ช่วงเช้าตรู่ กู้เจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ที่นั่งหลักของห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองผ่านกู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลาน หลี่โม่ รวมทั้งคณะผู้บริหารของบริษัท "การก่อสร้างโรงงานใหม่ควรก้าวหน้าโดยเร็วที่สุด หยุนหลาน เธอคือผู้รับผิดชอบ เธอต้องเริ่มดำเนินงานก่อสร้างภายในสามวัน หากว่าทำได้ไม่ดีภายในสามวันล่ะก็ เธอก็ไปฝึกฝนมาตั้งแต่พื้นฐานซะ" กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างเย็นชา หลังจากกลับไปเมื่อคืนนี้ กู้เจี้ยนกั๋วสืบถามจากเส้นสายทุกช่องทาง ข่าวที่เขาได้รับคือ ที่ดินจะถูกตำรวจปิดล้อมเนื่องจากเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม กำหนดเวลาในการปิดล้อมก็ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของคดี เมื่อมีข่าวพวกนี้เป็นฐาน กู้เจี้ยนกั๋วจึงรู้สึกว่าตนสามารถข่มกู้หยุนหลานได้บ้าง แต่เขาไม่สามารถทำแค่ทนดูตำแหน่งในบริษัทของกู้หยุนหลานมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ผู้บริหารหลายคนมองไปยังกู้เจี้ยนกั๋วด้วยความประหลาดใจและรู้สึกว่าความต้องการของกู้เจี้ยนกั๋วนั้นเป็นฝืนให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้จริง ๆ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และรู้สึกว่าตนต้องพูดอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นหากกู้หยุนหลานทำไม่ได้ภายในสามวันให้ห
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน หัวหน้าจางผู้ที่ตนพยายามอย่างไรก็ยังตีสนิทด้วยไม่ได้เลย ทำไมพอเห็นหลี่โม่แล้วเข้าไปประจบเอาใจเสียได้! ลูกตาของกู้เจี้ยนเจียงและกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแทบกระเด็นออกมา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหัวหน้าสายตรวจจางที่ว่ากันว่าเย็นชาไร้ความรู้สึกไม่สุงสิงกับใครมาแต่ไหนแต่ไร ทำไมถึงมีท่าทีนอบน้อมกับหลี่โม่ได้ หลี่โม่รับเอกสารมาอ่านดูเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “ลำบากคุณแล้วนะครับ เรื่องนี้จัดการได้ไม่เลวเลย" “ต่อไปหากคุณมีเรื่องอะไรขอแค่สั่งผมมาได้เลย ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้คุณพอใจครับ” หัวหน้าจางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ได้ครับ ถ้ามีเรื่องอะไรผมจะไปหาคุณแน่นอน คุณไปทำงานต่อเถอะ” หลี่โม่เอ่ยอย่างราบเรียบ "ครับผม" หัวหน้าจางขานตอบสองสามคำ เมื่อเขายืดหลังตรงสีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่าท่าทีถ่อมตัวเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตา กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ มองดูหัวหน้าจางจากไปอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หลี่โม่หยิบเอกสารมาตบลงบนโต๊ะดังปับ ๆ ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ก็ได้สติกลับมา “เอกสารปลดการปิดล้อมพื้นที่อยู่นี่แล้ว พวกคุณยังมีใครสง
กู้เจี้ยนกั๋วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางขบฟันกรามอย่างแรง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพูดว่า "โอกาสมันก็มีอยู่หรอก แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จได้" “พี่ใหญ่ โอกาสอะไรพี่ก็พูดมาเถอะ จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องลองดู” กู้เจี้ยนเจียงพูดอย่างกระตือรือร้น "กลุ่มธุรกิจจากหลงเฉิงกำลังจะมาสำรวจที่เมืองของเรา ว่ากันว่าในกลุ่มธุรกิจนั้นมีคุณชายสามหลินที่ทำธุรกิจด้านการค้าอาวุธอยู่ด้วย คุณชายสามหลินเป็นพวกชั่วร้ายอำมหิต แถมยังบ้ากามตัณหา ถ้าหากให้คุณชายสามหลินเจอกับกู้หยุนหลาน เป็นไปได้แปดในสิบเลยว่าคุณชายสามจะต้องหิ้วกู้หยุนหลานไปแน่ นายว่าเจ้าหลี่โม่มันจะมีปฏิกิริยายังไงล่ะ?" กู้เจี้ยนเจียงตาเป็นประกายและพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่นยังต้องพูดถึงอีกเหรอ เขาต้องเดือดดาลอย่างแน่นอน จากนั้นก็ไปแก้แค้นคุณชายสามหลิน ถึงตอนนั้นเกรงว่าคนของคุณชายสามหลินอาจจะสามารถฆ่าหลี่โม่ตายได้" “ใช่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เรื่องมันก็จะเป็นไปตามนั้น ปัญหาคือจะทำให้พวกเขาเจอกับคุณชายสามหลินยังไง กำหนดการเดินทางของกลุ่มการค้าหลงเฉิงถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ส่วนรายชื่อผู้เข้าร่วมของฝั่งเราเองก็กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นมันเลยเรื
รถหยุดอยู่ที่ทางเข้าอาคารหลัก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเปิดประตูรถและพูดอย่างเย็นชา "ขอเชิญท่านปาเข้ารับการตรวจด้วยครับ และเพื่อความปลอดภัยของราชินีมังกร ท่านปาจะสามารถเข้าไปได้คนเดียวเท่านั้น" ท่านปากางแขนทั้งสองออก ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นร่างกาย เขาแสร้งทำพูดอย่างไม่สนใจ "เข้าใจแล้ว ราชินีมังกรกำลังอารมณ์ดีอยู่ไหม?" “ผมไม่ทราบเรื่องนั้นหรอกครับ วันนี้ผมยังไม่ได้พบราชินีมังกรเลย” เจ้าหน้าที่องครักษ์ตอบท่านปาไปแบบส่ง ๆ ท่านปายิ้มอย่างช่วยไม่ได้และเดินตามองครักษ์เข้าไปในอาคารหลัก ภายในอาคารหลักมีคนยืนเฝ้าอยู่ทุก ๆ สามก้าวและตรวจค้นทุกห้าก้าว การป้องกันเข้มงวดมาก ท่านปาคาดว่ามาตรการป้องกันเหล่านี้คงมีไว้ให้ตนดู นี่คือการแสดงออกถึงความไม่พอใจของราชินีมังกรที่มีต่อตัวเขาและก็เป็นการข่มขวัญเขาด้วยเช่นกัน มาถึงหน้าประตูห้องรับแขกที่ปิดสนิท สาวใช้สองคนก็ผลักประตูห้องรับแขกให้เปิดออก ท่านปาโค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วเอ่ยขึ้น "เสี่ยวปา แสดงความเคารพต่อราชินีมังกร" “เสี่ยวปามาแล้วเหรอ เข้ามาสิ” น้ำเสียงที่ออกจะเกียจคร้านของราชินีมังกรดังออกมา ท่านปาก้มหัวลง แล้วเ
ท่านปาไม่สนใจเรื่องหน้าตาศักดิ์ศรีของตัวเองและยอมรับความผิดพลาดของเขาต่อราชินีมังกรอย่างนอบน้อม ราชินีมังกรค่อนข้างพอใจกับการแสดงออกของท่านปา เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มจาง ๆ และพูดว่า "พอเถอะ อย่ามาแสดงละครกับฉันที่นี่เลย ฉันรู้ดีว่าในใจนายต้องการอะไร ตราบใดที่นายตั้งใจทำงาน ในอนาคตย่อมมีวันที่นายจะได้เชิดหน้าชูตา” มือของจางเต๋ออู่ที่กำลังนวดให้ราชินีมังกรชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะนวดต่อไป จางเต๋ออู่มีความสงสัยเกี่ยวกับความคิดของราชินีมังกรอยู่บ้าง รู้สึกว่าตอนนี้ควรจะเชือดไก่ให้ลิงดูเสียก่อน ใช้ชีวิตของท่านปามาสร้างอำนาจสิถึงจะถูก แต่จางเต๋อหวู่ก็เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ ตอนนี้บทบาทของเขาเป็นเพียงทาสคนหนึ่งเท่านั้น ท่านปารู้สึกดีใจราวกับได้รับการอภัยโทษ รู้ว่าครั้งนี้คงนับว่าผ่านพ้นไปได้แล้ว "ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน ผมจะตั้งใจทำงานให้ดีและจะไม่มีปัญหาเช่นนี้อีกแน่ หากมีเรื่องอะไรผมจะต้องรายงานให้ท่านทราบล่วงหน้าแน่นอนครับ” “นายเป็นคนฉลาด ดังนั้นฉันจะไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็น ในเมื่อนายบอกว่าต้องการจะแฝงตัวอยู่ข้างกายหลี่โม่เพื่อหากุญแจลับ งั้นฉันก็จะเชื่อใจนาย ธุ
หลังจากราชินีมังกรพูดจบ ก็มองไปที่จางเต๋ออู่ด้วยสายตาลึกซึ้ง จางเต๋ออู่รีบก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด แล้วนวดขาราวหยกขาวนวลของราชินีมังกรต่อไป มุมปากของราชินีมังกรหยักโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง สามารถควบคุมปั่นหัวพวกผู้ชายได้ง่ายดายแบบนี้ ทำให้ในใจของราชินีมังกรเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ 'มันจะดียิ่งกว่านี้หากได้กุญแจลับมา เมื่อเป็นเช่นนั้นแดนมังกรก็จะเป็นของฉัน!' ในสมัยโบราณมีอู่เจ๋อเทียนเป็นจักรพรรดินี ในตอนนี้ฉันราชินีมังกรผู้นี้จะปกครองแดนมังกรเอง! ...... รถของท่านปาขับออกจากคฤหาสน์จิงเฉิง ผู้ช่วยมองไปยังท่านปาที่สีหน้าซีดเซียว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ท่านปานึกถึงทุกรายละเอียดที่คุยกับราชินีมังกรเมื่อครู่นี้อย่างระมัดระวัง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองประเมินราชินีมังกรต่ำไป ราชินีมังกรไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างแน่นอน! ในตอนนี้เมื่ออยู่คั่นกลางระหว่างหลี่โม่และราชินีมังกร ท่านปาก็รู้สึกเหมือนทั้งกายถูกบีบอัดจนทรมาน ท่านปานวดหน้าผากแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของหลี่โม่ “นายน้อย ผมเองครับเสี่ยวปา ผมเพิ่งจะพบกับราชินีมังกรมา มีเรื่องบา
ตอนเที่ยง ทึ่เขตก่อสร้างโรงงานใหม่ หวังจงฉวนนำกำลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือเข้ามาในพื้นที่เสียงดังโครมคราม และเริ่มเตรียมการสำหรับเริ่มงานก่อสร้าง เพื่อแสดงถึงความเอาจริงเอาจัง หวังจงฉวนถึงกับจัดเตรียมพิธีวางศิลาฤกษ์ขึ้นมาโดยเฉพาะ กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลานและหวังจงฉวนต่างถือพลั่วไว้คนละอัน อีกครู่หนึ่งแต่ละคนจะต้องพรวนดิน แค่สื่อความหมายถึงการเริ่มต้นการก่อสร้างก็ใช้ได้แล้ว “เวลาก็พอสมควรแล้วนะ เรามาเริ่มพิธีวางศิลาฤกษ์สักทีเถอะ” กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างเริ่มหมดความอดทน ตอนนี้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคุณงามความดีของกู้หยุนหลาน การมาร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์บ้าบอนี่ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่ตลอดเวลา หวังจงฉวนเหลือบมองกู้เจี้ยนกั๋ว เมื่อไม่เห็นหลี่โม่ปรากฏตัว หวังจงฉวนก็พูดอย่างไม่พอใจว่า "พิธีการใหญ่โตแบบนี้ ต้องให้หลี่โม่เข้าร่วมด้วยสิครับ" "นาย!" กู้เจี้ยนกั๋วจ้องเขม็งหวังจงฉวน เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ กู้เจี้ยนกั๋วจึงไม่ได้เกรี้ยวกราดมากนัก "หลี่โม่ไม่ใช่คนของบริษัท เขาไม่มีสถานะหรือคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์อะไรทั้งนั้น" หวังจงฉ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้เจี้ยนกั๋วก็ส่งภาพถ่ายของกู้หยุนหลานไปสองสามภาพ ไม่นานคุณชายสามหลินก็ส่งอิโมติคอนท่าทางหื่นกามสองสามอันกลับมา แล้วซักถามข้อมูลพวกส่วนสูงน้ำหนักและสัดส่วนทันที กู้เจี้ยนกั๋วลูบหน้าผาก ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามพวกนี้อย่างไร เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจที่จะสนทนาด้วยเสียงกับคุณชายสามหลิน เมื่อเริ่มโทรสนทนาด้วยเสียง ไม่นานคุณชายสามหลินก็ตอบรับคำขอการสนทนาด้วยเสียง “ฮัลโหล นายเป็นไงบ้าง ทำงานเป็นพ่อเล้าด้วยงั้นเหรอเนี่ย ฉันชอบแม่สาวคนนี้ นายบอกราคามาเลยแล้วกัน” เสียงเกียจคร้านของคุณชายสามหลินดังออกมา เขามาที่โซลไม่เพียงเพื่อพูดคุยเจรจาเท่านั้น แต่คุณชายสามหลินยังมาตามล่าหาสาวงามด้วย ก่อนที่เขาจะมาถึงโซล พวกพ่อเล้าดัง ๆ บางคนในโซลได้ติดต่อคุณชายสามหลินมาแล้ว พวกเขาส่งภาพถ่ายนักศึกษาหญิงสวยเซ็กซี่ให้กับคุณชายสามหลินเป็นกอง ๆ ภาพถ่ายซ้ำซากเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คุณชายสามหลินรู้สึกสนใจเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเมื่อเขาเห็นภาพที่กู้เจี้ยนกั๋วส่งมาให้ ดวงตาของคุณชายสามหลินเป็นประกายและถูกดึงดูดสมบูรณ์ “เอ่อ ผมก็ไม่ใช่พ่อเล้าอะไรนั่นหรอกครับ” กู้เจี้ยนกั๋วพู