หลี่โม่และกู้หยุนหลานตามหวังจงเหิงและคนอื่น ๆ ไปในงาน และไม่นานก็เดินเข้าไปในห้องของคุณปู่หวัง คุณปู่หวังสวมชุดคลุมวันเกิดสีแดงสดนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ชือ หวังจินซานพี่ใหญ่แห่งของตระกูลหวัง และหวังจินไห่นั่งอยู่ทางซ้ายและขวาของคุณปู่หวัง หวังเหม่ยถือถ้วยชาและส่งให้คุณปู่หวังด้วยรอยยิ้ม คุณปู่หวังจิบชาพลางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เสี่ยวเหม่ยไม่เลวเลย แกมีความสามารถในการจัดการกิจการภายในของตระกูลโจวมาก ฉันได้ยินคุณโจวชมแกหลายครั้งแล้ว" “ทั้งหมดเป็นเพราะคุณพ่อสอน ไม่อย่างนั้นหนูคงไม่รู้อะไรเลย” หวังเหม่ยกล่าวอย่างมีความสุข "ดี เราจะทำงานหนักกันต่อไปในอนาคต" หวังเหม่ยก้าวออกไปและมองไปที่หวังฟางด้วยรอยยิ้ม หัวใจของหวังฟางเต้นแรง เธอหยิบถ้วยชาอย่างกล้าหาญและเดินไปหาคุณปู่หวังเพื่อยื่นถ้วยชาให้ หลังจากที่คุณปู่หวังรับถ้วยชาแล้ว เขาก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะโดยไม่ได้จิบเลย "เสี่ยวฟาง แกต้องเรียนรู้จากพี่สาวของแกและดูว่าพี่สาวของแกทำเช่นไร หยุนหลาน... เฮ้อ ช่างมันเถอะ ฉันอารมณ์เสียเมื่อฉันพูดถึงขยะในครอบครัวของแก" เป็นเพราะหลี่โม่ สถานะของหวังฟางในครอบครัวจึงตกต่ำลง เดิมทีเธอเป็
“หลี่โม่ ดูแกสิ แกทำให้คุณปู่โกรธเรา ว่าเราไม่ได้สอนแก แต่เป็นแกต่างหากที่ไม่ยอมทำตาม แกคิดว่าคนอย่างแกมีใครไม่รู้บ้างว่าแกเป็นแค่คนไร้ค่า ทุกคนในโซลรู้กันทั้งหมด ว่าที่นี่มีคนไร้ค่าอย่างแก ตระกูลหวังของเราช่างน่าขายหน้า!” "หยุนหลานทั้งเรียนเก่ง บุคลิกดี หน้าตาดี หลายต่อหลายคนต่างก็ไล่ตามจีบเธอ แต่เธอกลับต้องมาลงเอยด้วยการแต่งงานกับแก เรื่องความต่ำต้อยของแกเราไม่ได้ว่าอะไรตรงนั้น แต่แกพยายามทำงานอย่างหนักหรือยัง แกกลับได้กินข้าวนิ่มๆ หลังจากแต่งงาน แกควรขอโทษหยุนหลาน" “นายจะไปพูดอะไรกับไอ้ไร้ค่านี่ ดูมันสิ ก้มหัวไม่พูดไม่จา ฉันล่ะโกรธจนอยากจะตบมันด้วยส้นรองเท้าจริง ๆ ไอ้คนแบบนั้นมันไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย มันขยะยิ่งกว่าขยะเสียอีก" หวังจินไห่และคนอื่น ๆ เปิดฉากด่าว่าหลี่โม่ทีละคน หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินกัดฟันจนใบหน้าของพวกเขากระตุก นี่ไม่ใช่แค่ความลำบากใจของหลี่โม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความลำบากใจของหวังฟางและกู้เจี้ยนหมินด้วย ทั้งสองจ้องไปที่หลี่โม่ด้วยความโกรธราวกับว่าพวกเขาต้องการที่จะกลืนกินหลี่โม่ทั้งเป็น กู้หยุนหลานถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ และมองไปที่คุณปู่หวัง ริมฝีปากของเธอขยับ
“หึหึ ฉันรู้สึกไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอนะ เสี่ยวฟาง พวกเราเป็นพี่เป็นน้องกัน ทุกคนหวังดีอยากจะให้เธอมีชีวิตที่ดี ดีสำหรับตระกูลหยุนหลานของเธอ ไม่ว่ายังไงทุกคนก็เป็นลูกหลานของตระกูลนี้ เธออย่าเข้าใจพวกเราผิดเลย” หวังจินไห่วิพากษ์วิจารณ์ทัศนคติของหวังฟาง รู้สึกว่าคำพูดของหวังฟางเป็นเรื่องเข้าใจผิดหวังเหม่ยยิ้มแล้วพูดว่า “เธอนี่ เธอก็ปฏิบัติต่อลูกเขยไร้ประโยชน์นั้นของเธอไม่เลวนะ ฉันพยายามหาหนุ่มจากตระกูลดีมีชื่อเสียงให้กับหยุนหลานแท้ ๆ แต่หยุนหลานกลับทำสีหน้าเมินเฉยใส่ฉัน ท้ายที่สุดถ้าเสี่ยวฟางกับซีหนี่กลับมา ก็ไม่ได้มีความคิดจะเลิกกันด้วยซ้ำ”หลังจากที่หวังเหม่ยใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างปัญหาสำเร็จ เมื่อหวังเหม่ยพูดจบ เธอก็เหลือบมองหวังฟางผู้ซึ่งกำลังจะคลั่งอย่างมีชัย โดยคิดว่าในที่สุดเธอก็สามารถกู้หน้าของเธอคืนมาได้ หวังฟางค่อย ๆ กำมือแน่น ตัวสั่นอย่างรุนแรง หันกลับมาและจ้องไปที่หลี่โม่และคำรามด้วยความโกรธ“หลี่โม่! ไอ้คนไร้ประโยชน์ ฉันบอกไม่ให้แกมา แกยังรั้นจะมา แกตั้งใจจะทำให้ทุกคนโกรธ แกคิดว่าแกยังมีความเป็นคนอยู่ไหม! ต่อให้เหมือนเลี้ยงหมูแต่ก็ยังฆ่าและได้กินเนื้อของมัน เลี้ยงคนอย
กู้หยุนหลานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาถูกเยาะเย้ยแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง กู้หยุนหลานจึงเต็มไปด้วยความคับข้องใจ ยิ่งครั้งนี้แม้แต่ห้องโถงกลางก็ไม่อนุญาตให้เข้าไป ซึ่งทำให้กู้หยุนหลานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากถ้าไม่ใช่เพราะหลี่โม่ ครั้งนี้กู้หยุนหลานคงรู้สึกผิดจนเธออยากจะร้องไห้"ฉันจะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ คุณปู่โกรธไอ้ขยะนี้มาก ฉันจะไม่ปล่อยให้ไอ้ขยะเข้าไปในห้องโถงให้รกหูรกตาแน่นอน นอกจากนี้ที่นั่งสำหรับพวกเธอไม่ได้อยู่ในห้องโถงส่วนกลาง แต่จัดอยู่ในที่ห้องโถงชั้นล่างโน้น พวกเธอควรไปนั่งในห้องโถงนั้น"งานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หวังจัดขึ้นที่บ้าน และมีแขกจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา ห้องโถงกลางไม่สามารถรองรับแขกจำนวนมากได้ ดังนั้นงานเลี้ยงวันเกิดจึงแบ่งออกเป็นสองส่วนคุณปู่หวังและสมาชิกของตระกูลหวังรวมถึงแขกคนสำคัญจะนั่งทานอาหารในห้องโถงกลาง ส่วนแขกทั่วไปจะรับประทานอาหารในที่ในห้องโถงชั้นล่างทั้งสองส่วนนี้แบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน ตามสถานะของกู้หยุนหลาน เธอมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะนั่งในห้องโถงกลาง แต่เนื่องจากเธอมีความสัมพันธ์กับหลี่โม่ เธอจึงถูกบังคับให้ออกจากห้องโถงกลางหวังจงเฉิงยิ้มอย่างดูถู
กู้หยุนหลานและหวังซูหยุนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้นสายตาของหลี่โม่หันมองไปรอบ ๆ เห็นผู้คนที่นั่งอยู่นั้นล้วนแต่เป็นคนธรรมดา บางคนมีเอกลักษณ์ของความเป็นท้องถิ่น เดาว่าพวกเขาเป็นญาติและเป็นเพื่อนของตระกูลหวังในพื้นที่โดยรอบไม่นานหวังจงเหิงและหวังจงเฉิงก็เดินมาด้วยกัน เขาทั้งสองมาเพื่อหาหวังซูหยุน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็อยากจะมาเหยียดหยามหลี่โม่และกู้หยันหลานด้วยหวังจงเฉิงเดินเข้ามาก่อน เหล่สายตามองไปที่หลี่โม่ เขาตบไปที่ไหล่ของหลี่โม่หนึ่งครั้ง"ไอ้โง่ แกกำลังมองอะไรอยู่เหรอ ดูแกเหมือนไม่เคยเห็นโลกแบบนี้มาก่อนเลยสินะ ช่างน่าอับอายสำหรับตระกูลหวังของพวกเราซะจริง ที่มีลูกเขยที่ไม่เอาไหนอย่างแก กู้หยุนหลานเธอนี่ตาบอดไปได้ยังไง"หวังจงเหิงก็เดินเข้ามา อย่างไม่เกรงใจพูดว่า "ไอ้โง่ วันนี้โชคดีของแก ที่ยังให้แกมานั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นได้ ถ้าเป็นความคิดฉันนะ ปล่อยให้แกกินของเหลือในเล้าหมูยังจะดีกว่า""นี่พวกพี่จะพูดเกินไปแล้วนะ ก่อนหน้านี้ก็พูดอะไรน่าเกลียดออกมาตั้งมากมายยังไม่พออีกหรือไง นี่พวกต้องการจะฆ่าคนเลยเหรอไง" หวังซูหยุนพูดพร้อมขมวดคิ้วหวังจงเหิงมองที่หวังหยุน
"ใครใช้ให้นายมาดูหมิ่นหยุนหลาน ถ้านายกล้าพูดจาดูหมิ่นหยุนหลานอีก ฉันก็จะต่อยหน้านายอีก!"หลี่โม่พูดอย่างเย็นชาที่สุด"บัดซบ! วันนี้ถ้าฉันไม่ฆ่าแก วันนี้แกไม่ตายอย่ามาเรียกฉันว่าหวังอีก !"หวังจงเหิงเพียงต้องการแก้แค้น เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ มองหาอะไรบางอย่างที่จะใช้ประโยชน์ได้เพื่อต้องการที่จะฆ่าหลี่โม่หวังจงเฉิงเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี จึงดึงหวังจงเหิงไว้พูดว่า "พี่จงเหิง พวกเรากลับกันเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้คุณลุงจัดการเถอะ" หวังจงเหิงยังหาตัวช่วยไม่ได้ และคิดได้ว่าสิ่งที่หวังจงเฉิงพูดก็ถูก ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่หลี่โม่อย่างดุดัน"แกรออยู่ที่นี่เถอะ เดี๋ยวฉันจะให้แกดูอะไร วันนี้ฉันจะถลกหนังของแก"เมื่อหวังจงเหิงหันพูดคำหยาบจบก็หันหลังและเดินจากไป หวังจงเฉิงจ้องไปที่หลี่โม่อย่างชั่วร้ายและพูดอย่างเห็นด้วย "ไอ้เศษขยะ แกไม่รู้ว่าแกกำลังเล่นอยู่กับใคร แกรอก่อนเถอะ พวกฉันจะกลับมาชำระแค้นกับแก!""แล้วฉันจะรอพวกนาย"หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเดินกลับไปนั่งที่ของตนเองกู้หยุนหลานและหวังซูหยุนก็กลับมาที่ของตัวเอง ทั้งสองถอนหายใจพร้อมกัน"หลี่โม่ คุณก็ใจร้อนเกินไป ทำไมต้องไปมีเร
เวลานั้นบรรยากาศในห้องโถงกลางเต็มไปด้วยความสุขและรื่นเริง ผู้มีเกียรติต่างท้องถิ่นในกรุงโซลหลายคน ต่างพากันร่วมแสดงความยินดีกับคุณปู่หวัง"คุณปู่หวังดูกระฉับกระเฉงผิวพรรณดีอมชมพู ท่านดูเหมือนคนอายุ 60 ต้น ๆ เลย ท่านนี่ดูแลตัวเองดีจริง ๆ""ผมมองว่าท่านปู่หวังอยู่ไปถึง 100 ปีก็ไม่มีปัญหา ยังมีวันเวลาที่ดีมากมายรอท่านอยู่"ผู้มีเกียรติที่มาร่วมาฉลองวันเกิดต่างพากันพูดแต่สิ่งดี ๆ ราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการเงิน ซึ่งทำให้คุณปู่หวังยิ้มอย่างมีความสุข หวังจินซานและคนอื่น ๆ ก็ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญทั้งหลายในขณะที่เจ้าภาพและแขกกำลังเพลิดเพลิน หวังจงเหิงก็ปิดหน้าและรีบเข้าไปในห้องโถงกลางด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคืองหวังจงเฉิงเดินประกบตามหลังหวังจงเหิงอย่างใกล้ชิด ตะโกนเสียงดังเมื่อเข้าไปในห้องโถงกลาง "คุณปู่ คุณลุง พี่จงเหิงถูกทำร้าย หลี่โม่ไอ้ขยะนั่นมันทำร้ายเขา"ห้องโถงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลังจากเสียงตะโกนของหวังจงเฉิงดังขึ้น ความรื่นเริงก็เงียบลงทันที และสายตาของทุกคนก็จ้องไปที่หวังจงเหิงหวังจงเหิงกัดฟัน ด้วยน้ำตาคลอเบ้าเขาลดมือที่ปิดหน้
คุณปู่หวังมองไปที่หวังจินไห่ด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวอละพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว "ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต้องหาทางจัดการไอ้สารเลวนั่นก่อน เสี่ยวฟาง นั่นคือลูกเขยของแก แกคิดว่าจะจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง!"ในใจของหวังฟางลุกลี้ลุกลนเหมือนม้าจำนวนมากกำลังควบอยู่ในใจเธอ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลี่โม่จะกล้าทำสิ่งนี้"คุณพ่อ พี่ใหญ่ ทั้งหมดเป็นความผิดของไอ้หลี่โม่ แล้วแต่ว่าพวกท่านจะจัดการกับมันยังไง หรือแม้จะเอาให้มันตายฉันก็ไม่ว่าอะไร"ในใจของหวังฟางเกลียดชังหลี่โมจะตาย และปรารถนาให้หลี่โม่ตายเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าหลี่โม่ตายไปก็คงไม่มีปัญหามากมายขนาดนี้ และก็จะไม่มีใครก่อปัญหาได้อีกหวังเหม่ยถ่มเมล็ดแตงโมในปากออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ถ้าเป็นฉันนะ ไอ้หลี่โม้มันทำกับจงเหิงยังไง ก็ให้จงเหิงทำกับมันอย่างนั้น และก็ให้ทำกับมันให้หนักกว่าสองเท่าถึงจะหายกัน"หวังฟางก้มหัวลง รู้สึกว่าอับอายขายหน้าไปหมด เธอไม่มีความกล้าที่จะพูดต่อ"เฮ้อ แกดูสิ แกหาลูกเขยยอดเยี่ยมจริง ๆ ทำให้ฉันขายหน้าไปหมด อนาคตจะเอาหน้าแก่ ๆ ของฉันไปไว้ที่ไหน! ฉันไม่น่าเชิญครอบครัวแกมาในงานเลี้ยงนี้เลยจริง ๆ ! ให้ตาย