“กู้ซิ่งเหว่ยนายกล้าดียังไง!”เสียงด่าดังขึ้น“ไอ้เวรนี่! ใครวะ!” กู้ซิงเหว่ยโกรธมาก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขารู้สึกอึดอัด เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาและสวยงามนั้น ทันใดก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที!“จิน… จินช่านน่า ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?!” กู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกหงุดหงิดและสงสัยเล็กน้อยจินช่านน่าเป็นลูกสาวของตระกูลจินในเมืองฮั่น สถานะทางสังคมของตระกูลจินในเมืองฮั่นนั้น สูงกว่าตระกูลกู้มากทีเดียว ทำให้กู้ซิ่งเหว่ยไม่กล้าไปยั่วยุตามใจชอบได้ยิ่งกว่านั้น ตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาเคยถูกจินช่านน่าไล่ทุบตี และความทรงจำนั้นเอง เมื่อนึกถึงทีไร ก็ทำให้เขาตัวสั่น ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร ที่จริงแล้วเป็นคนบ้าที่มีหน้าอกใหญ่ แต่ไร้สมอง และยังชอบใช้ความรุนแรงด้วย!“ฉันจะมาที่นี่ ต้องรายงานนายด้วยเหรอ?” จินช่านน่าจ้องกู้ซิงเหว่ยด้วยความไม่พอใจ แล้วหันไปมองหลี่โม่ผู้ชายคนนี้ จะไร้ค่าได้อย่างไรกัน เขาแค่ตอบโต้ไม่ได้ก็เท่านั้น“หยุนหลาน เขารังแกเธอหรือเปล่า?” จินช่านน่าถาม พร้อมชี้ไปที่กู้ซิ่งเหว่ยนิ้วนี้ทำให้กู้ซิงเหว่ยกลัว จนรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉัน… ฉันไม่ได้”กู้หยุนหล
เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินดังนั้น หัวใจของเธอก็สั่นสะท้าน พร้อมเลิกคิ้วมองไปที่หลี่โม่นี่เขากำลังพูดอะไร?พูดตามตรง ในขณะนั้น กู้หยุนหลานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ถ้าหลี่โม่ร่ำรวยและมีอำนาจจริง ๆ จะเป็นอย่างไรนะ?แต่จะเป็นไปได้เหรอ?“หลี่โม่ ฉันรู้ว่าคุณกำลังทำให้ฉันเชื่อคุณ แต่ต่อไปนี้อย่าพูดจาไร้สาระเลยนะ” แววตาของกู้หยุนหลานฉายร่องรอยแห่งความผิดหวังหลี่โม่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า “อื้ม ผมเข้าใจแล้ว”กลางดึกคืนนั้นหลี่โม่นอนอยู่บนพื้น เขานอนไม่หลับ ได้แต่ฟังเสียงหายใจของเตียงที่อยู่ข้าง ๆ เขารู้สึกโล่งใจมากกู้หยุนหลานหันหลังให้หลี่โม่ เธอนอนไม่หลับเช่นกัน เธอยังนึกถึงฉากวันนี้ที่ซีซาร์พาเลซ เหมือนหนังที่กอวนไปมาในหัวของเธอสามปีผ่านไป ในที่สุดเขาก็กลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้หยุนหลานหันกลับมามองหลี่โม่ที่กำลังนอนอยู่บนพื้น เธอลังเลใจอยู่นานก่อนที่จะพูดว่า “ขึ้นมานอนด้วยกันสิ”หลี่โม่หันไปมอง เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก”อย่างไรก็ตาม หลังจากพูดไปเมื่อหลี่โม่นึกขึ้นได้ เขาก็รู้สึกผิดในทันที!กู้หยุนหลานพูดกับเขาเป็นค
เมื่อฟังดังนั้น ใบหน้าของกู้ชิงหลินก็ไม่พอใจอย่างมากหล่อนสงสัยในความสามารถเธออย่างนั้นเหรอ?“กู้หยุนหลาน เธอพูดให้มันถูกนะ อย่ามาพูดไร้สาระกล่าวหาฉัน! ผลงานที่แย่ของทีมเรา ไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการไร้ความสามารถหรอกเหรอ?! ยังไงล่ะ เมื่อเธอเป็นผู้อำนวยการ ก็ต้องมีความสามารถในการรับผิดชอบให้คำสั่งแก่ลูกน้องไม่ใช่เหรอ?” กู้ชิงหลินพูดด้วยความโกรธกู้ชิงหลินเชื่อในความสามารถของตนเองมาตลอด และคิดว่าตัวเธอนั้นดีกว่ากู้หยุนหลาน“แล้วทำไมฉันถึงเป็นผู้จัดการ แต่เธอกลับเป็นแค่หัวหน้าทีมล่ะ?” กู้หยุนหลานพูดอย่างสงบ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเหลือบมองกู้ชิงหลินที่ทำหน้าผิดหวัง“เธอ…” ใบหน้าของกู้ชิงหลินซีดด้วยความโกรธ เธอชี้หน้ากู้หยุนหลาน และตะโกนว่า “อย่าคิดว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการแล้วเก่งนะ เธอเหลือเวลาอีกไม่นานหรอก! ฉันอยากเห็นวันที่เธอพังพินาศซะจริง!”ปัง!หลังจากกู้ชิงหลินพูดจบ เธอก็ทุบโต๊ะพร้อมคว้าเอกสาร แล้วเดินออกไป......ย้อนกลับไปที่หลี่โม่ เขาไปทำงานแต่เช้าตรู่ทันทีที่เขาเข้าไปในร้าน เขารู้สึกแปลก ๆ จากพนักงานรอบตัว ทุกคนต่างซุบซิบแล้วชี้มาที่เขาแม้ว่าหลี่โม่จะรู้สึกได้ แต่เขา
ด้วยการตะโกนของฟางถิง กลุ่มฝูงชนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นรอบ ๆ พวกเขาก็เริ่มถกถึงเรื่องนี้ด้วย“อะไรนะ ขยะสังคมอย่างหลี่โม่ทำอย่างแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?!”“ปกติเขาเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่คิดเลยว่าเขาจะวิปริตแบบนี้ คนแย่ ๆ แบบนี้สมควรโดนไล่ออก!”“ภรรยาของเขาสวยขนาดนั้น ยังเกิดเรื่องแบบนี้ได้อีกเหรอ?”บทสนทนาของผู้คนรอบข้างกลายเป็นการประณามหลี่โม่อย่างรวดเร็วไม่มีเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะเขาเป็นขยะสังคม ทุกคนต่างก็ก่นด่าฟางถิงกอดอก เธอมองหลี่โม่ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง หางตาฉายแววเย็นชาที่แท้หลี่โม่ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนที่นี่ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน!ในตอนนี้ หลี่โม่ก็พยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถเช่นกัน “ไม่ ฉันไม่ได้ทำจริง ๆ ...”เพียะ!ฟางถิงก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าหลี่โม่อีกครั้ง เธอดุด้วยน้ำเสียงสูง “นี่นายกำลังปฏิเสธอยู่ใช่ไหม? นายจะบอกว่าฉันใส่ร้ายนายอย่างนั้นเหรอ?”ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็เห็นด้วย และพูดว่า “จะไปพูดกับเขาอยู่อีกทำไม เรียกตำรวจมาจับเขาเลยดีกว่า! ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยมาที่นี่ เขาก็เคยลวนลามฉันเหมือนกัน!”นี่เ
ฟางถิงยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปความสะใจหลี่โม่คนนี้โง่จริง ๆ ไม่ว่าอะไรก็พูดออกมาได้ เขามันแค่ขยะที่โง่เขลา และไร้สมอง!กู้หยุนหลานแต่งงานกับเขา เป็นการเหยียบย่ำตนเองจริง ๆหลังจากฟังคำตำหนิดูถูกจากหวังฟู่เสียง หลี่โม่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา จากนั้นจึงโทรหาเฉียนฝู แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เหล่าเฉียน ผมอยากได้ร้านสปาติงเหม่ยภายในสิบนาที”เฉียนฝูกล่าวด้วยความเคารพ “ไม่มีปัญหาครับนายน้อย ผมจะจัดการทันที”หลังจากวางสาย หลี่โม่ก็ยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างอย่างไรก็ตามฉากนี้ทำให้ทุกคนไร้ซึ่งเสียงใด ๆ !ทุกคนต่างก็จ้องที่หลี่โม่ด้วยดวงตาที่ดูถูกเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?เขาจะซื้อร้านนี้ และใช้เวลาแค่สิบนาทีอย่างนั้นเหรอ?“พระเจ้า! หลี่โม่ เขาพูดออกมาแบบนั้น นี่เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”“งี่เง่าแท้ ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลกู้ปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ คนแบบนี้ ไปที่ไหนคนก็รังเกียจ!”ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และการดูถูกของคนรอบข้างทันใดนั้นหวังฟู่เสียงก็หัวเราะ เขาชี้ไปที่หลี่โม่ และพูดว่า “หลี่โม่ โธ่ หลี่โม่ ฉันคิดว่าแกเป็นแค่เด็กยากจน ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นไอ้ขี้แพ้แบบนี้ด้วย น่าขำชะมัด คน
ตอนนี้ฟางถิงโกรธมาก!หลี่โม่คนนี้กำลังมองหาความตายอยู่เหรอ? กล้าดีอย่างไรไปขวางทางพรมแดงที่เจ้านายคนใหม่จะลงจากรถ“หลี่โม่ แกยังจะยืนทื่ออยู่อีกทำไม?รีบไสหัวออกไปได้แล้ว!” หวังฟู่เสียงชี้ไปที่หลี่โม่ และตะโกนด้วยความโกรธเมื่อครู่น่าเจ็บใจเสียจริงที่ไม่ได้สั่งสอนเขา!หลี่โม่เลิกคิ้ว ตำแหน่งที่ตนเองยืนมีปัญหาตรงไหนเหรอ?หวังฟู่เสียงคนนี้จงใจอยากมีปัญหากับเขาใช่ไหม?‘ดี แกคิดว่าแกเจ๋งมากใช่ไหม? ฉันจะรอดูว่าแกจะเจ๋งแค่ไหน!’“หึหึ คราวนี้หลี่โม่จบแน่” ผู้จัดการหวังกระฟัดกระเฟียด“เรื่องเก่ายังไม่สะสาง อีกเดี๋ยวจะได้คิดบัญชีรวมกัน”“เบาเสียงลงหน่อย เดี๋ยวผู้จัดการหวังได้ยินพวกเราจะลำบากไปด้วย!”พนักงานหลายคนกระซิบกันเบา ๆ บางคนก็สังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ในหมู่พวกเขานั้นมีคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับหลี่โม่ พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้แต่โจวเฟิงฮว๋าก็เหลือบมองหลี่โม่ด้วยแววตาเย็นชา หากไม่เห็นแก่หน้ากู้หยุนหลานแล้ว เขาคงจะไม่จำเป็นที่จะต้องรับหลี่โม่เข้ามาทำงานจากนั้นเขาพูดกับหวังฟู่เสียงด้วยท่าทางเย็นชาว่า “หาเวลาไล่เขาออกไป แล้วให้เงินเดือนชดเชยเขาสาม
“หวังพุงโต เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณจะไล่ผมออกไม่ใช่เหรอ?” หลี่โม่ที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มมองไปที่หวังฟู่เสียง“หลี่โม่! แกลองด่าฉันว่าหวังพุงโตอีกครั้งดูสิ ฉันจะไล่แกออกเดี๋ยวนี้!” หวังฟู่เสียงโกรธมากเขาเกลียดที่คนอื่นเรียกเขาว่าพุงโตซึ่งเป็นการดูถูกเขาพูดจบหวังฟู่เสียงยกมือขึ้น เขาจิ้มไปที่จมูกของหลี่โม่ และสาปแช่ง “แกไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองดูว่าเป็นยังไง ยังมีหน้ามาพูดว่าจะไล่ฉันออกอีก”หลี่โม่เป็นคนโง่หรืออย่างไร จู่ ๆ เขาก็พูดแบบนั้นอย่างไรก็ตามเฉียนฝูที่ยืนอยู่ข้างหลี่โม่จ้องมองหวังฟู่เสียงอย่างเยือกเย็น และพูดอย่างเย็นชาว่า “นายน้อยของเราบอกให้ไล่นายออก ก็คือไล่นายออก”เฉียนฝูสีหน้าไม่สู้ดี คนคนนี้กล้าที่จะทำให้นายน้อยขุ่นเคืองใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า รนหาที่ตายหรืออย่างไร!ตอนนี้หวังฟู่เสียงเพิ่งจะรู้ตัว เจ้านายคนใหม่ของร้านนี้ที่ชายชราพูดถึงคือหลี่โม่อย่างนั้นเหรอ?แต่ทว่าไม่มีเวลาให้เขาคิดอีกแล้วโจวเฟิงฮว๋าที่อยู่ด้านข้างตบหน้าเขาด้วยความโกรธ และตะโกนว่า “หวังฟู่เสียง แกกล้าดียังไง! ต่อหน้าเจ้านายหลี่แกยังกล้าแยกเขี้ยวยิงฟัน จากนี้ไปแกถูกไล่ออก ไสหัวไปให้พ้นซะ”
เพียะ!เสียงตบดังกึกก้องผ่านประตูใบหน้ากู้หยุนหลานเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ตาแดงก่ำจ้องไปที่หลี่โม่ และตำหนิ “หลี่โม่ นี่คุณทำอะไรลงไป?!”หลี่โม่ยืนนิ่ง เขามองไปที่กู้หยุนหลานที่กำลังโกรธเคือง โดยไม่รู้ว่าตนเองผิดอะไรนี่มันเกิดอะไรขึ้น?กู้หยุนหลานจ้องหลี่โม่อย่างหงุดหงิด จากนั้นหันกลับไปมองโจวเฟิงฮว๋าที่ยืนอยู่ด้านข้าง และรีบก้มหน้าขอโทษ “ฉันต้องขอโทษเถ้าแก่โจวด้วยนะคะ เป็นเพราะหลี่โม่หน้ามืดตามัวชั่วขณะไม่รู้จักผิดถูก ช่วยยกโทษให้เขาด้วยนะคะ แล้วแขกอยู่ที่ไหนคะ ฉันจะให้เขาไปขอโทษเขา”กู้หยุนหลานทั้งเร่งรีบและโมโหเธอได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า หลี่โม่ลวนลามแขกผู้หญิงที่ทำงาน และกำลังจะถูกตำรวจจับดังนั้นเธอจึงรีบร้อนมาที่นี่โจวเฟิงฮว๋าก็สับสนเช่นกัน แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ เขาเหลือบมองหลี่โม่ และรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณกู้คุณเข้าใจผิดแล้ว หลี่โม่ไม่ได้ลวนลามแขกผู้หญิง ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ว่าตอนนี้นั้นหลี่โม่เขาเป็นคนใหม่..."หลี่โม่ที่อยู่ด้านข้างได้ฟังเช่นนี้ก็ส่งเสียงกระแอมอย่างรวดเร็วโจวเฟิงฮว๋ากลืนประโยคครึ่งหลังลงไป หลี่โม่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงขอ