ปัง ปัง ปังเสียงปืนดังขึ้นรัว ๆ ลูกน้องของชูจงเทียนต่างร้องอย่างน่าสงสารแล้วล้มลงพื้นติด ๆ กัน หลี่โม่ดึงกู้หยุนหลานไปหลบหลังประตูรถเบนซ์ แล้วดึงประตูให้คุ้มกันกู้หยุนหลานมากที่สุดหลังจากพวกลูกน้องของชูจงเทียนทยอยหลบไปที่รถแล้ว ก็มองไปรอบ ๆ อย่างตกใจพวกลูกน้องเอามาแค่กระบองเท่านั้น ไม่มีทางสู้กับปืนได้เลย ตอนนี้ได้ยินเสียงปืนก็ต่างมึนงงกัน ไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไร“มีปืนได้ยังไงกัน นี่มันกล้าเกินไปแล้ว กลางวันแสก ๆ แบบนี้ ไม่สนใจกฎของราชาเลยหรือไง? พวกเราเป็นแก๊งกันอยู่ที่นี่ก็ใช้แค่กระบอกเท่านั้นเอง”“ล้มไปแล้วหกคน ทางนั้นก็ยิงไปแค่หกนัด ไอ้นี่มันนักแม่นปืนนี่ ต้าเหยี่ยนแกอย่าโผล่หัวออกไปเชียวนะ! ระวังจะถูกปืน…”ปัง!คนที่ชื่อต้าเหยี่ยนโผล่หัวออกไปมองข้างนอกแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นก็ถูกปืนยิงเข้าที่หัวระเบิดแล้วเห็นหัวของต้าเหยี่ยนกระจุยแบบนั้น คนอื่น ๆ ก็ตกใจจนตัวสั่น ชั่วพริบตาก็รู้สึกว่าชีวิตไม่มีหวังเสียแล้ว“หลบกันให้ดีนะ! อย่าได้โผล่หัวออกมา ทางนั้นมันต้องเป็นนักแม่นปืนแน่ ๆ ไม่ใช่คนที่พวกเราจะจัดการได้!”“รีบโทรแจ้งตำรวจเร็ว มีเรื่องอะไรให้โทรแจ้งตำรวจ!”พวกลูกน้อ
อารมณ์ของจางเต๋ออู่บ้าคลั่งราวกับคนป่วยจิตผู้คุ้มกันเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนว่าหน่วยลับเองก็จะมีปัญหาเข้าแล้ว“ผมจะไปสั่งการที่เกิดเหตุเอง” ผู้คุ้มกันก้มหน้าพูด“แก? พวกแกไปแล้วใครจะคุ้มกันฉัน!” จางเต๋ออู่ตะโกนอย่างโมโห“ผมคนเดียวครับ พวกเขาอีกสามคนยังอยู่”จางเต๋ออู่เงียบไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าข้อเสนอของผู้คุ้มกันก็ไม่เลว ถ้าหน่วยลับมีปัญหาก็ยังมีผู้คุ้มกันที่คอยดูอยู่“ดี งั้นแกไป ทำอะไรให้มันเรียบร้อยนะ ถ้ายังติด ๆ ขัด ๆ แบบนี้ แกก็ไปสู้กับไอ้พวกบ้าที่ยุโรปเลย”ผู้คุ้มกันยิ้มขมขื่นและพูดอย่างจริงจัง “ผมจะพยายามเต็มที่ครับ”จางเต๋ออู่โบกมือ ผู้คุ้นกันจึงหันหลังออกจากห้องทำงานไป“หน่วยลับ กุ่ยอีครับผม”ผู้คุ้มกันออกจากห้องทำงานแล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาติดต่อหน่วยลับ“ผมคือหน่วยลับ เชิญกุ่ยอีเข้ามา”“ผมมารับช่วงต่ออำนาจสั่งการของพวกคุณ ตอนนี้เชื่อมต่อโดรนให้พวกคุณเรียบร้อย เป้าหมายอยู่ตรงรถเบนซ์ที่อยู่จุดกึ่งกลาง รอบนอกยังมีอันธพาลเจ้าถิ่นของกรุงโซลอีกเกือบร้อย ตอนนี้เจาะยางรถในที่เกิดเหตุได้เลย ป้องกันไม่ให้พวกมันขับรถฝ่าทะลุวงออกมา“รับทราบ”หล
หัวหน้าหน่วยลับมองลูกทีมที่อยู่ไม่ไกลล้มลงไปสองคนก็ประหลาดใจเล็กน้อย“หลบให้ดี อีกฝ่ายมีนักแม่นปืน ทีมหนึ่ง ทีมสองเตรียมโจมตี!”“ทีมหนึ่งเตรียมพร้อม”“ทีมสองเตรียมพร้อม”ในหนึ่งหน่วยลับมีสิบสองคน ในนั้นจะแบ่งออกเป็นสี่ทีมต่อสู้เล็กทีมละสามคนทีมหนึ่งกับทีมสองกำลังเผชิญหน้าอยู่ตรงตำแหน่งของหลี่โม่ อีกทั้งสองทีมเล็กทำมุมเก้าสิบองศาด้วย ซึ่งเป็นมุมปิดล้อมที่ดีที่สุดพอดี“ไป!”ตึง ตึง ตึงเสียงฝีเท้ารัว ๆ ดังขึ้น ทั้งสองทีมพุ่งตรงไปยังทางที่หลี่โม่เพิ่งยิงไปเมื่อกี้หลี่โม่หลับตาเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้า มือขวายกขึ้นอีกครั้งแล้วยิงไปในทิศทางนั้นทันทีปัง ปัง ปัง!“โอ๊ย!”เสียงร้องน่าสงสารดังขึ้นทีมเล็กทีมแรกมีสามคน มีสองคนถูกหลี่โม่ยิงหัวโดยไม่ได้มองตอนยิง ส่วนอีกคนหลบได้ กระสุนเฉียดไปทางใบหู โดนหูไปครึ่งหนึ่งคนที่กลายเป็นมีใบหูครึ่งหนึ่งนั้น ยกปืนขึ้นมากราดยิงไปที่ตำแหน่งของหลี่โม่ กระสุนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วทำลายกระจกรถตู้ทั้งหมดไปหัวหน้าทีมเล็กทีมที่สองทำสัญญาณมือให้รีบไปข้างหน้า เตรียมตัวจะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับหลี่โม่ในระยะประชิดพวกอันธพาลตกใจเสียงปืนจนกุมหัวหมอบลงไปหลังร
ผู้คุ้มกันที่กำลังรีบขับรถมา ได้ยินรายงานของหัวหน้าหน่วยลับแล้วก็เริ่มมีจิตสังหารเกิดขึ้นแล้ว“พวกคุณจะอยู่ให้มันเป็นขยะไปเฉย ๆ หรือไง!”“พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว แต่อีกฝ่ายเก่งเกินไป”“กราดยิงไปซะ ใช้อาวุธหนักแล้วฆ่ามันไปเลย!”ผู้คุ้มกันพูดอย่างโกรธแค้นหัวหน้าหน่วยลับอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันพูด “ครับ!” “เตรียมระเบิดให้พร้อม แล้วโจมตีเข้าไป”หัวหน้าหน่วยลับรับคำสั่งอย่างเย็นชาหน่วยลับเอาปืนยิงระเบิดออกจากระเป๋าอาวุธแล้วเอามาติดตั้งที่ปืน เตรียมพร้อมที่จะยิงระเบิดโจมตีหลี่โม่พุ่งตัวออกมาอย่างเร็วราวกับวิญญาณ ในตอนที่หน่อวยลับออกมาจากที่ซ่อน เตรียมจะยิงระเบิดโจมตี ปากกระบอกปืนของหลี่โม่ก็เล็งไปที่พวกเขาแล้ว“ศัตรูโจมตี! ยิงสิ รีบยิงเร็วเข้า! ”หางตาของหน่วยลับกระตุก ตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งนิ้วของหน่วยลับหลบออกมาจากปืนยิงระเบิดแล้ว แต่ตอนที่กำลังจะกลับไปลั่นไกปืนนั้น หลี่โม่ก็ลั่นไกปืนมารัว ๆ แล้วปัง ปัง ปังเสียงปืนดังรัว จากนั้นสมาชิกหน่วยลับที่เหลืออยู่สี่คนก็ค่อย ๆ ล้มลงหลี่โม่ไม่ได้ไปดูร่างของหน่วยลับที่ตาย กลับหันไปมองท้องฟ้าโดรนลำหนึ่งบินอยู่กลางอากาศ
การที่รอดพ้นจากความตาย เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนต่างดีใจกันมาก ตอนที่เผชิญหน้ากับห่ากระสุนจากหน่วยลับเมื่อครู่ ทุกคนตั้งแต่ชูจงเทียนไปจนถึงผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ต่างรู้สึกว่าพวกตนจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่หลี่โม่กลับใช้ภาพตรงหน้าบอกพวกเขาว่าวีรบุรุษคือใคร เมื่อลูกน้องของชูจงเทียนเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา ก็ต่างโค้งคำนับให้กับหลี่โม่ด้วยความเคารพเพื่อแสดงความขอบคุณจากใจต่อหลี่โม่ กู้หยุนหลานวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่โม่ มือทั้งสองข้างกอดเอวของหลี่โม่ไว้แน่น เธอเขย่งเท้าเงยหน้า ริมฝีปากแดงประทับจูบลงบนริมฝีปากของหลี่โม่ ชีวิตที่เหลือรอดหลังผ่านภัยพิบัติทำให้กู้หยุนหลานไม่สนใจเรื่องความเขินอายอีก คิดเพียงแค่ว่าช่างดีจริง ๆ ที่รอดชีวิตมาด้วยกันกับหลี่โม่ หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ผละออกจากกัน เมื่อกู้หยุนหลานมองไปยังผู้คนที่กำลังยิ้มแย้มอยู่รอบ ๆ แก้มทั้งสองข้างก็พลันร้อนผ่าวและรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ชูจงเทียนเดินเข้ามาด้วยการประคับประคองของลูกน้อง "คุณหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ เดิมทีผมคิดจะมาช่วย แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายกลับต้องพึ่งคุณหลี่มาช่วยชีวิต” "ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ เมื่อกี้ถ้
แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่ใช่หมารับใช้ แต่กุ่ยอี้ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่นั้นแท้จริงแล้วคือหมารับใช้ "ฮ่าฮ่า แค่เห็นสภาพแบบนี้ของนายก็รู้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าเจ้านายของนายคือใคร? แต่ฉันอยากรู้มากว่าใครกันที่คิดอยากจะทำร้ายฉัน" หลี่โม่พูดอย่างสงบนิ่ง “รอนายกลายเป็นศพแล้ว ฉันจะบอกให้ฟังแน่นอน ยอมรับซะเถอะ!” กุ่ยอี้อ้อมมือทั้งสองข้างไปข้างหลัง แล้วมีดสั้นสองเล่มก็ปรากฏขึ้นในมือ หลี่โม่ยิ้มพลางโยนปืนพกทิ้ง เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างกุ่ยอี้ ปืนพกก็เหมือนของเล่น มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย "เข้ามาเลย" หลี่โม่กระดิกนิ้วให้กุ่ยอี้ กุ่ยอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องไปที่หลี่โม่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนขยับเข้าไปใกล้หลี่โม่ด้วยระยะก้าวสั้น ๆ ในระยะทางสั้น ๆ เพียงสิบกว่าเมตร กุ่ยอี้กลับใช้เวลาเดินถึงสองนาที ในช่วงสองนาทีนี้กุ่ยอี้คอยสังเกตช่องโหว่ของหลี่โม่อยู่ตลอด แต่หลี่โม่นั้นไม่มีช่องโหว่อะไรเลยแม้แต่น้อย เมื่ออยู่ห่างจากหลี่โม่เพียงสามเมตร สองขาของกุ่ยอี้ก็ออกแรงอย่างฉับพลัน แล้วพุ่งเข้าใส่หลี่โม่ด้วยความเร็วสูง แทงมีดสั้นสองเล่มในมือเล็งไปที่ลำคอและหัวใจของหลี่โม่ ด้วยแ
กุ่ยอี้กุมจมูก รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง เดิมคิดว่าจะสามารถจัดการหลี่โม่ได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กุ่ยอี้ได้ค้นพบความจริงของเรื่องนี้แล้วว่า ตนเองต่างหากที่สามารถถูกหลี่โม่จัดการได้อย่างง่ายดาย หลังจากต่อยหมัดแรกเสร็จโดยไม่มีความลังเล หลี่โม่ก็ยังคงเหวี่ยงกำปั้นซัดใส่กุ่ยอีต่ออย่างรุนแรง “เรื่องแข่งกินเหล้าเป็นฝีมือของแกสินะ! ถ้าไม่ใช่เพราะระบบเผาผลาญแอลกอฮอล์ของฉันเร็ว! ก็คงโดนแกเล่นงานไปแล้วจริง ๆ นั่นแหละ!” “เรื่องรถบรรทุกก็เป็นฝีมือแกสินะ! กะจะชนกันเล่นถึงตายเลยใช่ไหม! แกนี่กวนส้นเท้าจริง ๆ !” “แล้วเรื่องหน่วยลับล่ะ เจ้านายของแกเป็นคนจัดมาหรือเปล่า? เจ้านายของแกคือใครในแดนมังกร พูดออกมา ฉันจะไปฆ่ามันซะ!” หลี่โม่ตะคอกไปพลางต่อยกุ่ยอี้อย่างแรง แต่กุ่ยอี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กลับแม้แต่น้อย ไม่นานก็ถูกหลี่โม่โจมตีจนปวกเปียกหมดสภาพ กระดูกในร่างกายท่อนบนของกุ่ยอี้แทบจะถูกหลี่โม่ซัดจนหักไปเกือบหมด เขาล้มลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงและกระอักเลือดออกมาไม่หยุด “แก แกจะต้องถูกลงโทษ พวกเขาจะแก้แค้นให้กับฉัน!” กุ่ยอี้จ้องมองที่หลี่โม่อย่างโกรธแค้น ราวกับจะฆ่าหลี่โม่ด้วย
คิดจนปวดหัวแล้วท่านปาก็ยังคิดวิธีที่จะได้ผลดีกับทั้งสองฝ่ายไม่ออก รู้สึกเพียงแค่จางเต๋ออู่จะตายไม่ได้เด็ดขาด ถ้าจางเต๋ออู่ตายล่ะก็ ตนเองก็คงจะต้องตายไปด้วยเช่นกัน "เตรียมรถ! ทุกคนขึ้นรถให้หมด รีบไปหาเจ้าชายมังกร!" ท่านปาลุกยืนขึ้นและตะโกนลั่น "หา? แต่ถ้าท่านไปที่นั่น ท่านจะต้องพบกับจางเต๋ออู่นะครับ" ผู้ช่วยเอ่ยเตือนสติ "ไม่มีเวลาสนใจอะไรมากแล้ว จะปล่อยให้เจ้าชายมังกรฆ่าจางเต๋ออู่ไม่ได้ ถ้าจางเต๋ออู่ตาย ฉันก็จะตายด้วยเหมือนกัน!" ผู้ช่วยไม่กล้าพูดอะไรอีก และรีบออกไปจัดการทันที ไม่นานท่านปาก็เข้าไปนั่งในรถและขบวนรถขนาดใหญ่ก็เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ มุ่งหน้าไปยังถนนปินเจียง “เร็ว ๆ หน่อย ให้ตายเถอะ รีบหน่อยได้ไหม! ถ้ายังอืดอาดยืดยาด พวกแกได้ตายกันหมดแน่!” ท่านปาคำรามด้วยความหงุดหงิด ผู้ช่วยหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาออกคำสั่ง ขบวนรถพลันเร่งความเร็วและเริ่มวิ่งทะยานไปบนถนน ท่านปานวดที่หว่างคิ้ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลขของจางเต๋ออู่ จางเต๋ออู่ได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ จึงหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นท่านปานั่นเอง เขาลังเลอยู่นานแต่ก็ไม่ได้รับส