ซิการ์ในมือของซูเหวินปินตกลงสู่พื้น และเขาจ้องมองไปที่ตงผิงเย่ที่ถูกหลี่โม่เหยียบย่ำอย่างตกตะลึงความโกรธสะท้านของตงผิงเย่ในเมื่อครู่นี้โดนหลี่โม่ทลายไปเสียแล้ว จากนั้นเขาก็ถูกหลี่โม่เหยียบย่ำเหมือนสุนัขเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน?ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้!ซูเหวินปินไม่เห็นแม้แต่การเคลื่อนไหวของหลี่โม่แม้แต่นิด เห็นแต่ตงผิงเย่วิ่งเข้าใส่อย่างอุกอาจ และในพริบตาเดียวตงผิงเย่ก็ล้มลงกับพื้น และถูกหลี่โม่เหยียบลงที่ใบหน้าหัวหน้าบอดี้การ์ดกลืนน้ำลายอย่างเมามัน เขาคิดว่าตัวเองเคยเห็นคนที่โหดเหี้ยมมานักต่อนักแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่โหดเหี้ยมมากแบบนี้ขาของเขาสั่นเบา ๆ และมือที่ถือปืนก็สั่นอย่างรุนแรง หัวหน้าบอดี้การ์ดรู้สึกว่าปืนในมือของเขาเหมือนชิ้นเหล็กทองแดงที่ร้อนผ่าวอย่างนั้นเลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่โม่ที่ว่องไวจนมองแทบไม่เห็น แล้วแบบนี้จะสามารถยิงเขาด้วยปืนนี้ได้จริงเหรอ?หัวหน้าบอดี้การ์ดรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะยิงถูกนั้นต่ำเกินไป เว้นแต่เขาจะโชคดีมากพอแบบนี้จะสู้ได้อย่างไรกัน!ในสมองของหัวหน้าบอดี้การ์ดมีความคิดที่จะยอมจำนน“คุณชายซู สถานการณ์ดูไม่ปกติ ผมว
ตงผิงเย่กล่าวด้วยท่าทีดุร้ายซูเหวินปินมีความรู้สึกผสมสับสนอยู่ในใจ ไพ่ตายใบสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเขา หักหลังเขาเพราะหลี่โม่ ไอ้หลี่โม่นี้มันทรงพลังขนาดไหนกัน!"ตงผิงเย่ แกสมควรตาย !" ซูเหวินปินตะโกนอย่างบ้าคลั่ง"ไม่มีทาง แค่หักกระดูกของแกได้ ฉันก็จะไม่ตายแล้ว!"ตงผิงเย่ตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้าหาซูเหวินปิน หัวหน้าบอดี้การ์ดรีบยกปืนขึ้นและเหนี่ยวไกไปที่ตงผิงเย่ปัง ปัง ปังหลังจากยิงไปสามนัด ร่างของตงผิงเย่ก็กระอักเลือดออกมา และร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นซูเหวินปินหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา และดื่มวิสกี้มอร์ตลาชปี 40 ในอึกเดียวแม้ว่าตงผิงเย่จะเสียชีวิต แต่ความตกใจภายในใจของซูเหวินปินก็ไม่เบา เขาจึงต้องดื่มอย่างรวดเร็วเพื่อสงบสติอารมณ์เมื่อดื่มเสร็จ ซูเหวินปินก็ทุบแก้วไวน์อย่างตั้งใจ"ไอ้หลี่โม่ แกเห็นแล้วใช่ไหม ต่อให้กังฟูแกจะเก่งแค่ไหน ถ้าแกไม่อยากตาย ก็คุกเข่าขอร้องฉันซะ" ซูเหวินปินพูดเตือนหลี่โม่"ฮ่าฮ่า ก็แค่ปืนพกธรรมดา ๆ"หลี่ม่อไม่สนใจหัวหน้าบอดี้การ์ด แถมยังไม่สนใจปืนที่ถืออยู่ในมือของหัวหน้าบอดี้การ์ดอีกด้วย"ตายซะเถอะ ยิงมัน!"ซูเหวินปินตะโกนด้วยเสียงอันดังก้องหัวหน้า
"แกมีเมีย แล้วก็มีลูกสาวไม่ใช่เหรอ แค่ฉันสั่งคำเดียว ก็จะมีคนจัดการพวกเธอในไม่กี่นาที! ตระกูลซูของฉันในเมืองหลวงนี้มีอิทธิพลมาก หรือแม้แต่ทั่วทั้งจังหวัด!""ถ้าวันนี้แกกล้าที่จะแตะต้องฉันแม้แต่ขนสักเส้นเดียว ก็จะมีคนไปจัดการครอบครัวแกทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับแกน้อยหรือมาก แค่เกี่ยวข้องกับแก พวกแกก็ต้องตายทั้งหมด!""ก่อนหน้านี้ฉันก็จัดการมาแล้วกว่าสิบตระกูล และคนอย่างฉันสามารถฆ่าทั้งสิบตระกูลของแกได้! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้ แต่ถ้าแกกล้าที่จะสู้ฉัน ฉันก็จะต่อสู้กับครอบครัวของแกให้ตายทีละคนจนไม่เหลือสักคนเลยล่ะโว้ย!"ซูเหวินปินคำรามราวกับสิงโตที่บ้าคลั่ง เขาพยายามทำให้หลี่โม่กลัวกับคำพูดเหล่านี้ และทำให้หลี่โม่หวั่นเกรงจนต้องถอยออกมาหลี่โม่ฟังอย่างเงียบ ๆ เมื่อซูเหวินปินพูดจบ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ฉายขึ้นบนใบหน้าของเขา"แกมันไอ้กระจอก มันสมองของแกก็น่าเป็นห่วงซะจริง ๆ"ซูเหวินปินชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่หลี่โม่ด้วยความดูถูก ซูเหวินปินรู้สึกว่าหลี่โม่มีท่าทีของการล่าถอย ตนเองเริ่มทำให้เขากลัวขึ้นมาได้แล้ว ที่เหลือก็แค่ต้องจริงจังมากขึ้น ก็จะสามารถไล่หลี่โม่ออกไปได้แล
“แกคอย แกตีฉัน ฉันจะทำให้แกตายอย่างสาสม”ซูเหวินปินพึมพำ เขาอยากจะฆ่าหลี่โม่เสียเดี๋ยวนี้"ฮ่าฮ่า" หลี่โม่ทุบไหล่ของซูเหวินปินด้วยกำปั้น ทำให้ไหล่ของซูเหวินปินบุบลงไป กระดูกสะบักหักทั้งหมด"แกใช้คนไปลักพาตัวหยุนหลาน แกกล้าที่จะลักพาตัวเมียฉัน แกก็รนหาที่ตายแล้ว ไอ้เวร!"หลังจากหลี่โม่พูดจบเขาก็เหยียบที่ต้นขาของซูเหวินปิน กระดูกต้นขาของซูเหวินปินก็หักเป็นท่อน“กล้าคิดที่จะทำร้ายกับลูกสาวของฉัน ดูเหมือนว่าฉันจะใจดีกับแกมากเกินไปสินะ”ซูเหวินปินเจ็บจนเหงื่อออกร้องครวญคราง น้ำตาก็ไหลอาบทั้งใบหน้า "ไอ้สารเลว! แกคอยดู แกจะต้องได้รับผลกรรม!" "ดูท่าแล้วทุกอย่างคงต้องดำเนินต่อไป"หลี่โม่ยกเท้าขึ้นพร้อมกับเยาะเย้ย เหยียบไปที่น่องและข้อเท้าของซูเหวินปิน ซูเหวินปินก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดคฤหาสน์ตระกูลซูซูเหวินเหมากำลังดูเอกสาร และผู้ช่วยก็ลุกลี้ลุกลนวิ่งมาหาซูเหวินเหมาด้วยความตื่นตระหนก"รีบร้อนอะไรขนาดนั้น?" ซูเหวินเหมาถามด้วยความไม่พอใจผู้ช่วยแสดงหน้าตาดูแทบจะไม่ได้เหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่เชิง "นายท่าน แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วครับ""ฮะ!"ซูเหวินเหมาตะคอกอย่างเย็นชา
เมื่อซูเหวินเหมาได้ยินประโยคนี้ ก็ไม่มีความลังเลใด ๆ เขารีบหยิบมือถือกดโทรไปหาซูเหวินปินในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก เพียงแค่ตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าซูเหวินปินไปรุกรานคนที่ไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองหรือไม่!ความคิดของซูเหวินเหมานั้นกระชับและมีประสิทธิภาพที่สุดขณะที่ซูเหวินเหมากำลังต่อสายโทรศัพท์ ซูเหวินปินก็กำลังนอนหงายอยู่บนพื้น จ้องไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่ดุร้าย"ตระกูลหลี่ แกกล้ามาก! แต่ฉันจะรอดูว่าแกจะหยิ่งผยองได้นานแค่ไหน ต่อให้แกจะฆ่าฉันในวันนี้ ตระกูลซูของเราก็ยังมีคนอื่น พวกเขาจะล้างแค้นให้ฉัน และฆ่าทั้งครอบครัวของแก! ""ตอนนี้แกทำร้ายฉัน แกคงสะใจมากใช่ไหม? ต่อไปตระกูลซูของเราจะจับคนในครอบครัวของแกทั้งหมด แลเวทำร้ายพวกมันต่อหน้าแกทีละคน กล้ามาสู้กับตระกูลซู คนไม่เอาไหนอย่างแกมันไม่สมควร!"ซูเหวินปินยอมตายดีกว่ายอมจำนน เพราะซูเหวินปินรู้ว่ายังมีตระกูลซูที่พึ่งพาได้ ท้ายที่สุด หลี่โม่ก็จะถูกอัดกับพื้นและถูกบดขยี้หลี่โมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา และพูดเบา ๆ "ใกล้จะถึงเวลาแล้ว""แกนี่แสดงเก่งนักนะ ใกล้จะถึงเวลาอะไรของแก! ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่แกจะขอโทษฉัน ไม่อย่างนั้น ตระกูลซู
"ไม่ใช่ว่าแกจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่แกต้องทำ ต้องทำ ไม่อย่างนั้นตระกูลซูไม่เหลือแน่! และเราทุกคนก็จะไม่เหลืออะไรเช่นกัน! แกต้องให้เขายกโทษให้แก ต่อให้จะต้องแลกด้วยชีวิตแกก็ตาม!"ซูเหวินปินรู้สึกขมขื่นในใจอย่างมาก เขาวางโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ"แก ทำได้ยังไง? ความจริงแกเป็นใครกันแน่?!" ซูเหวินปินถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ"นี่ใช่สิ่งที่แกควรจะถามเหรอ?" หลี่โมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาซูเหวินปินจำความจริงได้ทันที นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะถามได้ คนที่มีอำนาจสามารถทำลายตระกูลซูได้ในทันที จะต้องเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงเสียดฟ้าอย่างแน่นอนหลังจากตระหนักถึงความเป็นจริง ความกลัวอันไร้ขอบเขตก็เกิดขึ้นในใจของซูเหวินปิน จากนั้นเขาก็พูดด้วยความกลัว "ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ว่าผมทำผิดไปแล้ว ได้โปรดท่าน ท่านยกโทษให้ผมด้วย"หลี่โม่จ้องมองซูเหวินปินด้วยความพอใจ "แกขอโทษแบบนี้เหรอ? คนอื่นต้องขอโทษแกยังไง แกถึงจะยกโทษให้เขาล่ะ?""ไม่ ไม่ใช่ครับ ผม คือร่างกายของผมตอนนี้มัน…"ซูเหวินปินอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา เมื่อก่อน หากมีคนขอโทษเขา การคุกเข่าจะเป็นพื้นฐาน และการก้มหัวถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจตอนนี้ซ
“รอให้มันมาจัดการบ้าอะไรล่ะ! ไอ้ขยะนั่นคงรู้ว่าตัวเองเป็นตัวสร้างปัญหา มันเลยวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว! เธอนี่โง่หรือยังไง หายนะกำลังจะลอยเข้ามาแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!” กู้เจี้ยนเจียงพูดพร้อมขมวดคิ้วกู้ซิ่งเหว่ยทำหน้าเย็นชา แล้วโยนสำเนาเอกสารต่อหน้ากู้หยุนหลาน "ลืมตาแล้วดูด้วยตัวเธอเอง! พวกที่ลักพาตัวพวกเรา ถูกส่งมาจากตระกูลซูในเมืองหลวงของจังหวัด นี่คือข้อมูลที่มีคนเพิ่งได้รับมา เธอและไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของเธอ คิดจะฆ่าพวกเราทั้งครอบครัวเลยหรือไง!"กู้หยุนหลานมือสั่น และค่อย ๆ เปิดเอกสารดูตระกูลซู? เป็นคนที่ตระกูลซูส่งมาจริงเหรอ?!ถ้าอย่างนั้นหลี่โม่คงไม่ใช่ไปที่ในเมืองหลวงของจังหวัดเพื่อพบตระกูลซูหรอก!เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ขอบตาของกู้หยุนหลานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และน้ำตาก็ไหลอยู่ในเบ้าตาเมื่อนึกถึงอำนาจของตระกูลซูในเมืองหลวงของจังหวัด หากหลี่โม่ไปที่นั่นคนเดียว ก็เท่ากับส่งเขาไปตาย!คนตระกูลกู้ไม่มีใครสังเกตเห็นอารมณ์ผิดปกติของกู้หยุนหลาน เพราะคิดว่ากู้หยุนหลานคงรู้สึกหวาดกลัว"ให้ไอ้หลี่โม่ไปจัดการ เธอคิดว่ามันเป็นใคร! สำหรับคนเลวทรามอย่างมัน จะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง ต่อให้ตระกูล
กู้ชิงหลินมองหลี่โม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม "ผัวเมียคู่นี้ช่างเป็นคนดีซะจริง ๆ คนหนึ่งแสร้งทำเป็นน่าสงสาร ส่วนอีกคนแสร้งทำเป็นพระเจ้า หลี่โม่ แกมันก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่น่าสงสาร ยังจะมาทำอวดดีวางมาดใหญ่โตที่นี่อีก!”"ตระกูลซูในเมืองหลวงมีอำนาจขนาดไหนแกรู้บ้างไหม! อุตสาหกรรมบันเทิงส่วนใหญ่ในเมืองหลวงเกือบทั้งหมดเป็นของตระกูลซู! ตระกูลซูยังเป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนมากมายที่สมองอันไร้ประโยชน์ของแกก็คิดไม่ถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลซู!"กู้เจี้ยนเจียงขมวดคิ้ว "จะพูดมากไปเพื่ออะไร? มันก็เป็นแค่ไอ้ขยะมันไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก ซิ่งเหว่ย แกรีบส่งมันสองตัวไปซะ ไปหาคุณชายซูเพื่อชดใช้!"กู้เจี้ยนกั๋วค่อย ๆ พยักหน้า ส่งสายตาให้กู้ซิ่งเหว่ยกู้ซิ่งเหว่ยลุกขึ้นเดินไปหาหลี่โม่อย่างเย่อหยิ่ง "ไอ้ขยะ ตอนนี้แกรู้แล้วว่าคุณชายซูเก่งแค่ไหนแล้วหรือยัง ตอนที่แกทำอะไรโดยไม่คิด แกเคยคิดถึงจุดจบของแกในวันนี้บ้างไหม?!""นี่ยังไม่เข้าใจกันอีกเหรอไง พวกคุณไม่เข้าใจภาษาคน?" หลี่โม่พูดพร้อมกับยิ้ม "ผมบอกไปแล้ว เรื่องของตระกูลซูจบไปแล้ว""ถุย!"กู้ซิ่งเหว่ยถ่มน้ำลายใส่เท้าของหลี่โม่และพูดอย่างเหยียดหยามว่า "นี่แกพูด