กู้ซิ่งเหว่ยหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วหันมาพูดกับกู้หยุนหลานด้วยความดูถูก “ถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังแกล้งทำตัวน่าสงสารอีก จะรอให้ธุรกิจครอบครัวล้มละลายก่อน เธอถึงจะสำนึกใช่ไหม ทั้งหมดนี่ก็เพราะเธอกับสามีไร้ประโยชน์ของเธอนั่นแหละ ถ้ามันไม่มีปัญญาแก้ปัญหาได้เธอก็ต้องออกมาแก้ปัญหาเอง” “ฉันจะพยายามหาทางเอง แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีที่พวกคุณพูด” กู้หยุนหลานพูดด้วยสีหน้าขมขื่น รสชาติที่คุ้นเคยและวิธีการข่มเหงที่คุ้นเคยค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในความรู้สึกของกู้หยุนหลาน “บ้าเอ๊ย! นี่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ไหม ไฟลนก้นขนาดนี้แล้ว ดีไม่ดีพรุ่งนี้พวกเราทุกคนก็ต้องตกงานกันแล้ว เธอยังจะแสร้งทำตัวเป็นแม่พระอีกหรือ! เธอคิดว่าเธอเป็นพระแม่มารีย์หรือยังไง แม้แต่พระแม่มารีย์เองก็เคยมีความสัมพันธ์กับช่างไม้มาก่อน!” “เธอเองก็ไม่ได้นอนกับผู้ชายเป็นครั้งแรกนี่ หรือว่าเธอไม่ชอบประธานโอวหยางจริง ๆ? ถึงแม้ประธานโอวหยางจะอายุมากไปสักหน่อย แต่เธอก็คิดเสียว่าเป็นความรักแบบพ่อลูกก็ได้นี่ เรียกประธานโอวหยางว่าป๋าสิ ถ้าเขาชอบ เธอก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ด้วย” ดูเหมือนกู้ชิงหลินจะแนะนำประสบการณ์ของเธอเองให้กับกู้หยุนหลาน กู้ซิ่งเ
ตอนนี้เมื่อได้ยินคำว่าขบวนรถหรูที่มีป้ายทะเบียนของเมืองฉู่โจว พวกของคุณท่านกู้ก็พอจะนึกถึงโอวหยางจงเฉิงได้เท่านั้น โอวหยางจงเฉิงมาตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้คุณท่านกู้และคนอื่น ๆ ต่างก็คิดว่าเขาต้องมาเอาเรื่องอย่างแน่นอน ไม่มีทางเป็นเรื่องอื่นไปได้ คุณท่านกู้ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่กู้หยุนหลานอย่างโกรธเคือง “หยุนหลาน! ตอนนี้ประธานโอวหยางมาถึงที่แล้ว แกต้องทำให้เขายอมรับคำขอโทษของแกให้ได้ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?” “พ่อ จะมัวพูดอ้อมค้อมกับเธอทำไม กู้หยุนหลาน แกต้องอยู่เป็นเพื่อนประธานโอวหยางดี ๆ แกต้องทำทุกอย่างตามที่ประธานโอวหยางต้องการ อย่าทำตัวซื่อบื้ออีกล่ะ!” “เลิกคิดว่าตัวเองสูงส่งได้แล้ว คนเราคิดจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกก็ต้องเสียสละตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าต้องเสียสละอะไรก็เท่านั้น แค่อยู่กับประธานโอวหยางก็จะได้รับความมั่งคั่ง เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ มีคนอีกมากมายที่หวังจะได้รับโอกาสเช่นนี้แต่ไม่มีสิทธิ์” กู้หยุนหลานยิ้มอย่างหดหู่ สองมือของเธอกำแน่นจนซีดเซียวเพราะออกแรง ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกอีกครั้ง โอวหยางจงเฉิงพาพวกของประธานเฉียนทั้งสามคน รวมถึงเลขากับเหล่าพนักงานในบริษัท เดิน
ทำไมกู้หยุนหลานทำผิดต่อประธานโอวหยางขนาดนี้ แต่สุดท้ายประธานโอวหยางกลับซื้อของขวัญมากมายมาขอโทษเธอ! เสื้อผ้าแฟชั่น CHANEL กระเป๋า PRADA ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว SK-II นาฬิกา Patek Philippe นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับแบรนด์เนมชั้นนำจากต่างประเทศอีกมากมาย ทั้งหมดนี่เป็นเพราะอะไรกัน! กู้ชิงหลินตะโกนด้วยความโกรธอยู่ในใจ โอวหยางจงเฉิงถึงขั้นต้องใช้ของขวัญที่มีมูลค่าหลายล้านเพื่อแสดงถึงการขอโทษจริงใจอย่างสุดซึ้งของเขา “ผมรีบไปหน่อย ก็เลยเตรียมของกำนัลมาได้แค่นี้ แต่ผมสั่งสินค้าชั้นนำของตะวันตกไว้แล้วบางส่วน อาจจะใช้เวลาในการขนส่งสักหน่อยนะครับ ถึงตอนนั้น เราจะรีบนำส่งให้กับคุณหยุนหลานโดยเร็วนะครับ นี่คือรายการสินค้าที่เราสั่งเอาไว้ครับ” โอวหยางจงเฉิงหยิบรายการสินค้าออกมาแล้วมอบให้กับกู้หยุนหลานด้วยมือทั้งสองข้างของเขา กู้หยุนหลานถึงกับตาลายเมื่อเห็นรายการสินค้าเหล่านั้น กู้ซิ่งเหว่ยเหลือบมองไปที่รายการสินค้าก็คิดว่าตัวเองตาฝาด แล้วมองไปที่โอวหยางจงเฉิงด้วยความตกใจ รายการสินค้าอื่น ๆ กู้ซิ่งเหว่ยมองไม่เห็นรายละเอียดชัดเจนนัก แต่เห็นเพียงรายการแรกบนกระดาษ สมองของกู้ซิ่งเหว่ยก็รู้สึกสั
เมื่อได้ยินคำตอบของโอวหยางจงเฉิง คุณท่านกู้และคนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้วและสงสัยว่าคุณหลี่ที่ว่านั้นคือใคร ชื่อแรกที่ทุกคนนึกได้ก็คือหลี่โม่ และชื่อแรกที่ทุกคนคิดว่าไม่มีทางใช่ก็คือหลี่โม่เช่นกัน เพราะทั้งครอบครัวตระกูลต่างก็เห็นว่าหลี่โม่เป็นแค่คนไร้ประโยชน์ แม้ว่าเมื่อวานหลี่โม่จะบอกว่า เขาสามารถจัดการกับเรื่องของโอวหยางจงเฉิงได้ แต่นั่นเป็นแค่เรื่องตลกในสายตาของทุกคนในตระกูลกู้ ถ้าหลี่โม่สามารถทำให้โอวหยางจงเฉิงยอมจำนนได้ คนตระกูลกู้คงไม่มีทางกล้าดูถูกเขาเหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่ใช่หลี่โม่ แล้วคุณหลี่ที่ว่านั่นเป็นใครกันแน่? คุณท่านกู้และคนอื่น ๆ ต่างก็นึกถึงเพื่อนที่มีนามสกุลหลี่ แต่คนนามสกุลหลี่ที่พวกเขารู้จักนั้นไม่มีใครสามารถจัดการกับโอวหยางจงเฉิงได้อยู่หมัดอย่างแน่นอน เมื่อเห็นท่าทีของโอวหยางจงเฉิงที่เป็นเหมือนสุนัขพันธุ์ปั๊ก พวกเขาก็รู้ว่านั่นไม่ใช่แค่การจัดการโอวหยางจงเฉิงได้อยู่หมัดเท่านั้น แต่เป็นการบดขยี้ความเป็นคนของเขาไปแล้ว ดังนั้นโอวหยางจงเฉิงจึงไม่สนใจศักดิ์ศรีของตนเองอีก ไม่เพียงแต่คนในตระกูลกู้ที่ไม่รู้จักคุณหลี่ แม้แต่ตัวของกู้หยุนหลานเองก็ไม่รู้จ
เมื่อนึกถึงหลี่โม่ที่มีความสามารถขนาดนี้ การที่ใช้เงินสองหมื่นล้านเพื่อสร้างความประทับใจให้กับกู้หยุนหลานนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย แต่คุณท่านกู้ไม่ได้คิดเช่นนี้ คุณท่านกู้เหมือนได้เห็นโอกาสทองอยู่ตรงหน้า ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ขอเพียงกู้หยุนหลานทำให้คุณชายหลี่มีความสุข ตระกูลกู้ของเขาทั้งตระกูลก็จะมีโอกาสได้ดีไปด้วย มีเพียงกู้หยุนหลานเท่านั้นที่ยังสับสนและสงสัยอยู่ว่าคุณชายหลี่คนนี้คือใคร? อะไรคือหยุนจงหลานกรุ๊ป? เธอไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ กู้ซิ่งเหว่ยเหลือบมองไปที่กู้หยุนหลานด้วยสายตารังเกียจแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ที่แท้ก็แลกมาด้วยเรื่องบนเตียงสินะ ถึงได้พูดจาแข็งกร้าวขนาดนี้ คงจะพึ่งพาถูกคนแล้ว ตอนเรียกเขาว่าพ่อคงมีความสุขน่าดูเลยสินะ” “เหอะ ๆ ก็เพราะสามีไม่เอาไหนยังไงล่ะ คงเติมเต็มความสุขให้เธอไม่ได้ เธอถึงได้ออกล่าเหยื่อนอกบ้านแบบนี้ แต่กู้หยุนหลานเธอก็เก่งใช่ย่อยเลยนะ ถึงทำให้คนอย่างคุณชายหลี่ชอบเธอได้ ว่าง ๆ พามาแนะนำให้พวกเราได้รู้จักบ้างสิ” ดวงตาของกู้ชิงหลินเปล่งประกายและมีความคิดแง่ลบมากมายเกิดขึ้นในใจเธอ ถ้าหากเธอสามารถแย่งคุณชายหลี่จากมือของกู้หยุนหลานได้ เธ
“หนูไม่รู้จักเขา และเขาก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหนูด้วย!” กู้หยุนหลานพูดอย่างลนลาน คุณท่านกู้มองกู้หยุนหลานด้วยความดูถูก เขารู้สึกว่ากู้หยุนหลานจะแสร้งจนเกินจริงไปหน่อยแล้ว เรื่องมันเห็นชัดขนาดนี้เธอยังจะเสแสร้งอะไรอีก แต่เมื่อนึกถึงคำขอโทษของโอวหยางจงเฉิงและนึกถึงเงินสองหมื่นล้านบาทในการก่อตั้งหยุนจงหลานกรุ๊ป คุณท่านกู้ก็เก็บอารมณ์แล้วพูดกับกู้หยุนหลานด้วยความอดทน “หลี่โม่ก็แค่เกาะเธอกิน เขาให้อนาคตที่ดีกับเธอไม่ได้หรอก ในเมื่อเธอมีความสัมพันธ์กับคุณชายเศรษฐีตระกูลหลี่แล้ว เธอต้องฉกฉวยโอกาสนี้ให้ได้ ขอแค่น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณชายหลี่ผู้ร่ำรวย เธอก็อยู่อย่างสบายแล้ว มิหนำซ้ำตระกูลกู้ของเราก็พลอยได้ดีไปด้วย” คุณท่านกู้พูดอย่างไม่สนใจความรู้สึกของกู้หยุนหลาน กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้าหลายครั้ง และคิดว่าคุณท่านเป็นคนที่ฉลาดอย่างมาก ในขณะนี้ความคิดของทุกคนสอดคล้องกันหมด นั่นก็คือการให้กู้หยุนหลานเกาะคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่ไว้ให้แน่น ๆ ถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด “หยุนหลานเอ๋ย เธออย่าไปใส่ใจหลี่โม่ให้มากนัก ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก เธอต้องมีเงินเท่านั้นถึงจะมีศักดิ์ศรี ถ้า
“รถของเป้าหมายขับออกจากบริษัทแล้วครับ ผมกำลังติดตามเธออยู่” คนขับรถสีเงินพูดกับวิทยุสื่อสารบนรถ “จับตาดูให้ดี จากการสำรวจของเรา สถานที่ที่เป้าหมายจะไปคือบ้าน บริษัท โรงงานและโรงพยาบาล ทิศทางทั้งสี่แห่งนี้แตกต่างกันมาก นายต้องจับทิศทางของเป้าหมายให้ได้” “รับทราบครับ” จากนั้นคนขับรถสีเงินก็วางวิทยุสื่อสารลงแล้วขับตามรถของกู้หยุนหลานอย่างไม่คลาดสายตา กู้หยุนหลานไม่รู้ว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นแล้ว เมื่อขับไปจนถึงโรงพยาบาล กู้หยุนหลานก็จอดรถไว้ที่ลานจอดรถ หลังลงจากรถแล้วเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มีชายสองคนเดินสวนเข้ามาใกล้เธอ กู้หยุนหลานไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นและกำลังจะเดินสวนชายสองคนนั้น แต่ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นแล้วใช้ผ้าเปียกที่ชุบยาสลบมาปิดปากของกู้หยุนหลานไว้ นั่นเป็นผ้าเปียกที่พ่นยาสลบลงไปเรียบร้อยแล้ว แค่สูดเข้าไปในจมูกเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้คนหมดสติได้ทันที กู้หยุนหลานพยายามดิ้นรนอยู่สักพัก แต่ไม่นานหลังจากนั้นดวงตาของเธอก็พร่ามัวและในที่สุดเธอก็หมดสติไป “เหอะ ๆ ผู้หญิงคนนี้ดูดีจริง ๆ ไม่แปลกเลยที่คุณชายซูจะชอบเธอ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปอ
หลังจากที่เปิดอ่านข้อความ หลี่โม่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จากนั้นก็กดเข้าไปดูคลิปวิดีโอที่อีกฝ่ายส่งมา เมื่อเปิดดูคลิปวิดีโอนั้น เขาก็เห็นกู้หยุนหลานถูกมัดติดกับเก้าอี้ด้วยสภาพที่หมดสติ กู้หยุนหลานถูกลักพาตัว! หลี่โม่โกรธขึ้นมาทันที จากนั้นเขากดไปที่เบอร์โทรศัพท์แล้วโทรกลับไปตามหมายเลขที่ส่งข้อความมา “ฮัลโหล ภรรยาฉันอยู่ไหน พวกแกต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันจะให้พวกแก แต่พวกคุณแกห้ามทำร้ายภรรยาฉัน!” หลี่โม่พูดอย่างร้อนใจ “แหม ดูเหมือนจะเป็นห่วงเมียเสียจริง ๆ เลยนะ แต่เสียใจด้วย คุณชายของเราไม่ต้องการเงิน ถ้าแกไม่อยากให้เมียแกเป็นอะไรไป ก็รีบมาหาเธอที่โกงดัง 502 ที่เขตชานเมืองตะวันตกเดี๋ยวนี้ แต่จำไว้ด้วยว่า แกต้องมาคนเดียว ถ้าแกแอบพาคนมาด้วยล่ะก็ ฉันก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของเมียแกล่ะนะ” “ได้ พวกแกรอฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ แต่พวกแกห้ามแตะต้องเธอโดยเด็ดขาด!” หลี่โม่ตะโกนพูดอย่างประหม่า “อย่าพูดมาก ฉันจะให้เวลาแกยี่สิบนาที ถ้ายังมาไม่ถึง ฉันจะไม่เกรงใจกับเมียแกแล้ว!” ลูกน้องกดวางสายแล้วกลับไปรายงานคุณชายซูด้วยสีหน้ามั่นใจ “คุณชายซูครับ เรียบร้อยแล้วครับ เจ้าคนไร้ประโยชน์คนนั้นรับปา
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา