“แกคอย แกตีฉัน ฉันจะทำให้แกตายอย่างสาสม”ซูเหวินปินพึมพำ เขาอยากจะฆ่าหลี่โม่เสียเดี๋ยวนี้"ฮ่าฮ่า" หลี่โม่ทุบไหล่ของซูเหวินปินด้วยกำปั้น ทำให้ไหล่ของซูเหวินปินบุบลงไป กระดูกสะบักหักทั้งหมด"แกใช้คนไปลักพาตัวหยุนหลาน แกกล้าที่จะลักพาตัวเมียฉัน แกก็รนหาที่ตายแล้ว ไอ้เวร!"หลังจากหลี่โม่พูดจบเขาก็เหยียบที่ต้นขาของซูเหวินปิน กระดูกต้นขาของซูเหวินปินก็หักเป็นท่อน“กล้าคิดที่จะทำร้ายกับลูกสาวของฉัน ดูเหมือนว่าฉันจะใจดีกับแกมากเกินไปสินะ”ซูเหวินปินเจ็บจนเหงื่อออกร้องครวญคราง น้ำตาก็ไหลอาบทั้งใบหน้า "ไอ้สารเลว! แกคอยดู แกจะต้องได้รับผลกรรม!" "ดูท่าแล้วทุกอย่างคงต้องดำเนินต่อไป"หลี่โม่ยกเท้าขึ้นพร้อมกับเยาะเย้ย เหยียบไปที่น่องและข้อเท้าของซูเหวินปิน ซูเหวินปินก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดคฤหาสน์ตระกูลซูซูเหวินเหมากำลังดูเอกสาร และผู้ช่วยก็ลุกลี้ลุกลนวิ่งมาหาซูเหวินเหมาด้วยความตื่นตระหนก"รีบร้อนอะไรขนาดนั้น?" ซูเหวินเหมาถามด้วยความไม่พอใจผู้ช่วยแสดงหน้าตาดูแทบจะไม่ได้เหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่เชิง "นายท่าน แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วครับ""ฮะ!"ซูเหวินเหมาตะคอกอย่างเย็นชา
เมื่อซูเหวินเหมาได้ยินประโยคนี้ ก็ไม่มีความลังเลใด ๆ เขารีบหยิบมือถือกดโทรไปหาซูเหวินปินในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก เพียงแค่ตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าซูเหวินปินไปรุกรานคนที่ไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองหรือไม่!ความคิดของซูเหวินเหมานั้นกระชับและมีประสิทธิภาพที่สุดขณะที่ซูเหวินเหมากำลังต่อสายโทรศัพท์ ซูเหวินปินก็กำลังนอนหงายอยู่บนพื้น จ้องไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่ดุร้าย"ตระกูลหลี่ แกกล้ามาก! แต่ฉันจะรอดูว่าแกจะหยิ่งผยองได้นานแค่ไหน ต่อให้แกจะฆ่าฉันในวันนี้ ตระกูลซูของเราก็ยังมีคนอื่น พวกเขาจะล้างแค้นให้ฉัน และฆ่าทั้งครอบครัวของแก! ""ตอนนี้แกทำร้ายฉัน แกคงสะใจมากใช่ไหม? ต่อไปตระกูลซูของเราจะจับคนในครอบครัวของแกทั้งหมด แลเวทำร้ายพวกมันต่อหน้าแกทีละคน กล้ามาสู้กับตระกูลซู คนไม่เอาไหนอย่างแกมันไม่สมควร!"ซูเหวินปินยอมตายดีกว่ายอมจำนน เพราะซูเหวินปินรู้ว่ายังมีตระกูลซูที่พึ่งพาได้ ท้ายที่สุด หลี่โม่ก็จะถูกอัดกับพื้นและถูกบดขยี้หลี่โมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา และพูดเบา ๆ "ใกล้จะถึงเวลาแล้ว""แกนี่แสดงเก่งนักนะ ใกล้จะถึงเวลาอะไรของแก! ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่แกจะขอโทษฉัน ไม่อย่างนั้น ตระกูลซู
"ไม่ใช่ว่าแกจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่แกต้องทำ ต้องทำ ไม่อย่างนั้นตระกูลซูไม่เหลือแน่! และเราทุกคนก็จะไม่เหลืออะไรเช่นกัน! แกต้องให้เขายกโทษให้แก ต่อให้จะต้องแลกด้วยชีวิตแกก็ตาม!"ซูเหวินปินรู้สึกขมขื่นในใจอย่างมาก เขาวางโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ"แก ทำได้ยังไง? ความจริงแกเป็นใครกันแน่?!" ซูเหวินปินถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ"นี่ใช่สิ่งที่แกควรจะถามเหรอ?" หลี่โมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาซูเหวินปินจำความจริงได้ทันที นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะถามได้ คนที่มีอำนาจสามารถทำลายตระกูลซูได้ในทันที จะต้องเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงเสียดฟ้าอย่างแน่นอนหลังจากตระหนักถึงความเป็นจริง ความกลัวอันไร้ขอบเขตก็เกิดขึ้นในใจของซูเหวินปิน จากนั้นเขาก็พูดด้วยความกลัว "ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ว่าผมทำผิดไปแล้ว ได้โปรดท่าน ท่านยกโทษให้ผมด้วย"หลี่โม่จ้องมองซูเหวินปินด้วยความพอใจ "แกขอโทษแบบนี้เหรอ? คนอื่นต้องขอโทษแกยังไง แกถึงจะยกโทษให้เขาล่ะ?""ไม่ ไม่ใช่ครับ ผม คือร่างกายของผมตอนนี้มัน…"ซูเหวินปินอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา เมื่อก่อน หากมีคนขอโทษเขา การคุกเข่าจะเป็นพื้นฐาน และการก้มหัวถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจตอนนี้ซ
“รอให้มันมาจัดการบ้าอะไรล่ะ! ไอ้ขยะนั่นคงรู้ว่าตัวเองเป็นตัวสร้างปัญหา มันเลยวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว! เธอนี่โง่หรือยังไง หายนะกำลังจะลอยเข้ามาแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!” กู้เจี้ยนเจียงพูดพร้อมขมวดคิ้วกู้ซิ่งเหว่ยทำหน้าเย็นชา แล้วโยนสำเนาเอกสารต่อหน้ากู้หยุนหลาน "ลืมตาแล้วดูด้วยตัวเธอเอง! พวกที่ลักพาตัวพวกเรา ถูกส่งมาจากตระกูลซูในเมืองหลวงของจังหวัด นี่คือข้อมูลที่มีคนเพิ่งได้รับมา เธอและไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของเธอ คิดจะฆ่าพวกเราทั้งครอบครัวเลยหรือไง!"กู้หยุนหลานมือสั่น และค่อย ๆ เปิดเอกสารดูตระกูลซู? เป็นคนที่ตระกูลซูส่งมาจริงเหรอ?!ถ้าอย่างนั้นหลี่โม่คงไม่ใช่ไปที่ในเมืองหลวงของจังหวัดเพื่อพบตระกูลซูหรอก!เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ขอบตาของกู้หยุนหลานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และน้ำตาก็ไหลอยู่ในเบ้าตาเมื่อนึกถึงอำนาจของตระกูลซูในเมืองหลวงของจังหวัด หากหลี่โม่ไปที่นั่นคนเดียว ก็เท่ากับส่งเขาไปตาย!คนตระกูลกู้ไม่มีใครสังเกตเห็นอารมณ์ผิดปกติของกู้หยุนหลาน เพราะคิดว่ากู้หยุนหลานคงรู้สึกหวาดกลัว"ให้ไอ้หลี่โม่ไปจัดการ เธอคิดว่ามันเป็นใคร! สำหรับคนเลวทรามอย่างมัน จะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง ต่อให้ตระกูล
กู้ชิงหลินมองหลี่โม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม "ผัวเมียคู่นี้ช่างเป็นคนดีซะจริง ๆ คนหนึ่งแสร้งทำเป็นน่าสงสาร ส่วนอีกคนแสร้งทำเป็นพระเจ้า หลี่โม่ แกมันก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่น่าสงสาร ยังจะมาทำอวดดีวางมาดใหญ่โตที่นี่อีก!”"ตระกูลซูในเมืองหลวงมีอำนาจขนาดไหนแกรู้บ้างไหม! อุตสาหกรรมบันเทิงส่วนใหญ่ในเมืองหลวงเกือบทั้งหมดเป็นของตระกูลซู! ตระกูลซูยังเป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนมากมายที่สมองอันไร้ประโยชน์ของแกก็คิดไม่ถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลซู!"กู้เจี้ยนเจียงขมวดคิ้ว "จะพูดมากไปเพื่ออะไร? มันก็เป็นแค่ไอ้ขยะมันไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก ซิ่งเหว่ย แกรีบส่งมันสองตัวไปซะ ไปหาคุณชายซูเพื่อชดใช้!"กู้เจี้ยนกั๋วค่อย ๆ พยักหน้า ส่งสายตาให้กู้ซิ่งเหว่ยกู้ซิ่งเหว่ยลุกขึ้นเดินไปหาหลี่โม่อย่างเย่อหยิ่ง "ไอ้ขยะ ตอนนี้แกรู้แล้วว่าคุณชายซูเก่งแค่ไหนแล้วหรือยัง ตอนที่แกทำอะไรโดยไม่คิด แกเคยคิดถึงจุดจบของแกในวันนี้บ้างไหม?!""นี่ยังไม่เข้าใจกันอีกเหรอไง พวกคุณไม่เข้าใจภาษาคน?" หลี่โม่พูดพร้อมกับยิ้ม "ผมบอกไปแล้ว เรื่องของตระกูลซูจบไปแล้ว""ถุย!"กู้ซิ่งเหว่ยถ่มน้ำลายใส่เท้าของหลี่โม่และพูดอย่างเหยียดหยามว่า "นี่แกพูด
“บังคับพวกเขางั้นเหรอ? พวกคุณมองพวกเราสูงส่งเกินไป ถ้าพวกเรามีความสามารถขนาดนั้น โลกคงรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไปนานแล้ว” คนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่ายหัว"แล้วเป็นเพราะอะไร ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจที"กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยรอยยิ้มเบิกบานทั่วใบหน้าของเขา"จะถามผมทำไม? คุณควรไปถามคุณชายท่านนั้นดีกว่า คุณชายหลี่ใช่คนในตระกูลของพวกคุณหรือเปล่าครับ? เขามีอิทธิพลมาก ทำให้ตระกูลซูออกคำสั่ง ให้พวกเราพาคนพวกนี้มาขอโทษ""ตอนที่ผมได้รับคำสั่งมาผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตระกูลซูในเมืองหลวงขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อมาผมไปถามเพื่อนในเมืองหลวงถึงได้รู้ คุณเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันเหรอครับ?"คนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่อยากพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ พวกเขาละไว้ในประเด็นสำคัญกู้เจี้ยนกั๋วกำมือไว้แน่นแล้วพูดว่า "ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็รอฟังจากพวกคุณอยู่นี่ไง""ทรัพย์สินของตระกูลซูในเมืองหลวงถูกคนอื่นอายัดไว้ และราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงจนไม่เหลืออะไรเลย ทั้งหมดนี้จะทำให้ตระกูลซูไร้ค่าทันที ผมคิดว่าทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชายหลี่อย่างแน่นอน"หลังจากที่กู้เจี้ยนกั๋วได้ฟัง สมองของเขาก็ว่างเปล่า สม
กู้เจี้ยนกั๋วตัดสินใจในที่สุด เว้นแต่กู้ชิงหลินที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีการคาดเดาอยู่ในใจ…หลี่โม่และกู้หยุนหลานกลับมาถึงบ้าน หวังฟางเห็นทั้งสองคนกลับมาไวผิดปกติ ก็เพ่งมองทั้งสองด้วยความสงสัย"ทำไมวันนี้กลับมาเร็วกันจัง คงไม่ใช่ไอ้หลี่โม่ไปทำเรื่องที่บริษัทอีกนะ""แม่ ไม่มีอะไรค่ะ วันนี้หนูแค่ไม่สบายก็เลยกลับมาเร็วหน่อยน่ะค่ะ" กู้หยุนหลานช่วยตอบแทนหลี่โม่หวังฟางจ้องไปที่ตาของกู้หยุนหลานและพูดด้วยเสียงเย็นชา "ฉันเห็นขอบตาแกบวม ไม่ใช่ไม่สบาย แต่แกร้องไห้ต่างหาก! หลี่โม่ ไอ้สารเลว แกมานี่เลยนะ! แกนี่สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน ชอบทำให้หยุนหลานของพวกเราร้องไห้!""แม่ ไม่ใช่เพราะหลี่โม่ทำหนูร้องไห้นะ แค่มีอะไรไม่รู้เข้าตา หนูก็เลยน้ำตาไหลคะ"หวังฟางกลอกตาด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานชอบปกป้องหลี่โม่จนหวังฟางไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว"หยุนหลานแกมานั่งนี่ซิ"หวังฟางตบที่ข้าง ๆ บนโซฟาที่ตนนั่งแล้วพูด กู้หยุนหลานผลักหลี่โม่เบา ๆ ส่งสัญญาณให้หลี่โม่ด้วยสายตาให้เขากลับไปที่ห้องก่อน อย่ายืนอยู่ที่นี่เดี๋ยวจะโดนดุหลี่โม่พยักหน้าเบา ๆ กลับเข้าไปในห้องกู้หยุนหลานนั่งลงข้างหวังฟาง
หวังฟางได้วางแผนในใจ ให้กู้หยุนหลานเข้าใจถึงความสัมพันธ์ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของผู้เป็นพ่อ กู้หยุนหลานน่าจะไม่ปฏิเสธ และเนื่องจากความสัมพันธ์กับฮั่วเจี้ยนเฟิง บางทีกู้หยุนหลานอาจตกลงที่จะไม่พาหลี่โม่ไปหวังฟางว้าวุ่นในใจมองไปที่กู้หยุนหลาน โดยหวังว่าจะได้ยินสิ่งที่เธอต้องการได้ยินจากกู้หยุนหลานเมื่อกู้หยุนหลานได้ยินชื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น"ต้องพาหลี่โม่ไปด้วย ไม่อย่างนั้นหนูไม่ไป""แกทำไมดื้อด้านแบบนี้!"หวังฟางเห็นว่าไม่สามารถน้าวโน้มกู้หยุนหลานได้ และที่สำคัญตอบตกลงฮั่วเจี้ยนเฟิงไปแล้วจะปฏิเสธไม่ได้"ช่างเถอะ ตามใจแก แกไม่กลัวขายหน้าคน ก็พาไอ้หลี่โม่คนไม่เอาไหนของแกไปด้วยเถอะ!"หวังฟางกลับไปที่ห้องด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกสับสนว่าจะไปหรือไม่ไปดีมีฮั่วเจี้ยนเฟิงอยู่ด้วย หลี่โม่ต้องโดนฮั่วเจี้ยนเฟิงดูถูกอย่างแน่นอนกู้หยุนหลานกลับมาที่ห้อง เธอก็เล่าเรื่องที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงเชิญไปร่วมงานประมูลหยกที่หลินซือให้หลี่โม่ฟัง"หรือว่าพวกเราไม่ต้องไปดีคะ? ฮั่วเจี้ยนเฟิงคงไม่ได้มีเจตนาดีแน่นอน" กู้หยุนหลานพูดด้วยความกังวล"ทำไมถึงไม่ไป ฮั่ว