ซีซีโกรธเล็กน้อย พวกเขาไม่ควรพูดแบบนี้กับพ่อ เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้พ่อฉลองวันให้เธอที่สวนคริสตัลกุหลาบขาวมองดูดวงตากลมโตของเด็กหญิงตัวเล็กน้อย ที่น้ำตากำลังไหล ก็น่าสงสารอย่างไรก็ตาม กู้ซิ่งเหว่ยก็หัวเราะออกมาทันทีและพูดอย่างประชดประชันว่า “เด็กน้อย หนูพูดไร้สาระอะไร? พ่อของหนูพาไปที่สวนคริสตัลกุหลาบขาวมาเหรอ? หนูรู้ไหมว่ากำลังพูดถึงอะไรน่ะ?!”ขณะที่เขาพูดไป ใบหน้าของ กู้ซิ่งเหว่ยก็ค่อย ๆ ขรึมทีละน้อยแ น้ำเสียงของเขาก็รุนแรงขึ้น “พ่อไร้ประโยชน์ของหนูนี่น่ะเหรอ จะกล้าพาแม่อีตัวของหนูกับหนูมาที่นี่? พร้อมที่จะให้ทุกคนในเมืองฮั่นรู้จักครอบครัวของเธอสามคนแล้วใช่ไหม หนูอยากให้ตระกูลกู้ของฉันอับอายต่อหน้าคนในเมืองใช่ไหม?!”ซีซีอายุเพียง 3 ขวบ เธอจะทนคำถามของกู้ซิ่งเหว่ยได้อย่างไร เธอจึงร้องไห้ออกมาทันที“กู้ซิ่งเหว่ย นายหุบปากซะ! นายไม่จำเป็นมายุ่งเรื่องครอบครัวของเรา” กู้หยุนหลานรู้สึกเจ็บใจ เธอปลอบโยนซีซีเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ในอ้อมแขนของกู้หยุนหลาน เธอร้องไห้และตะโกนว่า “ซีซีไม่ได้โกหกนะ ฮือฮือฮือ”หยุนหลานรู้สึกเจ็บใจส่วนกู้ชิงหลินที่ดูอารมณ์เสียก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “จะร้องไห้ทำไ
“กู้ซิ่งเหว่ยนายกล้าดียังไง!”เสียงด่าดังขึ้น“ไอ้เวรนี่! ใครวะ!” กู้ซิงเหว่ยโกรธมาก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขารู้สึกอึดอัด เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาและสวยงามนั้น ทันใดก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที!“จิน… จินช่านน่า ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?!” กู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกหงุดหงิดและสงสัยเล็กน้อยจินช่านน่าเป็นลูกสาวของตระกูลจินในเมืองฮั่น สถานะทางสังคมของตระกูลจินในเมืองฮั่นนั้น สูงกว่าตระกูลกู้มากทีเดียว ทำให้กู้ซิ่งเหว่ยไม่กล้าไปยั่วยุตามใจชอบได้ยิ่งกว่านั้น ตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาเคยถูกจินช่านน่าไล่ทุบตี และความทรงจำนั้นเอง เมื่อนึกถึงทีไร ก็ทำให้เขาตัวสั่น ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร ที่จริงแล้วเป็นคนบ้าที่มีหน้าอกใหญ่ แต่ไร้สมอง และยังชอบใช้ความรุนแรงด้วย!“ฉันจะมาที่นี่ ต้องรายงานนายด้วยเหรอ?” จินช่านน่าจ้องกู้ซิงเหว่ยด้วยความไม่พอใจ แล้วหันไปมองหลี่โม่ผู้ชายคนนี้ จะไร้ค่าได้อย่างไรกัน เขาแค่ตอบโต้ไม่ได้ก็เท่านั้น“หยุนหลาน เขารังแกเธอหรือเปล่า?” จินช่านน่าถาม พร้อมชี้ไปที่กู้ซิ่งเหว่ยนิ้วนี้ทำให้กู้ซิงเหว่ยกลัว จนรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉัน… ฉันไม่ได้”กู้หยุนหล
เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินดังนั้น หัวใจของเธอก็สั่นสะท้าน พร้อมเลิกคิ้วมองไปที่หลี่โม่นี่เขากำลังพูดอะไร?พูดตามตรง ในขณะนั้น กู้หยุนหลานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ถ้าหลี่โม่ร่ำรวยและมีอำนาจจริง ๆ จะเป็นอย่างไรนะ?แต่จะเป็นไปได้เหรอ?“หลี่โม่ ฉันรู้ว่าคุณกำลังทำให้ฉันเชื่อคุณ แต่ต่อไปนี้อย่าพูดจาไร้สาระเลยนะ” แววตาของกู้หยุนหลานฉายร่องรอยแห่งความผิดหวังหลี่โม่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า “อื้ม ผมเข้าใจแล้ว”กลางดึกคืนนั้นหลี่โม่นอนอยู่บนพื้น เขานอนไม่หลับ ได้แต่ฟังเสียงหายใจของเตียงที่อยู่ข้าง ๆ เขารู้สึกโล่งใจมากกู้หยุนหลานหันหลังให้หลี่โม่ เธอนอนไม่หลับเช่นกัน เธอยังนึกถึงฉากวันนี้ที่ซีซาร์พาเลซ เหมือนหนังที่กอวนไปมาในหัวของเธอสามปีผ่านไป ในที่สุดเขาก็กลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้หยุนหลานหันกลับมามองหลี่โม่ที่กำลังนอนอยู่บนพื้น เธอลังเลใจอยู่นานก่อนที่จะพูดว่า “ขึ้นมานอนด้วยกันสิ”หลี่โม่หันไปมอง เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก”อย่างไรก็ตาม หลังจากพูดไปเมื่อหลี่โม่นึกขึ้นได้ เขาก็รู้สึกผิดในทันที!กู้หยุนหลานพูดกับเขาเป็นค
เมื่อฟังดังนั้น ใบหน้าของกู้ชิงหลินก็ไม่พอใจอย่างมากหล่อนสงสัยในความสามารถเธออย่างนั้นเหรอ?“กู้หยุนหลาน เธอพูดให้มันถูกนะ อย่ามาพูดไร้สาระกล่าวหาฉัน! ผลงานที่แย่ของทีมเรา ไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการไร้ความสามารถหรอกเหรอ?! ยังไงล่ะ เมื่อเธอเป็นผู้อำนวยการ ก็ต้องมีความสามารถในการรับผิดชอบให้คำสั่งแก่ลูกน้องไม่ใช่เหรอ?” กู้ชิงหลินพูดด้วยความโกรธกู้ชิงหลินเชื่อในความสามารถของตนเองมาตลอด และคิดว่าตัวเธอนั้นดีกว่ากู้หยุนหลาน“แล้วทำไมฉันถึงเป็นผู้จัดการ แต่เธอกลับเป็นแค่หัวหน้าทีมล่ะ?” กู้หยุนหลานพูดอย่างสงบ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเหลือบมองกู้ชิงหลินที่ทำหน้าผิดหวัง“เธอ…” ใบหน้าของกู้ชิงหลินซีดด้วยความโกรธ เธอชี้หน้ากู้หยุนหลาน และตะโกนว่า “อย่าคิดว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการแล้วเก่งนะ เธอเหลือเวลาอีกไม่นานหรอก! ฉันอยากเห็นวันที่เธอพังพินาศซะจริง!”ปัง!หลังจากกู้ชิงหลินพูดจบ เธอก็ทุบโต๊ะพร้อมคว้าเอกสาร แล้วเดินออกไป......ย้อนกลับไปที่หลี่โม่ เขาไปทำงานแต่เช้าตรู่ทันทีที่เขาเข้าไปในร้าน เขารู้สึกแปลก ๆ จากพนักงานรอบตัว ทุกคนต่างซุบซิบแล้วชี้มาที่เขาแม้ว่าหลี่โม่จะรู้สึกได้ แต่เขา
ด้วยการตะโกนของฟางถิง กลุ่มฝูงชนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นรอบ ๆ พวกเขาก็เริ่มถกถึงเรื่องนี้ด้วย“อะไรนะ ขยะสังคมอย่างหลี่โม่ทำอย่างแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?!”“ปกติเขาเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่คิดเลยว่าเขาจะวิปริตแบบนี้ คนแย่ ๆ แบบนี้สมควรโดนไล่ออก!”“ภรรยาของเขาสวยขนาดนั้น ยังเกิดเรื่องแบบนี้ได้อีกเหรอ?”บทสนทนาของผู้คนรอบข้างกลายเป็นการประณามหลี่โม่อย่างรวดเร็วไม่มีเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะเขาเป็นขยะสังคม ทุกคนต่างก็ก่นด่าฟางถิงกอดอก เธอมองหลี่โม่ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง หางตาฉายแววเย็นชาที่แท้หลี่โม่ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนที่นี่ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน!ในตอนนี้ หลี่โม่ก็พยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถเช่นกัน “ไม่ ฉันไม่ได้ทำจริง ๆ ...”เพียะ!ฟางถิงก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าหลี่โม่อีกครั้ง เธอดุด้วยน้ำเสียงสูง “นี่นายกำลังปฏิเสธอยู่ใช่ไหม? นายจะบอกว่าฉันใส่ร้ายนายอย่างนั้นเหรอ?”ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็เห็นด้วย และพูดว่า “จะไปพูดกับเขาอยู่อีกทำไม เรียกตำรวจมาจับเขาเลยดีกว่า! ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยมาที่นี่ เขาก็เคยลวนลามฉันเหมือนกัน!”นี่เ
ฟางถิงยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปความสะใจหลี่โม่คนนี้โง่จริง ๆ ไม่ว่าอะไรก็พูดออกมาได้ เขามันแค่ขยะที่โง่เขลา และไร้สมอง!กู้หยุนหลานแต่งงานกับเขา เป็นการเหยียบย่ำตนเองจริง ๆหลังจากฟังคำตำหนิดูถูกจากหวังฟู่เสียง หลี่โม่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา จากนั้นจึงโทรหาเฉียนฝู แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เหล่าเฉียน ผมอยากได้ร้านสปาติงเหม่ยภายในสิบนาที”เฉียนฝูกล่าวด้วยความเคารพ “ไม่มีปัญหาครับนายน้อย ผมจะจัดการทันที”หลังจากวางสาย หลี่โม่ก็ยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างอย่างไรก็ตามฉากนี้ทำให้ทุกคนไร้ซึ่งเสียงใด ๆ !ทุกคนต่างก็จ้องที่หลี่โม่ด้วยดวงตาที่ดูถูกเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?เขาจะซื้อร้านนี้ และใช้เวลาแค่สิบนาทีอย่างนั้นเหรอ?“พระเจ้า! หลี่โม่ เขาพูดออกมาแบบนั้น นี่เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”“งี่เง่าแท้ ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลกู้ปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ คนแบบนี้ ไปที่ไหนคนก็รังเกียจ!”ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และการดูถูกของคนรอบข้างทันใดนั้นหวังฟู่เสียงก็หัวเราะ เขาชี้ไปที่หลี่โม่ และพูดว่า “หลี่โม่ โธ่ หลี่โม่ ฉันคิดว่าแกเป็นแค่เด็กยากจน ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นไอ้ขี้แพ้แบบนี้ด้วย น่าขำชะมัด คน
ตอนนี้ฟางถิงโกรธมาก!หลี่โม่คนนี้กำลังมองหาความตายอยู่เหรอ? กล้าดีอย่างไรไปขวางทางพรมแดงที่เจ้านายคนใหม่จะลงจากรถ“หลี่โม่ แกยังจะยืนทื่ออยู่อีกทำไม?รีบไสหัวออกไปได้แล้ว!” หวังฟู่เสียงชี้ไปที่หลี่โม่ และตะโกนด้วยความโกรธเมื่อครู่น่าเจ็บใจเสียจริงที่ไม่ได้สั่งสอนเขา!หลี่โม่เลิกคิ้ว ตำแหน่งที่ตนเองยืนมีปัญหาตรงไหนเหรอ?หวังฟู่เสียงคนนี้จงใจอยากมีปัญหากับเขาใช่ไหม?‘ดี แกคิดว่าแกเจ๋งมากใช่ไหม? ฉันจะรอดูว่าแกจะเจ๋งแค่ไหน!’“หึหึ คราวนี้หลี่โม่จบแน่” ผู้จัดการหวังกระฟัดกระเฟียด“เรื่องเก่ายังไม่สะสาง อีกเดี๋ยวจะได้คิดบัญชีรวมกัน”“เบาเสียงลงหน่อย เดี๋ยวผู้จัดการหวังได้ยินพวกเราจะลำบากไปด้วย!”พนักงานหลายคนกระซิบกันเบา ๆ บางคนก็สังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ในหมู่พวกเขานั้นมีคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับหลี่โม่ พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้แต่โจวเฟิงฮว๋าก็เหลือบมองหลี่โม่ด้วยแววตาเย็นชา หากไม่เห็นแก่หน้ากู้หยุนหลานแล้ว เขาคงจะไม่จำเป็นที่จะต้องรับหลี่โม่เข้ามาทำงานจากนั้นเขาพูดกับหวังฟู่เสียงด้วยท่าทางเย็นชาว่า “หาเวลาไล่เขาออกไป แล้วให้เงินเดือนชดเชยเขาสาม
“หวังพุงโต เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณจะไล่ผมออกไม่ใช่เหรอ?” หลี่โม่ที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มมองไปที่หวังฟู่เสียง“หลี่โม่! แกลองด่าฉันว่าหวังพุงโตอีกครั้งดูสิ ฉันจะไล่แกออกเดี๋ยวนี้!” หวังฟู่เสียงโกรธมากเขาเกลียดที่คนอื่นเรียกเขาว่าพุงโตซึ่งเป็นการดูถูกเขาพูดจบหวังฟู่เสียงยกมือขึ้น เขาจิ้มไปที่จมูกของหลี่โม่ และสาปแช่ง “แกไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองดูว่าเป็นยังไง ยังมีหน้ามาพูดว่าจะไล่ฉันออกอีก”หลี่โม่เป็นคนโง่หรืออย่างไร จู่ ๆ เขาก็พูดแบบนั้นอย่างไรก็ตามเฉียนฝูที่ยืนอยู่ข้างหลี่โม่จ้องมองหวังฟู่เสียงอย่างเยือกเย็น และพูดอย่างเย็นชาว่า “นายน้อยของเราบอกให้ไล่นายออก ก็คือไล่นายออก”เฉียนฝูสีหน้าไม่สู้ดี คนคนนี้กล้าที่จะทำให้นายน้อยขุ่นเคืองใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า รนหาที่ตายหรืออย่างไร!ตอนนี้หวังฟู่เสียงเพิ่งจะรู้ตัว เจ้านายคนใหม่ของร้านนี้ที่ชายชราพูดถึงคือหลี่โม่อย่างนั้นเหรอ?แต่ทว่าไม่มีเวลาให้เขาคิดอีกแล้วโจวเฟิงฮว๋าที่อยู่ด้านข้างตบหน้าเขาด้วยความโกรธ และตะโกนว่า “หวังฟู่เสียง แกกล้าดียังไง! ต่อหน้าเจ้านายหลี่แกยังกล้าแยกเขี้ยวยิงฟัน จากนี้ไปแกถูกไล่ออก ไสหัวไปให้พ้นซะ”
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา