คุณปู่หวังมองไปที่หวังจินไห่ด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวอละพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว "ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต้องหาทางจัดการไอ้สารเลวนั่นก่อน เสี่ยวฟาง นั่นคือลูกเขยของแก แกคิดว่าจะจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง!"ในใจของหวังฟางลุกลี้ลุกลนเหมือนม้าจำนวนมากกำลังควบอยู่ในใจเธอ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลี่โม่จะกล้าทำสิ่งนี้"คุณพ่อ พี่ใหญ่ ทั้งหมดเป็นความผิดของไอ้หลี่โม่ แล้วแต่ว่าพวกท่านจะจัดการกับมันยังไง หรือแม้จะเอาให้มันตายฉันก็ไม่ว่าอะไร"ในใจของหวังฟางเกลียดชังหลี่โมจะตาย และปรารถนาให้หลี่โม่ตายเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าหลี่โม่ตายไปก็คงไม่มีปัญหามากมายขนาดนี้ และก็จะไม่มีใครก่อปัญหาได้อีกหวังเหม่ยถ่มเมล็ดแตงโมในปากออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ถ้าเป็นฉันนะ ไอ้หลี่โม้มันทำกับจงเหิงยังไง ก็ให้จงเหิงทำกับมันอย่างนั้น และก็ให้ทำกับมันให้หนักกว่าสองเท่าถึงจะหายกัน"หวังฟางก้มหัวลง รู้สึกว่าอับอายขายหน้าไปหมด เธอไม่มีความกล้าที่จะพูดต่อ"เฮ้อ แกดูสิ แกหาลูกเขยยอดเยี่ยมจริง ๆ ทำให้ฉันขายหน้าไปหมด อนาคตจะเอาหน้าแก่ ๆ ของฉันไปไว้ที่ไหน! ฉันไม่น่าเชิญครอบครัวแกมาในงานเลี้ยงนี้เลยจริง ๆ ! ให้ตาย
เมื่อเห็นคุณปู่หวังเดินเข้ามาด้วยความโกรธ ห้องโถงที่มีเสียงดังก็เงียบลงทันที ทุกคนมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่โศกเศร้า แล้วก็เริ่มซุบซิบกันด้วยเสียงที่แผ่วเบา"โลกทุกวันนี้มันหมุนไปเร็วมาก เมื่อกี้เพิ่งจะได้ต่อยหลานชายคนรองของตระกูลหวังไปหมาด ๆ มาตอนนี้ก็จะถูกลงโทษซะแล้ว"“วันนี้เป็นวันเกิดปีที่ 70 ของคุณปู่หวัง แต่เห็นใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความโกรธแบบนี้ เกรงว่าจะผลจะออกมาไม่ดีเลยแฮะ”"คงมีการแสดงดี ๆ ให้ได้ชม บางทีคนตระกูลหวังอาจจะรุมล้อมเด็กคนนั้นก็ได้นะ ดูแล้วคนตระกูลหวังมากันหลายคน แถมยังมีแขกผู้ทรงเกียรติอีกหลายคน แต่ละคนทรงอำนาจกันทั้งนั้น"แขกคนทั่วไปกำลังยืนทานผลไม้ระหว่างรอชมการแสดงโชว์ หวังซูหยุนและกู้หยุนหลานเห็นคุณปู่หวังกำลังเดินมาทั้งคู่ก็รีบลุกขึ้นยืน "คุณปู่ คุณปู่มาทำอะไรที่นี่คะ คุณปู่นั่งลงก่อนดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งโกรธเลยนะคะ"หวังซูหยุนพูดอย่างระมัดระวัง"ซูหยุน แกมานี่! แกมาทำอะไรกับหมาป่าตาขาวใจร้ายตัวนี้! ไม่เห็นเหรอว่าคุณปู่ท่านโกรธมากขนาดไหนแล้ว"หวังจินไห่ตะคอกใส่หวังซูหยุนด้วยความโกรธ จากนั้นก็ลากหวังซูหยุนไปข้างหลังเธอ"คุณปู่ คุณปู่ฟังที่หนูจะพูดก
“พวกแกดูความโกรธของพ่อเราเอาไว้ คราวหน้าพวกแกควรระวังให้มากกว่านี้ มีลูกเขยที่ไม่เอาไหนแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร ขนาดคนโง่ยังคิดออก”หวังเหม่ยกล่าวอย่างดุดันคุณปู่หวังตีไปนับไม่ถ้วน ก็เริ่มเหนื่อยและหอบ "คนไร้ประโยชน์อย่างแก คุกเข่าลงขอโทษหลานชายของฉันเดี๋ยวนี้ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกให้รู้จักมารยาทและความชอบธรรมของการเป็นคน รีบคุกเข่าลงซะ!"หลี่โม่มองหน้าคุณปู่หวังอย่างใจเย็น เขาคิดว่าไม่มีเหตุผลที่เขาต้องคุกเข่าลงจะทุบตีจะต่อว่าอย่างไรก็ได้ แต่จะให้คุกเข่าต่อหน้าหวังจงเหิง หลี่โม่ผู้ซึ่งเป็นนายน้อยแห่งแดนมังกรไม่สามารถทำได้เมื่อคุณปู่หวังเห็นหลี่โม่ไม่ขยับ เขาจึงยกไม้เท้าในมือของเขาขึ้นอีกครั้ง"แกฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม! จะให้ฉันต้องตีหัวหมาของแกอีกหรือไง!"คุณปู่หวังพูดด้วยความโกรธกู้หยุนหลานทนดูต่อไปไม่ได้ เธอมายืนอยู่ข้างหน้าหลี่โม่เพื่อเผชิญกับคุณปู่หวัง "คุณปู่ คุณปู่เข้าใจผิดแล้วค่ะ ตอนที่พี่รองดูถูกเหยียดหยามหลี่โม่ หลี่โม่ก็ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไร ทุกอย่างก็เพราะพี่รองต่อว่าหนู หลี่โม่ก็เลยลงไม้ลงมือกับเขาค่ะ"ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความผิดของพวกเรา แต่พี่รองก็มีความผิด
มีน้ำตาอยู่ในดวงตาของกู้หยุนหลาน เธอถูกตระกูลวังตำหนิมาตลอดทั้งวัน ในใจของเธอรู้สึกผิดจนแทบทนไม่ไหวแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของคุณปู่หวัง กู้หยุนหลานก็เช็ดน้ำตาและทำได้แต่เม้มปากอย่างดื้อรั้นโดยไม่พูดอะไรเวลานี้จะให้หลี่โม่ยอมรับผิดนั้นกู้หยุนหลานทำไม่ได้ เมื่อมองดูกู้หยุนหลานไม่พูดอะไร คุณปู่หวังก็ยิ่งเดือดขึ้น ชายชรายกไม้เท้าขึ้นแล้วตะคอกใส่กู้หยุนหลาน "แกยังมีหน้ามาปกป้องไอ้สารเลวนี้อีกเหรอ!""หยุนหลาน เธออยากให้ไอ้สารเลวนี่ทำลายปู่ของเธอหรือไง? เธอเองก็เป็นคนมีการศึกษาสูงนะ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทำไมเธอถึงเลือกไอ้ไร้ประโยชน์นี่!" หวังจินไห่กล่าวหากู้หยุนหลานเมื่อเห็นว่าตระกูลกู้กำลังเล็งเป้าไปที่กู้หยุนหลาน หลี่โม่ก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ และยืนอยู่ตรงหน้าหวังจงเหิง"ฉันขอโทษ เมื่อกี้เป็นความฺผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรลงไม้ลงมือ ช่วยยกโทษให้ฉันด้วย"หลี่โม่พูดอย่างไร้ความรู้สึกหวังจงเหิงจ้องไปที่หลี่โม่อย่างเย็นชา ตั้งใจจะให้หลี่โม่คุกเข่าลงและขอโทษ แต่กังวลว่าหากยังทวีความรุนแรงขึ้น คุณปู่หวังจะยิ่งโกรธ"คนไม่เอาไหนอย่างแกรู้จักคุกเข่าขอโทษด้วยเหรอ? เมื่อก
เมื่อมองไปในสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความกังวลของกู้หยุนหลาน หลี่โม่รู้ว่ากู้หยุนหลานกำลังทำเพื่อประโยชน์ของเขาเองทั้งสองมองหน้ากัน และเข้าใจความคิดที่ลึกที่สุดของอีกฝ่ายในทันที และรู้ว่าอีกฝ่ายต่างเป็นห่วงเป็นใยกันความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ได้รับการปลดปล่อยในทันที และแววตาของหลี่โม่และกู้หยุนหลานก็มองกันด้วยแสงแห่งความรักที่ส่องประกายประกายไฟพุ่งออกมาจากแววตา ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเลือดร้อนอย่างรวดเร็วหัวใจเต้นเร็วขึ้น อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น และลมหายใจก็รุนแรงขึ้นมือขวาของหลี่โม่โอบที่เอวเรียวของกู้หยุนหลาน ศีรษะของเขาก็ค่อย ๆ ลดระดับลงทีละนิด และในที่สุดก็หยุดบนหน้าผากของกู้หยุนหลานภาพเริ่มเบลอในระยะไกล ทำให้ได้ยินเสียงหายใจเต้นถี่มากขึ้น และลมหายใจร้อนจากโพรงจมูกของทั้งสองก็พุ่งชนบนแก้มของกันและกันริมฝีปากสีแดงบาง ๆ ของกู้หยุนหลานเริ่มขยับเล็กน้อย ราวกับว่ามันเป็นสัญญาณเตือนให้เริ่มการจู่โจมได้ หลี่โม่ลดริมฝีปากลงอย่างรวดเร็ว และจูบที่ริมฝีปากสีแดงของกู้หยุนหลานอย่างรุนแรง พร้อมทั้งโอบที่ร่างกายอันบอบบางของกู้หยุนหลานไว้แน่นด้วยมือทั้งสองอารมณ์ที่ต้องเก็บกดเปลี่ยนเป
ในห้องโถงกลาง คุณปู่หวังนั่งอยู่บนที่หัวโต๊ะ หวังจินซานมอบของขวัญแสดงความยินดี พลางกล่าวสุนทรพจน์ทีละคน หลังจากที่หวังจินมอบของขวัญวันเกิดเสร็จแล้ว พวกเขาก็นั่งลงข้างคุณปู่หวัง จากนั้นก็ถึงคราวของหวังจงเหิงที่จะให้ของขวัญแสดงความยินดี หวังจงเหิงจัดเสื้อผ้าของเขาให้พร้อม เขาถือกล่องไม้จันทน์แดงเดินไปหาคุณปู่หวังและเปิดกล่องไม้จันทน์แดง "คุณปู่ นี่คือหยูอี้ที่แกะสลักจากหยก ขอให้คุณปู่มีความสุขมาก ๆ นะครับ" “ดี ๆ ขอบใจนะ” คุณปู่หวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม หวังจงเฉิงเดินไปถือรูปปั้นดาวประจำวันเกิดและพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า "คุณปู่ครับ สิ่งที่ผมมอบให้คือรูปปั้นหินรูปดาวประจำวันเกิด ผมขอให้คุณปู่มีอายุยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีนะครับ" “ใช้ได้ จงเฉิงยังคงเป็นเด็กที่เอาใจใส่เสมอ” หวังซูหยุนเดินไปหาคุณปู่หวังพร้อมกับกล่องผ้าในมือของเธอ และเปิดกล่องผ้าเพื่อเผยให้เห็นโสมป่าเก่าแก่ที่อยู่ข้างใน "คุณปู่คะ สิ่งที่หนูมอบให้คุณปู่คือโสมป่าอายุร้อยปี หนูขอให้คุณปู่มีความสุขและเจริญรุ่งเรือง" "หลานรัก ปู่ชอบของขวัญชิ้นนี้" โจวชุ่ยฮวาและหานจือเต๋อก้าวไปข้างหน้าจับมือกัน และโจวชุ่ยฮวาหยิบจี้เจ้า
แม้ว่าที่นั่นจะยังเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าอยู่ แต่ตราบใดที่มันได้รับการพัฒนา มันจะกลายเป็นเสาหลักแห่งความเจริญใหม่ของเศรษฐกิจในกรุงโซล อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนแห่งใหม่ในอนาคตของการพัฒนาเศรษฐกิจของกรุงโซล! นั่นไม่ใช่ดินแดนรกร้าง แต่กลับเป็นดินแดนสีทองเล็ก ๆ ที่ที่ซึ่งธนบัตรจำนวนนับไม่ถ้วนสามารถเติบโตได้ในอนาคต! เพราะนั่นเป็นพื้นที่รกร้างที่ซื้อโดยบริษัทหยุนจงหลานผู้ลึกลับ เพื่อเป็นสถานที่ที่ใช้สร้างคณะแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโซล! ที่ดินผืนนั้นร้อนแรงที่สุดในตอนนี้! เพราะนักลงทุนลงทุนเป็นพันล้านดอลลาร์! “ปู่มีความสุขจริง ๆ ที่มีหลานชายที่ฉลาดและมีความสามารถเช่นนี้ หลานยังมีความผูกพันกับบริษัทหยุนจงหลาน และในอนาคตตระกูลหวังจะเจริญรุ่งเรืองและกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในกรุงโซลอย่างแน่นอน” “นี่คือผู้สืบทอด หากตระกูลหวังสืบทอดโดยหวังจงฉวนในอนาคต เขาจะสามารถพัฒนาได้ดี เป็นชายหนุ่มที่มีศักยภาพสูง” "สุดยอดไปเลย หลายคนกำลังอยากทำสัญญาการพัฒนาในพื้นที่รกร้างในเขตชานเมืองทางใต้ของบริษัทหยุนจงหลาน ไม่ว่ากลุ่มการเงินกี่กลุ่มพร้อมที่จะเอาชนะ ปู่ไม่คิดว่าหวังจงฉวนจะริเริ่มก่อน" แขกรับเชิ
คำพูดของหวังจินไห่ทำให้ทุกคนนึกถึงหลี่โม่และกู้หยุนหลานที่ถูกลืมอยู่มุมห้อง หวังจงเหิงมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่เคียดแค้นและพูดด้วยความเย้ยหยัน "ทำไมพวกเธอถึงนิ่งไป ไม่รู้จักที่จะเป็นฝ่ายเริ่มมอบของขวัญวันเกิดแก่คุณปู่ก่อนหรือไง หรือว่าพวกเธอกำลังเคียดแค้นจงเกลียดจงชังอยู่ในใจกันล่ะ” กู้หยุนหลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่ต้องการให้ของขวัญวันเกิด แต่เธอไม่ได้เตรียมตัวก่อนเลยจริง ๆ เธอไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดมาด้วย แม้ว่าหลี่โม่จะปลอบเธอมาว่าเตรียมมา แต่กู้หยุนหลานก็ไม่เชื่อเลย ตอนนี้ตระกูลหวังกล่าวถึงพิธีวันเกิด กู้หยุนหลานไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร เมื่อเห็นท่าทางเฉื่อยชาของกู้หยุนกลานแล้ว หวังจงเหิงก็ยิ้มอย่างร่าเริงออกมา "ฮ่าฮ่าฮ่า เธอสองคนไม่ได้เตรียมตัวมาใช่ไหมล่ะ?" กู้หยุนหลานก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจ ไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอเม้มริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พูดอย่างกล้าหาญ "หนูลืมเอาของขวัญวันเกิดมา หนูขอโทษจริง ๆ ค่ะ" ทันทีที่คำพูดของกู้หยุนหลานเปล่งออกมา ก็เกิดความเงียบขึ้นในห้องโถง ทุกคนต่างมองไปที่กู้หยุนหลานและหลี่โม่ด้วยสายตาแปลก ๆ หวังฟางแ