หัวหน้าหน่วยลับมองลูกทีมที่อยู่ไม่ไกลล้มลงไปสองคนก็ประหลาดใจเล็กน้อย“หลบให้ดี อีกฝ่ายมีนักแม่นปืน ทีมหนึ่ง ทีมสองเตรียมโจมตี!”“ทีมหนึ่งเตรียมพร้อม”“ทีมสองเตรียมพร้อม”ในหนึ่งหน่วยลับมีสิบสองคน ในนั้นจะแบ่งออกเป็นสี่ทีมต่อสู้เล็กทีมละสามคนทีมหนึ่งกับทีมสองกำลังเผชิญหน้าอยู่ตรงตำแหน่งของหลี่โม่ อีกทั้งสองทีมเล็กทำมุมเก้าสิบองศาด้วย ซึ่งเป็นมุมปิดล้อมที่ดีที่สุดพอดี“ไป!”ตึง ตึง ตึงเสียงฝีเท้ารัว ๆ ดังขึ้น ทั้งสองทีมพุ่งตรงไปยังทางที่หลี่โม่เพิ่งยิงไปเมื่อกี้หลี่โม่หลับตาเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้า มือขวายกขึ้นอีกครั้งแล้วยิงไปในทิศทางนั้นทันทีปัง ปัง ปัง!“โอ๊ย!”เสียงร้องน่าสงสารดังขึ้นทีมเล็กทีมแรกมีสามคน มีสองคนถูกหลี่โม่ยิงหัวโดยไม่ได้มองตอนยิง ส่วนอีกคนหลบได้ กระสุนเฉียดไปทางใบหู โดนหูไปครึ่งหนึ่งคนที่กลายเป็นมีใบหูครึ่งหนึ่งนั้น ยกปืนขึ้นมากราดยิงไปที่ตำแหน่งของหลี่โม่ กระสุนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วทำลายกระจกรถตู้ทั้งหมดไปหัวหน้าทีมเล็กทีมที่สองทำสัญญาณมือให้รีบไปข้างหน้า เตรียมตัวจะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับหลี่โม่ในระยะประชิดพวกอันธพาลตกใจเสียงปืนจนกุมหัวหมอบลงไปหลังร
ผู้คุ้มกันที่กำลังรีบขับรถมา ได้ยินรายงานของหัวหน้าหน่วยลับแล้วก็เริ่มมีจิตสังหารเกิดขึ้นแล้ว“พวกคุณจะอยู่ให้มันเป็นขยะไปเฉย ๆ หรือไง!”“พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว แต่อีกฝ่ายเก่งเกินไป”“กราดยิงไปซะ ใช้อาวุธหนักแล้วฆ่ามันไปเลย!”ผู้คุ้มกันพูดอย่างโกรธแค้นหัวหน้าหน่วยลับอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันพูด “ครับ!” “เตรียมระเบิดให้พร้อม แล้วโจมตีเข้าไป”หัวหน้าหน่วยลับรับคำสั่งอย่างเย็นชาหน่วยลับเอาปืนยิงระเบิดออกจากระเป๋าอาวุธแล้วเอามาติดตั้งที่ปืน เตรียมพร้อมที่จะยิงระเบิดโจมตีหลี่โม่พุ่งตัวออกมาอย่างเร็วราวกับวิญญาณ ในตอนที่หน่อวยลับออกมาจากที่ซ่อน เตรียมจะยิงระเบิดโจมตี ปากกระบอกปืนของหลี่โม่ก็เล็งไปที่พวกเขาแล้ว“ศัตรูโจมตี! ยิงสิ รีบยิงเร็วเข้า! ”หางตาของหน่วยลับกระตุก ตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งนิ้วของหน่วยลับหลบออกมาจากปืนยิงระเบิดแล้ว แต่ตอนที่กำลังจะกลับไปลั่นไกปืนนั้น หลี่โม่ก็ลั่นไกปืนมารัว ๆ แล้วปัง ปัง ปังเสียงปืนดังรัว จากนั้นสมาชิกหน่วยลับที่เหลืออยู่สี่คนก็ค่อย ๆ ล้มลงหลี่โม่ไม่ได้ไปดูร่างของหน่วยลับที่ตาย กลับหันไปมองท้องฟ้าโดรนลำหนึ่งบินอยู่กลางอากาศ
การที่รอดพ้นจากความตาย เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนต่างดีใจกันมาก ตอนที่เผชิญหน้ากับห่ากระสุนจากหน่วยลับเมื่อครู่ ทุกคนตั้งแต่ชูจงเทียนไปจนถึงผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ต่างรู้สึกว่าพวกตนจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่หลี่โม่กลับใช้ภาพตรงหน้าบอกพวกเขาว่าวีรบุรุษคือใคร เมื่อลูกน้องของชูจงเทียนเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา ก็ต่างโค้งคำนับให้กับหลี่โม่ด้วยความเคารพเพื่อแสดงความขอบคุณจากใจต่อหลี่โม่ กู้หยุนหลานวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่โม่ มือทั้งสองข้างกอดเอวของหลี่โม่ไว้แน่น เธอเขย่งเท้าเงยหน้า ริมฝีปากแดงประทับจูบลงบนริมฝีปากของหลี่โม่ ชีวิตที่เหลือรอดหลังผ่านภัยพิบัติทำให้กู้หยุนหลานไม่สนใจเรื่องความเขินอายอีก คิดเพียงแค่ว่าช่างดีจริง ๆ ที่รอดชีวิตมาด้วยกันกับหลี่โม่ หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ผละออกจากกัน เมื่อกู้หยุนหลานมองไปยังผู้คนที่กำลังยิ้มแย้มอยู่รอบ ๆ แก้มทั้งสองข้างก็พลันร้อนผ่าวและรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ชูจงเทียนเดินเข้ามาด้วยการประคับประคองของลูกน้อง "คุณหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ เดิมทีผมคิดจะมาช่วย แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายกลับต้องพึ่งคุณหลี่มาช่วยชีวิต” "ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ เมื่อกี้ถ้
แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่ใช่หมารับใช้ แต่กุ่ยอี้ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่นั้นแท้จริงแล้วคือหมารับใช้ "ฮ่าฮ่า แค่เห็นสภาพแบบนี้ของนายก็รู้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าเจ้านายของนายคือใคร? แต่ฉันอยากรู้มากว่าใครกันที่คิดอยากจะทำร้ายฉัน" หลี่โม่พูดอย่างสงบนิ่ง “รอนายกลายเป็นศพแล้ว ฉันจะบอกให้ฟังแน่นอน ยอมรับซะเถอะ!” กุ่ยอี้อ้อมมือทั้งสองข้างไปข้างหลัง แล้วมีดสั้นสองเล่มก็ปรากฏขึ้นในมือ หลี่โม่ยิ้มพลางโยนปืนพกทิ้ง เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างกุ่ยอี้ ปืนพกก็เหมือนของเล่น มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย "เข้ามาเลย" หลี่โม่กระดิกนิ้วให้กุ่ยอี้ กุ่ยอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องไปที่หลี่โม่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนขยับเข้าไปใกล้หลี่โม่ด้วยระยะก้าวสั้น ๆ ในระยะทางสั้น ๆ เพียงสิบกว่าเมตร กุ่ยอี้กลับใช้เวลาเดินถึงสองนาที ในช่วงสองนาทีนี้กุ่ยอี้คอยสังเกตช่องโหว่ของหลี่โม่อยู่ตลอด แต่หลี่โม่นั้นไม่มีช่องโหว่อะไรเลยแม้แต่น้อย เมื่ออยู่ห่างจากหลี่โม่เพียงสามเมตร สองขาของกุ่ยอี้ก็ออกแรงอย่างฉับพลัน แล้วพุ่งเข้าใส่หลี่โม่ด้วยความเร็วสูง แทงมีดสั้นสองเล่มในมือเล็งไปที่ลำคอและหัวใจของหลี่โม่ ด้วยแ
กุ่ยอี้กุมจมูก รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง เดิมคิดว่าจะสามารถจัดการหลี่โม่ได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กุ่ยอี้ได้ค้นพบความจริงของเรื่องนี้แล้วว่า ตนเองต่างหากที่สามารถถูกหลี่โม่จัดการได้อย่างง่ายดาย หลังจากต่อยหมัดแรกเสร็จโดยไม่มีความลังเล หลี่โม่ก็ยังคงเหวี่ยงกำปั้นซัดใส่กุ่ยอีต่ออย่างรุนแรง “เรื่องแข่งกินเหล้าเป็นฝีมือของแกสินะ! ถ้าไม่ใช่เพราะระบบเผาผลาญแอลกอฮอล์ของฉันเร็ว! ก็คงโดนแกเล่นงานไปแล้วจริง ๆ นั่นแหละ!” “เรื่องรถบรรทุกก็เป็นฝีมือแกสินะ! กะจะชนกันเล่นถึงตายเลยใช่ไหม! แกนี่กวนส้นเท้าจริง ๆ !” “แล้วเรื่องหน่วยลับล่ะ เจ้านายของแกเป็นคนจัดมาหรือเปล่า? เจ้านายของแกคือใครในแดนมังกร พูดออกมา ฉันจะไปฆ่ามันซะ!” หลี่โม่ตะคอกไปพลางต่อยกุ่ยอี้อย่างแรง แต่กุ่ยอี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กลับแม้แต่น้อย ไม่นานก็ถูกหลี่โม่โจมตีจนปวกเปียกหมดสภาพ กระดูกในร่างกายท่อนบนของกุ่ยอี้แทบจะถูกหลี่โม่ซัดจนหักไปเกือบหมด เขาล้มลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงและกระอักเลือดออกมาไม่หยุด “แก แกจะต้องถูกลงโทษ พวกเขาจะแก้แค้นให้กับฉัน!” กุ่ยอี้จ้องมองที่หลี่โม่อย่างโกรธแค้น ราวกับจะฆ่าหลี่โม่ด้วย
คิดจนปวดหัวแล้วท่านปาก็ยังคิดวิธีที่จะได้ผลดีกับทั้งสองฝ่ายไม่ออก รู้สึกเพียงแค่จางเต๋ออู่จะตายไม่ได้เด็ดขาด ถ้าจางเต๋ออู่ตายล่ะก็ ตนเองก็คงจะต้องตายไปด้วยเช่นกัน "เตรียมรถ! ทุกคนขึ้นรถให้หมด รีบไปหาเจ้าชายมังกร!" ท่านปาลุกยืนขึ้นและตะโกนลั่น "หา? แต่ถ้าท่านไปที่นั่น ท่านจะต้องพบกับจางเต๋ออู่นะครับ" ผู้ช่วยเอ่ยเตือนสติ "ไม่มีเวลาสนใจอะไรมากแล้ว จะปล่อยให้เจ้าชายมังกรฆ่าจางเต๋ออู่ไม่ได้ ถ้าจางเต๋ออู่ตาย ฉันก็จะตายด้วยเหมือนกัน!" ผู้ช่วยไม่กล้าพูดอะไรอีก และรีบออกไปจัดการทันที ไม่นานท่านปาก็เข้าไปนั่งในรถและขบวนรถขนาดใหญ่ก็เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ มุ่งหน้าไปยังถนนปินเจียง “เร็ว ๆ หน่อย ให้ตายเถอะ รีบหน่อยได้ไหม! ถ้ายังอืดอาดยืดยาด พวกแกได้ตายกันหมดแน่!” ท่านปาคำรามด้วยความหงุดหงิด ผู้ช่วยหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาออกคำสั่ง ขบวนรถพลันเร่งความเร็วและเริ่มวิ่งทะยานไปบนถนน ท่านปานวดที่หว่างคิ้ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลขของจางเต๋ออู่ จางเต๋ออู่ได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ จึงหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นท่านปานั่นเอง เขาลังเลอยู่นานแต่ก็ไม่ได้รับส
"อะไรนะ?" จางเต๋ออู่เบิกตากว้างมองไปทางกุ่ยเอ้อที่อยู่ข้าง ๆ กุ่ยเอ้อพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและปวดร้าว "เขาตายแล้ว ด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง ผมรู้สึกได้ว่าเขาต้องการให้พวกเราล้างแค้นเขาด้วยครับ" จางเต๋ออู่รู้ว่ามารคุ้มกันทั้งสี่ของเขาค่อนข้างเร้นลับ แม้ว่ากระแสจิตจะไม่สามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ แต่มันมีอยู่จริงในตัวพวกเขา “พวกนายล้างแค้นให้เขาได้เหรอ?” จางเต๋ออู่ถามอย่างค่อนข้างกระวนกระวายใจ กุ่ยอี้ยังเสร็จมันเร็วขนาดนี้ จางเต๋ออู่ไม่เชื่อว่ากุ่ยเอ้อและคนอื่น ๆ จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่โม่ กุ่ยเอ้อส่ายหัว "ถ้าพวกเราลงมือพร้อมกันสี่คนอาจสามารถเอาชนะหลี่โม่ได้ แต่ตอนนี้กุ่ยอี้ไม่อยู่แล้ว พวกเราไม่สามารถใช้วิธีการโจมตีประสานได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่เลย" หัวใจของจางเต๋ออู่พลันเย็นวาบ ถ้าเขายังจะเดินหน้าไปต่อคงมีแต่ตายสถานเดียว "เลี้ยวรถ! กลับ รีบออกจากกรุงโซลให้เร็วที่สุด!" จางเต๋ออู่พูดด้วยความตื่นตระหนก รถเบนซ์กลับหัวรถแล้วแล่นสวนทางกลับไปทันที จางเต๋ออู่ลูบหน้าผากและพูดว่า "พวกนายมีแผนที่จะล้างแค้นให้กุ่ยอี้ไหม?" “เราต้องแก้แค้นให้แน่นอน
"พูดมา" น้ำเสียงของหลี่โม่เย็นชาขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นเพียงคำคำเดียว แต่เมื่อบวกกับน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ท่านปาก็พลันรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่าง ราวกับว่ามีภูเขาน้ำแข็งกดทับอยู่บนหัวของเขา “ครับ จางเต๋ออู่ผู้เป็นคนสนิทข้างกายราชินีมังกร จางเต๋ออู่แม้จะบอกว่าเป็นคนสนิท แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นนายบำเรอของราชินีมังกร ดังนั้นคุณอย่าไปสืบสาวเรื่องนี้เลยครับนายน้อย” ท่านปาเอ่ยเกลี้ยกล่อมเสียงค่อย “นายบำเรอข้างกายราชินีมังกร? งั้นที่เขามาเพื่อฆ่าฉัน เป็นความตั้งใจของราชินีมังกรงั้นเหรอ?” ดวงตาของหลี่โม่หรี่ลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ไม่ใช่ความตั้งใจของราชินีมังกรอย่างแน่นอน มันเป็นความคิดของจางเต๋ออู่เอง ว่ากันว่าราชินีมังกรมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา ผมจึงเดาว่าเขามีแผนการบางอย่าง” หลังจากที่ท่านปาพูดจบ เขาก็นึกเสียใจขึ้นมา เสียใจที่รีบพูดจนไม่ได้คิดทบทวนเสียก่อนและแน่นอนว่าเขาพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปแล้ว "เอ้ย ๆ ๆ ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง นี่เป็นข่าวลือที่ผมได้ยินเขาว่ากันมา ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า" ท่านปาอธิบายด้วยสีหน้าขมขื่น หลี่โม่ยิ้มอย่างเย็นชา "คุณ