“บังคับพวกเขางั้นเหรอ? พวกคุณมองพวกเราสูงส่งเกินไป ถ้าพวกเรามีความสามารถขนาดนั้น โลกคงรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไปนานแล้ว” คนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่ายหัว"แล้วเป็นเพราะอะไร ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจที"กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยรอยยิ้มเบิกบานทั่วใบหน้าของเขา"จะถามผมทำไม? คุณควรไปถามคุณชายท่านนั้นดีกว่า คุณชายหลี่ใช่คนในตระกูลของพวกคุณหรือเปล่าครับ? เขามีอิทธิพลมาก ทำให้ตระกูลซูออกคำสั่ง ให้พวกเราพาคนพวกนี้มาขอโทษ""ตอนที่ผมได้รับคำสั่งมาผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตระกูลซูในเมืองหลวงขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อมาผมไปถามเพื่อนในเมืองหลวงถึงได้รู้ คุณเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันเหรอครับ?"คนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่อยากพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ พวกเขาละไว้ในประเด็นสำคัญกู้เจี้ยนกั๋วกำมือไว้แน่นแล้วพูดว่า "ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็รอฟังจากพวกคุณอยู่นี่ไง""ทรัพย์สินของตระกูลซูในเมืองหลวงถูกคนอื่นอายัดไว้ และราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงจนไม่เหลืออะไรเลย ทั้งหมดนี้จะทำให้ตระกูลซูไร้ค่าทันที ผมคิดว่าทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชายหลี่อย่างแน่นอน"หลังจากที่กู้เจี้ยนกั๋วได้ฟัง สมองของเขาก็ว่างเปล่า สม
กู้เจี้ยนกั๋วตัดสินใจในที่สุด เว้นแต่กู้ชิงหลินที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีการคาดเดาอยู่ในใจ…หลี่โม่และกู้หยุนหลานกลับมาถึงบ้าน หวังฟางเห็นทั้งสองคนกลับมาไวผิดปกติ ก็เพ่งมองทั้งสองด้วยความสงสัย"ทำไมวันนี้กลับมาเร็วกันจัง คงไม่ใช่ไอ้หลี่โม่ไปทำเรื่องที่บริษัทอีกนะ""แม่ ไม่มีอะไรค่ะ วันนี้หนูแค่ไม่สบายก็เลยกลับมาเร็วหน่อยน่ะค่ะ" กู้หยุนหลานช่วยตอบแทนหลี่โม่หวังฟางจ้องไปที่ตาของกู้หยุนหลานและพูดด้วยเสียงเย็นชา "ฉันเห็นขอบตาแกบวม ไม่ใช่ไม่สบาย แต่แกร้องไห้ต่างหาก! หลี่โม่ ไอ้สารเลว แกมานี่เลยนะ! แกนี่สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน ชอบทำให้หยุนหลานของพวกเราร้องไห้!""แม่ ไม่ใช่เพราะหลี่โม่ทำหนูร้องไห้นะ แค่มีอะไรไม่รู้เข้าตา หนูก็เลยน้ำตาไหลคะ"หวังฟางกลอกตาด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานชอบปกป้องหลี่โม่จนหวังฟางไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว"หยุนหลานแกมานั่งนี่ซิ"หวังฟางตบที่ข้าง ๆ บนโซฟาที่ตนนั่งแล้วพูด กู้หยุนหลานผลักหลี่โม่เบา ๆ ส่งสัญญาณให้หลี่โม่ด้วยสายตาให้เขากลับไปที่ห้องก่อน อย่ายืนอยู่ที่นี่เดี๋ยวจะโดนดุหลี่โม่พยักหน้าเบา ๆ กลับเข้าไปในห้องกู้หยุนหลานนั่งลงข้างหวังฟาง
หวังฟางได้วางแผนในใจ ให้กู้หยุนหลานเข้าใจถึงความสัมพันธ์ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของผู้เป็นพ่อ กู้หยุนหลานน่าจะไม่ปฏิเสธ และเนื่องจากความสัมพันธ์กับฮั่วเจี้ยนเฟิง บางทีกู้หยุนหลานอาจตกลงที่จะไม่พาหลี่โม่ไปหวังฟางว้าวุ่นในใจมองไปที่กู้หยุนหลาน โดยหวังว่าจะได้ยินสิ่งที่เธอต้องการได้ยินจากกู้หยุนหลานเมื่อกู้หยุนหลานได้ยินชื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น"ต้องพาหลี่โม่ไปด้วย ไม่อย่างนั้นหนูไม่ไป""แกทำไมดื้อด้านแบบนี้!"หวังฟางเห็นว่าไม่สามารถน้าวโน้มกู้หยุนหลานได้ และที่สำคัญตอบตกลงฮั่วเจี้ยนเฟิงไปแล้วจะปฏิเสธไม่ได้"ช่างเถอะ ตามใจแก แกไม่กลัวขายหน้าคน ก็พาไอ้หลี่โม่คนไม่เอาไหนของแกไปด้วยเถอะ!"หวังฟางกลับไปที่ห้องด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกสับสนว่าจะไปหรือไม่ไปดีมีฮั่วเจี้ยนเฟิงอยู่ด้วย หลี่โม่ต้องโดนฮั่วเจี้ยนเฟิงดูถูกอย่างแน่นอนกู้หยุนหลานกลับมาที่ห้อง เธอก็เล่าเรื่องที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงเชิญไปร่วมงานประมูลหยกที่หลินซือให้หลี่โม่ฟัง"หรือว่าพวกเราไม่ต้องไปดีคะ? ฮั่วเจี้ยนเฟิงคงไม่ได้มีเจตนาดีแน่นอน" กู้หยุนหลานพูดด้วยความกังวล"ทำไมถึงไม่ไป ฮั่ว
ฮั้วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างสุภาพและมองไปที่กู้หยุนหลานไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วัน ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่ากู้หยุนหลานดูเหมือนจะสวยขึ้น เมื่อนึกถึงตอนที่กู้หยุนหลานไม่เต็มใจที่จะหย่ากับหลี่โม่ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยในใจ"หยุนหลาน ผมเอาอาหารเช้ามาฝากคุณด้วยนะ ผมซื้อมาจากหยุนจิ่นไจ ยังร้อน ๆ อยู่เลยนะครับ"ฮั่วเจี้ยนเฟิงวางกล่องที่หรูหราไว้บนโต๊ะและเปิดฝาอย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นอาหารเช้าชั้นเลิศที่อยู่ข้างในดวงตาของหวังฟางก็เปิดกว้างเห็นไปถึงข้างใน อาหารเช้าของหยุนจิ่นไจเป็นอาหารเช้าที่หรูหราที่สุดในโซล และอาหารเช้าเพียงกล่องเดียวแบบนี้จะมีราคาเริ่มต้นที่หลายพันหยวนเลย"นี่คือขนมชั้นอบ 16 รสชาติ ทำอย่างประณีต และส่วนผสมที่ใช้ก็มีประโยชน์มาก คุณกับคุณป้าลองชิมดูสิครับ ด้านล่างยังมีซุปรังนกด้วยนะ ผมสั่งมาเป็นพิเศษสำหรับหยุนหลานและคุณป้าเลยครับ"ฮั่วเจี้ยนเฟิงหยิบขนมชั้นอบ 16 รสชาติออกและวางไว้บนโต๊ะ เผยให้เห็นซุปรังนกสองถ้วยที่อยู่ด้านล่างของกล่อง"เจี้ยนเฟิงมีน้ำใจจริง ๆ อาหารเช้านี้คงจะไม่ใช่ราคาถูก ๆ แค่หลานพาพวกเราไปเที่ยวก็เพียงพอแล้ว ทำไมคุณยังซื้ออาหารเช้าราคาแพงเช
รถหยุดที่ประตูทางเข้าโรงแรมเอ็มแกรนด์ พนักงานเฝ้าประตูก็ก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตูรถให้ด้วยความเคารพหวังฟางเห็นพนักงานมาเปิดประตูรถให้ เธอก็พูดด้วยความภูมิใจ "ดูสิ ๆ มีคนมาเปิดประตูรถให้ด้วย คงจะเป็นโรงแรมหรูแน่นอน""คุณป้า โรงแรมเอ็มแกรนด์เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ดีกว่าโรงแรม 5 ดาวอย่าง ฮิลตัน หรือแมริออทพวกนั้นมาก ว่ากันว่าจะปรับเป็นโรงแรม 6 ดาวในเร็ว ๆ นี้ด้วยนะครับ" ฮั่วเจี้ยนเฟิงอธิบายอย่างภาคภูมิใจกู้เจี้ยนหมินพยักหน้าเบา ๆ จากประสบการณ์ของกู้เจี้ยนหมิน โรงแรมระดับ 5 ดาวถือเป็นโรงแรมชั้นนำแล้ว ส่วนโรงแรมระดับ 6 ดาว เขาเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนถ้าเป็นหลี่โม่บอกว่ามีโรงแรมระดับ 6 ดาว กู้เจี้ยนหมินจะต้องดุว่าเขาไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน แต่เมื่อเป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงบอกว่ามีโรงแรม 6 ดาว กู้เจี้ยนหมินจะเชื่อเขาในทันที"เจี้ยนเฟิงมีน้ำใจมาก หลี่โม่ แกก็ดูคนอื่นเขาไว้ด้วยล่ะ แล้วก็ลองดูตัวแกเองบ้าง ต่างจากเจี้ยนเฟิงราวฟ้ากับดิน""หึ ไอ้ไร้ประโยชน์คนนี้มีอะไรที่จะไปเทียบกับเจี้ยนเฟิง มันไม่คู่ควรที่จะเลียรองเท้าของเจี้ยนเฟิงเลยด้วยซ้ำ หยุนหลานแกก็ดูให้ดี ๆ ล่ะ"หวังฟางและกู้เจี้ยนเฟิงต่า
"ถ้านายไม่สนใจเรื่องเงิน นายก็จองห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทให้หยุนหลานสิ” หลี่โม่พูดในทันทีฮั่วเจี้ยนเฟิงตกตะลึงกับคำพูดของหลี่โม่จนหายใจแทบไม่ออก ห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทตกคืนละหนึ่งแสนหยวน และฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่สามารถจ่ายได้จริง ๆหากคืนนี้กู้หยุนหลานยินยอมที่จะทำบางสิ่งแล้วล่ะก็ เพื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงจะได้เห็นสายลมแห่งใบไม้ผลิสักครั้ง เขาจะยอมจ่ายราคาห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทคืนละหนึ่งแสนอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้แม้แต่มือของกู้หยุนหลานก็ไม่ได้จับ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คงจะไม่บ้าควักเงินจำนวนมากเพื่อจองห้องแบบนั้นหรอกกู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขาซึ่งตกตะลึงกับราคาห้องที่สูง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ ทั้งสองก็จ้องมองไปที่หลี่โม่พร้อมกัน“แก ไอ้คนไม่เอาไหน นี่ยังน่าอายไม่พออีกหรือไง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่แกจะต้องพูด หุบปากของแกแล้วอยู่เงียบ ๆ ซะจะดีกว่า!”"เจี้ยนเฟิง อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของคนไร้สาระเลย จองห้องมาตรฐานก็พอ แต่หยุนหลันลองเลือก ๆ ดูว่าอยากได้ห้องเตียงดอกไม้หรือเปล่า"กู้เจี้ยนหมินตำหนิหลี่โม่ ส่วนหวังฟางช่วยพูดกับฮั่วเจี้ยนเฟิง ทั้งสองแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนมุมปากของฮั่วเจี้ยนเฟิงค่อย ๆ ยิ
ทุกคนเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน ฮั่วเจี้ยนเฟิงวางกระเป๋าเดินทางไว้ในห้อง แล้วรีบออกจากห้องของตนและเดินไปที่ห้องของกู้หยุนหลานกู้หยุนหลานกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา เมื่อเธอได้ยินเสียงเคาะประตูของฮั่วเจี้ยนเฟิง เธอก็เดินไปเปิดประตู“หยุนหลาน ผมมาดูคุณน่ะ ว่าคุณสบายดีไหม ให้ผมเรียกคนมานวดผ่อนคลายให้คุณไหมครับ?”ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดไปพลางเบียดตัวเข้าไปในห้องพลาง กู้หยุนหลานทำอะไรไม่ได้นอกจากมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิง และทำได้เพียงเปิดประตูห้องกว้าง ๆ ไว้เท่านั้น“ปิดประตูสิครับ ทำไมเปิดประตูกว้างขนาดนั้นล่ะ?” ฮั่วเจี้ยนเฟิงทำเป็นถามกู้หยุนหลานกู้หยุนหลานพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันจะไปดูหลี่โม่ คุณนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไปก่อนก็แล้วกันนะ”ฮั่วเจี้ยนเฟิงกระวนกระวายในใจ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าข้อมือของกู้หยุนหลาน "ไปหาไอ้คนไม่เอาไหนนั่นทำไม ผมมาหาคุณเพื่อจะคุยเรื่องสำคัญ คุณทำอย่างกับว่าเห็นผมเป็นขโมย"“คุณมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับฉัน ฉันรู้ว่าในใจคุณคิดอะไร แต่ผู้หญิงดี ๆ ก็มีอีกมากมาย คุณควรจะหาคนที่เหมาะสมกับคุณนะ ส่วนฉันยังไงฉันกับหลี่โม่ก็ไม่มีทางแยกจากกัน”ใบหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงมืดมน รู้สึก
เฝิงจื่อไฉกล่าวอย่างยิ่งใหญ่การโอ้อวดไม่ต้องเสียเงิน ต่อให้ต้องเสียเงินเฝิงจื่อไฉก็ยังคงมีความมั่นใจอยู่ดีเฝิงจื่อไฉอาจไม่สามารถทำในสิ่งที่ใหญ่เกินไปในจินไห่ได้ แต่ส่วนมากเรื่องทั่ว ๆ ไป เฝิงจื่อไฉสามารถเป็นสะพานเชื่อมเพื่อแนะนำความสัมพันธ์ได้ เพราะเขาเป็นนายหน้า และเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการแนะนำเครือข่ายความสัมพันธ์ต่าง ๆ "ช่วยฉันจัดการคนสักคน ดีที่สุดคืออัดมันให้เละเป็นหัวหมูเลย" ฮั่วเจี้ยนเฟิงกล่าวใส่อารมณ์รุนแรง“ใครทำให้นายขุ่นเคืองกัน? หรือว่านายมีคู่แข่งในเรื่องความรัก? นายแค่ส่งข้อมูลมาให้ฉัน แล้วฉันจะจัดการให้นายสมใจเลย และจะทำให้มันกลายเป็นหัวหมูด้วย”“ข้อมูลจะส่งถึงนายทันที แต่มันมีสาวสวยอยู่ข้าง ๆ ด้วย นายแค่จัดการมันก็พอ อย่าแตะต้องสาวสวยคนนั้น” ฮั่วเจี้ยนเฟิงเตือนสติหากคนที่เฝิงจื่อไฉส่งมา ทำอะไรกับกู้หยุนหลายแม้แต่น้อย เป้าหมายของฮั่วเจี้ยนเฟิงก็จะยิ่งไกลเกินเอื้อมเมื่อเฝิงจื่อไฉได้ยินว่ามีสาวสวย จิตใจของเขาก็กระฉับกระเฉงขึ้นมา ฮั่วเจี้ยนเฟิงกำลังไล่ตามผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เฟิงจื่อไฉก็เคยได้ยินเรื่องนี้ผ่านหูมาบ้างสามารถทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงหลงใหลได้ ต้องเป็นคนท
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา