เวลาสิบนาทีหมดลงแล้ว โอวหยางจงเฉิงกล่าวอย่างแค้นใจว่า "คนเบาปัญญาอย่างแกบอกว่าถึงเวลาแล้วด้วยตัวเอง แกจะทำให้พวกเราล้มละลายไม่ใช่เหรอ แกทำให้ฉันล้มละลายสิ ทำให้ฉันล้มละลายเลยสิวะ!" “ประธานโอวหยาง ทำไมต้องพูดคุยกับคนเบาปัญญาแบบนี้ เขาสามารถทำให้พวกเราล้มละลายได้อะไรกัน ถ้าเขามีความสามารถ คงเป็นได้แค่ราชาแมงดาเกาะผู้หญิงกินของตระกูลกู้เท่านั้น และเป็นเหมือนคนต่ำต้อยที่น่าอับอายไปวัน ๆ ทำเป็นเสแสร้งอยู่ต่อหน้าเรา บอกได้เลยว่าหาเรื่องโดนเฆี่ยนตี!" ประธานเฉียนด้านหนึ่งพูดด้านหนึ่งช่วยพยุงโอวหยางจงเฉิงขึ้นมา ตอนที่หลี่โม่บอกว่าถึงเวลาแล้ว ก็เอาเท้าออกจากหน้าโอวหยางจงเฉิง เพราะหลี่โม่ต้องดูท่าทางของโอวหยางจงเฉิง ดูท่าทางของเขาว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อได้ยินข่าวการล้มละลายของตัวเอง ประธานหลินหยิบทิชชู่ขึ้นมาแล้วช่วยประธานโอวหยางเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ประธานโอวหยางผมคิดว่าถึงเวลาที่เราจะเรียกคนมาแล้ว คืนนี้เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย คืนนี้คนต่ำต้อยนี้อวดดีมากเกินไปแล้ว ต้องหักแขนขาทั้งสี่ของเขาถึงจะพอ!” “แขนขาทั้งสี่จะไปพอได้ไง อย่างน้อยสุดก็ต้องหักห้าสิ่ง ในอนาคตมัน
“ประธานหลินแย่แล้วครับ เมื่อครู่นี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับหมายค้นและจดหมายประทับตรา เอกสารการจัดการและเอกสารทางการเงินทั้งหมดถูกนำไปด้วย ส่วนพื้นที่โรงงานก็ถูกยึดแล้ว ไม่สามารถทำการผลิตและดำเนินทางธุรกิจได้จนกว่าจะถูกปลดล็อก" "เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ทำไมกัน สาเหตุล่ะ! ทนายอย่างคุณนี่ทำงานยังไงกัน!" ประธานหลินกระโดดขึ้นราวกับถูกสายฟ้าฟาด เอกสารการจัดการและเอกสารทางการเงินถูกยึดไป ขอเพียงแค่หานักบัญชีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คน ก็สามารถค้นพบกลเม็ดต่าง ๆ ได้ในไม่กี่นาที และการปิดพื้นที่โรงงานยิ่งอันตรายถึงชีวิต นี่คือจังหวะที่จะจบสิ้นอย่างสมบูรณ์ “สาเหตุก็คือการเลี่ยงภาษีและการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย พรุ่งนี้จะมีคนมาตรวจสอบอีกครั้ง ท่านประธานหลินมีทางออกก็รีบหาทางออกเถอะครับ ทางนี้ผมไม่มีแม้แต่ลู่ทางออกอะไรเลย” "ไร้ประโยชน์สิ้นดี!" ประธานหลินวางโทรศัพท์ด้วยความโกรธ และเอามือทั้งสองกุมหน้าไว้ “เหล่าหลิน ไม่ต้องกังวลไป ฉันมีคนรู้จักรับรองว่าสามารถปกปิดมันได้ พรุ่งนี้เช้าฉันจะช่วยติดต่อให้” โอวหยางจงเฉิงกล่าวราวกับเป็นคนใหญ่คนโต “ขอบคุณประธานโอวหยางครับ ช่างเป็นเรื่องตกทุ
ในใจโอวหยางจงเฉิงปรากฏความกลัวขึ้นบ้างแล้ว มองดูโทรศัพท์มือถือทองคำขาวที่หุ้มด้วยเพชรซึ่งกำลังส่งเสียงอย่างไพเราะ เขาต้องการทุบโทรศัพท์ให้แตกจริง ๆ ในขณะนี้ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือกลายเป็นเสียงคำสาปในใจของโอวหยางจงเฉิงไปแล้ว และด้านหน้ามีคนทั้งสามคนถูกคำสาปนี้กลืนกินไปแล้ว รับสาย หรือว่าไม่รับดี? นี่คือปัญหาหนึ่ง “ประธานโอวหยาง คุณรับสายลองฟัง ๆ ดูเถอะครับ บางทีถ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็จะสามารถสามารถจัดการกับมันได้” น้ำเสียงของประธานเฉียนกำลังสั่นเทา โอวหยางจงเฉิงเป็นความหวังสุดท้ายของทั้งสามคน หากว่าโอวหยางจงเฉิงเกิดปัญหาขึ้นด้วยล่ะก็ พวกเขาต่างก็จะล้มละลายไปด้วยกันจริง ๆ แล้ว หลังจากล้มละลายแล้ว ความมั่งคั่งทั้งหมดก็จะหายวับไปกับตา ชีวิตที่หรูหราทั้งหมดจะอยู่ไกลเกินเอื้อม ศัตรูทั้งหมดจะแสดงเขี้ยวออกมา นั่นเป็นชีวิตที่ไม่อาจคาดคิด โอวหยางจงเฉิงยื่นมือออกมาอย่างแข็งทื่อ นิ้วที่กางออกกำลังสั่นบนโทรศัพท์ เรียกได้ว่าไม่กล้าจับโทรศัพท์เลย เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์หยุดกะทันหัน และการแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับก็เด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์ โอวหยางจงเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แตกสลายแล้ว! วิญญาณของโอวหยางจงเฉิงแตกสลายไปแล้ว ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง แก้มขึ้นกระตุกอย่างแรง และใบหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยว “ประ… ประธานโอวหยาง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ประธานเฉียนถามอย่างอ่อนแรง "เกิด… เรื่อง" โอวหยางจงเฉิงกล่าวอย่างอ่อนแรง และสายตามองไปยังหลี่โม่ที่อยู่ไม่ไกล นี่ก็คือคนที่ทำให้เขาทุกคนล้มละลาย และเป็นเรื่องที่ใครเป็นคนผูกกระดิ่ง ก็ต้องให้คนนั้นมาแก้ ถ้าไม่อยากจะล้มละลายและใช้ชีวิตที่หรูหราต่อไป ก็ทำได้เพียงขอร้องอ้อนวอนให้หลี่โม่อภัย! โอวหยางจงเฉิงมองชีวิตอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นความหวังที่ริบหรี่ก็ปรากฏขึ้น และความหวังนั้นคือการให้อภัยจากหลี่โม่ ร่างกายเคลื่อนไหวอยู่บนโซฟา จากนั้นร่างกายของโอวหยางจงเฉิงก็อ่อนปวกเปียกราวกับเส้นบะหมี่ และเคลื่อนตัวจากโซฟาไปที่พื้นแล้วเข่าทั้งคู่ก็คุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง เอวอวบอ้วนโค้งลงอย่างรวดเร็ว และโอวหยางจงเฉิงก็คุกเข่าโขกหัวคพนับกับพื้น จนเกิดเสียงตุ้บขึ้นมา ประธานเฉียนทั้งสามคนต่างสะดุ้งด้วยความตกใจกลัว และยังไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น “ประธานโอวหยาง! คุณ ทำไมคุณถึง…” ประธานเฉียนกล่าวเช่นนั้น และทันใดนั้นเขาก
ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าแกคิดจะทำอะไร โอวหยางจงเฉิงคิดในใจแต่ไม่กล้าแสดงออกมา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ โอวหยางจงเฉิงคงจะถ่มน้ำลายใส่หน้าคนถามไปนานแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ลูกไก่ในกำมือของหลี่โม่ โอวหยางจงเฉิงจึงจำเป็นต้องเชื่อฟังทุกคำสั่งของเขา “ท่านหลี่เป็นผู้สูงส่ง พวกเราที่เป็นเพียงคนโง่เขลา ไม่มีทางคาดเดาความคิดของท่านได้หรอกครับ ท่านช่วยบอกพวกเราหน่อยเถอะครับ” ใบหน้าที่เปื้อนด้วยคราบเลือดของโอวหยางจงเฉิงแสดงรอยยิ้มที่แปลกประหลาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา “คนสติปัญญาระดับแก ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเช่นนี้ แล้วยังมีชีวิตรอดถึงทุกวันนี้ได้ ถือว่าโชคดีจริง ๆ เลยนะ” หลี่โม่พูดประชดประชัน โอวหยางจงเฉิงยิ้มอย่างเขินอายและไม่รู้จะตอบอย่างไร ประธานเฉียนที่มีไหวพริบดี ก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า “ท่านหลี่จะสั่งสอนพวกเราใช่ไหมครับ? พวกเราเป็นพวกไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ท่านช่วยสั่งสอนพวกเราหน่อยนะครับ ต่อไปเราจะไม่กล้าทำอีกแล้วครับ” “เหอะ ๆ” หลี่โม่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “สั่งสอนพวกแกอย่างนั้นหรือ? พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นลูกหลานฉันหรือไง ฉ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของพวกแก ถ้าแสดงออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจของฉัน พวกแกก็เตรียมตัวเป็นคนพิการ นั่งขอทานที่ข้างถนนได้เลย” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องวีไอพีไป โอวหยางจงเฉิงมองหลี่โม่เดินจากไป จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงบนพื้นทีละคน ๆ เหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออกไป “ให้ตายเหอะ ผ่านพ้นไปได้สักที หลี่โม่คนนี้คือใครกันแน่ ทำไมถึงมีอำนาจขนาดนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดาคงทำไม่ได้อย่างแน่นอน” โอวหยางจงเฉิงพูดด้วยความสงสัย “เขาต้องเป็นลูกของมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน แต่ทำไมคนประเภทนี้ ยังต้องทนอยู่ที่บ้านตระกูลกู้ด้วย มิหนำซ้ำยังถูกคนตระกูลกู้คอยดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ ด้วยความสามารถของเขาแล้ว...น่าจะทำให้คนตระกูลกู้เปลี่ยนทัศนคติได้ตั้งนานแล้ว” ประธานหลินกุมหน้าผากที่เปื้อนเลือดและพูดว่า “จะมัวพูดอะไรมากมาย รีบไปหาหมอกันเถอะ หน้าผากฉันแตกหมดแล้ว เรายังไม่ถือว่าสอบผ่านนะ ยังต้องเตรียมเรื่องการขอขมาในวันพรุ่งนี้อีก” “เรื่องขอขมาเป็นเรื่องใหญ่นะ เราต้องทำให้พวกเขาพอใจให้ได้ ไม่รู้ว่าท่านหลี่ตั้งมาตรฐานไว้ขนาดไหน เกรงว่าถ้าทำไม่ถูกใจ ก็คงต้องลำบากอี
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้หยุนหลานที่นอนไม่หลับทั้งคืน ลุกจากเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว ในใจของเธอเต็มไปด้วยเรื่องของโอวหยางจงเฉิง กู้หยุนหลานจึงนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตียงด้วยความไม่สบายใจ หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลานนั่งอยู่ข้างเตียง เขาจึงยื่นมือออกไปกอดเธอจากด้านหลัง “คุณกังวลอยู่เหรอ?” หลี่โม่ถามเบา ๆ กู้หยุนหลานพยักหน้าแล้วเอียงศีรษะไปพิงบนไหล่ของหลี่โม่ที่อยู่ด้านหลัง “วันนี้คงผ่านไปยากแล้วล่ะ ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน” กู้หยุนหลานตอบอย่างเศร้าใจ สิ่งที่หลี่โม่พูดเมื่อคืน กู้หยุนหลานไม่ได้คิดจริงจังเลยแม้แต่น้อย เธอไม่คิดว่าหลี่โม่จะจัดการกับคนอย่างโอวหยางจงเฉิงได้แน่นอน อย่าว่าแต่หลี่โม่เลย แม้แต่คนในเมืองฮั่นก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับโอวหยางจงเฉิงได้ ดังนั้นครั้งนี้กิจการของตระกูลกู้คงต้องเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่แน่นอน “อย่ากังวลไปเลยนะ ผมคอยช่วยคุณอยู่” หลี่โม่พูดเบา ๆ กู้หยุนหลานส่ายหัว แล้วขัดขืนเล็กน้อย จากนั้นจึงผละตัวออกจากอ้อมกอดของหลี่โม่ “ฉันจะเตรียมตัวไปบริษัทก่อนนะ วันนี้ต้องประชุมหารือเรื่องแผนประชาสัมพันธ์เร่งด่วนที่บริษัท” “คุณไปอาบน้ำก่อนสิ ผมจะไปเตรี
กู้ซิ่งเหว่ยหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วหันมาพูดกับกู้หยุนหลานด้วยความดูถูก “ถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังแกล้งทำตัวน่าสงสารอีก จะรอให้ธุรกิจครอบครัวล้มละลายก่อน เธอถึงจะสำนึกใช่ไหม ทั้งหมดนี่ก็เพราะเธอกับสามีไร้ประโยชน์ของเธอนั่นแหละ ถ้ามันไม่มีปัญญาแก้ปัญหาได้เธอก็ต้องออกมาแก้ปัญหาเอง” “ฉันจะพยายามหาทางเอง แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีที่พวกคุณพูด” กู้หยุนหลานพูดด้วยสีหน้าขมขื่น รสชาติที่คุ้นเคยและวิธีการข่มเหงที่คุ้นเคยค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในความรู้สึกของกู้หยุนหลาน “บ้าเอ๊ย! นี่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ไหม ไฟลนก้นขนาดนี้แล้ว ดีไม่ดีพรุ่งนี้พวกเราทุกคนก็ต้องตกงานกันแล้ว เธอยังจะแสร้งทำตัวเป็นแม่พระอีกหรือ! เธอคิดว่าเธอเป็นพระแม่มารีย์หรือยังไง แม้แต่พระแม่มารีย์เองก็เคยมีความสัมพันธ์กับช่างไม้มาก่อน!” “เธอเองก็ไม่ได้นอนกับผู้ชายเป็นครั้งแรกนี่ หรือว่าเธอไม่ชอบประธานโอวหยางจริง ๆ? ถึงแม้ประธานโอวหยางจะอายุมากไปสักหน่อย แต่เธอก็คิดเสียว่าเป็นความรักแบบพ่อลูกก็ได้นี่ เรียกประธานโอวหยางว่าป๋าสิ ถ้าเขาชอบ เธอก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ด้วย” ดูเหมือนกู้ชิงหลินจะแนะนำประสบการณ์ของเธอเองให้กับกู้หยุนหลาน กู้ซิ่งเ