“ฉันจะรอดูพวกแกไสหัวออกไป” หลี่โม่กล่าวเบา ๆ และกำปั้นทั้งคู่ก็ยื่นโบกออกมาแล้วกระแทกเข้าใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่หน้าประตู เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสองตอบสนองต้องการหลีกเลี่ยง มันก็สายเกินไปแล้ว ทำไมเร็วขนาดนี้! บอดี้การ์ดทั้งสองคำรามในใจ กล้ามเนื้อทั้งร่างเบ่งออกมา และพวกเขาพร้อมที่จะต้านทานการตบตีจากหลี่โม่ เพียะ เพียะ! เสียงที่คมชัดดังขึ้นติดกันสองครั้ง พลังมหาศาลดุจมังกรถูกตบเข้าบนใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองคน แม้ว่าจะเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว แม้ว่าจะฝึกร่างกายยกของหนักมาเป็นพันกิโล แต่บอดี้การ์ดทั้งสองก็ยังกระเด็นออกไปราวกับฟางในสายลมแรง บอดี้การ์ดที่ล้มกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงนั้น ต่างอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แล้ว และสมองก็เต็มไปด้วยความคิดที่ว่าทำไมคนผู้นี้มีพละกำลังมหาศาลเพียงนี้ ผ่าง! หลี่โม่เตะเปิดประตูห้องส่วนตัว และเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวโดยเอามือไขว้ข้างหลัง เกิดความเงียบขึ้นอย่างกะทันหันในห้องส่วนตัว โอวหยางจงเฉิงมองไปยังหลี่โม่ที่เดินผ่านประตูเข้ามาและแทบจะมีไฟพ่นออกจากดวงตาของเขา “ให้ตายเถอะ! นี่คนจน ๆ อย่างแกถึงกับกล้ามาหาพวกเรา แกรนหาที่ตายใช่ไหม?” โอวห
บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้หลี่โม่มากที่สุดกดปุ่มของเครื่องช็อตไฟฟ้า และเครื่องช็อตไฟฟ้าก็ส่งเสียงอึกทึกขึ้นมา ซึ่งฟังดูน่ากลัวทีเดียว หลี่โม่มองดูเหล่าบอดี้การ์ดด้วยรอยยิ้มเย็นชาและชี้นิ้วใส่พวกเขาทีละคนด้วยความรังเกียจ เมื่อบอดี้การ์ดเห็นการยั่วยุของหลี่โม่ ต่างก็ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าแล้วพุ่งเข้าหาหลี่โม่ โอวหยางจงเฉิงนั่งไขว่ขามองดู มือขวาโอบกอดสาวสวยที่อยู่ข้าง ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ดูลูกน้องของฉันสิว่าน่าประทับใจแค่ไหน" “ฉันคิดว่าท่านน่าประทับใจที่สุด และคิดว่าจะน่าประทับใจมากกว่านี้อีกตอนอยู่บนเตียง คืนนี้ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนท่านดีไหมคะ” “ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ หลังจากจัดการคนไร้ประโยชน์นี้แล้ว ฉันจะพาเธอไปเล่นสนุกด้วย” โอหยางจงเฉิงตอบกลับอย่างตื่นเต้น และสายตาเหลือบมองการต่อสู้ที่อยู่ไม่ไกล หลี่โม่รู้โกรธจนหน้าซีดขาวราวกับหยก ภายใต้แสงประกายสีขาวราวกับหยก รัศมีการสังหารอันรุนแรงได้ระเบิดออก และกลุ่มบอดี้การ์ดที่เผชิญหน้ากับหลี่โม่ต่างใจเต้นรัวแรง ถูกข่มขู่ด้วยรัศมีฆ่าฟันอันท่วมท้นที่เล็ดลอดออกมาจากตัวเขา หัวหน้าบอดี้การ์ดไม่ใช่คนที่ไม่มีความรู้ เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีอาฆาตที่ระเ
เมื่อเห็นแก้มของโอวหยางจงเฉิงถูกหลี่โม่เหยียบ แก้มของประธานเฉียนทั้งสามคนก็กระตุกอย่างแรง ไม่เคยมีใครกล้าดูหมิ่นไม่เคารพโอวหยางจงเฉิงมาก่อน ร่องรอยของเลือดหยดไหลออกมาจากใบหน้าของโอวหยางจงเฉิง นั่นคือผิวแก้มที่ถูกหลี่โม่บดขยี้ ประธานหลี่กลืนน้ำลายอย่างหนัก เพียงมองไปยังสภาพโอวหยางจงเฉิงก็รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้า “คนไร้… หลี่โม่ มีเรื่องก็เจรจากันดี ๆ แกปล่อยประธานโอวหยางก่อน” ประธานหลี่กล่าวอย่างตื่นตระหนก “แกบอกว่าปล่อยก็ปล่อย? แกมีอิทธิพลมากนักเหรอ คำที่ฉันเคยพูด พวกแกลืมหมดแล้ว?” หลี่โม่ใช้เท้าบดขยี้แรงขึ้นกว่าเดิม “ตระกูลกู้เป็นสิ่งที่พวกแกยุ่งได้? คนสารเลวอย่างพวกแก ถ้ายังกล้ามีความคิดที่ไม่ควรมีต่อตระกูลกู้และกู้หยุนหลานอีกครั้งล่ะก็ ฉันจะทำให้พวกแกล้มละลายกันทั้งหมด! ทำให้พวกแกกลายเป็นคนไร้ค่ากันให้หมด!” ความอัปยศอดสูเกิดขึ้นในใจของโอวหยางจงเฉิง ถึงแม้ว่าเจ็บปวดที่ใบหน้ามาก และถึงแม้ว่ากำลังถูกหลี่โม่เหยียบหัว แต่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีตนเองของโอวหยางจงเฉิงไม่อนุญาตให้เขายอม “พวกนายอย่าไปสนใจคนไร้ประโยชน์นี้เลย ก็แค่คนต่ำต้อยคนหนึ่งที่เกาะผู้หญิงกินในตระกูลกู้ ต่อสู้เก
“ท้าทายอะไรกัน แกคิดว่าแกเป็นใคร! ยังจะมาท้าทายขีดจำกัดอะไรอีก แกคิดว่าแกเป็นคนระดับสูงหรือไงกัน ฉันแค่ถ่มน้ำลายก็สามารถทำให้แกจมได้แล้ว!” โอหยางจงเฉิงตะโกนพูดอย่างฉุนเฉียว ประธานเฉียนชี้ไปที่หลี่โม่และตะโกนเสียงดังว่า "ถ้าแกมีความสามารถก็เอาออกมาใช้ซะ อย่ามาโวยวายแถวนี้ หนักกว่านี้พวกเราก็เคยเจอมาแล้ว อย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นคือล้มละลาย ถ้าแกมีความสามารถจริงก็ทำให้เราล้มละลายสิ ฉันยังไม่เคยสัมผัสรสชาติของการล้มละลายมาก่อนเลย" “มันเป็นเรื่องตลกที่สามารถทำให้เราล้มละลายได้ คนต่ำต้อยที่เกาะผู้หญิงอย่างแก รู้ไหมว่าพวกเรามีทรัพย์สินเท่าไหร่ เงินที่พวกเรามีสามารถทำให้แกตะลึงจนตาค้างเลยล่ะ จะทำให้พวกเราล้มละลาย แกคงยังไม่ตื่นจากความฝันล่ะสิท่า!” ประธานหลินเงยหน้าขึ้นและเชิดจมูกเผชิญหน้ากับหลี่โม่ ประธานหลี่หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวนแล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “คนไร้ประโยชน์นี้ก็รู้จักแต่พูดจาไร้สาระ ในทั้งเมืองฮั่นนี้ใครจะกล้าทำให้เราล้มละลาย คนที่สามารถทำให้ฉันล้มละลายได้ คนที่มีความสามารถแบบนั้นคาดการณ์ว่าอาจจะยังเป็นก้อนเลือดอยู่ในท้องยังไม่ออกมา แกคิดว่าแกเป็นไซอิ๋วเหรอ!” เมื่อเผชิ
เวลาสิบนาทีหมดลงแล้ว โอวหยางจงเฉิงกล่าวอย่างแค้นใจว่า "คนเบาปัญญาอย่างแกบอกว่าถึงเวลาแล้วด้วยตัวเอง แกจะทำให้พวกเราล้มละลายไม่ใช่เหรอ แกทำให้ฉันล้มละลายสิ ทำให้ฉันล้มละลายเลยสิวะ!" “ประธานโอวหยาง ทำไมต้องพูดคุยกับคนเบาปัญญาแบบนี้ เขาสามารถทำให้พวกเราล้มละลายได้อะไรกัน ถ้าเขามีความสามารถ คงเป็นได้แค่ราชาแมงดาเกาะผู้หญิงกินของตระกูลกู้เท่านั้น และเป็นเหมือนคนต่ำต้อยที่น่าอับอายไปวัน ๆ ทำเป็นเสแสร้งอยู่ต่อหน้าเรา บอกได้เลยว่าหาเรื่องโดนเฆี่ยนตี!" ประธานเฉียนด้านหนึ่งพูดด้านหนึ่งช่วยพยุงโอวหยางจงเฉิงขึ้นมา ตอนที่หลี่โม่บอกว่าถึงเวลาแล้ว ก็เอาเท้าออกจากหน้าโอวหยางจงเฉิง เพราะหลี่โม่ต้องดูท่าทางของโอวหยางจงเฉิง ดูท่าทางของเขาว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อได้ยินข่าวการล้มละลายของตัวเอง ประธานหลินหยิบทิชชู่ขึ้นมาแล้วช่วยประธานโอวหยางเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ประธานโอวหยางผมคิดว่าถึงเวลาที่เราจะเรียกคนมาแล้ว คืนนี้เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย คืนนี้คนต่ำต้อยนี้อวดดีมากเกินไปแล้ว ต้องหักแขนขาทั้งสี่ของเขาถึงจะพอ!” “แขนขาทั้งสี่จะไปพอได้ไง อย่างน้อยสุดก็ต้องหักห้าสิ่ง ในอนาคตมัน
“ประธานหลินแย่แล้วครับ เมื่อครู่นี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับหมายค้นและจดหมายประทับตรา เอกสารการจัดการและเอกสารทางการเงินทั้งหมดถูกนำไปด้วย ส่วนพื้นที่โรงงานก็ถูกยึดแล้ว ไม่สามารถทำการผลิตและดำเนินทางธุรกิจได้จนกว่าจะถูกปลดล็อก" "เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ทำไมกัน สาเหตุล่ะ! ทนายอย่างคุณนี่ทำงานยังไงกัน!" ประธานหลินกระโดดขึ้นราวกับถูกสายฟ้าฟาด เอกสารการจัดการและเอกสารทางการเงินถูกยึดไป ขอเพียงแค่หานักบัญชีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คน ก็สามารถค้นพบกลเม็ดต่าง ๆ ได้ในไม่กี่นาที และการปิดพื้นที่โรงงานยิ่งอันตรายถึงชีวิต นี่คือจังหวะที่จะจบสิ้นอย่างสมบูรณ์ “สาเหตุก็คือการเลี่ยงภาษีและการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย พรุ่งนี้จะมีคนมาตรวจสอบอีกครั้ง ท่านประธานหลินมีทางออกก็รีบหาทางออกเถอะครับ ทางนี้ผมไม่มีแม้แต่ลู่ทางออกอะไรเลย” "ไร้ประโยชน์สิ้นดี!" ประธานหลินวางโทรศัพท์ด้วยความโกรธ และเอามือทั้งสองกุมหน้าไว้ “เหล่าหลิน ไม่ต้องกังวลไป ฉันมีคนรู้จักรับรองว่าสามารถปกปิดมันได้ พรุ่งนี้เช้าฉันจะช่วยติดต่อให้” โอวหยางจงเฉิงกล่าวราวกับเป็นคนใหญ่คนโต “ขอบคุณประธานโอวหยางครับ ช่างเป็นเรื่องตกทุ
ในใจโอวหยางจงเฉิงปรากฏความกลัวขึ้นบ้างแล้ว มองดูโทรศัพท์มือถือทองคำขาวที่หุ้มด้วยเพชรซึ่งกำลังส่งเสียงอย่างไพเราะ เขาต้องการทุบโทรศัพท์ให้แตกจริง ๆ ในขณะนี้ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือกลายเป็นเสียงคำสาปในใจของโอวหยางจงเฉิงไปแล้ว และด้านหน้ามีคนทั้งสามคนถูกคำสาปนี้กลืนกินไปแล้ว รับสาย หรือว่าไม่รับดี? นี่คือปัญหาหนึ่ง “ประธานโอวหยาง คุณรับสายลองฟัง ๆ ดูเถอะครับ บางทีถ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็จะสามารถสามารถจัดการกับมันได้” น้ำเสียงของประธานเฉียนกำลังสั่นเทา โอวหยางจงเฉิงเป็นความหวังสุดท้ายของทั้งสามคน หากว่าโอวหยางจงเฉิงเกิดปัญหาขึ้นด้วยล่ะก็ พวกเขาต่างก็จะล้มละลายไปด้วยกันจริง ๆ แล้ว หลังจากล้มละลายแล้ว ความมั่งคั่งทั้งหมดก็จะหายวับไปกับตา ชีวิตที่หรูหราทั้งหมดจะอยู่ไกลเกินเอื้อม ศัตรูทั้งหมดจะแสดงเขี้ยวออกมา นั่นเป็นชีวิตที่ไม่อาจคาดคิด โอวหยางจงเฉิงยื่นมือออกมาอย่างแข็งทื่อ นิ้วที่กางออกกำลังสั่นบนโทรศัพท์ เรียกได้ว่าไม่กล้าจับโทรศัพท์เลย เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์หยุดกะทันหัน และการแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับก็เด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์ โอวหยางจงเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แตกสลายแล้ว! วิญญาณของโอวหยางจงเฉิงแตกสลายไปแล้ว ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง แก้มขึ้นกระตุกอย่างแรง และใบหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยว “ประ… ประธานโอวหยาง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ประธานเฉียนถามอย่างอ่อนแรง "เกิด… เรื่อง" โอวหยางจงเฉิงกล่าวอย่างอ่อนแรง และสายตามองไปยังหลี่โม่ที่อยู่ไม่ไกล นี่ก็คือคนที่ทำให้เขาทุกคนล้มละลาย และเป็นเรื่องที่ใครเป็นคนผูกกระดิ่ง ก็ต้องให้คนนั้นมาแก้ ถ้าไม่อยากจะล้มละลายและใช้ชีวิตที่หรูหราต่อไป ก็ทำได้เพียงขอร้องอ้อนวอนให้หลี่โม่อภัย! โอวหยางจงเฉิงมองชีวิตอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นความหวังที่ริบหรี่ก็ปรากฏขึ้น และความหวังนั้นคือการให้อภัยจากหลี่โม่ ร่างกายเคลื่อนไหวอยู่บนโซฟา จากนั้นร่างกายของโอวหยางจงเฉิงก็อ่อนปวกเปียกราวกับเส้นบะหมี่ และเคลื่อนตัวจากโซฟาไปที่พื้นแล้วเข่าทั้งคู่ก็คุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง เอวอวบอ้วนโค้งลงอย่างรวดเร็ว และโอวหยางจงเฉิงก็คุกเข่าโขกหัวคพนับกับพื้น จนเกิดเสียงตุ้บขึ้นมา ประธานเฉียนทั้งสามคนต่างสะดุ้งด้วยความตกใจกลัว และยังไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น “ประธานโอวหยาง! คุณ ทำไมคุณถึง…” ประธานเฉียนกล่าวเช่นนั้น และทันใดนั้นเขาก