ในยอดฝีมือทั้งห้าไม่มีคนไหนในนั้นเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่โม่ได้เลย ไม่นานก็กลายเป็นศพห้าศพนอนอยู่บนพื้นแล้วรวมกับยอดฝีมือที่ถูกหลี่โม่เตะก้อนหินใส่จนตายเมื่อกี้ด้วย หกคนที่หมิงเต๋อจัดเตรียมมานั้นตายหมดแล้วหมิงเต๋อเข้าไปในที่ก่อสร้างอย่างเงียบๆ แต่กำลังเล่นตุกติกอยู่ข้างนอกเพิงคนงาน คนงานหลายคนที่เฝ้าอยู่ตกใจจนตัวสั่นยืนอยู่รวมกันเมื่อเห็นคนงานที่ดูตกใจกัน หมิงเต๋อก็หยิบมือถือมาดูเวลา ตอนนี้ห่างจากตอนที่หลี่โม่เข้าไปในที่ก่อสร้างผ่านไปแล้วสิบห้านาทีหมิงเต๋อคิดว่ายอดฝีมือที่จัดเตรียมไว้ได้จัดการหลี่โม่ไปแล้วและจัดการกับสิ่งที่ทำให้คนตกใจแล้ว ก็รีบเข้าไปในศูนย์กลางที่ก่อสร้าง คิดจะจัดการสถานการณ์ว่าหลี่โม่ตายโหง(ตายแบบไม่คาดคิด)แต่ตอนที่หมิงเต๋อเข้าไปถึงกลับอึ้ง มองศพหกศพอยู่เกลื่อนพื้น วิญญาณของหมิงเต๋อแทบจะหลุดออกจากร่างเลยหมิงเต๋อพ่นคำหยาบคายออกมา ตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ตอนที่เขาหันหลังกำลังจะหนี เขาก็พบว่าหลี่โม่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเองแล้ว กำลังจ้องมองตัวเองด้วยสายตาเย็นชาหมิงเต๋อขนลุกทั้งตัวทันที รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่ขณะที่ก้าวถอยหลัง เขาก็สะดุดกับศพหนึ่ง ล้มลงไปข้าง
ในระหว่างที่หลี่โม่กำลังกลับ คนงานที่เฝ้าอยู่ก็เริ่มโทรศัพท์กันอย่างตื่นตระหนก แจ้งเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเมื่อกี้โทรศัพท์ต่อกันมาเป็นทอด ๆ จนในที่สุดประธานหวังก็โทรหากู้เจี้ยนกั๋วแล้วเล่าเรื่องให้ฟังหลังจากกู้เจี้ยนกั๋วฟังเสร็จสีหน้าก็จริงจังขึ้นมาซินแสจางเห็นอารมณ์ของกู้เจี้ยนกั๋วดูแปลกไปก็แอบดีใจ คิดว่าน่าจะเป็นทางหมิงเต๋อทำงานได้ดีเลย“เสี่ยวกู้ นี่เป็นอะไรไป รับโทรศัพท์แล้วก็ดูอารมณ์ไม่ดีเลย”ซินแสจางหน้านิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจเท่าไหร่ใบหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วมีรอยยิ้มขึ้นมา เขายกแก้วเหล้าแล้วพูด “ผมต้องดื่มให้คุณอีกแก้ว คุณเป็นผู้สูงส่งที่อยู่ท่ามกลางคนสูงส่งจริง ๆ พูดอะไรไม่ผิดเลยสักนิด ที่ก่อสร้างเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ แล้ว”“ฮะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกมาหน่อยสิ” ซินแสจางพูดนิ่ง ๆ “เมื่อกี้คนงานที่เฝ้าโรงงานโทรมารายงานว่า ที่ก่อสร้างเกิดเรื่องแล้ว พวกเขาล้วนหลบอยู่ในเพิงคนงานไม่กล้าออกไป ได้ยินแค่เสียงร้องโหยหวนดังอยู่ทุกที่ ดูเหมือนว่าจะผีพูดว่าจะเอาชีวิตอะไรสักอย่าง ฟังแล้วน่ากลัวมาก ๆ ครับ”กู้หยุนหลานฟังที่กู้เจี้ยนกั๋วอธิบาย ในใจก็เริ่มเป็นห่วงหลี่โม่ขึ้นม
เสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงตะลึงไม่ใช่ควรจะตายแต่หลี่โม่คนเดียวเหรอ ทำไมถึงมีคนตายหกคน?“พวกแกดูให้ดี จะมีคนตายหกคนได้ยังไง!” กู้เจี้ยนกั๋วถามอย่างสงสัย“พวกเราดูดีแล้วครับ มีหกคน! ตาเบิกโพลง ตายตาไม่หลับกันหมดเลย พวกเราไม่ทำงานนี้แล้ว พวกคุณให้คนอื่นมาทำเถอะ น่ากลัวเกินไปแล้ว!”คนงานที่เฝ้าอยู่พูดเสร็จก็วางสายไปแล้วทยอยออกจากที่นั่นกู้เจี้ยนกั๋วหันไปมองทางซินแสจาง แล้วถามอย่างงุนงง “ซินแสจาง คุณดูสิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมมีคนตายตั้งหกคนล่ะ!”เรื่องอื่นไม่พูดถึง แค่เรื่องที่ก่อสร้างมีคนตายหกคน ก็มากพอให้กู้เจี้ยนกั๋วเหลือทนแล้ว เรื่องนี้ต้องให้ตำรวจมาดู หลังจากตำรวจเข้ามาแทรกสืบสวนแล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ต้องปิดที่ก่อสร้างไว้ จะได้เปิดอีกเมื่อไหร่ก็บอกไม่ได้เลยแม้ว่าจะเปิดได้แล้ว แต่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ประกอบกับคำพูดที่ซินแสจางพูดก่อนหน้านี้ เกรงว่าจะไม่มีบริษัทก่อสร้างมาทำงานก่อสร้างนี้แล้วกู้เจี้ยนกั๋วอยากจะร้องไห้ให้ตาย เดิมทีคิดว่าจะให้โอกาสนี้ฆ่าหลี่โม่ ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ซินแสจางกระสับกระส่าย ครุ่นคิดว่าเกิดเรื่องขึ้น
“เหล่ากู้ ครั้งนี้นายตัดสินใจผิดพลาดแล้ว ไปเอาคนหลอกลวงมาเพิ่มปัญหาให้ตัวเอง”กลุ่มคนต่างแย่งกันพูดคุย กู้เจี้ยนกั๋วอับอายจนหน้าแดงแล้ว เรื่องที่เขาไปเอาคนหลอกลวงมาดูฮวงจุ้ยต้องแพร่ออกไปแน่นอน ต่อไปกู้เจี้ยนกั๋วก็จะเป็นตัวตลกในวงการแล้วกู้เจี้ยนกั๋วที่อับอายจ้องมองหลี่โม่ ไม่รู้สึกดีสักนิดที่หลี่โม่เปิดโปงกลอุบายแล้วกู้ความเสียหายกลับคืนมาได้ แต่กลับรู้สึกว่าหลี่โม่ทำให้ตัวเองเสียหน้าซินแสจางยื่นมือออกมาชี้ไปที่หลี่โม่ พูดอย่างโกรธแค้น “แกคิดว่านี่จะล้มฉันได้เหรอ? ฉันเองก็มีผู้สนับสนุนอยู่ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนเราจะเจอกันอีก ต่อไปก็ระวังตัวไว้แล้วกัน!”ในเมื่อถูกเปิดโปงแล้ว ซินแสจางก็ไม่คิดจะอยู่ต่อแล้ว เวลานี้ต้องรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางพวกลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะข้าง ๆ ไปล้อมรอบซินแสจาง แล้วป้องกันซินแสจางเดินออกไปหลี่โม่ตีหมิงเต๋อให้สลบ จากนั้นก็ขวางทางเดินของพวกซินแสจางไว้“คนหลอกลวงอยากจะหนีไป เกรงว่าจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“แกคิดจะทำอะไรอีก? แกจะสู้กับฉันให้ถึงที่สุดเลยใช่ไหม? ภูมิหลังตระกูลจางของเรา เป็นสิ่งที่แกจินตนาการไม่ถึง
“จะไปเกิดเรื่องได้ยังไง อย่าไปฟังเรื่องแก้แค้นที่เขาพูดเลยครับ ถ้ากรรมจะสนองก็ตามสนองคนหลอกลวงอย่างไอ้แก่นั่นแหละ” หลี่โม่พูดยิ้ม ๆกู้หยุนหลานพยักหน้า รู้สึกว่าที่หลี่โม่พูดมีเหตุผล ดูจากเรื่องพวกนั้นที่ซินสางทำ ต่อให้มีกรรมก็คงจะตกลงที่หัวเขาเองนั่นแหละกู้เจี้ยนกั๋วไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวแล้ว แขกหลักในงานเลี้ยงถูกพาตัวออกไปแล้ว เขาเองก็กลายเป็นตัวตลกของวงการ ถ้ายังมีกะจิตกะใจจะกินข้างอยู่ก็บ้าแล้ว“แยกย้ายเถอะ วันนี้เป็นเรื่องตลกให้ทุกคนจริง ๆ” กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยใบหน้าอึมครึมบรรดาแขกต่างก็ยิ้มปลอบใจกู้เจี้ยนกั๋ว เห็นกู้เจี้ยนกั๋วอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหลี่โม่กับกู้หยุนหลานจับมือกันเดินออกไป กู้เจี้ยนกั๋วเห็นแผ่นหลังของทั้งสองคนเดินออกไป ก็ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างโหดร้าย“ถุย!”กู้เจี้ยนกั๋วมีประกายความมุ่งร้ายในสายตา “นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!”“พี่ใหญ่ ฉันว่าเราพักกันก่อนสักพักเถอะ เรื่องการก่อสร้างโรงงาน ก็ให้หยุนหลานเป็นคนจัดการไป” กู้เจี้ยนเจียงพูดพร้อมสายตาวูบไหวที่นั่นมีคนตายหกคน แถมยังมีพลังไม่ดีอีก ถึงซินแสจางจะถูกจับกุมไป แต่ข่าวลือไม่หายไปอย่
ราชินีมังกรรักชีวิตตัวเองมาก เพราะป้องกันการลอบสังหารที่อาจจะมีอยู่ เธอไม่ลังเลที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างเครื่องมือเดินทางของเธอเองราชินีมังกรที่แต่งเต็มยศนั่งอยู่ในรถ ในมือถือแก้วไวน์พลางแกว่งเบา ๆ แม้ว่าเธอจะอายุไม่น้อยแล้ว แต่ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษาอย่างระมัดระวัง ราชินีมังกรจึงดูเหมือนอยู่ในวัยสามสิบกว่าเท่านั้น ราวกับหญิงสาวแสนสวยในช่วงวัยแรกรุ่นผิวขาวเปล่งปลั่งเป็นประกาย เครื่องแต่งกายที่สั่งตัดเฉพาะขับเน้นรูปร่างที่สวยงามของราชินีมังกร ราวกับว่ากาลเวลาไม่ได้ทำลายรูปร่างหน้าตาของเธอได้เลย แถมยังมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ที่ยิ่งทำให้คนน้ำลายสออีกด้วยจางเต๋ออู่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ในรถที่กว้างขวาง ในใจเกลียดหลี่โม่มาก“นาย ทำไมถึงไปลอบสังหารหลี่โม่!” ราชินีมังกรพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“ไม่ใช่เพราะผมอยากปูทางให้คุณขึ้นรับตำแหน่งเหรอ หลี่โมขัดขวางอยู่ แค่ฆ่าเขาไปเลยก็จบเรื่องแล้ว” จางเต๋ออู่พูดเสียงเบา“นายจะปูทางให้ฉันขึ้นรับตำแหน่ง? นายมีคุณสมบัติอะไรมาปูทางให้ฉัน? สำเหนียกตัวเองไว้ด้วยนะจางเต๋ออู่!”จางเต๋ออู่ก้มหน้าลงอีก ก้มจนหัวเขาแทบจะจมลงไปในอกอย
หลังจากราชินีมังกรฟังสิ่งที่จางเต๋ออู่พูด สีหน้าของเธอก็เศร้าหมองเล็กน้อย“แต่ก็แค่ท่านปาคนเดียวเท่านั้น พวกจ้าวมังกรล้วนสนับสนุนฉัน มีการสนับสนุนของท่านปาอยู่ หลี่โม่ก็พลิกสถานการณ์อะไรไม่ได้หรอก อีกทั้งยังมีคนกำลังลงมือกับหลี่โม่อยู่ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือพยายามหากุญแจลับให้เจอโดยเร็วที่สุด”ราชินีมังกรพูดจบก็จิบไวน์ กลับมามีท่าที่สง่างามตามเดิม“มีคนจัดการเขาแล้ว?”จางเต๋ออู่มีประกายความตื่นเต้นในแววตา ขอแค่มีคนฆ่าหลี่โม่ได้ ก็เพียงพอสำหรับจางเต๋ออู่แล้ว“ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่นานหลี่โม่ได้จัดการร่างทดลองที่ทำโดยคนเหล่านั้นที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ร่างทดลองนั้นเป็นการทดลองที่ดัดแปลงพันธุกรรมในระยะแรกได้สำเร็จ แม้ว่าพันธุกรรมที่ถูกดัดแปลงจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่ก็เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาแล้ว”“ถูกหลี่โม่จัดการแล้ว? ได้ยินว่าคนพวกนั้นหลังจากที่ดัดแปลงพันธุกรรมแล้วก็ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย”จางเต๋ออู่แปลกใจและรู้สึกโชคดีโชคดีที่ตั้งแต่ต้นจนจบตนเองไม่ได้ไปตาต่อตากับหลี่โม่ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย“วิทยาศาสตร์บ้าบอ การดัดแปลงพันธุกรรมก็เป็
หลี่โม่ถามเรียบ ๆ “ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณต่อหน้า จากข้อมูลของทางผม ราชินีมังกรออกเดินทางแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้เช้าน่าจะถึงกรุงโซล แต่ผมรู้สึกว่าเธอไม่น่าจะไปหาคุณทันที” ท่านปาพูดอย่างเคารพมาก ๆหลี่โม่ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าราชินีมังกรจะมาล่วงหน้า“คุณคิดว่าเธอจะไปหาคุณก่อนเหรอ?”“แน่นอนครับ จางเต๋ออู่ไอ้บ้านั้นหนีกลับไปแล้ว ครั้งนี้มาพร้อมกับราชินีมังกร ผมคาดว่าเขาจะต้องพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับผม ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าราชินีมังกรจะเรียกพบผมหรือเปล่า ผมก็ต้องไปพบเธอก่อน”ท่านปาเล่าสถานการณ์และบอกหลี่โม่ด้วย เลี่ยงการทำให้หลี่โม่เข้าใจผิดว่าตัวเองกับราชินีมังกรสมรู้ร่วมคิดกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วหลี่โม่ไม่ให้ยาแก้พิษกับตัวเองก็คงจบเห่แน่หลี่โม่เงียบไปครู่หนึ่ง ลูบคางแล้วพูด “ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่ามันค่อนข้างแปลก คุณบอกมาว่าทำไมราชินีมังกรต้องมาไกลขนาดนั้นเพื่อมาหาผมด้วย เธอน่าจะเกลียดผมจนอยากให้ตายไปเลยถึงจะถูก”“เอ่อ...”ท่านปาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างลึกลับ “ผมได้ยินข่าวลือมา แต่บอกก่อนนะว่ายังไม่ยืนยันว่าเป็นจริง ได้ยินข่าวลือมาว่าในมือของคุณมีกุญแจลับที่ไขคลังสมบัติของแดนมังก
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา