ผัวะ!คนอันธพาลทั้งสองยังไม่ทันจะส่งเสียง พวกเขาก็ถูกหลี่โม่ทุบตีจนหมดสติไปเสียแล้วเมื่อเห็นคนอันธพาลทั้งสองหมดสติไป หลี่โม่ก็รีบเดินเข้าไปในตัวอาคารและตรงไปที่ห้องประชุมหลี่โม่มาถึงที่ประตูห้องประชุมโดยไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดทาง เมื่อพวกคนอันธพาลเห็นหลี่โม่กำลังเดินเข้ามา พวกเขาเปิดประตูห้องประชุมพร้อมกับพูดอย่างเย้ยหยัน"พี่ไป่ ไอ้หลี่โม่มันมาแล้ว" เหล่าไป่ทำหน้าตกตะลึง จากนั้นก็เหลือบมองเวลาบนโทรศัพท์ และพูดอย่างไม่พอใจ "ไอ้สารเลวนี่มาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง! ทำไมมันไม่ปล่อยให้คนน่าสมเพชพวกนี้เล่นเกมส์กันก่อน"หลี่โม่และเหล่าไป่จ้องตากัน จากนั้นเขาก็ใช้เท้าดันประตูออก เตะคนเฝ้าหน้าประตูเข้าไปในห้องประชุม กู้หยุนหลานร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอรู้ว่าหลี่โม่ต้องมาแน่ แต่เธอไม่คิดว่าหลี่โม่จะมาเร็วขนาดนี้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นก็พากันถอนหายใจ ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเกมส์สิบนาทีของเหล่าไป่ แต่เมื่อเห็นคนอันธพาลถูกเตะเข้าไปในห้องประชุมโดยหลี่โม่ กู้หยุนหลานและของคนอื่น ๆ หัวใจก็เริ่มหนาวเย็นทันทีไอ้หลี่โม่มันต้องการจะทำอะไร!มันต้องการให้คนชั่วพวกนี้เอาพวกเราให้หายใช่ไหม
"ปล่อยให้มันเข้ามา ฉันจะอัดมันจนพ่อกับแม่มันจำไม่ได้เลย!" เหล่าไป่คำรามด้วยความโกรธเหล่าไป่รู้สึกว่าหลี่โม่กำลังเสแสร้ง และการเสแสร้งแบบนี้จะถูกทำลายด้วยกำปั้นเพียงหมัดเดียว ถึงเวลานั้นหลี่โม่ก็ทำได้เพียงร้องเรียกหาพ่อแม่และคุกเข่าขอความเมตตากู้หยุนหลานและคนอื่นต่างจ้องมองไปที่หลี่โม่ รอดูว่าหลี่โม่จะถูกทุบตีหรือไม่ เมื่อครู่นี้หลี่โม่ทั้งทำร้ายและคุกคามพวกเขา พวกเขาต้องการทำแบบเดียวกันให้หนักกว่าเดิมสิบครั้งร้อยครั้งบนร่างกายของหลี่โม่ถึงจะพอใจ พวกอันธพาลพุ่งเข้าหาหลี่โม่พร้อมกับเสียงคำราม ไม้เบสบอล และท่อเหล็กกวัดแกว่งอย่างดุเดือด ทุกคนพุ่งเข้าหาหลี่โม่พร้อมกันชายที่อยู่ข้างหลังเหล่าไป่พูดด้วยความเย้ยหยันว่า "พี่ไป่ พวกเรามาเสี่ยงโชคกันสนุก ๆ สักหน่อยดีกว่า มาดูกันว่าไอ้สารเลวนี่มันจะทนอยู่ได้สักกี่วินาทีกัน?"นี่คือเกมที่เหล่าไป่และพรรคพวกชอบเล่นกัน เมื่อก่อนส่วนมากจะเป็นเหล่าไป่ที่ชนะเหล่าไป่ตบริมฝีปากสองครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม "ฉันคิดว่าไอ้หมอนี้มีความโหดเหี้ยมในสายตาของมัน สำหรับมันสามนาทีคงไม่มีปัญหา""นี่ พี่ไป่พี่จะมองมันสูงเกินไปแล้ว ถึงไอ้คนพวกนี้จะมีฝืมือไม่เท่
เหล่าไป่เข้าใจความหมายของรุ่นน้องของเขา แต่เมื่อเห็นความกระฉับกระเฉงของหลี่โม่แบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า บางทีไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าเขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดทั้งหมดเป็นเพราะสายตาคู่นั้นของหลี่โม่ก่อนหน้านี้ สายตาที่ทำให้เหล่าไป่รู้สึกพูดอะไรไม่ออก"ระวังประสบการณ์พันปี ของพวกแกที่ฝึกฝนมา เมื่อมาเจอไอ้หมอนี้ จะใช้การณ์อะไรไม่ได้เลย"หลังจากที่เหล่าไป่พูดจบก็ชี้ไปที่พื้น มีคนอันธพาลนับสิบนอนอยู่บนพื้น แต่ละคนกุมหัวใจและคร่ำครวญ ไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นยืนรุ่นน้องสองคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวพร้อมกัน แบบนี้ไม่สามารถทำได้แน่นอน ต่อให้ถูกซ้อมจนตายก็ทำไม่ได้ หรือต่อให้ไม่โดนซ้อมจนตายก็ทำไม่ได้กู้หยุนหลานจ้องมองที่หลี่โม่ด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง กังวลว่าหลี่โม่จะได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าเธอจะเห็นฉากนี้ของหลี่โม่หลายครั้ง แต่กู้หยุนหลานก็ยังกังวลอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นคนอันธพาลเหล่านั้นถูกหลี่โม่ทุบตีทีละคน กู้หยุนหลานรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยกู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง และคนอื่นต่างก็จ้องมอง ดวงตาของพวกเขาใหญ่เท่าไข่ห่านและปากของพวกเขาเปิดกว้างกระพือในสายลมพวกเขาแท
"แล้วยังไง?" หลี่โม่พูดเบา ๆ พวกคนอันธพาลสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว คู่ต่อสู้ที่เหลืออยู่คือเหล่าไป่และรุ่นน้องอีกสองคนของเขาเท่านั้นแม้ว่าลักษณะของเหล่าไป่และคนอื่น ๆ จะไม่ได้อ่อนแอ แต่หลี่โม่ก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่นิดหากพวกเขาต้องการลงมือ หลี่โม่มั่นใจว่าพวกเขาจะอยู่ได้ไม่ถึงสามนาทีรุ่นน้องสองคนที่อยู่ข้างหลังเหล่าไป่ได้ก้าวมาข้างหน้าสองก้าว มายืนอยู่ด้านหน้าของเหล่าไป่ และก่อร่างราวกับเป็นคนเดียวกันกับเหล่าไป่นี่คือตำแหน่งเริ่มต้นของรูปแบบสามกระบวนท่าที่เหล่าไป่และรุ่นน้องสองคนของเขาฝึกฝนมาเป็นเวลานาน พวกเขาฝึกฝนตั้งแต่พวกเขายังฝึกศิลปะการต่อสู้ และพวกเขาได้ก็ฝึกฝนมาจนถึงปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างทั้งสามคนเรียกได้ว่าบรรลุถึงความสมบูรณ์แล้วเพียงแต่ว่าเหล่าไป่และพวกเขา ไม่เคยใช้ความสามารถทั้งสามกระบวนท่านี้ในการต่อสู้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการใช้มัน แต่พวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มันต่างหากแม้จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าของแม่ทัพนายทหาร เหล่าไป่และพวกเขาก็ไม่ได้ใช้รูปแบบนักฆ่าเช่นนี้ในที่สุดแม่ทัพนายทหารที่ตามล่าพวกเขาก็ถูกเหล่าไป่และพวกเขาทั้งสามคนทุบตีจนตาย
นี่ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า!กังฟูของเหล่าไป่ฝึกฝนมาเพื่ออะไรกัน ร่างกายของเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็ก แต่หลี่โม่ตบเขาเข้าอัดกับกำแพงจนเลือดก็พุ่งออกมาจากปากความเย็นไล่มาจากฝ่าเท้าขึ้นไปที่สมอง รุ่นน้องทั้งสองของเหล่าไป่มองหน้ากัน ลังเลอยู่สักครู่ก่อนที่จะตัดสินใจช่วยเหล่าไป่แต่ในขณะนั้นเหล่าไป่ถูกหลี่โม่ซัดลงเละอย่างกับโคลน และหลี่โม่ก็วางเขาไว้บนเก้าอี้"นั่งนี่สิ นั่งดูฉันจัดการพวกมัน ฉันจะเก็บกวาดครอบครัวของพวกแกให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเลยล่ะ" หลี่โม่พูดพร้อมยิ้มเลือดพุ่งออกมาจากมุมปากของเหล่าไป่ และความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาไม่สามารถนับได้ว่ากระดูกบนร่างกายของเขาหักไปกี่ชิ้น เหล่าไป่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้แล้ว และรู้สึกว่ากระดูกของเขาหักไปทั้งตัวเพราะหลี่โม่นี่คือคนโหดเหี้ยม โหดเหี้ยมเกินไป!เหล่าไป่สรุปในใจเหล่าไป่และรุ่นน้องสองคนหยุดอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนขาสั่นเล็กน้อย และความคิดที่จะวิ่งหนีก็เข้ามาในหัวของพวกเขาพวกเขาทั้งสองไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับหลี่โม่อีกต่อไป นี่ขนาดพวกเขาใช้ท่าไม้ตายทั้งสามกระบวนท่าแล้ว ยังไม่สามารถสู้หลี่โม่ได้แค่มองไปท
หลังจากจัดการกับกู้หยุนหลานเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่โม่ก็กลับไปยังห้องประชุม ยืนอยู่หน้าเหล่าไป่ที่ก้มหัวชิดถึงอกเหล่าไป่ไร้ซึ่งท่าทีสง่าผ่าเผยเหมือนก่อนหน้านี้ ดูไปแล้วราวกับจะตายได้ทุกเมื่อหลี่โม่คว้าจิกผมของเหล่าไป่และกระชากหัวขึ้นมาเหล่าไป่ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง ดวงตาเหลือบมองขึ้นไปทางหลี่โม่ ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจภายหลังไม่รู้จบ“พูดซะ”คำพูดง่าย ๆ เพียงคำเดียว เปล่งออกมาจากปากของหลี่โม่ กลับราวกับมีความบีบคั้นอันไร้ที่สิ้นสุดเวลานี้เหล่าไป่รู้อยู่แก่ใจดี เขารู้ว่าตอนนี้หากยังปากแข็งต่อไป เกรงว่าอาจจะไปโลกหน้าได้ทุกเมื่อ“ใช่ เป็นซูเหวินปิน ซูเหวินปินให้พวกเราลักพาตัวพวกนายสามีภรรยา ไปส่งให้เขาที่เมืองเอกของมณฑล เขาจะจ่ายให้ฉัน 10 ล้าน”“ซูเหวินปิน!”แววตาของหลี่โม่สาดประกายจิตสังหารแต่เดิมหลี่โม่คิดว่าเรื่องของตระกูลซูผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไป เขาไม่ได้มีเจตนาจะกำจัดตระกูลซูให้สิ้นซากเลย แต่เรื่องที่ซูเหวินปินทำในตอนนี้ทำให้หลี่โม่เกิดความคิดที่จะทำลายตระกูลซูทิ้งขึ้นมาแล้วเรื่องการล้ำเขตนั้นช่างมันไปก่อน แต่ไม่นึกว่าจะให้มือมืดเผชิญหน้ากับกู้หยุนหลานอีกครั้ง
กู้เจี้ยนกั๋วหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมา ขว้างใส่ใต้เท้าของหลี่โม่ด้วยความโมโห เพล้ง! ที่เขี่ยบุหรี่แก้วแตกกระจายเต็มพื้น “แกคิดว่าแกเป็นใคร! เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ แกต้องอธิบายกับเราให้รู้เรื่องว่าพวกแกไปหาเรื่องใครมากันแน่! ถ้าให้แกไปจัดการ ไอ้ขยะไม่ได้เรื่องอย่างแกอย่างมากก็แค่ต่อสู้เป็นเท่านั้น แกจะไปจัดการอะไรได้!” กู้เจี้ยนกั๋วเอ่ยคำราม ระบายความโกรธเกรี้ยวในใจทั้งหมดออกมา หลี่โม่หัวเราะเบา ๆ “ถึงพูดไปพวกคุณก็จัดการไม่ได้หรอกครับ แถมยังต้องมาวิตกกังวลด้วย ผมทำแบบนี้ก็เพื่อพวกคุณเอง” กู้ซิ่งเหว่ยมองดูท่าทีของหลี่โม่ ก็สะกดกลั้นโทสะในใจไว้ไม่อยู่ เขาแผดเสียงเอ่ย “เจ้าขยะนี่ยังจะเสแสร้งอีก! ก่อปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมาแล้วยังจะมีหน้ามาเสแสร้ง ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตายเลยจริง ๆ” “กู้หยุนหลาน! แกสั่งสอนสามีไม่ได้เรื่องของแกให้ดี ๆ เสียบ้างนะ รีบให้เขาบอกมาซะดี ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพวกแกเอง แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชีวิตคนในตระกูล!” ในใจกู้ซิ่งเหว่ยนึกกลัวขึ้นมาภายหลัง เรื่องแบบนี้หากเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาคงต้องเป็นโรคประสาทแน่ ๆ ต้องรู้แน่ชัดให้ได้ว่าม
กู้หยุนหลานมองพวกกู้เจี้ยนกั๋วเดินจากไป แล้วจับมือของหลี่โม่เอาไว้ แววตาจ้องมองหลี่โม่ด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง “คุณแก้ไขมันได้จริง ๆ เหรอ?” “ต้องได้สิ” หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่านั้นคุณก็ต้องระวังตัวด้วยนะ บริษัทกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว พวกคุณลุงไปกันหมดแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบจัดการปัญหาที่ตามมา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำให้บริษัทฟื้นกลับมาเป็นปกติ” กู้หยุนหลานยังคงกังวลเกี่ยวกับกิจการของบริษัท ในตอนนี้หากกู้หยุนหลานเองก็ล้มเลิกไม่แยแสไปด้วยล่ะก็ อย่างนั้นทั้งบริษัทก็คงต้องปิดตัวลง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อธุรกิจของบริษัท เพื่อทำให้บริษัทที่ใกล้จะล้มละลายมาได้ถึงตอนนี้ กู้หยุนหลานทุ่มเทลงแรงไปไม่น้อย ย่อมไม่หวังให้แรงที่ทุ่มเทไปนั้นเปล่าประโยชน์อยู่แล้ว หลี่โม่พยักหน้าเบาๆ “งั้นผมไปก่อนนะ เรื่องบริษัทคุณค่อย ๆ จัดการไปไม่ต้องรีบร้อน” “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรอคุณกลับมานะคะ” กู้หยุนหลานดันหลี่โม่เบา ๆ เล็กน้อย หลี่โม่หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก เมื่อมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของหลี่โม่ กู้หยุนหลานก็ประนมสองมือขึ้นมาพลางในใจอธิษฐานต่อเทพเจ้าและพระพุทธองค์บนสวรรค์อย่างเงียบงัน