“รอให้มันมาจัดการบ้าอะไรล่ะ! ไอ้ขยะนั่นคงรู้ว่าตัวเองเป็นตัวสร้างปัญหา มันเลยวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว! เธอนี่โง่หรือยังไง หายนะกำลังจะลอยเข้ามาแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!” กู้เจี้ยนเจียงพูดพร้อมขมวดคิ้วกู้ซิ่งเหว่ยทำหน้าเย็นชา แล้วโยนสำเนาเอกสารต่อหน้ากู้หยุนหลาน "ลืมตาแล้วดูด้วยตัวเธอเอง! พวกที่ลักพาตัวพวกเรา ถูกส่งมาจากตระกูลซูในเมืองหลวงของจังหวัด นี่คือข้อมูลที่มีคนเพิ่งได้รับมา เธอและไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของเธอ คิดจะฆ่าพวกเราทั้งครอบครัวเลยหรือไง!"กู้หยุนหลานมือสั่น และค่อย ๆ เปิดเอกสารดูตระกูลซู? เป็นคนที่ตระกูลซูส่งมาจริงเหรอ?!ถ้าอย่างนั้นหลี่โม่คงไม่ใช่ไปที่ในเมืองหลวงของจังหวัดเพื่อพบตระกูลซูหรอก!เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ขอบตาของกู้หยุนหลานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และน้ำตาก็ไหลอยู่ในเบ้าตาเมื่อนึกถึงอำนาจของตระกูลซูในเมืองหลวงของจังหวัด หากหลี่โม่ไปที่นั่นคนเดียว ก็เท่ากับส่งเขาไปตาย!คนตระกูลกู้ไม่มีใครสังเกตเห็นอารมณ์ผิดปกติของกู้หยุนหลาน เพราะคิดว่ากู้หยุนหลานคงรู้สึกหวาดกลัว"ให้ไอ้หลี่โม่ไปจัดการ เธอคิดว่ามันเป็นใคร! สำหรับคนเลวทรามอย่างมัน จะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง ต่อให้ตระกูล
กู้ชิงหลินมองหลี่โม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม "ผัวเมียคู่นี้ช่างเป็นคนดีซะจริง ๆ คนหนึ่งแสร้งทำเป็นน่าสงสาร ส่วนอีกคนแสร้งทำเป็นพระเจ้า หลี่โม่ แกมันก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่น่าสงสาร ยังจะมาทำอวดดีวางมาดใหญ่โตที่นี่อีก!”"ตระกูลซูในเมืองหลวงมีอำนาจขนาดไหนแกรู้บ้างไหม! อุตสาหกรรมบันเทิงส่วนใหญ่ในเมืองหลวงเกือบทั้งหมดเป็นของตระกูลซู! ตระกูลซูยังเป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนมากมายที่สมองอันไร้ประโยชน์ของแกก็คิดไม่ถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลซู!"กู้เจี้ยนเจียงขมวดคิ้ว "จะพูดมากไปเพื่ออะไร? มันก็เป็นแค่ไอ้ขยะมันไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก ซิ่งเหว่ย แกรีบส่งมันสองตัวไปซะ ไปหาคุณชายซูเพื่อชดใช้!"กู้เจี้ยนกั๋วค่อย ๆ พยักหน้า ส่งสายตาให้กู้ซิ่งเหว่ยกู้ซิ่งเหว่ยลุกขึ้นเดินไปหาหลี่โม่อย่างเย่อหยิ่ง "ไอ้ขยะ ตอนนี้แกรู้แล้วว่าคุณชายซูเก่งแค่ไหนแล้วหรือยัง ตอนที่แกทำอะไรโดยไม่คิด แกเคยคิดถึงจุดจบของแกในวันนี้บ้างไหม?!""นี่ยังไม่เข้าใจกันอีกเหรอไง พวกคุณไม่เข้าใจภาษาคน?" หลี่โม่พูดพร้อมกับยิ้ม "ผมบอกไปแล้ว เรื่องของตระกูลซูจบไปแล้ว""ถุย!"กู้ซิ่งเหว่ยถ่มน้ำลายใส่เท้าของหลี่โม่และพูดอย่างเหยียดหยามว่า "นี่แกพูด
“บังคับพวกเขางั้นเหรอ? พวกคุณมองพวกเราสูงส่งเกินไป ถ้าพวกเรามีความสามารถขนาดนั้น โลกคงรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไปนานแล้ว” คนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่ายหัว"แล้วเป็นเพราะอะไร ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจที"กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยรอยยิ้มเบิกบานทั่วใบหน้าของเขา"จะถามผมทำไม? คุณควรไปถามคุณชายท่านนั้นดีกว่า คุณชายหลี่ใช่คนในตระกูลของพวกคุณหรือเปล่าครับ? เขามีอิทธิพลมาก ทำให้ตระกูลซูออกคำสั่ง ให้พวกเราพาคนพวกนี้มาขอโทษ""ตอนที่ผมได้รับคำสั่งมาผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตระกูลซูในเมืองหลวงขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อมาผมไปถามเพื่อนในเมืองหลวงถึงได้รู้ คุณเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันเหรอครับ?"คนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่อยากพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ พวกเขาละไว้ในประเด็นสำคัญกู้เจี้ยนกั๋วกำมือไว้แน่นแล้วพูดว่า "ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็รอฟังจากพวกคุณอยู่นี่ไง""ทรัพย์สินของตระกูลซูในเมืองหลวงถูกคนอื่นอายัดไว้ และราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงจนไม่เหลืออะไรเลย ทั้งหมดนี้จะทำให้ตระกูลซูไร้ค่าทันที ผมคิดว่าทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชายหลี่อย่างแน่นอน"หลังจากที่กู้เจี้ยนกั๋วได้ฟัง สมองของเขาก็ว่างเปล่า สม
กู้เจี้ยนกั๋วตัดสินใจในที่สุด เว้นแต่กู้ชิงหลินที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีการคาดเดาอยู่ในใจ…หลี่โม่และกู้หยุนหลานกลับมาถึงบ้าน หวังฟางเห็นทั้งสองคนกลับมาไวผิดปกติ ก็เพ่งมองทั้งสองด้วยความสงสัย"ทำไมวันนี้กลับมาเร็วกันจัง คงไม่ใช่ไอ้หลี่โม่ไปทำเรื่องที่บริษัทอีกนะ""แม่ ไม่มีอะไรค่ะ วันนี้หนูแค่ไม่สบายก็เลยกลับมาเร็วหน่อยน่ะค่ะ" กู้หยุนหลานช่วยตอบแทนหลี่โม่หวังฟางจ้องไปที่ตาของกู้หยุนหลานและพูดด้วยเสียงเย็นชา "ฉันเห็นขอบตาแกบวม ไม่ใช่ไม่สบาย แต่แกร้องไห้ต่างหาก! หลี่โม่ ไอ้สารเลว แกมานี่เลยนะ! แกนี่สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน ชอบทำให้หยุนหลานของพวกเราร้องไห้!""แม่ ไม่ใช่เพราะหลี่โม่ทำหนูร้องไห้นะ แค่มีอะไรไม่รู้เข้าตา หนูก็เลยน้ำตาไหลคะ"หวังฟางกลอกตาด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานชอบปกป้องหลี่โม่จนหวังฟางไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว"หยุนหลานแกมานั่งนี่ซิ"หวังฟางตบที่ข้าง ๆ บนโซฟาที่ตนนั่งแล้วพูด กู้หยุนหลานผลักหลี่โม่เบา ๆ ส่งสัญญาณให้หลี่โม่ด้วยสายตาให้เขากลับไปที่ห้องก่อน อย่ายืนอยู่ที่นี่เดี๋ยวจะโดนดุหลี่โม่พยักหน้าเบา ๆ กลับเข้าไปในห้องกู้หยุนหลานนั่งลงข้างหวังฟาง
หวังฟางได้วางแผนในใจ ให้กู้หยุนหลานเข้าใจถึงความสัมพันธ์ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของผู้เป็นพ่อ กู้หยุนหลานน่าจะไม่ปฏิเสธ และเนื่องจากความสัมพันธ์กับฮั่วเจี้ยนเฟิง บางทีกู้หยุนหลานอาจตกลงที่จะไม่พาหลี่โม่ไปหวังฟางว้าวุ่นในใจมองไปที่กู้หยุนหลาน โดยหวังว่าจะได้ยินสิ่งที่เธอต้องการได้ยินจากกู้หยุนหลานเมื่อกู้หยุนหลานได้ยินชื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น"ต้องพาหลี่โม่ไปด้วย ไม่อย่างนั้นหนูไม่ไป""แกทำไมดื้อด้านแบบนี้!"หวังฟางเห็นว่าไม่สามารถน้าวโน้มกู้หยุนหลานได้ และที่สำคัญตอบตกลงฮั่วเจี้ยนเฟิงไปแล้วจะปฏิเสธไม่ได้"ช่างเถอะ ตามใจแก แกไม่กลัวขายหน้าคน ก็พาไอ้หลี่โม่คนไม่เอาไหนของแกไปด้วยเถอะ!"หวังฟางกลับไปที่ห้องด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกสับสนว่าจะไปหรือไม่ไปดีมีฮั่วเจี้ยนเฟิงอยู่ด้วย หลี่โม่ต้องโดนฮั่วเจี้ยนเฟิงดูถูกอย่างแน่นอนกู้หยุนหลานกลับมาที่ห้อง เธอก็เล่าเรื่องที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงเชิญไปร่วมงานประมูลหยกที่หลินซือให้หลี่โม่ฟัง"หรือว่าพวกเราไม่ต้องไปดีคะ? ฮั่วเจี้ยนเฟิงคงไม่ได้มีเจตนาดีแน่นอน" กู้หยุนหลานพูดด้วยความกังวล"ทำไมถึงไม่ไป ฮั่ว
ฮั้วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างสุภาพและมองไปที่กู้หยุนหลานไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วัน ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่ากู้หยุนหลานดูเหมือนจะสวยขึ้น เมื่อนึกถึงตอนที่กู้หยุนหลานไม่เต็มใจที่จะหย่ากับหลี่โม่ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยในใจ"หยุนหลาน ผมเอาอาหารเช้ามาฝากคุณด้วยนะ ผมซื้อมาจากหยุนจิ่นไจ ยังร้อน ๆ อยู่เลยนะครับ"ฮั่วเจี้ยนเฟิงวางกล่องที่หรูหราไว้บนโต๊ะและเปิดฝาอย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นอาหารเช้าชั้นเลิศที่อยู่ข้างในดวงตาของหวังฟางก็เปิดกว้างเห็นไปถึงข้างใน อาหารเช้าของหยุนจิ่นไจเป็นอาหารเช้าที่หรูหราที่สุดในโซล และอาหารเช้าเพียงกล่องเดียวแบบนี้จะมีราคาเริ่มต้นที่หลายพันหยวนเลย"นี่คือขนมชั้นอบ 16 รสชาติ ทำอย่างประณีต และส่วนผสมที่ใช้ก็มีประโยชน์มาก คุณกับคุณป้าลองชิมดูสิครับ ด้านล่างยังมีซุปรังนกด้วยนะ ผมสั่งมาเป็นพิเศษสำหรับหยุนหลานและคุณป้าเลยครับ"ฮั่วเจี้ยนเฟิงหยิบขนมชั้นอบ 16 รสชาติออกและวางไว้บนโต๊ะ เผยให้เห็นซุปรังนกสองถ้วยที่อยู่ด้านล่างของกล่อง"เจี้ยนเฟิงมีน้ำใจจริง ๆ อาหารเช้านี้คงจะไม่ใช่ราคาถูก ๆ แค่หลานพาพวกเราไปเที่ยวก็เพียงพอแล้ว ทำไมคุณยังซื้ออาหารเช้าราคาแพงเช
รถหยุดที่ประตูทางเข้าโรงแรมเอ็มแกรนด์ พนักงานเฝ้าประตูก็ก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตูรถให้ด้วยความเคารพหวังฟางเห็นพนักงานมาเปิดประตูรถให้ เธอก็พูดด้วยความภูมิใจ "ดูสิ ๆ มีคนมาเปิดประตูรถให้ด้วย คงจะเป็นโรงแรมหรูแน่นอน""คุณป้า โรงแรมเอ็มแกรนด์เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ดีกว่าโรงแรม 5 ดาวอย่าง ฮิลตัน หรือแมริออทพวกนั้นมาก ว่ากันว่าจะปรับเป็นโรงแรม 6 ดาวในเร็ว ๆ นี้ด้วยนะครับ" ฮั่วเจี้ยนเฟิงอธิบายอย่างภาคภูมิใจกู้เจี้ยนหมินพยักหน้าเบา ๆ จากประสบการณ์ของกู้เจี้ยนหมิน โรงแรมระดับ 5 ดาวถือเป็นโรงแรมชั้นนำแล้ว ส่วนโรงแรมระดับ 6 ดาว เขาเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนถ้าเป็นหลี่โม่บอกว่ามีโรงแรมระดับ 6 ดาว กู้เจี้ยนหมินจะต้องดุว่าเขาไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน แต่เมื่อเป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงบอกว่ามีโรงแรม 6 ดาว กู้เจี้ยนหมินจะเชื่อเขาในทันที"เจี้ยนเฟิงมีน้ำใจมาก หลี่โม่ แกก็ดูคนอื่นเขาไว้ด้วยล่ะ แล้วก็ลองดูตัวแกเองบ้าง ต่างจากเจี้ยนเฟิงราวฟ้ากับดิน""หึ ไอ้ไร้ประโยชน์คนนี้มีอะไรที่จะไปเทียบกับเจี้ยนเฟิง มันไม่คู่ควรที่จะเลียรองเท้าของเจี้ยนเฟิงเลยด้วยซ้ำ หยุนหลานแกก็ดูให้ดี ๆ ล่ะ"หวังฟางและกู้เจี้ยนเฟิงต่า
"ถ้านายไม่สนใจเรื่องเงิน นายก็จองห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทให้หยุนหลานสิ” หลี่โม่พูดในทันทีฮั่วเจี้ยนเฟิงตกตะลึงกับคำพูดของหลี่โม่จนหายใจแทบไม่ออก ห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทตกคืนละหนึ่งแสนหยวน และฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่สามารถจ่ายได้จริง ๆหากคืนนี้กู้หยุนหลานยินยอมที่จะทำบางสิ่งแล้วล่ะก็ เพื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงจะได้เห็นสายลมแห่งใบไม้ผลิสักครั้ง เขาจะยอมจ่ายราคาห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทคืนละหนึ่งแสนอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้แม้แต่มือของกู้หยุนหลานก็ไม่ได้จับ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คงจะไม่บ้าควักเงินจำนวนมากเพื่อจองห้องแบบนั้นหรอกกู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขาซึ่งตกตะลึงกับราคาห้องที่สูง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ ทั้งสองก็จ้องมองไปที่หลี่โม่พร้อมกัน“แก ไอ้คนไม่เอาไหน นี่ยังน่าอายไม่พออีกหรือไง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่แกจะต้องพูด หุบปากของแกแล้วอยู่เงียบ ๆ ซะจะดีกว่า!”"เจี้ยนเฟิง อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของคนไร้สาระเลย จองห้องมาตรฐานก็พอ แต่หยุนหลันลองเลือก ๆ ดูว่าอยากได้ห้องเตียงดอกไม้หรือเปล่า"กู้เจี้ยนหมินตำหนิหลี่โม่ ส่วนหวังฟางช่วยพูดกับฮั่วเจี้ยนเฟิง ทั้งสองแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนมุมปากของฮั่วเจี้ยนเฟิงค่อย ๆ ยิ