"ถ้านายไม่สนใจเรื่องเงิน นายก็จองห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทให้หยุนหลานสิ” หลี่โม่พูดในทันทีฮั่วเจี้ยนเฟิงตกตะลึงกับคำพูดของหลี่โม่จนหายใจแทบไม่ออก ห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทตกคืนละหนึ่งแสนหยวน และฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่สามารถจ่ายได้จริง ๆหากคืนนี้กู้หยุนหลานยินยอมที่จะทำบางสิ่งแล้วล่ะก็ เพื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงจะได้เห็นสายลมแห่งใบไม้ผลิสักครั้ง เขาจะยอมจ่ายราคาห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทคืนละหนึ่งแสนอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้แม้แต่มือของกู้หยุนหลานก็ไม่ได้จับ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คงจะไม่บ้าควักเงินจำนวนมากเพื่อจองห้องแบบนั้นหรอกกู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขาซึ่งตกตะลึงกับราคาห้องที่สูง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ ทั้งสองก็จ้องมองไปที่หลี่โม่พร้อมกัน“แก ไอ้คนไม่เอาไหน นี่ยังน่าอายไม่พออีกหรือไง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่แกจะต้องพูด หุบปากของแกแล้วอยู่เงียบ ๆ ซะจะดีกว่า!”"เจี้ยนเฟิง อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของคนไร้สาระเลย จองห้องมาตรฐานก็พอ แต่หยุนหลันลองเลือก ๆ ดูว่าอยากได้ห้องเตียงดอกไม้หรือเปล่า"กู้เจี้ยนหมินตำหนิหลี่โม่ ส่วนหวังฟางช่วยพูดกับฮั่วเจี้ยนเฟิง ทั้งสองแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนมุมปากของฮั่วเจี้ยนเฟิงค่อย ๆ ยิ
ทุกคนเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน ฮั่วเจี้ยนเฟิงวางกระเป๋าเดินทางไว้ในห้อง แล้วรีบออกจากห้องของตนและเดินไปที่ห้องของกู้หยุนหลานกู้หยุนหลานกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา เมื่อเธอได้ยินเสียงเคาะประตูของฮั่วเจี้ยนเฟิง เธอก็เดินไปเปิดประตู“หยุนหลาน ผมมาดูคุณน่ะ ว่าคุณสบายดีไหม ให้ผมเรียกคนมานวดผ่อนคลายให้คุณไหมครับ?”ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดไปพลางเบียดตัวเข้าไปในห้องพลาง กู้หยุนหลานทำอะไรไม่ได้นอกจากมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิง และทำได้เพียงเปิดประตูห้องกว้าง ๆ ไว้เท่านั้น“ปิดประตูสิครับ ทำไมเปิดประตูกว้างขนาดนั้นล่ะ?” ฮั่วเจี้ยนเฟิงทำเป็นถามกู้หยุนหลานกู้หยุนหลานพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันจะไปดูหลี่โม่ คุณนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไปก่อนก็แล้วกันนะ”ฮั่วเจี้ยนเฟิงกระวนกระวายในใจ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าข้อมือของกู้หยุนหลาน "ไปหาไอ้คนไม่เอาไหนนั่นทำไม ผมมาหาคุณเพื่อจะคุยเรื่องสำคัญ คุณทำอย่างกับว่าเห็นผมเป็นขโมย"“คุณมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับฉัน ฉันรู้ว่าในใจคุณคิดอะไร แต่ผู้หญิงดี ๆ ก็มีอีกมากมาย คุณควรจะหาคนที่เหมาะสมกับคุณนะ ส่วนฉันยังไงฉันกับหลี่โม่ก็ไม่มีทางแยกจากกัน”ใบหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงมืดมน รู้สึก
เฝิงจื่อไฉกล่าวอย่างยิ่งใหญ่การโอ้อวดไม่ต้องเสียเงิน ต่อให้ต้องเสียเงินเฝิงจื่อไฉก็ยังคงมีความมั่นใจอยู่ดีเฝิงจื่อไฉอาจไม่สามารถทำในสิ่งที่ใหญ่เกินไปในจินไห่ได้ แต่ส่วนมากเรื่องทั่ว ๆ ไป เฝิงจื่อไฉสามารถเป็นสะพานเชื่อมเพื่อแนะนำความสัมพันธ์ได้ เพราะเขาเป็นนายหน้า และเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการแนะนำเครือข่ายความสัมพันธ์ต่าง ๆ "ช่วยฉันจัดการคนสักคน ดีที่สุดคืออัดมันให้เละเป็นหัวหมูเลย" ฮั่วเจี้ยนเฟิงกล่าวใส่อารมณ์รุนแรง“ใครทำให้นายขุ่นเคืองกัน? หรือว่านายมีคู่แข่งในเรื่องความรัก? นายแค่ส่งข้อมูลมาให้ฉัน แล้วฉันจะจัดการให้นายสมใจเลย และจะทำให้มันกลายเป็นหัวหมูด้วย”“ข้อมูลจะส่งถึงนายทันที แต่มันมีสาวสวยอยู่ข้าง ๆ ด้วย นายแค่จัดการมันก็พอ อย่าแตะต้องสาวสวยคนนั้น” ฮั่วเจี้ยนเฟิงเตือนสติหากคนที่เฝิงจื่อไฉส่งมา ทำอะไรกับกู้หยุนหลายแม้แต่น้อย เป้าหมายของฮั่วเจี้ยนเฟิงก็จะยิ่งไกลเกินเอื้อมเมื่อเฝิงจื่อไฉได้ยินว่ามีสาวสวย จิตใจของเขาก็กระฉับกระเฉงขึ้นมา ฮั่วเจี้ยนเฟิงกำลังไล่ตามผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เฟิงจื่อไฉก็เคยได้ยินเรื่องนี้ผ่านหูมาบ้างสามารถทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงหลงใหลได้ ต้องเป็นคนท
“พวกคุณเป็นใคร ?” ฉัน้หยุนหลานถามด้วยความตกใจหลี่โม่ยืนอยู่หน้าฉัน้หยุนหลาน มองไปที่เฝิงจื่อไฉเฝิงจื่อไฉจ้องมองที่ฉัน้หยุนหลานอย่างร่าเริง น้ำลายจะไหลออกจากมุมปากของเขาอยู่แล้ว“สวยจริง ๆ ถึงว่าล่ะ”เฝิงจื่อไฉเข้าใจแล้วว่าทำไมฮั่วเจี้ยนเฟิงถึงได้คลั่งไคล้อะไรขนาดนั้น มีผู้หญิงแสนสวยขนาดนี้อยู่ตรงหน้า เป็นผู้ชายคนไหนก็ต้องแพ้พ่ายอย่างแน่นอนฮั่วเจี้ยนเฟิงช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ ขับรถมาตั้งไกลเพื่อส่งผู้หญิงสวยขนาดนี้มาให้ อย่างนั้นฉันเฝิงจื่อไฉจะไม่เกรงใจ จะจัดการพาแม่คนสวยคนนี้ส่งจางจงหยาง จะทำให้จางจงหยางมีความสุขมาก และจะได้จัดการอะไรได้ง่ายขึ้น!“คนสวย คุณไม่ต้องกลัว ผมเป็นคนดี แต่เพื่อนผมขอให้ผมมาเก็บขยะรอบ ๆ ตัวคุณ ทางที่ดีคุณควรมายืนข้าง ๆ ผม ผมสัญญาว่าจะไม่มีใครทำร้ายคุณ”เฝิงจื่อไฉพูดด้วยท่าทีที่สนุกสนาน เหมือนกับคุณย่าหมาป่าที่กำลังเกลี้ยกล่อมหนูน้อยหมวกแดง“คนแค่นี้ ดูไม่น่าจะพอ” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชาฉัน้หยุนหลานไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก เพราะหลี่โม่เคยจัดการคนหลายสิบคนด้วยตัวเอง และตอนนี้มีเพียงหกคนที่อยู่รอบ ๆ ฉัน้หยุนหลานรู้สึกว่าหลี่โม่คงจะจัดการได้อย่างง่ายดาย
"โง่สิ้นดี ถ้าแกอยากตายก็จะส่งแกไปตาย พวกเราจะให้บทเรียนนี้กับแกอย่างดีเลยล่ะ""กล้ามาทำให้พี่ไฉของพวกเราไม่มีความสุข คอยดูพวกฉันจะทำให้แกกลายเป็นหัวหมู ให้แกได้เลียรองเท้าของพี่ไฉ!"เมื่อพวกเขาทำปากล้อเลียนหลี่โม่จบ ชายทั้งหกคนก็ยกกำปั้นและชกหลี่โม่"ระวังด้วยนะคะ"กู้หยุนหลานทำได้เพียงเตือนเท่านั้นแม้ว่าเธอจะรู้ว่าหลี่โม่นั้นเก่งมาก แต่กู้หยุนหลานก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงหลี่โม่อยู่ดีเฝิงจื่อไฉมองไปที่หลี่โม่อย่างดูถูกเหยียดหยาม และค่อย ๆ เดินไปหากู้หยุนหลาน“คนสวย ไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของคุณนี่มันมีอะไรดี แค่คุณยอมมากับผม อนาคตคุณสามารถซื้อของใช้หรูหราชั้นนำจากต่างประเทศได้ตามต้องการ และผมจะให้วิลล่าและรถหรูกับคุณ จะทำให้คุณมีชีวิตที่สุขสบายไปทั้งชาติอย่างแน่นอน”เฝิงจื่อไฉพูดอย่างมั่นใจ แต่ก่อนแค่เขาทำเป็นส่งกระเป๋าแบรนด์เนมชั้นนำสักใบ ก็สามารถทำให้ผู้หญิงหลงใหล เฝิงจื่อไฉรู้สึกว่าข้อเสนอของตัวเองนั้น เพียงพอที่จะทำให้กู้หยุนหลานยอมไปกับเขากู้หยุนหลานถอยห่างออกไปอย่างช้า ๆ เฝ้าดูเฝิงจื่อไฉใกล้เข้ามาอย่างกระวนกระวายใจ"นี่ คนสวย ทำไมคุณไม่พูดอะไร สามีที่กระจอกและยากจนของ
"ไม่ตกใจเลยค่ะ ก็แค่เป็นห่วงคุณ" กู้หยุนหลานพูดด้วยรอยยิ้มหลี่โม่กุมมือของกู้หยุนหลานเบา ๆ จากนั้นมองไปที่เฝิงจื่อไฉที่กำลังตื่นตระหนกลูกน้องทั้งหมดของเขาถูกหลี่โม่อัดจนหมดสติ เฝิงจื่อไฉหวาดกลัวในใจอย่างมาก เขาอยากวิ่งหนีไปเสียทันที แต่หลี่โม่อยู่ข้างหน้าเขา ด้านหลังก็เป็นทางตัน ไม่มีทางที่เขาจะมีโอกาสวิ่งหนีไปไหนได้เลยเสียดาย ในใจเฝิงจื่อไฉรู้สึกเสียดายอย่างมาก ถ้าเขารู้ว่าหลี่โม่มีฝีมือดีขนาดนี้ เขาจะไม่พาลูกน้อยมาแค่หกคน อย่างน้อยเขาจะได้ยืมลูกน้อยสักร้อยหรือแปดสิบคนจากจางจงหยางความเสียดายกลายเป็นความโกรธแค้น เฝิงจื่อไฉรู้สึกว่าข้อมูลที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงให้มานั้นขัดกับความเป็นจริง คนที่มีฝีมือขนาดนี้จะเป็นแค่ไอ้คนที่ไม่เอาไหนได้อย่างไรกัน แค่กังฟูท่าเดียวก็เพียงพอที่จะพังโลกทั้งใบแล้ว"สหาย ผมชื่อเฝิงจื่อไฉ เป็นแค่คนธรรมดาในจินไห่ เรื่องเมื่อกี้คือเรื่องเข้าใจผิด เราก็เป็นคนร่อนเร่พเนจรไปทั่วแผ่นดิน อยู่ในงานสายเดียวกัน วันข้างหน้าอาจได้พบกันอีก ครั้งนี้ก็ถือว่าจบ ๆ กันไปแล้วกันดีกว่า ตกลงไหม"เฝิงจื่อไฉพูดในลักษณะต้มตุ๋น ในใจวางแผนว่าถ้ามุกนี้ใช้ไม่ได้ผล ก็จะอ้างชื่อจางจงหยา
“จะไม่ใช่แค่เคราะห์หนักน่ะสิ ฉันว่าคนต่างถิ่นคนนี้น่าจะถึงฆาด แค่พี่ไฉบอกพี่หยางคำเดียว คนต่างถิ่นคนนี้ต้องถูกจับมัด และถูกทรมานแสนสาหัสแน่”“แต่สะใจมากที่ได้ดูพี่ไฉถูกอัด ปกติจะเห็นแต่เขากลั่นแกล้งคนอื่น แต่คราวนี้ได้เห็นถูกอัดบ้าง”ขณะที่เจ้าของร้านกำลังพูดคุยกัน หลี่โม่ก็พากู้หยุนหลานหันหลังเดินจากไป เฝิงจื่อไฉนอนอยู่ที่พื้นและต้องการที่จะยืนขึ้น แต่เขาไม่สามารถยืนขึ้นได้ เพราะเอวของเขาไม่สามารถใช้การได้เฝิงจื่อไฉโกรธเกรี้ยวพร้อมตะโกนใส่เจ้าของร้านที่อยู่ไม่ไกล "พวกแกรอดูฉันคลานไปที่ถนนหรือไง! รีบมาช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลสิโว้ย!"เจ้าของร้านต่างวิ่งไล่ตามกัน ช่วยพยุงเฝิงจื่อไฉลุกขึ้นและขับรถพาเฝิงจื่อไฉไปส่งที่โรงพยาบาล…ในห้องของโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในจิ่นไห่เมื่อเฝิงจื่อไฉทำการตรวจเอวเสร็จ ก็นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเศร้าหมองเฝิงจื่อไฉไม่คิดจะพูดอะไรกับฮั่วเจี้ยนเฟิงแต่ติดต่อหาจางจงหยางทันทีจางจงหยางพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมาที่โรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ป่วย หรือสมาชิกในครอบครัวในโรงพยาบาล เมื่อเห็นจางจงหยางทุกคนก็หลีกทางให้ทันทีไม่นานจางจงหยางก็มายืนอ
หลี่โม่และกู้หยุนหลานออกจากตลาดดอกไม้และเดินเล่นไปรอบ ๆ สักพัก เมื่อเห็นว่าการประมูลกำลังจะเริ่มขึ้น พวกเขาก็กลับไปที่โรงแรมกู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขากำลังนั่งอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมพร้อมกับฮั่วเจี้ยนเฟิง เมื่อเห็นหลี่และกู้หยุนหลานกลับมา หวังฟางก็โบกมือทักทายเมื่อเห็นหลี่โม่กลับมา แถมร่างกายก็เหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แววตาฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เกิดความสงสัยนี่เกิดอะไรขึ้น?เป็นไปได้ยังไง เฝิงจื่อไฉไม่ได้จัดการกับไอ้หลี่โม่เหรอ?หรือไอ้หลี่โม่มันจะจัดการกับเฝิงจื่อไฉ…ฮั่วเจี้ยนเฟิงส่ายหัวไปมา รู้สึกจินตนาการเป็นหลี่โม่ที่จัดการเฝิงจื่อไฉ แต่นี่เป็นถิ่นของเฝิงจื่อไฉ หากเป็นหลี่โม่ทำร้ายเฝิงจื่อไฉ คงต้องถูกลูกน้องของเฝิงจื่อไฉเอาตายแน่ แต่ทำไมหลี่โม่ถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด ?เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนหน้าผากของฮั่วเจี้ยนเฟิงจะโทรไปหาเฝิงจื่อไฉถามตอนนี้ก็คงจะไม่ดี ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงทำเป็นถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในการประมูลหวังฟางเงยหน้าขึ้น มองหลี่โม่ที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา"พวกแกไปไหนกันมา? ทำไมไม่รู้จักรออยู่ในห้องเงียบ ๆ ?" หวังฟางพูดอย่างไม่พอใจ"แม่ค่ะ พวกเราก็
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา