เฝิงจื่อไฉกล่าวอย่างยิ่งใหญ่การโอ้อวดไม่ต้องเสียเงิน ต่อให้ต้องเสียเงินเฝิงจื่อไฉก็ยังคงมีความมั่นใจอยู่ดีเฝิงจื่อไฉอาจไม่สามารถทำในสิ่งที่ใหญ่เกินไปในจินไห่ได้ แต่ส่วนมากเรื่องทั่ว ๆ ไป เฝิงจื่อไฉสามารถเป็นสะพานเชื่อมเพื่อแนะนำความสัมพันธ์ได้ เพราะเขาเป็นนายหน้า และเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการแนะนำเครือข่ายความสัมพันธ์ต่าง ๆ "ช่วยฉันจัดการคนสักคน ดีที่สุดคืออัดมันให้เละเป็นหัวหมูเลย" ฮั่วเจี้ยนเฟิงกล่าวใส่อารมณ์รุนแรง“ใครทำให้นายขุ่นเคืองกัน? หรือว่านายมีคู่แข่งในเรื่องความรัก? นายแค่ส่งข้อมูลมาให้ฉัน แล้วฉันจะจัดการให้นายสมใจเลย และจะทำให้มันกลายเป็นหัวหมูด้วย”“ข้อมูลจะส่งถึงนายทันที แต่มันมีสาวสวยอยู่ข้าง ๆ ด้วย นายแค่จัดการมันก็พอ อย่าแตะต้องสาวสวยคนนั้น” ฮั่วเจี้ยนเฟิงเตือนสติหากคนที่เฝิงจื่อไฉส่งมา ทำอะไรกับกู้หยุนหลายแม้แต่น้อย เป้าหมายของฮั่วเจี้ยนเฟิงก็จะยิ่งไกลเกินเอื้อมเมื่อเฝิงจื่อไฉได้ยินว่ามีสาวสวย จิตใจของเขาก็กระฉับกระเฉงขึ้นมา ฮั่วเจี้ยนเฟิงกำลังไล่ตามผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เฟิงจื่อไฉก็เคยได้ยินเรื่องนี้ผ่านหูมาบ้างสามารถทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงหลงใหลได้ ต้องเป็นคนท
“พวกคุณเป็นใคร ?” ฉัน้หยุนหลานถามด้วยความตกใจหลี่โม่ยืนอยู่หน้าฉัน้หยุนหลาน มองไปที่เฝิงจื่อไฉเฝิงจื่อไฉจ้องมองที่ฉัน้หยุนหลานอย่างร่าเริง น้ำลายจะไหลออกจากมุมปากของเขาอยู่แล้ว“สวยจริง ๆ ถึงว่าล่ะ”เฝิงจื่อไฉเข้าใจแล้วว่าทำไมฮั่วเจี้ยนเฟิงถึงได้คลั่งไคล้อะไรขนาดนั้น มีผู้หญิงแสนสวยขนาดนี้อยู่ตรงหน้า เป็นผู้ชายคนไหนก็ต้องแพ้พ่ายอย่างแน่นอนฮั่วเจี้ยนเฟิงช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ ขับรถมาตั้งไกลเพื่อส่งผู้หญิงสวยขนาดนี้มาให้ อย่างนั้นฉันเฝิงจื่อไฉจะไม่เกรงใจ จะจัดการพาแม่คนสวยคนนี้ส่งจางจงหยาง จะทำให้จางจงหยางมีความสุขมาก และจะได้จัดการอะไรได้ง่ายขึ้น!“คนสวย คุณไม่ต้องกลัว ผมเป็นคนดี แต่เพื่อนผมขอให้ผมมาเก็บขยะรอบ ๆ ตัวคุณ ทางที่ดีคุณควรมายืนข้าง ๆ ผม ผมสัญญาว่าจะไม่มีใครทำร้ายคุณ”เฝิงจื่อไฉพูดด้วยท่าทีที่สนุกสนาน เหมือนกับคุณย่าหมาป่าที่กำลังเกลี้ยกล่อมหนูน้อยหมวกแดง“คนแค่นี้ ดูไม่น่าจะพอ” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชาฉัน้หยุนหลานไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก เพราะหลี่โม่เคยจัดการคนหลายสิบคนด้วยตัวเอง และตอนนี้มีเพียงหกคนที่อยู่รอบ ๆ ฉัน้หยุนหลานรู้สึกว่าหลี่โม่คงจะจัดการได้อย่างง่ายดาย
"โง่สิ้นดี ถ้าแกอยากตายก็จะส่งแกไปตาย พวกเราจะให้บทเรียนนี้กับแกอย่างดีเลยล่ะ""กล้ามาทำให้พี่ไฉของพวกเราไม่มีความสุข คอยดูพวกฉันจะทำให้แกกลายเป็นหัวหมู ให้แกได้เลียรองเท้าของพี่ไฉ!"เมื่อพวกเขาทำปากล้อเลียนหลี่โม่จบ ชายทั้งหกคนก็ยกกำปั้นและชกหลี่โม่"ระวังด้วยนะคะ"กู้หยุนหลานทำได้เพียงเตือนเท่านั้นแม้ว่าเธอจะรู้ว่าหลี่โม่นั้นเก่งมาก แต่กู้หยุนหลานก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงหลี่โม่อยู่ดีเฝิงจื่อไฉมองไปที่หลี่โม่อย่างดูถูกเหยียดหยาม และค่อย ๆ เดินไปหากู้หยุนหลาน“คนสวย ไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของคุณนี่มันมีอะไรดี แค่คุณยอมมากับผม อนาคตคุณสามารถซื้อของใช้หรูหราชั้นนำจากต่างประเทศได้ตามต้องการ และผมจะให้วิลล่าและรถหรูกับคุณ จะทำให้คุณมีชีวิตที่สุขสบายไปทั้งชาติอย่างแน่นอน”เฝิงจื่อไฉพูดอย่างมั่นใจ แต่ก่อนแค่เขาทำเป็นส่งกระเป๋าแบรนด์เนมชั้นนำสักใบ ก็สามารถทำให้ผู้หญิงหลงใหล เฝิงจื่อไฉรู้สึกว่าข้อเสนอของตัวเองนั้น เพียงพอที่จะทำให้กู้หยุนหลานยอมไปกับเขากู้หยุนหลานถอยห่างออกไปอย่างช้า ๆ เฝ้าดูเฝิงจื่อไฉใกล้เข้ามาอย่างกระวนกระวายใจ"นี่ คนสวย ทำไมคุณไม่พูดอะไร สามีที่กระจอกและยากจนของ
"ไม่ตกใจเลยค่ะ ก็แค่เป็นห่วงคุณ" กู้หยุนหลานพูดด้วยรอยยิ้มหลี่โม่กุมมือของกู้หยุนหลานเบา ๆ จากนั้นมองไปที่เฝิงจื่อไฉที่กำลังตื่นตระหนกลูกน้องทั้งหมดของเขาถูกหลี่โม่อัดจนหมดสติ เฝิงจื่อไฉหวาดกลัวในใจอย่างมาก เขาอยากวิ่งหนีไปเสียทันที แต่หลี่โม่อยู่ข้างหน้าเขา ด้านหลังก็เป็นทางตัน ไม่มีทางที่เขาจะมีโอกาสวิ่งหนีไปไหนได้เลยเสียดาย ในใจเฝิงจื่อไฉรู้สึกเสียดายอย่างมาก ถ้าเขารู้ว่าหลี่โม่มีฝีมือดีขนาดนี้ เขาจะไม่พาลูกน้อยมาแค่หกคน อย่างน้อยเขาจะได้ยืมลูกน้อยสักร้อยหรือแปดสิบคนจากจางจงหยางความเสียดายกลายเป็นความโกรธแค้น เฝิงจื่อไฉรู้สึกว่าข้อมูลที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงให้มานั้นขัดกับความเป็นจริง คนที่มีฝีมือขนาดนี้จะเป็นแค่ไอ้คนที่ไม่เอาไหนได้อย่างไรกัน แค่กังฟูท่าเดียวก็เพียงพอที่จะพังโลกทั้งใบแล้ว"สหาย ผมชื่อเฝิงจื่อไฉ เป็นแค่คนธรรมดาในจินไห่ เรื่องเมื่อกี้คือเรื่องเข้าใจผิด เราก็เป็นคนร่อนเร่พเนจรไปทั่วแผ่นดิน อยู่ในงานสายเดียวกัน วันข้างหน้าอาจได้พบกันอีก ครั้งนี้ก็ถือว่าจบ ๆ กันไปแล้วกันดีกว่า ตกลงไหม"เฝิงจื่อไฉพูดในลักษณะต้มตุ๋น ในใจวางแผนว่าถ้ามุกนี้ใช้ไม่ได้ผล ก็จะอ้างชื่อจางจงหยา
“จะไม่ใช่แค่เคราะห์หนักน่ะสิ ฉันว่าคนต่างถิ่นคนนี้น่าจะถึงฆาด แค่พี่ไฉบอกพี่หยางคำเดียว คนต่างถิ่นคนนี้ต้องถูกจับมัด และถูกทรมานแสนสาหัสแน่”“แต่สะใจมากที่ได้ดูพี่ไฉถูกอัด ปกติจะเห็นแต่เขากลั่นแกล้งคนอื่น แต่คราวนี้ได้เห็นถูกอัดบ้าง”ขณะที่เจ้าของร้านกำลังพูดคุยกัน หลี่โม่ก็พากู้หยุนหลานหันหลังเดินจากไป เฝิงจื่อไฉนอนอยู่ที่พื้นและต้องการที่จะยืนขึ้น แต่เขาไม่สามารถยืนขึ้นได้ เพราะเอวของเขาไม่สามารถใช้การได้เฝิงจื่อไฉโกรธเกรี้ยวพร้อมตะโกนใส่เจ้าของร้านที่อยู่ไม่ไกล "พวกแกรอดูฉันคลานไปที่ถนนหรือไง! รีบมาช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลสิโว้ย!"เจ้าของร้านต่างวิ่งไล่ตามกัน ช่วยพยุงเฝิงจื่อไฉลุกขึ้นและขับรถพาเฝิงจื่อไฉไปส่งที่โรงพยาบาล…ในห้องของโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในจิ่นไห่เมื่อเฝิงจื่อไฉทำการตรวจเอวเสร็จ ก็นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเศร้าหมองเฝิงจื่อไฉไม่คิดจะพูดอะไรกับฮั่วเจี้ยนเฟิงแต่ติดต่อหาจางจงหยางทันทีจางจงหยางพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมาที่โรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ป่วย หรือสมาชิกในครอบครัวในโรงพยาบาล เมื่อเห็นจางจงหยางทุกคนก็หลีกทางให้ทันทีไม่นานจางจงหยางก็มายืนอ
หลี่โม่และกู้หยุนหลานออกจากตลาดดอกไม้และเดินเล่นไปรอบ ๆ สักพัก เมื่อเห็นว่าการประมูลกำลังจะเริ่มขึ้น พวกเขาก็กลับไปที่โรงแรมกู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขากำลังนั่งอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมพร้อมกับฮั่วเจี้ยนเฟิง เมื่อเห็นหลี่และกู้หยุนหลานกลับมา หวังฟางก็โบกมือทักทายเมื่อเห็นหลี่โม่กลับมา แถมร่างกายก็เหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แววตาฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เกิดความสงสัยนี่เกิดอะไรขึ้น?เป็นไปได้ยังไง เฝิงจื่อไฉไม่ได้จัดการกับไอ้หลี่โม่เหรอ?หรือไอ้หลี่โม่มันจะจัดการกับเฝิงจื่อไฉ…ฮั่วเจี้ยนเฟิงส่ายหัวไปมา รู้สึกจินตนาการเป็นหลี่โม่ที่จัดการเฝิงจื่อไฉ แต่นี่เป็นถิ่นของเฝิงจื่อไฉ หากเป็นหลี่โม่ทำร้ายเฝิงจื่อไฉ คงต้องถูกลูกน้องของเฝิงจื่อไฉเอาตายแน่ แต่ทำไมหลี่โม่ถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด ?เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนหน้าผากของฮั่วเจี้ยนเฟิงจะโทรไปหาเฝิงจื่อไฉถามตอนนี้ก็คงจะไม่ดี ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงทำเป็นถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในการประมูลหวังฟางเงยหน้าขึ้น มองหลี่โม่ที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา"พวกแกไปไหนกันมา? ทำไมไม่รู้จักรออยู่ในห้องเงียบ ๆ ?" หวังฟางพูดอย่างไม่พอใจ"แม่ค่ะ พวกเราก็
"เมืองจินไห่เลื่องชื่อด้านงานประมูล และเป็นมืออาชีพมาก ดังนั้นสินค้าทางวัฒนธรรมหลายรายการ ส่วนมากจะอยู่ในเมืองจินไห่ นอกจากนี้ยังมีงานประมูลหลายแห่งในจินไห่ งานประมูลใหญ่ในจินให่ครั้งนี้จัดขึ้นโดยเจ้าพ่อลู่เจี้ยนปิน""ถ้าพูดถึงลู่เจี้ยนปินคนนี้ เขาถือว่าเป็นบุคคลในตำนาน เดิมทีเขาเคยเป็นคนเก็บขยะ ต่อมาก็เอาขยะที่เก็บนั้นมาตีเป็นราคา หลังจากดำเนินกิจการมายี่สิบปีก็กลายเป็นเจ้าพ่อในอุตสาหกรรมวัตถุโบราณ และก็มีชื่อเสียงมากในงานการประมูล"ฮั่วเจี้ยนเฟิงขับรถไปพลางคุยกับกู้เจี้ยนหมิงไปพลาง โดยรู้ว่ากู้เจี้ยนหมินชอบสะสมของเก่าและหยก ดังนั้นเขาจึงเลือกหัวข้อที่กู้เจี้ยนหมินสนใจโดยเฉพาะมาพูดคุย"ลู่เจี้ยนปิน คนนี้ลุงรู้จัก ปีที่แล้วมักเห็นเขาในตลาดของโบราณบ่อย ๆ แถมในเวลานั้นเขาเป็นเซียนสะสมของเก่า ในจังหวัดนี้ก็ไม่มีใครที่เหนือกว่าลู่เจี้ยนปินในการเก็บสะสมของเก่า""และลุงก็ได้ยินมาว่า ตอนนี้ลู่เจี้ยนปินกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในจิ่นไห่แล้ว และสถานะของเขาในจิ่นไห่ก็โดดเดี่ยวมาก คนที่สามารถกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในด้านนี้ น่าจะมีแค่ลู่เจี้ยนปินคนเดียว"กู้เจี้ยนหมินพูดคุยกับฮั่วเจี้ยนเฟิงอย
ภายในอาคารศูนย์ประมูลใหญ่จินไห่แบ่งออกเป็นสองส่วน สองในสามส่วนของพื้นที่คือโถงแสดงนิทรรศการ และพื้นที่ส่วนที่เหลือนั้นแบ่งเป็นห้องประมูลขนาดแตกต่างกันหลายห้อง ก่อนที่สินค้าประมูลจะขึ้นประมูลทุกครั้ง จะทำการจัดแสดงนิทรรศการเป็นเวลาสามถึงห้าวัน ผู้ที่สนใจในการประมูลสินค้าจำนวนมาก ต่างก็ไปดูการจัดแสดงนิทรรศการล่วงหน้ากันทั้งสิ้น บางคนถึงกับพาผู้เชี่ยวชาญไปดูด้วยกัน เพื่อถือโอกาสประเมินความถูกต้อง คุณภาพ มูลค่าและด้านอื่น ๆ ของสิ่งของนั้นไปพร้อมกัน กู้เจี้ยนหมินมาที่งานประมูลโดยไม่ได้มีความคิดที่จะซื้อของ เพียงแค่มาดูสักหน่อยเท่านั้น หยกเหอเถียนและหยกแข็งชั้นเลิศทุกวันนี้มูลค่าพุ่งสูงเสียดฟ้า กู้เจี้ยนหมินไม่สามารถซื้อได้อยู่แล้ว และสินค้าที่มูลค่าถูกกว่าหน่อยกู้เจี้ยนหมินก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาอีก ดังนั้นกู้เจี้ยนหมินจึงได้แต่มาดูสินค้าที่จัดแสดงของนิทรรศการ เพื่อบรรเทาความโลภและดูเป็นอาหารตาเท่านั้น ฮั่วเจี้ยนเฟิงพากู้หยุนหลานและหลี่โม่เดินไปทางห้องประมูลใหญ่ “นิทรรศการไม่ได้มีอะไรน่าดูนักหรอก ถ้าอยากดูที่ห้องประมูลใหญ่ก็มีอัลบั้มรูป ดูในอัลบั้มก็ได้แล้วล่ะ” “หยุนหลาน ถ้าคุณกั