ทุกคนต่างประณามและตำหนิ คนส่วนมากลืมไปแล้วว่าคือหลี่โม่เองที่ออกมาช่วยเหลือทุกคน ตอนนี้พวกเขาถือว่าเป็นเพราะหวงฝูชิ่งต่างหากที่ไม่เอาเรื่อง และมองข้ามการมีอยู่ของหลี่โม่ไป ฮั๋วเจียนเฟิงถูกตบถึงสองครั้ง ตอนนี้กลายเป็นหัวหมูไปแล้ว เมื่อสัมผัสความแดงบวมบนใบหน้า ฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็นับความแค้นทุกอย่างกับหลี่โม่ ในใจรู้สึกเกลียดหลี่โม่ทำไมเขาไม่พูดให้เร็วกว่านี้ ทำไมต้องรอจนกว่าตัวเขาถูกตบสองครั้งถึงค่อยพูด! นั่นแสดงว่าหลี่โม่อยากดูเรื่องตลกของฉันฮั๋วเจี้ยนเฟิง! “หลี่โม่ เมื่อกี้นายก็ใจร้ายเกินไปแล้ว ในช่วงเวลาวิกฤติขนาดนั้นนายยังคิดที่จะดูเรื่องตลกของฉันอีก ฉันถูกคนตบแล้ว นายก็รู้สึกมีความสุขใช่ไหม? หยุนหลาน หลี่โม่คนนี้เป็นเพียงตนต่ำต้อย เธอต้องระวังเขาไว้!” ฮั๋วเจี้ยนเฟิงใช้โอกาสนี้เพื่อยั่วยุ เพียงแค่ให้กู้หยุนหลานเลิกรากับหลี่โม่ นั่นก็ถือฮั๋วเจี้ยนเฟิงประสบความสำเร็จแล้ว และเรื่องถูกตบถึงสองครั้งก็จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มันคือตบของหวงเหวินจิ่น พูดออกไปก็ไม่ขายหน้า! หลี่โม่ยิ้มอย่างเย็นชา หลับตาและไม่พูดอะไร ใครชอบพูดอะไรก็พูดต่อไปเถอะ พวกคุณไม่มีทางเข้าใจโลกของฉ
แอ๊ด ประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดออกอย่างช้า ๆ ในขณะนั้นเอง กู้เจี้ยนหมินและคนอื่น ๆ ต่างก็หยุดหายใจ รู้สึกว่าประตูที่ถูกผลักเปิดออกอย่างช้า ๆ นั้นไม่ใช่ประตูห้องส่วนตัวแต่เป็นประตูสู่นรก “จบแล้ว จบแล้ว ถ้าเกิดว่าหวงเหวินจิ่นกลับมาล่ะก็ คงจะจบสิ้นกันทั้งหมด” กู้ซิ่งเหว่ยบ่นพึมพำและสั่นไปทั้งตัว เสื้อผ้าด้านหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฮั๋วเจี้ยนเฟิงที่แก้มแดงและบวมก็ชักกระตุกขึ้นมาในเวลานี้ เมื่อนึกถึงฉากที่หวงเหวินจิ่นจัดการ ในใจของฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็เต็มไปด้วยความกลัว หลี่โม่นั่งนิ่งใจเย็นท่ามกลางวิกฤตแล้วมองไปที่ประตูที่ถูกผลักเปิดออกอย่างสนใจ มองดูพนักงานเสิร์ฟที่แต่งตัวดีด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์หลังประตู หลี่โม่ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นพนักงานเสิร์ฟน่ะ ทุกคนอย่าประหม่าไปเลย” เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหลี่โม่ ทุกคนต่างก็รู้สึกเกรี้ยวกราดอย่างมาก และรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของหลี่โม่ล้วนเป็นการเยาะเย้ยพวกเขา “ใครประหม่า! ไอ้โง่! ที่นี่แกไม่มีสิทธิ์พูด หากแกพูดอีกล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” กู้ซิ่งเหว่ยแสร้งทำเป็นร้ายกาจเพื่อปกปิดความตื่นตระหนกในใจ แววตาของฮั๋วเจี้ยน
พนักงานเสิร์ฟยิ้มแล้วโค้งคำนับและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ผู้จัดการหวู่ของเราสั่ง ผู้จัดการหวู่ของเราจะมาถึงในไม่ช้า หากคุณมีคำถามอะไร คุณสามารถถามผู้จัดการหวู่ได้” ผู้จัดการหวู่ของภัตตาคารอาหารหรู นอกจากหวู่เต้าเหวินแล้วจะเป็นใครไปได้อีก? แน่นอนว่าเป็นใครอื่นไม่ได้เลย เมื่อได้ยินว่าหวู่เต้าเหวินกำลังมา ในใจกู้เจี้ยนหมินก็สั่น และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในบรรดาของตัวเองไม่มีใครเคยข้องเกี่ยวกับหวู่เต้าเหวิน อย่างดีที่สุดก็เพียงเคยได้ยินเรื่องเล่าของหวู่เต้าเหวินเท่านั้น “หวู่เต้าเหวินจะมาได้ยังไง แถมยังเตรียมอาหารไว้มากมายขนาดนี้ เกรงว่าอาหารจานเหล่านี้จะไม่เพียงแค่สี่สิบหรือห้าสิบล้านเท่านั้นน่ะสิ” กู้เจี้ยนหมินกล่าวด้วยความสงสัย และสายตากวาดมองไปที่ทุกคน “ถ้านับไวน์ด้วยล่ะก็เกินสี่สิบล้านแน่นอน” ฮั๋วเจี้ยนเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โอหัง กู้ชิงหลินเหลือบมองหลี่โม่ แล้วพูดอย่างเกลียดชังว่า “ท่านประธานหวงต้องเป็นคนจัดเตรียมไว้แน่ ๆ ! เขาต้องการหลอกให้เราจ่ายบิลเพราะรู้ว่าเราไม่สามารถจ่ายไหว เลยยืมมือหวู่เต้าเหวินเพื่อมาจัดการเราอีกครั้ง!” “ซี้ด!” กู้เจี้ยนหมินและคนอื่น
คุณหลี่อย่างนั้นเหรอ?ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสงสัยว่าในห้องนี้มีใครนามสกุลหลี่ยังคิดไม่ทันไร คนแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คือหลี่โม่ทุกคนอึ้ง!พร้อมกับมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่ตกตะลึง พวกเขาทุกคนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว!วันนี้พวกคนใหญ่คนโตเป็นบ้าอะไรกัน พวกเขามีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับหลี่โม่เหรอ“โต๊ะนี้สำหรับหลี่โม่เหรอครับ? ประธานหวู่ คุณคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะครับ? หลี่โม่น่ะเหรอ เขา มีดีอะไรถึวทำให้ประธานหวู่จัดเลี้ยงให้แบบนี้ได้กัน”กู้เจี้ยนหมินถามด้วยอาการแก้มกระตุก เขาสงสัยว่า หลี่โม่กำลังตบตาอะไรบางอย่างจากพวกเขาอยู่หลี่โม่เหลือบมองหวู่เต้าเหวิน เขากะพริบตาแค่ครั้งเดียว หวู่เต้าเหวินก็เข้าใจทันทีว่า เขาควรออกไปจากตรงนี้ ถ้าไม่ไป เกรงว่าในอนาคตหลี่โม่ต้องกลืนเขาทั้งเป็นแน่นอน“ผมไม่ได้ล้อเล่นจริง ๆ นะครับ เอ่อ… พอดีผมยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนครับ เชิญพวกคุณตามสบายนะครับ”หวู่เต้าเหวินโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วออกจากห้องไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากเดินออกจากห้องไปประมาณ 10 เมตรเมื่อกี้ที่เขาโดนสายตาของหลี่โม่จ้องมอง หวู่เต้าเหวินถึงกับหายใจไม่ทั
หลังจากพูดจบ หลี่โม่ก็มองไปรอบ ๆ และเห็นว่าทุกคนเงียบ เหมือนกลัวที่จะขยับตะเกียบอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นเขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบหอยเป๋าฮื้อขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้ววางลงบนจานของกู้หยุนหลาน“คุณภรรยารีบกินตอนที่กำลังร้อน ๆ จะอร่อยกว่านะ หอยเป๋าฮื้อที่นี่อย่างดีเลย”กู้หยุนหลานกำลังจะขยับริมฝีปาก แต่ในที่สุดเธอก็ต้องเก็บสิ่งที่ต้องการจะพูดเอาไว้ในใจจากการอธิบายของหลี่โม่ กู้หยุนหลานไม่มีทางเชื่อแน่นอนไม่ใช่แค่กู้หยุนหลานที่ไม่เชื่อ แต่ทุกคนตรงนั้นก็ไม่มีใครเชื่อสักคนแม้หวงฝูชิ่งจะเป็นคนเที่ยงตรงและมีเกียรติ ก็เหมาะสมแล้วที่เขาไม่เอาห้องส่วนตัวไป เรื่องว่าจะเลี้ยงอาหารสี่สิบล้านเพื่อนเป็นเกียรติแก่การเป็นลูกศิษย์นั้นมันไม่น่าเชื่อเลยสักนิดแต่ถ้าไม่เชื่อเหตุผลนี้ อย่างนั้นต่อให้คิดให้ตายก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออกแล้วแม้ว่าในใจของกู้เจี้ยนหมินจะโกรธมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงเก็บความโกรธนั้นไว้ในใจ ขณะเดียวกันนั้นหลี่โม่ก็กำลังกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยหวู่เต้าเหวินอจัดอาหารมาให้ขนาดนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะคืนมัน ถ้าไม่กินอะไรเลย มันจะยิ่งเหมือนกับหักหน้าหวู่เต้าเหวิน ดังนั้นไม่ว่า
ในขณะนี้กู้ชิงหลินมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่จองหอง!เมื่อเห็นหลี่โม่โผล่มาที่ที่งานเลี้ยงวันเกิด กู้ชิงหลินจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดูท่าที่การแสดงความเคารพของหวงฝูชิ่งที่มีต่อหลี่โม่แล้ว กู้ชิงหลินก็รู้สึกโกรธมากขึ้น และอยากจะเหยียบหลี่โม่อย่างอธิบายไม่ถูกตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่จะดูถูกหลี่โม่ได้คือ แฟชั่นจีวองชี่รุ่นลิมิเต็ดเลียนแบบของเขาเท่านั้นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของกู้ชิงหลิน ฮั๋วเจี้ยนเฟิงและกู้ซิ่งเหว่ยก็หยุดชะงัก ทั้งคู่มองหลี่โม่ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีนักกู้ซิ่งเหว่ยเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น งานเลี้ยงเมื่อสักครู่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้จึงได้เวลาเหยียบหลี่โม่แล้วล่ะสิ เขาควรชดเชยที่สร้างความกลัวให้ทุกคนฮั๋วเจี้ยนเฟิงมีความคิดอื่น เห็นได้ชัดว่า การเดิมพันครั้งก่อนของหวังฟางกับหลี่โม่เกี่ยวข้องกับการหย่าร้างหากตรวจสอบแล้ว พบว่าเสื้อผ้าของหลี่โม่เป็นของปลอม หลี่โม่กับกู้หยุนหลานก็ต้องหย่ากันเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ การหายใจของฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็ฮึดขึ้น ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าทีเดียวหวังฟางยืนตรงข้ามหลี่โม่และพูดเยาะเย้ย “หลี่โม่ ไปที่เคาน์เตอร์
ระหว่างทางเมื่อสักครู่นี้ ฮั๋วเจี้ยนเฟิงส่งข้อความถึงผู้จัดการของจีวองชี่ หากเขาแค่ขยับปากและบอกว่าจีวองชี่ที่หลี่โม่ใส่อยู่เป็นของปลอม เขาจะตกรางวัลให้หนึ่งแสนบาทแค่ขยับปากก็ได้เงินหนึ่งแสนบาท สำหรับผู้จัดการร้านแล้ว มันเหมือนกับได้เงินจากฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นจึงต้องทำเป็นธรรมดากู้หยุนหลานยืนขึ้น พร้อมกับมองหลี่โม่ด้วยท่าทางกังวล เธอต้องการออกไปกับหลี่โม่ตอนนี้แต่หลี่โม่ดันก้าวไปข้างหน้าแล้ว และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา“หลี่โม่ ทำไมมาช้าจัง แกทำให้ทุกคนเสียเวลานะ รีบเอาเสื้อผ้าให้ผู้จัดการร้านดูสิ เพราะเจี้ยนเฟิงเลยนะ ผู้จัดการร้านจึงรอแกเนี่ย” หวังฟางดุหลี่โม่ด้วยใบหน้าที่หงุดหงิดสีหน้าของกู้เจี้ยนหมินดูไม่ค่อยสู้ดีนัก เขามองหลี่โม่ แล้วหันหน้าไปทางอื่น เขารู้สึกว่างานเลี้ยงวันเกิดของเขาถูกผู้ชายคนนี้ทำเสียเรื่อง และแสงดาวเด่นของเจ้าของวันเกิดก็หายไปอย่างสิ้นเชิงฮั๋วเจี้ยนเฟิงพาผู้จัดการร้านมาหาหลี่โม่ และขณะเดินมา ก็พูดว่า “นี่ครับ คนไร้ค่าที่ว่า พอดีเราเห็นเขาสวมชุดลิมิเต็ดของจีวองชี่น่ะ เราทุกคนก็เลยประหลาดใจและคิดว่าเขาใส่ของปลอมน่ะครับ”“แต่เขายืนยันว่า
นี่คือจีวองชี่ของแท้อย่างนั้นเหรอ?กู้ชิงหลินไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้จัดการของจีวองชี่จะพูดประโยคนี้ออกมา สิ่งที่เขาพูดนั้นมีน้ำหนักว่าคำพูดของกู้ชิงหลินอย่างน้อยที่สุด ก็ในแง่ของความถูกต้องของเสื้อผ้าของจีวองชี่ คำพูดของทุกคนไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน“จริงเหรอครับ? เขาจะซื้อจีวองชี่ได้ยังไงกัน! ถ้าจริง ราคาเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย!”ดวงตาของกู้ซิ่งเหว่ยลุกเป็นไฟทีเดียวเชียวหากดวงตาของเขาสามารถหายใจเป็นไฟได้จริง ๆ กู้ซิ่งเหว่ยคงจะใช้เปลวไฟจากดวงตาของเขา เผาเสื้อผ้าของหลี่โม่ให้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ให้หลี่โม่รู้ว่าเขาเกลียดหลี่โม่มากแค่ไหน“เสื้อผ้าของแขก VIP ท่านนี้เป็นรุ่นล่าสุดของจีวองชี่ จำกัดชุดละ 100 ชุดทั่วโลก โดยในจำนวนนี้มีโควต้าเพียง 5 ชุดเท่านั้นในเขตนี้ ซึ่งชุดนี้ชุดเดียวมีราคาอยู่ที่ 9.99 ล้านบาท”กู้ซิ่งเหว่ยตกตะลึง ค่าเสื้อผ้าก็เกือบสิบล้าน เพียงพอที่จะซื้อรถหรูเลยทีเดียว!ทั้งกู้เจี้ยนหมินและหวังฟางมีสีหน้าแปลก ๆ คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของพวกเขาว่า หลี่โม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้ได้อย่างไร?กู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขารู้ดีว่าหลี่โม่จนขนาดไหน!หากหลี่โม่มี