หลังจากจัดการกับกู้หยุนหลานเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่โม่ก็กลับไปยังห้องประชุม ยืนอยู่หน้าเหล่าไป่ที่ก้มหัวชิดถึงอกเหล่าไป่ไร้ซึ่งท่าทีสง่าผ่าเผยเหมือนก่อนหน้านี้ ดูไปแล้วราวกับจะตายได้ทุกเมื่อหลี่โม่คว้าจิกผมของเหล่าไป่และกระชากหัวขึ้นมาเหล่าไป่ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง ดวงตาเหลือบมองขึ้นไปทางหลี่โม่ ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจภายหลังไม่รู้จบ“พูดซะ”คำพูดง่าย ๆ เพียงคำเดียว เปล่งออกมาจากปากของหลี่โม่ กลับราวกับมีความบีบคั้นอันไร้ที่สิ้นสุดเวลานี้เหล่าไป่รู้อยู่แก่ใจดี เขารู้ว่าตอนนี้หากยังปากแข็งต่อไป เกรงว่าอาจจะไปโลกหน้าได้ทุกเมื่อ“ใช่ เป็นซูเหวินปิน ซูเหวินปินให้พวกเราลักพาตัวพวกนายสามีภรรยา ไปส่งให้เขาที่เมืองเอกของมณฑล เขาจะจ่ายให้ฉัน 10 ล้าน”“ซูเหวินปิน!”แววตาของหลี่โม่สาดประกายจิตสังหารแต่เดิมหลี่โม่คิดว่าเรื่องของตระกูลซูผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไป เขาไม่ได้มีเจตนาจะกำจัดตระกูลซูให้สิ้นซากเลย แต่เรื่องที่ซูเหวินปินทำในตอนนี้ทำให้หลี่โม่เกิดความคิดที่จะทำลายตระกูลซูทิ้งขึ้นมาแล้วเรื่องการล้ำเขตนั้นช่างมันไปก่อน แต่ไม่นึกว่าจะให้มือมืดเผชิญหน้ากับกู้หยุนหลานอีกครั้ง
กู้เจี้ยนกั๋วหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมา ขว้างใส่ใต้เท้าของหลี่โม่ด้วยความโมโห เพล้ง! ที่เขี่ยบุหรี่แก้วแตกกระจายเต็มพื้น “แกคิดว่าแกเป็นใคร! เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ แกต้องอธิบายกับเราให้รู้เรื่องว่าพวกแกไปหาเรื่องใครมากันแน่! ถ้าให้แกไปจัดการ ไอ้ขยะไม่ได้เรื่องอย่างแกอย่างมากก็แค่ต่อสู้เป็นเท่านั้น แกจะไปจัดการอะไรได้!” กู้เจี้ยนกั๋วเอ่ยคำราม ระบายความโกรธเกรี้ยวในใจทั้งหมดออกมา หลี่โม่หัวเราะเบา ๆ “ถึงพูดไปพวกคุณก็จัดการไม่ได้หรอกครับ แถมยังต้องมาวิตกกังวลด้วย ผมทำแบบนี้ก็เพื่อพวกคุณเอง” กู้ซิ่งเหว่ยมองดูท่าทีของหลี่โม่ ก็สะกดกลั้นโทสะในใจไว้ไม่อยู่ เขาแผดเสียงเอ่ย “เจ้าขยะนี่ยังจะเสแสร้งอีก! ก่อปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมาแล้วยังจะมีหน้ามาเสแสร้ง ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตายเลยจริง ๆ” “กู้หยุนหลาน! แกสั่งสอนสามีไม่ได้เรื่องของแกให้ดี ๆ เสียบ้างนะ รีบให้เขาบอกมาซะดี ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพวกแกเอง แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชีวิตคนในตระกูล!” ในใจกู้ซิ่งเหว่ยนึกกลัวขึ้นมาภายหลัง เรื่องแบบนี้หากเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาคงต้องเป็นโรคประสาทแน่ ๆ ต้องรู้แน่ชัดให้ได้ว่าม
กู้หยุนหลานมองพวกกู้เจี้ยนกั๋วเดินจากไป แล้วจับมือของหลี่โม่เอาไว้ แววตาจ้องมองหลี่โม่ด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง “คุณแก้ไขมันได้จริง ๆ เหรอ?” “ต้องได้สิ” หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่านั้นคุณก็ต้องระวังตัวด้วยนะ บริษัทกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว พวกคุณลุงไปกันหมดแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบจัดการปัญหาที่ตามมา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำให้บริษัทฟื้นกลับมาเป็นปกติ” กู้หยุนหลานยังคงกังวลเกี่ยวกับกิจการของบริษัท ในตอนนี้หากกู้หยุนหลานเองก็ล้มเลิกไม่แยแสไปด้วยล่ะก็ อย่างนั้นทั้งบริษัทก็คงต้องปิดตัวลง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อธุรกิจของบริษัท เพื่อทำให้บริษัทที่ใกล้จะล้มละลายมาได้ถึงตอนนี้ กู้หยุนหลานทุ่มเทลงแรงไปไม่น้อย ย่อมไม่หวังให้แรงที่ทุ่มเทไปนั้นเปล่าประโยชน์อยู่แล้ว หลี่โม่พยักหน้าเบาๆ “งั้นผมไปก่อนนะ เรื่องบริษัทคุณค่อย ๆ จัดการไปไม่ต้องรีบร้อน” “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรอคุณกลับมานะคะ” กู้หยุนหลานดันหลี่โม่เบา ๆ เล็กน้อย หลี่โม่หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก เมื่อมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของหลี่โม่ กู้หยุนหลานก็ประนมสองมือขึ้นมาพลางในใจอธิษฐานต่อเทพเจ้าและพระพุทธองค์บนสวรรค์อย่างเงียบงัน
”หูหนวกเหรอ หรือว่าสมองมีปัญหา ถึงได้ฟังคำพูดของฉันไม่รู้เรื่องน่ะ!” รปภ.คนนั้นที่เดินไปหาหลี่โม่เผยรอยยิ้มเหยียดหยาม ก่อนหวดกระบองยางในมือเพื่อจะไล่หลี่โม่ออกไป หลี่โม่หัวเราะเย็นชา เขายื่นมือออกไปคว้ามือที่กำกระบองยางของรปภ.เอาไว้ ก่อนจะออกแรงบิดที่มืออย่างแรงและหักข้อมือของรปภ.ในทันที “อ๊าก!” รปภ.ร้องโหยหวนเหมือนหมูโดนเชือด หลังจากที่หลี่โม่ปล่อยมือ เขาก็ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว รปภ.ที่เหลือเห็นสถานการณ์ผิดปกติก็พากันเข้ามาล้อมกรอบหลี่โม่เอาไว้ “อะไรกัน! กล้ามาหาเรื่องถึงหลงถิง แกคงจะอยากตายมากสินะ! ไม่แหกตาดูซะบ้างว่าที่นี่ใครคุม!” “เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังพวกเราคือตระกูลซู! แกกล้ามากำแหงอวดดีในถิ่นของตระกูลซู คงอยากจะตายยกครัวล่ะสิ!” “รีบเอามือกุมหัวแล้วคุกเข่าลงซะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เกรงใจแกอีก!” รปภ.สิบกว่าคนส่งเสียงเอ่ยคำราม กระบองยางในมือต่างชี้มายังหลี่โม่ เตรียมที่จะทุบตีหลี่โม่ทันทีหากเขาขัดขืน สายตาเหยียดหยามของหลี่โม่กวาดมองไปยังรปภ.ที่อยู่ล้อมรอบตนเอง “ถ้าไม่อยากตาย ก็ถอยไป” “ไอ้เวรนี่! ยังกล้าอวดดีอีก! ไป จัดการมันซะ!” พวกรปภ.ลงมือพร้อมกัน หลี่
หลังจากที่ซูเหวินปินออกคำสั่ง ทั้งสี่ห้องส่วนตัวข้างห้องของซูเหวินปินก็มีบอดี้การ์ดจำนวนมากกรูกันออกมา เพราะซูเหวินปินนั้นมีความระแวดระวังต่อเหล่าไป่อยู่บ้าง ดังนั้นจึงได้เตรียมบอดี้การ์ดไว้มากมายขนาดนี้เพื่อเตรียมรับมือกับเหล่าไป่ ทว่าเหล่าไป่ยังไม่ได้มา หลี่โม่ก็มาหาถึงที่เสียก่อนแล้ว ประจวบเหมาะพอดีที่จะให้บอดี้การ์ดใต้บังคับบัญชาพวกนี้จัดการหลี่โม่ เมื่อมองดูบอดี้การ์ดเป็นขโยงกรูกันออกมาจากห้องส่วนตัวบนภาพของกล้องวงจรปิด มุมปากของซูเหวินปินก็ยกแย้มรอยยิ้มเย็นยะเยือก “วันนี้ใครมาก็ต้องคุกเข่า เป็นเสือก็ต้องหมอบ เป็นมังกรก็ต้องขด เพียงแต่ไม่รู้ว่าทางเหล่าไป่ไปทำยังไงกันแน่ ถึงสามารถทำให้หลี่โม่วิ่งโร่มาถึงเมืองหลวงได้” ซูเหวินปินบ่นพึมพำ รู้สึกว่าต้องถามไถ่สถานการณ์ทางนั้นของเหล่าไป่ดูสักหน่อย หลังจากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหารายชื่อติดต่อ ซูเหวินปินก็ต่อสายหาหมายเลขโทรศัพท์ของเหล่าไป่ “ฮัลโหล ต้องการพูดกับใครครับ” เสียงอันไม่คุ้นเคยดังออกมาจากโทรศัพท์ ซูเหวินปินคิ้วกระตุกเล็กน้อย ในใจเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างลับ ๆ “ขอสายเหล่าไป๋หน่อย คุณเป็นใคร?” “ผมเป็นคนจากแผนก
"เฮ้ย! ยังจะเดินอีก แกจะเดินไปถึงไหนกัน ฉันให้แกคุกเข่าลง แกไม่ได้ยินใช่ไหม?!""ไอ้เด็กนี้มันคงไม่ได้โง่ใช่ไหม? ดูสายตาของมันไม่ค่อยปกติ ฉันล่ะชอบทำความสะอาดพวกงี่เง่าแบบนี้ที่สุด เดี๋ยวอีกหน่อยฉันจะลากมันไปเป็นชักโครกในห้องน้ำ! "บอดี้การ์ดหลายคนพูดติดตลกและหยิบมีดออกมาจากเอว"ถอยไป"หลี่โม่มองไปที่บอดี้การ์ดที่มีมีดอยู่ข้างหน้าเขา และพูดอย่างใจเย็นว่า "สุนัขที่ดีจะไม่เข้ามาขวางทาง""โอ้โห! กล้าเรียกพวกเราว่าหมา วอนหาที่ตาย พวกเราจัดการมัน เอามันให้ตายเหมือนหมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน !"บอดี้การ์ดที่โกรธเกรี้ยวขยับเข้าหากัน กวัดแกว่งมีดสั้นและแทงไปที่หลี่โม่หลี่โม่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน เดินเข้าไปท่ามกลางบอดี้การ์ด ยกมือขึ้นและตบที่ต้นคอบอดี้การ์ดด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของมือทั้งสองข้างของหลี่โม่ บอดี้การ์ดถูกตีเข้าที่ต้นคอทีละคนและสลบไปคราวนี้หลี่โม่ก็ไม่ยั้งมือ บอดี้การ์ดทุกคนที่โดนหลี่โม่บิดเข้าที่คอจะมีอาการกระดูกสันหลังส่วนคอบิดเบี้ยว และคอของพวกเขาจะแตกต่างจากคนทั่วไปสิ่งที่หลี่โม่ทำเป็นการเตือนสติของพวกเขา ให้พวกเขาจำไว้ว่าสุนัขที่ดีจะไม่มาขวางทางซูเหวินปินและหัวหน
ตงผิงเย่เป็นคนชอบนอนในที่เงียบ แม้จะอยู่ในสภาวะหลับลึก แต่หากมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย นั่นก็สามารถปลุกเขาให้ตื่นได้ทันทีนี่คือกังฟูที่ฝึกฝนเมื่อถูกตามล่า มิฉะนั้น ตงผิงเย่คงตายตั้งแต่ถูกตามล่าแล้วเมื่อตื่นขึ้นจากการสนทนาระหว่างซูเหวินปินและหัวหน้าผู้คุ้มกันในยามหลับ ตงผิงเย่ก็ลืมตาขึ้นและเห็นการแสดงผลบนหน้าจอทีวีของกล้องวงจรปิดหลังจากมองดูสองครั้งอย่างไม่ตั้งใจ รอยยิ้มเหยียดหยามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตงผิงเย่"เจ้านาย การแก้แค้นของท่านมาถึงแล้วเหรอ? ลูกน้องที่ท่านเลี้ยงไว้ช่างไม่เอาไหนจริง ๆ ท่านควรจะเอาเงินที่ท่านจ้างพวกมันทั้งหมดมาให้ผมดีกว่า ผมจะบริการท่านอย่างดีเลย"ซูเหวินปินยิ้มขึ้นมา เขาโยนซิการ์ไปที่ตงผิงเย่อย่างตั้งใจ"เงินไม่ใช่ปัญหา ขอแค่นายแสดงความสามารถให้ฉันได้เห็น ไอ้สารเลวนี่คือบททดสอบของฉันสำหรับนาย"ตงผิงเย่พยักหน้าเบา ๆ พูดพร้อมกับยิ้ม "บททดสอบนี้ช่างง่ายดาย เจ้านายคอยดูผมจะเตะหัวของมันออกมาได้เลย"ตงผงเย่รู้สึกมั่นใจในตัวเองมาก และเต็มไปด้วยการดูถูกหลี่โม่แม้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดจะแสดงพละกำลังมหาศาลของหลี่โม่ แต่ในมุมมองของตงผิงเย่นั้น ระดับของหลี่โม
หลี่โม่พูดอย่างเฉยเมย แถมไม่เห็นตงผิงเย่อยู่ในสายตาเลยปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นนั้นไม่มีอะไรเลย หากส่งใครก็ได้ในผู้คุมประตูมังกรถูกส่งออกไป ก็สามารถทำลายศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดในญี่ปุ่นได้ ปรมาจารย์ในญี่ปุ่นเป็นเพียงมดในสายตาของหลี่โม่เท่านั้นแหละความโกรธในใจของตงผิงเย่แผดเผาในทันที เขาจ้องมองไปที่หลี่โม่และพูดอย่างชั่วร้าย "ไอ้โง่!"“แกกล้าดียังไงมาดูถูกคนอย่างตงผิงเย่ ฉันจะทำให้แกลิ้มรสกับความเจ็บปวดทั้งหมด! ดูความโหดร้ายในตัวฉันให้ดี ๆ ล่ะ!"ตงผิงเย่จ้องไปที่หลี่โม่ที่โบกมืออยู่ รอคำสั่งของซูเหวินปิน และรีบออกไปจัดการหลี่โม่อย่างบ้าคลั่งหลี่โม่ส่ายหัวและพูดอย่างเหยียดหยาม "หมารับใช้ยังไงก็เป็นหมารับใช้อยู่วันยังค่ำ ก็แค่หมารับใช้อย่างแก ฉันดูก็รู้ว่ากังฟูของแกก็ไม่ได้สูงส่งอะไรมากนักหรอก""หึ!"ซู่เหวินปินแค่นเสียงอย่างเย็นชา รู้สึกว่าหลี่โม่หยิ่งผยองเกินไป ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับคนที่จองหองอย่างนี้ แค่ทุบตีและทำให้อับอายขายหน้าก็พอแล้ว"ตงผิงเย่ ให้บทเรียนกับมันดี ๆ ล่ะ อย่าลืมว่าเมื่อกี้มันพูดว่าอะไร"ซูเหวินปินพูดด้วยสีหน้าเย็นชา"ไม่ลืมแน่ ผมจะเตะตัดหัวมันให้ไ