในสายตา “นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!”“พี่ใหญ่ ฉันว่าเราพักกันก่อนสักพักเถอะ เรื่องการก่อสร้างโรงงาน ก็ให้หยุนหลานเป็นคนจัดการไป” กู้เจี้ยนเจียงพูดพร้อมสายตาวูบไหวที่นั่นมีคนตายหกคน แถมยังมีพลังไม่ดีอีก ถึงซินแสจางจะถูกจับกุมไป แต่ข่าวลือไม่หายไปอย่
ราชินีมังกรรักชีวิตตัวเองมาก เพราะป้องกันการลอบสังหารที่อาจจะมีอยู่ เธอไม่ลังเลที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างเครื่องมือเดินทางของเธอเองราชินีมังกรที่แต่งเต็มยศนั่งอยู่ในรถ ในมือถือแก้วไวน์พลางแกว่งเบา ๆ แม้ว่าเธอจะอายุไม่น้อยแล้ว แต่ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษาอย่างระมัดระวัง ราชินีมังกรจึงดูเหมือนอยู่ในวัยสามสิบกว่าเท่านั้น ราวกับหญิงสาวแสนสวยในช่วงวัยแรกรุ่นผิวขาวเปล่งปลั่งเป็นประกาย เครื่องแต่งกายที่สั่งตัดเฉพาะขับเน้นรูปร่างที่สวยงามของราชินีมังกร ราวกับว่ากาลเวลาไม่ได้ทำลายรูปร่างหน้าตาของเธอได้เลย แถมยังมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ที่ยิ่งทำให้คนน้ำลายสออีกด้วยจางเต๋ออู่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ในรถที่กว้างขวาง ในใจเกลียดหลี่โม่มาก“นาย ทำไมถึงไปลอบสังหารหลี่โม่!” ราชินีมังกรพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“ไม่ใช่เพราะผมอยากปูทางให้คุณขึ้นรับตำแหน่งเหรอ หลี่โมขัดขวางอยู่ แค่ฆ่าเขาไปเลยก็จบเรื่องแล้ว” จางเต๋ออู่พูดเสียงเบา“นายจะปูทางให้ฉันขึ้นรับตำแหน่ง? นายมีคุณสมบัติอะไรมาปูทางให้ฉัน? สำเหนียกตัวเองไว้ด้วยนะจางเต๋ออู่!”จางเต๋ออู่ก้มหน้าลงอีก ก้มจนหัวเขาแทบจะจมลงไปในอกอย
หลังจากราชินีมังกรฟังสิ่งที่จางเต๋ออู่พูด สีหน้าของเธอก็เศร้าหมองเล็กน้อย“แต่ก็แค่ท่านปาคนเดียวเท่านั้น พวกจ้าวมังกรล้วนสนับสนุนฉัน มีการสนับสนุนของท่านปาอยู่ หลี่โม่ก็พลิกสถานการณ์อะไรไม่ได้หรอก อีกทั้งยังมีคนกำลังลงมือกับหลี่โม่อยู่ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือพยายามหากุญแจลับให้เจอโดยเร็วที่สุด”ราชินีมังกรพูดจบก็จิบไวน์ กลับมามีท่าที่สง่างามตามเดิม“มีคนจัดการเขาแล้ว?”จางเต๋ออู่มีประกายความตื่นเต้นในแววตา ขอแค่มีคนฆ่าหลี่โม่ได้ ก็เพียงพอสำหรับจางเต๋ออู่แล้ว“ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่นานหลี่โม่ได้จัดการร่างทดลองที่ทำโดยคนเหล่านั้นที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ร่างทดลองนั้นเป็นการทดลองที่ดัดแปลงพันธุกรรมในระยะแรกได้สำเร็จ แม้ว่าพันธุกรรมที่ถูกดัดแปลงจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่ก็เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาแล้ว”“ถูกหลี่โม่จัดการแล้ว? ได้ยินว่าคนพวกนั้นหลังจากที่ดัดแปลงพันธุกรรมแล้วก็ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย”จางเต๋ออู่แปลกใจและรู้สึกโชคดีโชคดีที่ตั้งแต่ต้นจนจบตนเองไม่ได้ไปตาต่อตากับหลี่โม่ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย“วิทยาศาสตร์บ้าบอ การดัดแปลงพันธุกรรมก็เป็
หลี่โม่ถามเรียบ ๆ “ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณต่อหน้า จากข้อมูลของทางผม ราชินีมังกรออกเดินทางแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้เช้าน่าจะถึงกรุงโซล แต่ผมรู้สึกว่าเธอไม่น่าจะไปหาคุณทันที” ท่านปาพูดอย่างเคารพมาก ๆหลี่โม่ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าราชินีมังกรจะมาล่วงหน้า“คุณคิดว่าเธอจะไปหาคุณก่อนเหรอ?”“แน่นอนครับ จางเต๋ออู่ไอ้บ้านั้นหนีกลับไปแล้ว ครั้งนี้มาพร้อมกับราชินีมังกร ผมคาดว่าเขาจะต้องพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับผม ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าราชินีมังกรจะเรียกพบผมหรือเปล่า ผมก็ต้องไปพบเธอก่อน”ท่านปาเล่าสถานการณ์และบอกหลี่โม่ด้วย เลี่ยงการทำให้หลี่โม่เข้าใจผิดว่าตัวเองกับราชินีมังกรสมรู้ร่วมคิดกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วหลี่โม่ไม่ให้ยาแก้พิษกับตัวเองก็คงจบเห่แน่หลี่โม่เงียบไปครู่หนึ่ง ลูบคางแล้วพูด “ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่ามันค่อนข้างแปลก คุณบอกมาว่าทำไมราชินีมังกรต้องมาไกลขนาดนั้นเพื่อมาหาผมด้วย เธอน่าจะเกลียดผมจนอยากให้ตายไปเลยถึงจะถูก”“เอ่อ...”ท่านปาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างลึกลับ “ผมได้ยินข่าวลือมา แต่บอกก่อนนะว่ายังไม่ยืนยันว่าเป็นจริง ได้ยินข่าวลือมาว่าในมือของคุณมีกุญแจลับที่ไขคลังสมบัติของแดนมังก
ช่วงเช้าตรู่ กู้เจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ที่นั่งหลักของห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองผ่านกู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลาน หลี่โม่ รวมทั้งคณะผู้บริหารของบริษัท "การก่อสร้างโรงงานใหม่ควรก้าวหน้าโดยเร็วที่สุด หยุนหลาน เธอคือผู้รับผิดชอบ เธอต้องเริ่มดำเนินงานก่อสร้างภายในสามวัน หากว่าทำได้ไม่ดีภายในสามวันล่ะก็ เธอก็ไปฝึกฝนมาตั้งแต่พื้นฐานซะ" กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างเย็นชา หลังจากกลับไปเมื่อคืนนี้ กู้เจี้ยนกั๋วสืบถามจากเส้นสายทุกช่องทาง ข่าวที่เขาได้รับคือ ที่ดินจะถูกตำรวจปิดล้อมเนื่องจากเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม กำหนดเวลาในการปิดล้อมก็ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของคดี เมื่อมีข่าวพวกนี้เป็นฐาน กู้เจี้ยนกั๋วจึงรู้สึกว่าตนสามารถข่มกู้หยุนหลานได้บ้าง แต่เขาไม่สามารถทำแค่ทนดูตำแหน่งในบริษัทของกู้หยุนหลานมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ผู้บริหารหลายคนมองไปยังกู้เจี้ยนกั๋วด้วยความประหลาดใจและรู้สึกว่าความต้องการของกู้เจี้ยนกั๋วนั้นเป็นฝืนให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้จริง ๆ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และรู้สึกว่าตนต้องพูดอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นหากกู้หยุนหลานทำไม่ได้ภายในสามวันให้ห
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน หัวหน้าจางผู้ที่ตนพยายามอย่างไรก็ยังตีสนิทด้วยไม่ได้เลย ทำไมพอเห็นหลี่โม่แล้วเข้าไปประจบเอาใจเสียได้! ลูกตาของกู้เจี้ยนเจียงและกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแทบกระเด็นออกมา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหัวหน้าสายตรวจจางที่ว่ากันว่าเย็นชาไร้ความรู้สึกไม่สุงสิงกับใครมาแต่ไหนแต่ไร ทำไมถึงมีท่าทีนอบน้อมกับหลี่โม่ได้ หลี่โม่รับเอกสารมาอ่านดูเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “ลำบากคุณแล้วนะครับ เรื่องนี้จัดการได้ไม่เลวเลย" “ต่อไปหากคุณมีเรื่องอะไรขอแค่สั่งผมมาได้เลย ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้คุณพอใจครับ” หัวหน้าจางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ได้ครับ ถ้ามีเรื่องอะไรผมจะไปหาคุณแน่นอน คุณไปทำงานต่อเถอะ” หลี่โม่เอ่ยอย่างราบเรียบ "ครับผม" หัวหน้าจางขานตอบสองสามคำ เมื่อเขายืดหลังตรงสีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่าท่าทีถ่อมตัวเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตา กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ มองดูหัวหน้าจางจากไปอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หลี่โม่หยิบเอกสารมาตบลงบนโต๊ะดังปับ ๆ ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ก็ได้สติกลับมา “เอกสารปลดการปิดล้อมพื้นที่อยู่นี่แล้ว พวกคุณยังมีใครสง
กู้เจี้ยนกั๋วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางขบฟันกรามอย่างแรง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพูดว่า "โอกาสมันก็มีอยู่หรอก แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จได้" “พี่ใหญ่ โอกาสอะไรพี่ก็พูดมาเถอะ จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องลองดู” กู้เจี้ยนเจียงพูดอย่างกระตือรือร้น "กลุ่มธุรกิจจากหลงเฉิงกำลังจะมาสำรวจที่เมืองของเรา ว่ากันว่าในกลุ่มธุรกิจนั้นมีคุณชายสามหลินที่ทำธุรกิจด้านการค้าอาวุธอยู่ด้วย คุณชายสามหลินเป็นพวกชั่วร้ายอำมหิต แถมยังบ้ากามตัณหา ถ้าหากให้คุณชายสามหลินเจอกับกู้หยุนหลาน เป็นไปได้แปดในสิบเลยว่าคุณชายสามจะต้องหิ้วกู้หยุนหลานไปแน่ นายว่าเจ้าหลี่โม่มันจะมีปฏิกิริยายังไงล่ะ?" กู้เจี้ยนเจียงตาเป็นประกายและพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่นยังต้องพูดถึงอีกเหรอ เขาต้องเดือดดาลอย่างแน่นอน จากนั้นก็ไปแก้แค้นคุณชายสามหลิน ถึงตอนนั้นเกรงว่าคนของคุณชายสามหลินอาจจะสามารถฆ่าหลี่โม่ตายได้" “ใช่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เรื่องมันก็จะเป็นไปตามนั้น ปัญหาคือจะทำให้พวกเขาเจอกับคุณชายสามหลินยังไง กำหนดการเดินทางของกลุ่มการค้าหลงเฉิงถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ส่วนรายชื่อผู้เข้าร่วมของฝั่งเราเองก็กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นมันเลยเรื
รถหยุดอยู่ที่ทางเข้าอาคารหลัก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเปิดประตูรถและพูดอย่างเย็นชา "ขอเชิญท่านปาเข้ารับการตรวจด้วยครับ และเพื่อความปลอดภัยของราชินีมังกร ท่านปาจะสามารถเข้าไปได้คนเดียวเท่านั้น" ท่านปากางแขนทั้งสองออก ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นร่างกาย เขาแสร้งทำพูดอย่างไม่สนใจ "เข้าใจแล้ว ราชินีมังกรกำลังอารมณ์ดีอยู่ไหม?" “ผมไม่ทราบเรื่องนั้นหรอกครับ วันนี้ผมยังไม่ได้พบราชินีมังกรเลย” เจ้าหน้าที่องครักษ์ตอบท่านปาไปแบบส่ง ๆ ท่านปายิ้มอย่างช่วยไม่ได้และเดินตามองครักษ์เข้าไปในอาคารหลัก ภายในอาคารหลักมีคนยืนเฝ้าอยู่ทุก ๆ สามก้าวและตรวจค้นทุกห้าก้าว การป้องกันเข้มงวดมาก ท่านปาคาดว่ามาตรการป้องกันเหล่านี้คงมีไว้ให้ตนดู นี่คือการแสดงออกถึงความไม่พอใจของราชินีมังกรที่มีต่อตัวเขาและก็เป็นการข่มขวัญเขาด้วยเช่นกัน มาถึงหน้าประตูห้องรับแขกที่ปิดสนิท สาวใช้สองคนก็ผลักประตูห้องรับแขกให้เปิดออก ท่านปาโค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วเอ่ยขึ้น "เสี่ยวปา แสดงความเคารพต่อราชินีมังกร" “เสี่ยวปามาแล้วเหรอ เข้ามาสิ” น้ำเสียงที่ออกจะเกียจคร้านของราชินีมังกรดังออกมา ท่านปาก้มหัวลง แล้วเ