ท่านปาไม่สนใจเรื่องหน้าตาศักดิ์ศรีของตัวเองและยอมรับความผิดพลาดของเขาต่อราชินีมังกรอย่างนอบน้อม ราชินีมังกรค่อนข้างพอใจกับการแสดงออกของท่านปา เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มจาง ๆ และพูดว่า "พอเถอะ อย่ามาแสดงละครกับฉันที่นี่เลย ฉันรู้ดีว่าในใจนายต้องการอะไร ตราบใดที่นายตั้งใจทำงาน ในอนาคตย่อมมีวันที่นายจะได้เชิดหน้าชูตา” มือของจางเต๋ออู่ที่กำลังนวดให้ราชินีมังกรชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะนวดต่อไป จางเต๋ออู่มีความสงสัยเกี่ยวกับความคิดของราชินีมังกรอยู่บ้าง รู้สึกว่าตอนนี้ควรจะเชือดไก่ให้ลิงดูเสียก่อน ใช้ชีวิตของท่านปามาสร้างอำนาจสิถึงจะถูก แต่จางเต๋อหวู่ก็เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ ตอนนี้บทบาทของเขาเป็นเพียงทาสคนหนึ่งเท่านั้น ท่านปารู้สึกดีใจราวกับได้รับการอภัยโทษ รู้ว่าครั้งนี้คงนับว่าผ่านพ้นไปได้แล้ว "ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน ผมจะตั้งใจทำงานให้ดีและจะไม่มีปัญหาเช่นนี้อีกแน่ หากมีเรื่องอะไรผมจะต้องรายงานให้ท่านทราบล่วงหน้าแน่นอนครับ” “นายเป็นคนฉลาด ดังนั้นฉันจะไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็น ในเมื่อนายบอกว่าต้องการจะแฝงตัวอยู่ข้างกายหลี่โม่เพื่อหากุญแจลับ งั้นฉันก็จะเชื่อใจนาย ธุ
หลังจากราชินีมังกรพูดจบ ก็มองไปที่จางเต๋ออู่ด้วยสายตาลึกซึ้ง จางเต๋ออู่รีบก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด แล้วนวดขาราวหยกขาวนวลของราชินีมังกรต่อไป มุมปากของราชินีมังกรหยักโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง สามารถควบคุมปั่นหัวพวกผู้ชายได้ง่ายดายแบบนี้ ทำให้ในใจของราชินีมังกรเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ 'มันจะดียิ่งกว่านี้หากได้กุญแจลับมา เมื่อเป็นเช่นนั้นแดนมังกรก็จะเป็นของฉัน!' ในสมัยโบราณมีอู่เจ๋อเทียนเป็นจักรพรรดินี ในตอนนี้ฉันราชินีมังกรผู้นี้จะปกครองแดนมังกรเอง! ...... รถของท่านปาขับออกจากคฤหาสน์จิงเฉิง ผู้ช่วยมองไปยังท่านปาที่สีหน้าซีดเซียว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ท่านปานึกถึงทุกรายละเอียดที่คุยกับราชินีมังกรเมื่อครู่นี้อย่างระมัดระวัง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองประเมินราชินีมังกรต่ำไป ราชินีมังกรไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างแน่นอน! ในตอนนี้เมื่ออยู่คั่นกลางระหว่างหลี่โม่และราชินีมังกร ท่านปาก็รู้สึกเหมือนทั้งกายถูกบีบอัดจนทรมาน ท่านปานวดหน้าผากแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของหลี่โม่ “นายน้อย ผมเองครับเสี่ยวปา ผมเพิ่งจะพบกับราชินีมังกรมา มีเรื่องบา
ตอนเที่ยง ทึ่เขตก่อสร้างโรงงานใหม่ หวังจงฉวนนำกำลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือเข้ามาในพื้นที่เสียงดังโครมคราม และเริ่มเตรียมการสำหรับเริ่มงานก่อสร้าง เพื่อแสดงถึงความเอาจริงเอาจัง หวังจงฉวนถึงกับจัดเตรียมพิธีวางศิลาฤกษ์ขึ้นมาโดยเฉพาะ กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลานและหวังจงฉวนต่างถือพลั่วไว้คนละอัน อีกครู่หนึ่งแต่ละคนจะต้องพรวนดิน แค่สื่อความหมายถึงการเริ่มต้นการก่อสร้างก็ใช้ได้แล้ว “เวลาก็พอสมควรแล้วนะ เรามาเริ่มพิธีวางศิลาฤกษ์สักทีเถอะ” กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างเริ่มหมดความอดทน ตอนนี้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคุณงามความดีของกู้หยุนหลาน การมาร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์บ้าบอนี่ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่ตลอดเวลา หวังจงฉวนเหลือบมองกู้เจี้ยนกั๋ว เมื่อไม่เห็นหลี่โม่ปรากฏตัว หวังจงฉวนก็พูดอย่างไม่พอใจว่า "พิธีการใหญ่โตแบบนี้ ต้องให้หลี่โม่เข้าร่วมด้วยสิครับ" "นาย!" กู้เจี้ยนกั๋วจ้องเขม็งหวังจงฉวน เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ กู้เจี้ยนกั๋วจึงไม่ได้เกรี้ยวกราดมากนัก "หลี่โม่ไม่ใช่คนของบริษัท เขาไม่มีสถานะหรือคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์อะไรทั้งนั้น" หวังจงฉ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้เจี้ยนกั๋วก็ส่งภาพถ่ายของกู้หยุนหลานไปสองสามภาพ ไม่นานคุณชายสามหลินก็ส่งอิโมติคอนท่าทางหื่นกามสองสามอันกลับมา แล้วซักถามข้อมูลพวกส่วนสูงน้ำหนักและสัดส่วนทันที กู้เจี้ยนกั๋วลูบหน้าผาก ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามพวกนี้อย่างไร เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจที่จะสนทนาด้วยเสียงกับคุณชายสามหลิน เมื่อเริ่มโทรสนทนาด้วยเสียง ไม่นานคุณชายสามหลินก็ตอบรับคำขอการสนทนาด้วยเสียง “ฮัลโหล นายเป็นไงบ้าง ทำงานเป็นพ่อเล้าด้วยงั้นเหรอเนี่ย ฉันชอบแม่สาวคนนี้ นายบอกราคามาเลยแล้วกัน” เสียงเกียจคร้านของคุณชายสามหลินดังออกมา เขามาที่โซลไม่เพียงเพื่อพูดคุยเจรจาเท่านั้น แต่คุณชายสามหลินยังมาตามล่าหาสาวงามด้วย ก่อนที่เขาจะมาถึงโซล พวกพ่อเล้าดัง ๆ บางคนในโซลได้ติดต่อคุณชายสามหลินมาแล้ว พวกเขาส่งภาพถ่ายนักศึกษาหญิงสวยเซ็กซี่ให้กับคุณชายสามหลินเป็นกอง ๆ ภาพถ่ายซ้ำซากเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คุณชายสามหลินรู้สึกสนใจเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเมื่อเขาเห็นภาพที่กู้เจี้ยนกั๋วส่งมาให้ ดวงตาของคุณชายสามหลินเป็นประกายและถูกดึงดูดสมบูรณ์ “เอ่อ ผมก็ไม่ใช่พ่อเล้าอะไรนั่นหรอกครับ” กู้เจี้ยนกั๋วพู
กู้เจี้ยนเจียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหากู้ชิงหลิน "ฮัลโหล ชิงหลิน ลูกรู้เรื่องงานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์องุ่นหรือเปล่า?" กู้ชิงหลินที่กำลังดูเสื้อผ้ากับเพื่อนสาวสองสามคน พูดด้วยความประหลาดใจ "พ่คะ พ่อก็รู้เรื่องงานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์องุ่นด้วยเหรอคะ? หูตาไวจังเลยนะคะ หนูกับพวกเพื่อน ๆ กำลังดูเสื้อผ้ากันอยู่ เพื่อเตรียมแต่งตัวสวย ๆ ไปร่วมงานนี่ล่ะค่ะ” "สวีอวิ๋นอวิ๋นเพื่อนสนิทของกู้หยุนหลานจะไปด้วยหรือเปล่า พ่อคิดว่าหล่อนกับเพื่อนของลูกต่างก็ชอบร่วมกิจกรรมแบบนี้กันนี่" กู้ชิงหลินเลิกคิ้ว แล้วถามอย่างงุนงงยิ่งกว่าเดิม "พ่อคะ พ่อกำลังวางแผนอะไรอยู่น่ะ หรืออยากให้หนูแนะนำสวีอวิ๋นอวิ๋นให้เหรอคะ? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พวกที่รับมือได้ง่าย ๆ นะคะ หล่อนเล่นละครเก่งเป็นที่สุด” "พ่อจะให้แกแนะนำหล่อนให้เพื่ออะไรกันล่ะ ลุงของแกมีแผนการ เขาต้องการวางแผนให้กู้หยุนหลานเข้าร่วมงานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์ ก็เพราะว่าไม่รู้ว่าจะหาทางจัดการทำให้กู้หยุนหลานไม่รู้สึกสงสัยได้ยังไง ถ้าเพื่อนสนิทของแกชวนหล่อนไปร่วมงานได้ เรื่องมันก็จะง่ายขึ้นเยอะ” เมื่อกู้เจี้ยนกั๋วเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว กู้ชิงหลินพลันรู้สึ
กู้หยุนหลานยิ้มอย่างออดอ้อน ขณะกำลังจะพูดเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น “ช่วยหยิบมือถือให้ฉันหน่อย ใครโทรมาตอนนี้กันนะ” กู้หยุนหลานขับรถอยู่จึงไม่สะดวกหยิบมือถือ หลี่โม่จึงหยิบกระเป๋าของกู้หยุนหลานขึ้นมา แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าออกมาดู "สวีอวิ๋นอวิ๋นโทรมา คุณจะรับไหม?” "อวิ๋นอวิ๋นโทรมาเหรอ ต้องรับสายอยู่แล้วสิ คุณรับสายแล้วเปิดลำโพงให้หน่อยนะ" หลี่โม่รับสายแล้วเปิดลำโพง เสียงของสวีอวิ๋นอวิ๋นก็ดังออกมาออกมาจากโทรศัพท์ "หยุนหลาน เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า?" “ฉันกำลังขับรถกลับบริษัทน่ะ เธอมีอะไรหรือเปล่า?” “ฉันมีเรื่องนิดหน่อยต้องหาเธอจริง ๆ นั่นแหละ เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม พวกเราไปเสริมสวยกัน จากนั้นค่อยไปดูเสื้อผ้า ฉันมีเรื่องอะไรอยากจะบอกเธอ” สวีอวิ๋นอวิ๋นกลอกตาพลางเอ่ย “เอ่อ มีเรื่องสำคัญงั้นเหรอ? ที่บริษัทยังมีงานที่ต้องทำอยู่น่ะ” สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างค้อน ๆ "บริษัทจะไปมีงานอะไรนักเล่า ฉันมาหาเธอเพราะว่ามีเรื่องสำคัญต้องให้เธอช่วยแนะนำหน่อย เธอรีบมาเร็ว ๆ เข้าสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะเลิกเป็นเพื่อนกับเธอนะ" กู้หยุนหลานยิ้มแห้งแล้วพูดอย่างหมดหนทาง "ก็ได้ บอกมา
"โอ้โห อวิ๋นอวิ๋นของเรามีคนที่ชอบแล้วเหรอเนี่ย?" กู้หยุนหลานพูดหยอกเย้า สวีอวิ๋นอวิ๋นกุมหน้าผากของเธอและพูดอย่างหมดหนทาง "ที่บ้านแนะนำคนคนหนึ่งให้ฉันรู้จัก เขาเป็นคุณชายลูกเศรษฐี ฉันไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับเขาเลย ก็เลยอยากขอคำปรึกษากับเธอยังไงเล่า" "ลูกเศรษฐีงั้นเหรอ" กู้หยุนหลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหล่าคุณชายลูกเศรษฐีเป็นพวกที่กู้หยุนหลานไม่ค่อยชอบนัก พวกลูกเศรษฐีทั้งหลายรอบตัวเธอต่างเป็นพวกเสแสร้ง แต่คนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงนั้นมีเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ต่างเอาเงินของครอบครัวมาใช้ข้างนอกอย่างไร้ประโยชน์ทั้งนั้น สวีอวิ๋นอวิ๋นรู้ว่ากู้หยุนหลานมักจะมีอคติกับพวกลูกเศรษฐี ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ปฏิเสธการตามจีบของคุณชายเศรษฐีที่ร่ำรวยมากมายแต่กลับมาอยู่กับหลี่โม่หรอก เมื่อมองไปยังหลี่โม่ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็รู้สึกว่าหลี่โม่ช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้อยู่ในสายตาของกู้หยุนหลาน ไอ้กระจอกที่ไม่มีอะไรเลยได้แต่งงานกับผู้หญิงขาวรวยสวยแบบนี้ “ใช่ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เคยติดต่อกับพวกลูกเศรษฐีไม่น้อย แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับพวกเขาเลย แม้จะบอกว่าฉันเองก็อยากแต่งงานกับคุณชายเศร
"หยุนหลานอย่าลังเลเลย ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบงานเลี้ยงที่พวกลูกเศรษฐีจัดขึ้นมา แต่ฉันเองก็หมดหนทางแล้วเหมือนกัน ความสุขของฉันขึ้นอยู่กับเธอแล้วนะ เธอช่วยฉันตรวจสอบให้หน่อยน้าาา"สวีอวิ๋นอวิ๋นจับแขนของกู้หยุนหลานพร้อมทำท่าทางออดอ้อน กู้หยุนหลานพูดอย่างจนใจ "ก็ได้ ๆ ฉันไปก็ได้ แต่งานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์องุ่นฟังดูแล้วไม่ได้เป็นทางการนัก ฉันเดาว่าพวกลูกเศรษฐีนั่นจะต้องหาสาว ๆ สวย ๆ ไปร่วมงานไม่น้อยแน่" “มันก็เป็นธรรมเนียมทั่วไปอยู่แล้วนี่ สำหรับพวกคนรวยก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่ หวังแค่ว่าเขาจะไม่ทำให้มันเกินไปเท่านั้น การแต่งเข้าตระกูลร่ำรวยก็ต้องแบกรับภาระนี้อยู่แล้ว” สวีอวิ๋นอวิ๋นเอ่ยอย่างขุ่นเคืองใจ บริกรเดินมาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นสามถ้วย ความไม่พอใจบนใบหน้าของสวีอวิ๋นอวิ๋นพลันถูกลบออกไปในพริบตา "มาเถอะ หยุนหลานเธอลองชิมดริปคอฟฟี่ของร้านเขาดูสิ มันยอดจริง ๆ นะ" บริกรรูปหล่อชำเลืองมองสวีอวิ๋นอวิ๋นและกู้หยุนหลานเล็กน้อย เมื่อเห็นความงามของทั้งสองคน ทันใดนั้นเขาก็นึกอยากจะตีสนิทด้วยขึ้นมา การเริ่มทักทายสาวสวยที่มาดื่มกาแฟ กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับบริกรสุดหล่อคนนี้ไปแล้ว ด้วยรูปร่