ฟางถิงยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปความสะใจหลี่โม่คนนี้โง่จริง ๆ ไม่ว่าอะไรก็พูดออกมาได้ เขามันแค่ขยะที่โง่เขลา และไร้สมอง!กู้หยุนหลานแต่งงานกับเขา เป็นการเหยียบย่ำตนเองจริง ๆหลังจากฟังคำตำหนิดูถูกจากหวังฟู่เสียง หลี่โม่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา จากนั้นจึงโทรหาเฉียนฝู แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เหล่าเฉียน ผมอยากได้ร้านสปาติงเหม่ยภายในสิบนาที”เฉียนฝูกล่าวด้วยความเคารพ “ไม่มีปัญหาครับนายน้อย ผมจะจัดการทันที”หลังจากวางสาย หลี่โม่ก็ยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างอย่างไรก็ตามฉากนี้ทำให้ทุกคนไร้ซึ่งเสียงใด ๆ !ทุกคนต่างก็จ้องที่หลี่โม่ด้วยดวงตาที่ดูถูกเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?เขาจะซื้อร้านนี้ และใช้เวลาแค่สิบนาทีอย่างนั้นเหรอ?“พระเจ้า! หลี่โม่ เขาพูดออกมาแบบนั้น นี่เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”“งี่เง่าแท้ ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลกู้ปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ คนแบบนี้ ไปที่ไหนคนก็รังเกียจ!”ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และการดูถูกของคนรอบข้างทันใดนั้นหวังฟู่เสียงก็หัวเราะ เขาชี้ไปที่หลี่โม่ และพูดว่า “หลี่โม่ โธ่ หลี่โม่ ฉันคิดว่าแกเป็นแค่เด็กยากจน ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นไอ้ขี้แพ้แบบนี้ด้วย น่าขำชะมัด คน
ตอนนี้ฟางถิงโกรธมาก!หลี่โม่คนนี้กำลังมองหาความตายอยู่เหรอ? กล้าดีอย่างไรไปขวางทางพรมแดงที่เจ้านายคนใหม่จะลงจากรถ“หลี่โม่ แกยังจะยืนทื่ออยู่อีกทำไม?รีบไสหัวออกไปได้แล้ว!” หวังฟู่เสียงชี้ไปที่หลี่โม่ และตะโกนด้วยความโกรธเมื่อครู่น่าเจ็บใจเสียจริงที่ไม่ได้สั่งสอนเขา!หลี่โม่เลิกคิ้ว ตำแหน่งที่ตนเองยืนมีปัญหาตรงไหนเหรอ?หวังฟู่เสียงคนนี้จงใจอยากมีปัญหากับเขาใช่ไหม?‘ดี แกคิดว่าแกเจ๋งมากใช่ไหม? ฉันจะรอดูว่าแกจะเจ๋งแค่ไหน!’“หึหึ คราวนี้หลี่โม่จบแน่” ผู้จัดการหวังกระฟัดกระเฟียด“เรื่องเก่ายังไม่สะสาง อีกเดี๋ยวจะได้คิดบัญชีรวมกัน”“เบาเสียงลงหน่อย เดี๋ยวผู้จัดการหวังได้ยินพวกเราจะลำบากไปด้วย!”พนักงานหลายคนกระซิบกันเบา ๆ บางคนก็สังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ในหมู่พวกเขานั้นมีคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับหลี่โม่ พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้แต่โจวเฟิงฮว๋าก็เหลือบมองหลี่โม่ด้วยแววตาเย็นชา หากไม่เห็นแก่หน้ากู้หยุนหลานแล้ว เขาคงจะไม่จำเป็นที่จะต้องรับหลี่โม่เข้ามาทำงานจากนั้นเขาพูดกับหวังฟู่เสียงด้วยท่าทางเย็นชาว่า “หาเวลาไล่เขาออกไป แล้วให้เงินเดือนชดเชยเขาสาม
“หวังพุงโต เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณจะไล่ผมออกไม่ใช่เหรอ?” หลี่โม่ที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มมองไปที่หวังฟู่เสียง“หลี่โม่! แกลองด่าฉันว่าหวังพุงโตอีกครั้งดูสิ ฉันจะไล่แกออกเดี๋ยวนี้!” หวังฟู่เสียงโกรธมากเขาเกลียดที่คนอื่นเรียกเขาว่าพุงโตซึ่งเป็นการดูถูกเขาพูดจบหวังฟู่เสียงยกมือขึ้น เขาจิ้มไปที่จมูกของหลี่โม่ และสาปแช่ง “แกไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองดูว่าเป็นยังไง ยังมีหน้ามาพูดว่าจะไล่ฉันออกอีก”หลี่โม่เป็นคนโง่หรืออย่างไร จู่ ๆ เขาก็พูดแบบนั้นอย่างไรก็ตามเฉียนฝูที่ยืนอยู่ข้างหลี่โม่จ้องมองหวังฟู่เสียงอย่างเยือกเย็น และพูดอย่างเย็นชาว่า “นายน้อยของเราบอกให้ไล่นายออก ก็คือไล่นายออก”เฉียนฝูสีหน้าไม่สู้ดี คนคนนี้กล้าที่จะทำให้นายน้อยขุ่นเคืองใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า รนหาที่ตายหรืออย่างไร!ตอนนี้หวังฟู่เสียงเพิ่งจะรู้ตัว เจ้านายคนใหม่ของร้านนี้ที่ชายชราพูดถึงคือหลี่โม่อย่างนั้นเหรอ?แต่ทว่าไม่มีเวลาให้เขาคิดอีกแล้วโจวเฟิงฮว๋าที่อยู่ด้านข้างตบหน้าเขาด้วยความโกรธ และตะโกนว่า “หวังฟู่เสียง แกกล้าดียังไง! ต่อหน้าเจ้านายหลี่แกยังกล้าแยกเขี้ยวยิงฟัน จากนี้ไปแกถูกไล่ออก ไสหัวไปให้พ้นซะ”
เพียะ!เสียงตบดังกึกก้องผ่านประตูใบหน้ากู้หยุนหลานเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ตาแดงก่ำจ้องไปที่หลี่โม่ และตำหนิ “หลี่โม่ นี่คุณทำอะไรลงไป?!”หลี่โม่ยืนนิ่ง เขามองไปที่กู้หยุนหลานที่กำลังโกรธเคือง โดยไม่รู้ว่าตนเองผิดอะไรนี่มันเกิดอะไรขึ้น?กู้หยุนหลานจ้องหลี่โม่อย่างหงุดหงิด จากนั้นหันกลับไปมองโจวเฟิงฮว๋าที่ยืนอยู่ด้านข้าง และรีบก้มหน้าขอโทษ “ฉันต้องขอโทษเถ้าแก่โจวด้วยนะคะ เป็นเพราะหลี่โม่หน้ามืดตามัวชั่วขณะไม่รู้จักผิดถูก ช่วยยกโทษให้เขาด้วยนะคะ แล้วแขกอยู่ที่ไหนคะ ฉันจะให้เขาไปขอโทษเขา”กู้หยุนหลานทั้งเร่งรีบและโมโหเธอได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า หลี่โม่ลวนลามแขกผู้หญิงที่ทำงาน และกำลังจะถูกตำรวจจับดังนั้นเธอจึงรีบร้อนมาที่นี่โจวเฟิงฮว๋าก็สับสนเช่นกัน แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ เขาเหลือบมองหลี่โม่ และรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณกู้คุณเข้าใจผิดแล้ว หลี่โม่ไม่ได้ลวนลามแขกผู้หญิง ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ว่าตอนนี้นั้นหลี่โม่เขาเป็นคนใหม่..."หลี่โม่ที่อยู่ด้านข้างได้ฟังเช่นนี้ก็ส่งเสียงกระแอมอย่างรวดเร็วโจวเฟิงฮว๋ากลืนประโยคครึ่งหลังลงไป หลี่โม่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงขอ
หลี่โม่หันกลับไปมองที่เฉียนฝูแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าต้องที่นี่ ตัวตนที่แท้จริงของผมยังไม่สามารถเปิดเผยได้ภายในตอนนี้ ก่อนที่ผมจะควบคุมแดนมังกรได้อย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องถูกเก็บเป็นความลับ”“รับทราบครับ” เฉียนฝูโค้งคำนับในขณะเดียวกัน กลับไปที่บ้านต้นตระกูลกู้นี่คือเรือนสี่ประสานที่สง่างาม และยังมีเสน่ห์แบบโบราณอีกด้วยในเวลานี้ที่เรือนหลังที่สี่ ชายชรากู้กำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ลานหน้าบ้านกู้ซิ่งเหว่ยที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “คุณปู่ครับ ความร่วมมือของหรงคังกรุ๊ปจะต้องไม่ปล่อยให้กู้หยุนหลานเป็นคนรับผิดชอบนะครับ”ชายชราตอบรับและกล่าวว่า “ซิ่งเหว่ย ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบหยุนหลาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว หยุนหลานคือคนที่เจรจาสัญญานี้ แน่นอนว่าฉันต้องให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นบริษัทจะหาว่าฉันลำเอียง และโลกภายนอกจะเกิดข่าวลือมากมาย”“พ่อครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้พ่อต้องคิดให้รอบคอบนะครับ กู้หยุนหลานเธอเป็นผู้หญิง หากเธอสามารถเอาชนะใจคนทั้งบริษัทได้เพราะความร่วมมือของหรงคังกรุ๊ป มันจะไม่ดีต่อซิ่งเหว่ยนะครับพ่อ” กู้เจี้ยนกั๋วพ่อของกู้ซิ่งเหว่ยพูดเขาถูกกู้ซิ่งเหว่ยลากมาตรงนี้สำหรับลูกชายของเขา
มื้อค่ำของตระกูล ณ บ้านต้นตระกูลกู้เรือนหลังใหญ่ของตระกูลกู้ห้องที่สาม ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่เมื่อกู้หยุนหลานพาหลี่โม่เข้ามา ญาติหลายคนของตระกูลกู้เริ่มเยาะเย้ย และถากถาง“หยุนหลาน ทำไมเธอถึงพาขยะแบบนั้นมาด้วยล่ะ?”“โชคร้ายเสียจริง ขนาดมาทานอาหารยังต้องมาเจอกับคนไร้ค่าแบบนี้!”“ทำไมถึงรู้สึกว่า คนบางคนเป็นเหมือนสุนัขเลยนะ หยุนหลานไปที่ไหน เขาก็จะตามไปที่นั่นด้วย”ทุกคนหัวเราะเยาะ บนใบหน้าแสดงความประชดประชันอวดร่ำอวดรวยกู้เจี้ยนหมินและหวังฟางที่มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ต่างนั่งอยู่ที่นั่นด้วยความอับอาย และความโกรธ เขาจ้องไปที่หลี่โม่อย่างโมโหช่างเป็นคนอ่อนแอ และไร้ความสามารถเสียจริง!ผู้ชายแบบนี้ไม่คู่ควรกับหยุนหลานเลย!หวังฟางตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะแยกสองคนนี้ออกจากกันให้ได้ลูกสาวของตนจะต้องได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวย และกลายเป็นนายหญิง!คิ้วสวยของกู้หยุนหลานย่น เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ดึงหลี่โม่ให้นั่งลงตรงที่นั่งที่ยังว่างอยู่กู้ชิงหลินที่กำลังนั่งดูไลฟ์สดเครื่องสำอางอยู่ด้านข้าง ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “โอ้พระเจ้า ซื้อเลย
หลังพูดจบเขาก็ทิ้งเศษกระดูกลงบนพื้นให้สุนัขดูถูกเหยียดหยามกันเกินไปแล้วกู้หยุนหลานที่กำลังจะลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ แต่มืออันอบอุ่นขนาดใหญ่กลับดึงมือเล็ก ๆ ของเธอไว้เธอหันหน้ากลับไปเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหลี่โม่ เขาส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ช่างมันเถอะ”กู้หยุนหลานรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เธอจ้องไปที่หลี่โม่ด้วยแววตาขุ่นเคือง ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาเขาจะทำตัวไร้ประโยชน์ไปอีกนานแค่ไหน!ทุกคนพูดขนาดนั้นแล้ว เขายังสงบอยู่อีก!ช่างเถอะ กู้หยุนหลานก็ไม่อยากจะสนใจเรื่องของเขาแล้ว เธอหันหน้ากลับโดยไม่มองหน้าหลี่โม่ และดึงมือของเธอกลับมาด้วยเช่นกันคุณท่านกู้พูดขึ้นมาสองสามคำเพื่อให้ทุกคนหยุดทะเลาะกันสุดท้ายแล้วการพูดถึงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรแต่ทว่าหลานสาวของตระกูลกู้บางคนกลับมีความคิดภายในใจโผล่ขึ้นมาชายหนุ่มที่ร่ำรวยตกหลุมรักผู้หญิงไร้ยางอายอย่างกู้หยุนหลานจริง ๆ เหรอ?เป็นไปไม่ได้!ไม่ได้ ต้องเอาคืน!ขณะเดียวกันกู้ชิงหลินที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ก็ตะโกนขึ้นมาว่า “คุณปู่ ฉันรู้แล้วว่าใครคือตระกูลหลี่ที่ร่ำรวยคนนั้นที่ส่งของมาให้เร
กู้ชิงหลินจ้องหน้าหลี่โม่ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เง่า เธอยกมุมปากขึ้น และพ่นลมหายใจ “เฮ้อ หลี่โม่ นายหมายถึงอะไร? ทำไมล่ะ นายคือคุณชายหลี่ที่ร่ำรวยคนนั้นเหรอ?”หลี่โม่ส่ายหัว และหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่”ฮ่าฮ่าฮ่า!ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงของบ้านต้นตระกูลกู้“ไอ้บ้า! หลี่โม่คนนี้บ้าไปแล้ว พูดออกมาได้ไม่อายปาก”“ช่างไร้ยางอายซะจริง เขาคงอยากจะมีชื่อเสียงบ้างล่ะมั้ง แต่ก็ทำได้แค่คิดจนบ้าไปแล้ว”“โธ่ กู้หยุนหลาน มีสามีแบบนี้โชคร้ายไปทั้งชาติ”เมื่อเผชิญกับเสียงเยาะเย้ยดูถูกของกลุ่มคนตรงหน้า หลี่โม่กลับเงียบและไม่สนใจมดพวกนี้ไม่รู้เสียแล้วว่า คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คือ คุณชายหลี่จากตระกูลร่ำรวยที่พวกเขากำลังยกย่อง และเชิดชูอยู่!ทันใดนั้นแม่ยายหวังฟางก็ยืนขึ้น เธอชี้ไปที่หลี่โม่ และสาปแช่ง “หลี่โม่ แกหุบปากซะ! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่?แกไม่อาย แต่ฉันอาย!”หวังฟางโมโหจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว!หลี่โม่คนนี้ชอบทำให้ตนเองขายหน้าเสียจริงเขาไม่มีความละอายใจบ้างหรือไง?หรือว่าเขาจะมีความสุขหากคนอื่นมองว่าพวกตนต่ำต้อย?ขยะก็คือขยะอยู่วันยังค่ำ!คืนนี้ก
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา