กู้หยุนหลานบังคับให้ตัวเองถามอย่างใจเย็น"แม่คนสวย แกไม่รู้จริงเหรอว่าเพราะอะไร?"เหล่าไป่นั่งบนเก้าอี้พูดด้วยรอยยิ้ม และรับบุหรี่หงต้าซานจากลูกน้องของเขา "คนอื่นเป็นขุนนางที่ขี้ลืม แต่พอมาที่นี่กลับได้เจอคนสวยที่ขี้ลืมซะแล้ว""ฉันไม่รู้จักพวกนาย สรุปพวกนายเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม!" กู้หยุนหลานถามด้วยเสียงดัง"เฮ้ เฮ้ ถ้าแกจำไม่ได้งั้นก็ช่างมันเถอะ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแก แล้วก็เกี่ยวข้องกับไอ้สามีที่ไร้ประโยชน์ของแกด้วย ส่วนคนที่เหลือเหล่านี้ ถือว่าโชคร้ายไปก็แล้วกัน"แววตาของเหล่าไป่เต็มไปด้วยเรื่องตลก เขารู้สึกว่ามีความสุขมากที่ได้แกล้งกู้หยุนหลาน เพราะโอกาสที่จะได้แกล้งผู้หญิงที่สวยแบบนี้ไม่ได้มีมากนัก"กู้หยุนหลาน ก่อนหน้านี้แกกับหลี่โม่ไปทำเรื่องอะไรมา! พวกแกไปทำให้คนอื่นขุ่นเคืองก็อย่าเอาพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยสิ!” กู้ซิ่งเหว่ยถามด้วยความโมโหตอนนี้ถูกจับโดยคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนชั่วร้ายมาก พวกเขาดูบ้าคลั่ง เหมือนจะฆ่าคนได้จริง ๆ ! กู้หยุนหลานได้แต่ส่ายหัว ไม่สามารถตอบเสียงโวยวายของกู้ซิ่งเหว่ยได้ เพราะเธอนึกไม่ออกว่าเคยไปทำให้ใครขุ่นเคืองเรื่องของโอวหยาง และเรื่องของ
"แกเป็นใคร ! แกทำอะไรหยุนหลาน แกห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาด มีอะไรก็มาลงทีฉัน !" หลี่โม่คำรามเสียงดังกู้หยุนหลานถูกจับตัวไป ใครกันแน่ที่เป็นคนทำ ?ขณะที่หลี่โม่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ เขาก็รีบเดินออกจากบ้านโดยทันที ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ เขาต้องรีบไปช่วยกู้หยุนหลานให้เร็วที่สุด"อัยยะ ดูเหมือนว่าแกจะดูตื่นเต้นมาก คงจะเป็นห่วงเมียของแกมากใช่ไหม งั้นฉันจะให้แกฟังเสียงดนตรีประกอบก่อนก็แล้วกัน"เหล่าไป่ยื่นโทรศัพท์มือถือของเขาออกอย่างร่าเริงให้ได้ยินเสียงกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ที่กำลังถูกทุบตี เมื่อเห็นท่าทางของเหล่าไป่ กลุ่มลูกน้องอันธพาลของเขาก็ทุบตีกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ด้วยกำลังที่มากขึ้น"โอ๊ย! เจ็บ! ไอ้หลี่โม่ไอ้สารเลว แกทำให้พวกเราต้องถูกทำร้าย แกรีบออกมาที่นี่สิวะ!""ไอ้ขยะหลี่โม่ ถ้าแกยังขืนชักช้า ไม่รีบมาที่นี่ล่ะก็ เมียของแกคงได้ถูกคนอื่นกระทำย่ำยีแน่นอนเลยว่ะ ฮ่าฮ่า!""กู้หยุนหลาน แกรีบบอกไอ้สามีไม่เอาไหนของแก ให้มันรีบมาที่นี่เร็วเข้าสิ ไม่อย่างนั้นคนพวกนี้ได้ถูกทุบตีพวกเราจนตายแน่!"กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ต่อว่า เสียงดังไปถึงในโทรศัพท์ ได้ยินไปถึงหูของหลี่โม่เมื่อได
ผัวะ!คนอันธพาลทั้งสองยังไม่ทันจะส่งเสียง พวกเขาก็ถูกหลี่โม่ทุบตีจนหมดสติไปเสียแล้วเมื่อเห็นคนอันธพาลทั้งสองหมดสติไป หลี่โม่ก็รีบเดินเข้าไปในตัวอาคารและตรงไปที่ห้องประชุมหลี่โม่มาถึงที่ประตูห้องประชุมโดยไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดทาง เมื่อพวกคนอันธพาลเห็นหลี่โม่กำลังเดินเข้ามา พวกเขาเปิดประตูห้องประชุมพร้อมกับพูดอย่างเย้ยหยัน"พี่ไป่ ไอ้หลี่โม่มันมาแล้ว" เหล่าไป่ทำหน้าตกตะลึง จากนั้นก็เหลือบมองเวลาบนโทรศัพท์ และพูดอย่างไม่พอใจ "ไอ้สารเลวนี่มาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง! ทำไมมันไม่ปล่อยให้คนน่าสมเพชพวกนี้เล่นเกมส์กันก่อน"หลี่โม่และเหล่าไป่จ้องตากัน จากนั้นเขาก็ใช้เท้าดันประตูออก เตะคนเฝ้าหน้าประตูเข้าไปในห้องประชุม กู้หยุนหลานร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอรู้ว่าหลี่โม่ต้องมาแน่ แต่เธอไม่คิดว่าหลี่โม่จะมาเร็วขนาดนี้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นก็พากันถอนหายใจ ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเกมส์สิบนาทีของเหล่าไป่ แต่เมื่อเห็นคนอันธพาลถูกเตะเข้าไปในห้องประชุมโดยหลี่โม่ กู้หยุนหลานและของคนอื่น ๆ หัวใจก็เริ่มหนาวเย็นทันทีไอ้หลี่โม่มันต้องการจะทำอะไร!มันต้องการให้คนชั่วพวกนี้เอาพวกเราให้หายใช่ไหม
"ปล่อยให้มันเข้ามา ฉันจะอัดมันจนพ่อกับแม่มันจำไม่ได้เลย!" เหล่าไป่คำรามด้วยความโกรธเหล่าไป่รู้สึกว่าหลี่โม่กำลังเสแสร้ง และการเสแสร้งแบบนี้จะถูกทำลายด้วยกำปั้นเพียงหมัดเดียว ถึงเวลานั้นหลี่โม่ก็ทำได้เพียงร้องเรียกหาพ่อแม่และคุกเข่าขอความเมตตากู้หยุนหลานและคนอื่นต่างจ้องมองไปที่หลี่โม่ รอดูว่าหลี่โม่จะถูกทุบตีหรือไม่ เมื่อครู่นี้หลี่โม่ทั้งทำร้ายและคุกคามพวกเขา พวกเขาต้องการทำแบบเดียวกันให้หนักกว่าเดิมสิบครั้งร้อยครั้งบนร่างกายของหลี่โม่ถึงจะพอใจ พวกอันธพาลพุ่งเข้าหาหลี่โม่พร้อมกับเสียงคำราม ไม้เบสบอล และท่อเหล็กกวัดแกว่งอย่างดุเดือด ทุกคนพุ่งเข้าหาหลี่โม่พร้อมกันชายที่อยู่ข้างหลังเหล่าไป่พูดด้วยความเย้ยหยันว่า "พี่ไป่ พวกเรามาเสี่ยงโชคกันสนุก ๆ สักหน่อยดีกว่า มาดูกันว่าไอ้สารเลวนี่มันจะทนอยู่ได้สักกี่วินาทีกัน?"นี่คือเกมที่เหล่าไป่และพรรคพวกชอบเล่นกัน เมื่อก่อนส่วนมากจะเป็นเหล่าไป่ที่ชนะเหล่าไป่ตบริมฝีปากสองครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม "ฉันคิดว่าไอ้หมอนี้มีความโหดเหี้ยมในสายตาของมัน สำหรับมันสามนาทีคงไม่มีปัญหา""นี่ พี่ไป่พี่จะมองมันสูงเกินไปแล้ว ถึงไอ้คนพวกนี้จะมีฝืมือไม่เท่
เหล่าไป่เข้าใจความหมายของรุ่นน้องของเขา แต่เมื่อเห็นความกระฉับกระเฉงของหลี่โม่แบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า บางทีไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าเขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดทั้งหมดเป็นเพราะสายตาคู่นั้นของหลี่โม่ก่อนหน้านี้ สายตาที่ทำให้เหล่าไป่รู้สึกพูดอะไรไม่ออก"ระวังประสบการณ์พันปี ของพวกแกที่ฝึกฝนมา เมื่อมาเจอไอ้หมอนี้ จะใช้การณ์อะไรไม่ได้เลย"หลังจากที่เหล่าไป่พูดจบก็ชี้ไปที่พื้น มีคนอันธพาลนับสิบนอนอยู่บนพื้น แต่ละคนกุมหัวใจและคร่ำครวญ ไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นยืนรุ่นน้องสองคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวพร้อมกัน แบบนี้ไม่สามารถทำได้แน่นอน ต่อให้ถูกซ้อมจนตายก็ทำไม่ได้ หรือต่อให้ไม่โดนซ้อมจนตายก็ทำไม่ได้กู้หยุนหลานจ้องมองที่หลี่โม่ด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง กังวลว่าหลี่โม่จะได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าเธอจะเห็นฉากนี้ของหลี่โม่หลายครั้ง แต่กู้หยุนหลานก็ยังกังวลอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นคนอันธพาลเหล่านั้นถูกหลี่โม่ทุบตีทีละคน กู้หยุนหลานรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยกู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง และคนอื่นต่างก็จ้องมอง ดวงตาของพวกเขาใหญ่เท่าไข่ห่านและปากของพวกเขาเปิดกว้างกระพือในสายลมพวกเขาแท
"แล้วยังไง?" หลี่โม่พูดเบา ๆ พวกคนอันธพาลสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว คู่ต่อสู้ที่เหลืออยู่คือเหล่าไป่และรุ่นน้องอีกสองคนของเขาเท่านั้นแม้ว่าลักษณะของเหล่าไป่และคนอื่น ๆ จะไม่ได้อ่อนแอ แต่หลี่โม่ก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่นิดหากพวกเขาต้องการลงมือ หลี่โม่มั่นใจว่าพวกเขาจะอยู่ได้ไม่ถึงสามนาทีรุ่นน้องสองคนที่อยู่ข้างหลังเหล่าไป่ได้ก้าวมาข้างหน้าสองก้าว มายืนอยู่ด้านหน้าของเหล่าไป่ และก่อร่างราวกับเป็นคนเดียวกันกับเหล่าไป่นี่คือตำแหน่งเริ่มต้นของรูปแบบสามกระบวนท่าที่เหล่าไป่และรุ่นน้องสองคนของเขาฝึกฝนมาเป็นเวลานาน พวกเขาฝึกฝนตั้งแต่พวกเขายังฝึกศิลปะการต่อสู้ และพวกเขาได้ก็ฝึกฝนมาจนถึงปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างทั้งสามคนเรียกได้ว่าบรรลุถึงความสมบูรณ์แล้วเพียงแต่ว่าเหล่าไป่และพวกเขา ไม่เคยใช้ความสามารถทั้งสามกระบวนท่านี้ในการต่อสู้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการใช้มัน แต่พวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มันต่างหากแม้จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าของแม่ทัพนายทหาร เหล่าไป่และพวกเขาก็ไม่ได้ใช้รูปแบบนักฆ่าเช่นนี้ในที่สุดแม่ทัพนายทหารที่ตามล่าพวกเขาก็ถูกเหล่าไป่และพวกเขาทั้งสามคนทุบตีจนตาย
นี่ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า!กังฟูของเหล่าไป่ฝึกฝนมาเพื่ออะไรกัน ร่างกายของเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็ก แต่หลี่โม่ตบเขาเข้าอัดกับกำแพงจนเลือดก็พุ่งออกมาจากปากความเย็นไล่มาจากฝ่าเท้าขึ้นไปที่สมอง รุ่นน้องทั้งสองของเหล่าไป่มองหน้ากัน ลังเลอยู่สักครู่ก่อนที่จะตัดสินใจช่วยเหล่าไป่แต่ในขณะนั้นเหล่าไป่ถูกหลี่โม่ซัดลงเละอย่างกับโคลน และหลี่โม่ก็วางเขาไว้บนเก้าอี้"นั่งนี่สิ นั่งดูฉันจัดการพวกมัน ฉันจะเก็บกวาดครอบครัวของพวกแกให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเลยล่ะ" หลี่โม่พูดพร้อมยิ้มเลือดพุ่งออกมาจากมุมปากของเหล่าไป่ และความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาไม่สามารถนับได้ว่ากระดูกบนร่างกายของเขาหักไปกี่ชิ้น เหล่าไป่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้แล้ว และรู้สึกว่ากระดูกของเขาหักไปทั้งตัวเพราะหลี่โม่นี่คือคนโหดเหี้ยม โหดเหี้ยมเกินไป!เหล่าไป่สรุปในใจเหล่าไป่และรุ่นน้องสองคนหยุดอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนขาสั่นเล็กน้อย และความคิดที่จะวิ่งหนีก็เข้ามาในหัวของพวกเขาพวกเขาทั้งสองไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับหลี่โม่อีกต่อไป นี่ขนาดพวกเขาใช้ท่าไม้ตายทั้งสามกระบวนท่าแล้ว ยังไม่สามารถสู้หลี่โม่ได้แค่มองไปท
หลังจากจัดการกับกู้หยุนหลานเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่โม่ก็กลับไปยังห้องประชุม ยืนอยู่หน้าเหล่าไป่ที่ก้มหัวชิดถึงอกเหล่าไป่ไร้ซึ่งท่าทีสง่าผ่าเผยเหมือนก่อนหน้านี้ ดูไปแล้วราวกับจะตายได้ทุกเมื่อหลี่โม่คว้าจิกผมของเหล่าไป่และกระชากหัวขึ้นมาเหล่าไป่ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง ดวงตาเหลือบมองขึ้นไปทางหลี่โม่ ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจภายหลังไม่รู้จบ“พูดซะ”คำพูดง่าย ๆ เพียงคำเดียว เปล่งออกมาจากปากของหลี่โม่ กลับราวกับมีความบีบคั้นอันไร้ที่สิ้นสุดเวลานี้เหล่าไป่รู้อยู่แก่ใจดี เขารู้ว่าตอนนี้หากยังปากแข็งต่อไป เกรงว่าอาจจะไปโลกหน้าได้ทุกเมื่อ“ใช่ เป็นซูเหวินปิน ซูเหวินปินให้พวกเราลักพาตัวพวกนายสามีภรรยา ไปส่งให้เขาที่เมืองเอกของมณฑล เขาจะจ่ายให้ฉัน 10 ล้าน”“ซูเหวินปิน!”แววตาของหลี่โม่สาดประกายจิตสังหารแต่เดิมหลี่โม่คิดว่าเรื่องของตระกูลซูผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไป เขาไม่ได้มีเจตนาจะกำจัดตระกูลซูให้สิ้นซากเลย แต่เรื่องที่ซูเหวินปินทำในตอนนี้ทำให้หลี่โม่เกิดความคิดที่จะทำลายตระกูลซูทิ้งขึ้นมาแล้วเรื่องการล้ำเขตนั้นช่างมันไปก่อน แต่ไม่นึกว่าจะให้มือมืดเผชิญหน้ากับกู้หยุนหลานอีกครั้ง
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา