"อะไรนะ?" จางเต๋ออู่เบิกตากว้างมองไปทางกุ่ยเอ้อที่อยู่ข้าง ๆ กุ่ยเอ้อพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและปวดร้าว "เขาตายแล้ว ด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง ผมรู้สึกได้ว่าเขาต้องการให้พวกเราล้างแค้นเขาด้วยครับ" จางเต๋ออู่รู้ว่ามารคุ้มกันทั้งสี่ของเขาค่อนข้างเร้นลับ แม้ว่ากระแสจิตจะไม่สามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ แต่มันมีอยู่จริงในตัวพวกเขา “พวกนายล้างแค้นให้เขาได้เหรอ?” จางเต๋ออู่ถามอย่างค่อนข้างกระวนกระวายใจ กุ่ยอี้ยังเสร็จมันเร็วขนาดนี้ จางเต๋ออู่ไม่เชื่อว่ากุ่ยเอ้อและคนอื่น ๆ จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่โม่ กุ่ยเอ้อส่ายหัว "ถ้าพวกเราลงมือพร้อมกันสี่คนอาจสามารถเอาชนะหลี่โม่ได้ แต่ตอนนี้กุ่ยอี้ไม่อยู่แล้ว พวกเราไม่สามารถใช้วิธีการโจมตีประสานได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่เลย" หัวใจของจางเต๋ออู่พลันเย็นวาบ ถ้าเขายังจะเดินหน้าไปต่อคงมีแต่ตายสถานเดียว "เลี้ยวรถ! กลับ รีบออกจากกรุงโซลให้เร็วที่สุด!" จางเต๋ออู่พูดด้วยความตื่นตระหนก รถเบนซ์กลับหัวรถแล้วแล่นสวนทางกลับไปทันที จางเต๋ออู่ลูบหน้าผากและพูดว่า "พวกนายมีแผนที่จะล้างแค้นให้กุ่ยอี้ไหม?" “เราต้องแก้แค้นให้แน่นอน
"พูดมา" น้ำเสียงของหลี่โม่เย็นชาขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นเพียงคำคำเดียว แต่เมื่อบวกกับน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ท่านปาก็พลันรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่าง ราวกับว่ามีภูเขาน้ำแข็งกดทับอยู่บนหัวของเขา “ครับ จางเต๋ออู่ผู้เป็นคนสนิทข้างกายราชินีมังกร จางเต๋ออู่แม้จะบอกว่าเป็นคนสนิท แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นนายบำเรอของราชินีมังกร ดังนั้นคุณอย่าไปสืบสาวเรื่องนี้เลยครับนายน้อย” ท่านปาเอ่ยเกลี้ยกล่อมเสียงค่อย “นายบำเรอข้างกายราชินีมังกร? งั้นที่เขามาเพื่อฆ่าฉัน เป็นความตั้งใจของราชินีมังกรงั้นเหรอ?” ดวงตาของหลี่โม่หรี่ลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ไม่ใช่ความตั้งใจของราชินีมังกรอย่างแน่นอน มันเป็นความคิดของจางเต๋ออู่เอง ว่ากันว่าราชินีมังกรมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา ผมจึงเดาว่าเขามีแผนการบางอย่าง” หลังจากที่ท่านปาพูดจบ เขาก็นึกเสียใจขึ้นมา เสียใจที่รีบพูดจนไม่ได้คิดทบทวนเสียก่อนและแน่นอนว่าเขาพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปแล้ว "เอ้ย ๆ ๆ ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง นี่เป็นข่าวลือที่ผมได้ยินเขาว่ากันมา ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า" ท่านปาอธิบายด้วยสีหน้าขมขื่น หลี่โม่ยิ้มอย่างเย็นชา "คุณ
อีกฝั่งของมหาสมุทรอันไกลโพ้น ศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกลับ จางเจียต้งนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องบำบัดรักษา รังสีอัลตราไวโอเลตฉายทั่วร่างของจางเจียต้งจนแผ่เป็นรัศมีสีม่วง กลุ่มนักวิจัยผมบลอนด์ตาฟ้าในชุดโค้ทสีขาวกำลังเฝ้ามองจากนอกห้องบำบัด แต่ละคนต่างส่ายหัวไม่หยุด “เขาตกอยู่ในอาการโคม่าขั้นรุนแรง คลื่นสมองของเขาอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เพราะร่างกายของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงขั้นแรกมาแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงเสียชีวิตในระหว่างทางส่งกลับมาไปแล้ว” “ไอ้สารเลว ร่างทดลองขั้นต้นที่ประสบความสำเร็จได้อย่างยากลำบากถึงกับกลายเป็นแบบนี้ แล้วการวิจัยขั้นถัดไปจะทำยังไง! บอสโกรธมากกับเรื่องนี้!” "สถานการณ์ในปัจจุบันทำได้แค่รักษาชีวิตของเขาไว้ แต่ที่น่าแปลกใจมาก ถึงกับสามารถทำร้ายร่างกายทดลองได้ แต่สมรรถภาพในการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมาก แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการกลายร่างขั้นต้นก็ตาม" ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ผู้อาวุโสที่สุดที่มีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลาส่ายหัว "เอาผลการตรวจสอบไปที่ห้องประชุมเถอะ ท่านดยุกบรูทกำลังรอเราอยู่" “บอสมาด้วยตัวเองเลยเหรอ? พระเจ้า พวกเราคงไม่ถูกฆ่ากันหมดใช่ไหม ใจ
“แดนมังกร” มือที่โบกไปมาในอากาศของท่านดยุกบรูทชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาของเขาพลันส่องประกายความประหลาดใจ "เวรเอ๊ย! คนที่ลงมือเป็นใครในแดนมังกร?" ทอมส่งแท็บเล็ตให้ท่านดยุกบรูทและสิ่งที่ท่านดยุกบรูทเห็นก็คือรูปถ่ายของหลี่โม่ หลังจากนั้นท่านดยุกบรูทก็เริ่มก้มลงอ่านข้อมูล เมื่ออาจข้อมูลทั้งหมดและสรุปสถานการณ์ในวันที่เกิดเหตุขึ้นกับจางเจียต้งจบ ดวงตาของท่านดยุกบรูทก็เป็นประกายขึ้นมา “ชายหนุ่มผู้เคยถูกแดนมังกรทอดทิ้ง ตอนนี้ได้กลายเป็นผู้สืบทอดของแดนมังกรอีกครั้งงั้นเหรอ? แต่ถึงเขาจะได้ครอบครองแดนมังกร เขาก็ไม่ควรมาทำลายการทดลองของฉัน!” "บอส ผมคิดว่านี่เป็นโอกาส เราสั่งให้คนลักพาตัวเขามาสิครับ หากมีเขาเราก็สามารถเจรจากับแดนมังกรได้ ผมคิดว่าคัมภีร์บางส่วนของตะวันออกจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการทดลองของเรา แต่คัมภีร์เหล่านั้นล้วนอยู่ในโกดังของแดนมังกรทั้งหมด" บรูทครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและลืมตาขึ้นพูดว่า "ลองทดสอบดูก่อน สถานที่สำหรับการแข่งขันชกมวยนานาชาติในเร็ว ๆ นี้ยังไม่ได้กำหนด นายสามารถไปจัดที่กรุงโซลได้และหาทางให้หลี่โม่ขึ้นชกในสังเวียนก็แล้วกัน" “หึหึ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ มวยใต้
มันมุ่งเป้าไปที่หลี่โม่อย่างที่คิดจริง ๆ ! ชูจงเทียนรู้สึกตกตะลึง สีหน้าของเขาพลันบึ้งตึงขึ้นมา "เอาอย่างนี้ งั้นผมขอคิดดูก่อนแล้วกัน แล้วผมจะให้คำตอบพวกคุณอีกทีหลังจากพิจารณาเสร็จแล้ว" "ฮะ ๆ ผมต้องให้เวลาคุณชูคิดได้อยู่แล้ว แต่คุณชูคุณมีเวลาพิจารณาเรื่องนี้ไม่มากนักนะครับ ผมหวังว่าจะได้รับคำตอบจากคุณก่อนเที่ยงตรงครับ" "ได้เลย" ชูจงเทียนเอ่ยอย่างเฉยเมย ในใจนึกอยากจะตอบกลับไปว่า ไอ้เวรเอ๊ย รอฟ้าสางฉันไปบอกเรื่องนี้กับหลี่โม่ เขาก็ไม่มีทางตกลงกับพวกแกหรอกโว้ย คนที่อยู่ปลายสายดูเหมือนจะรู้ล่วงรู้ความคิดของชูจงเทียน จึงเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน "จริงสิ ในกล่องอีเมลของคุณมีอีเมลอยู่ฉบับหนึ่ง คุณสามารถดูวิดีโอในอีเมลก่อนแล้วค่อยตัดสินใจทีหลังก็ได้นะครับ” เมื่ออีกฝ่ายวางสายไปแล้ว ชูจงเทียนก็ขมวดคิ้ว "วิดีโอ? พวกแกจะไปอัดวิดีโอวิดีโออะไรได้ อย่างดีก็เป็นวิดีโอที่ฉันหลับนอนกับผู้หญิง อย่างแย่ที่สุดแค่ปล่อยให้พวกแกเอาไปเผยแพร่ก็เท่านั้น" ชูจงเทียนพูดพึมพำ แล้วลงชื่อเข้าใช้อีเมลด้วยโทรศัพท์มือถือของเขา แน่นอนว่ามีอีเมลใหม่ในกล่องอีเมลอยู่จริง ๆ ชูจงเทียนคลิกเข้าไปดูอีเมล อีเมลไม่ได้
"คุณหลี่ ผมกำลังเจอปัญหาใหญ่ และจำเป็นต้องให้คุณหลี่ช่วยตัดสินใจครับ" ชูจงเทียนเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง "คุณอยู่ที่ไหน?" “อยู่ชั้นล่างบ้านคุณครับ” “เดี๋ยวผมลงไป” หลี่โม่วางสาย ในใจสงสัยว่าชูจงเทียนจะไปเจอปัญหาใหญ่อะไรได้ หรือมีใครมาแย่งชิงเขตอิทธิพลของเขาไปอีก? หวังฟางจ้องเขม็งไปที่หลี่โม่ "แกจะไปเสเพลอะไรของแกอีกแล้วใช่ไหม? แกเป็นแค่คนล่องลอยไม่มีงานทำ อย่าแสร้งทำตัวเป็นคนใหญ่คนโตมีงานการยุ่งนักเลย อยู่บ้านทำงานบ้านให้มันเอาจริงเอาจังซะบ้าง!” "แม่คะ ถ้าหลี่โม่ต้องจะออกไปเขาต้องมีธุระอะไรแน่ แม่ก็อย่าทำให้มันวุ่นวายเลยค่ะ" กู้หยุนหลานพูดโน้มน้าว “มันจะไปมีธุระอะไรได้ เป็นแค่คนไร้ประโยชน์แล้ววัน ๆ ยังจะไม่อยู่บ้าน เมื่อก่อนยังรู้จักทำงานบ้าน แต่ตอนนี้โดนลูกโอ๋จนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว แม้แต่งานบ้านงานเรือนก็ไม่ทำสักอย่าง” น้ำเสียงของหวังฟางไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่โม่กินข้าวสองสามคำอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับกู้หยุนหลาน “ที่รัก เหล่าชูเกิดเรื่องนิดหน่อย ผมจะลงไปดูก่อนว่าเขาเป็นยังไงบ้าง คุณค่อย ๆ กินข้าวนะ อีกเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่ทำงาน" "อืม คุณไปเถอะค่ะ" หลี่โม่ลุกขึ้นเดิน
ชูจงเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นความปีติยินดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “คุณหลี่ คุณตกลงที่จะเข้าร่วมการแข่งขันมวยใต้ดินนานาชาติจริง ๆ เหรอ? มัน… มันเป็นการแข่งขันที่อันตรายมาก ทุก ๆ ปีมีนักสู้ตายไปจำนวนมากเลยนะครับ! ผมหมายถึง คุณอย่าตัดสินใจเพราะเรื่องลูกชายของผมเลย ผมค่อยหาวิธีอื่นไปช่วยเขาก็ได้” ในเวลานี้ชูจงเทียนรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก แม้ว่าหลี่โม่จะตกลงเข้าร่วมการแข่งขัน แต่ชูจงเทียนก็ยังกังวลอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่ หากเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่ในการแข่งขันมวยใต้ดิน ชูจงเทียนรู้สึกว่าทั้งครอบครัวเขาคงจะต้องเกิดหายนะตามไปด้วย ชูจงเทียนตบหน้าผากด้วยความหงุดหงิดใจ มือทั้งสองข้างกำกางเกงแน่นแล้วพูดว่า "คุณหลี่ ผมคิดอะไรแย่เกินไป ผมไม่ควรดึงคุณเข้ามาเสี่ยงอันอันตรายกับเรื่องนี้ ผมติดต่อให้เพื่อนที่หงเหมินช่วยจัดการเรื่องนี้ดีกว่า" หลี่โม่ตบไหล่ชูจงเทียน "เหล่าชู สิ่งที่คุณกำลังพูดตอนนี้ต่างหากที่แย่ อย่าว่าแต่เรื่องที่คุณเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผมก่อนหน้านี้เลย ถ้าจะพูดง่าย ๆ ที่พวกเขาทำแบบนี้ก็เพราะมุ่งเป้ามาที่ผมไม่ใช่เหรอ?” "เรื่องนั้น ดูเหมือนจะมุ่งเป้ามาที่คุณนะค
กู้เจี้ยนเจียงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ไม่ไกล รอบตัวเขายังมีผู้รับเหมาหลายคน กลุ่มคนล้อมรอบกู้เจี้ยนเจียงพลางหัวเราะพูดคุย "หยุนหลานมาแล้ว รีบเข้ามารอก่อน ลุงใหญ่ของเธอไปรับซินแสจาง ท่านนี้เป็นคนใหญ่คนโตที่มีภูมิหลังมากมาย ส่วนสองท่านนี้อีกเดี๋ยวก็ระมัดระวังหน่อย อะไรไม่ควรพูดก็อย่าพูด" กู้หยุนหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย "นี่มันสมัยไหนแล้ว ทำไมถึงยังเชื่อในความเชื่อโชคลางล้าสมัยพวกนี้อยู่อีกล่ะคะ" "หึหึ หยุนหลานอย่าพูดจาเลอะเทอะ ซินแสจางไม่ใช่คนธรรมดา เทคนิคลับในการดูฮวงจุ้ยของตระกูลกู้สืบทอดกันมานานนับพันปีแล้ว เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลก ว่ากันว่าฝีมือของซินแสจางนั้นยอดเยี่ยมมาก ประธานหวัง พวกคุณช่วยบอกหลานสาวของผมหน่อยสิว่าซินแสจางสุดยอดแค่ไหน" กู้เจี้ยนเจียงเอ่ยวางมาดเป็นอาวุโส ประธานหวังและผู้รับเหมาคนอื่น ๆ ที่ติดตามอยู่ข้างกายกู้เจี้ยนเจียง ก็พากันเริ่มเล่าถึงเรื่องราวของซินแสจางกันน้ำลายกระเซ็นว่อน "เรื่องภูมิหลังของครอบครัวของซินแสจางคงไม่ต้องพูดมากแล้ว ก็เป็นตระกูลฮวงจุ้ยที่มีอายุนับพันปีนี่นะ ย่อมต้องเป็นเบอร์หนึ่งในโลกของฮวงจุ้ยอย่างแน่นอน เรามาพูดถึงสิ่งที่