นี่คือจีวองชี่ของแท้อย่างนั้นเหรอ?กู้ชิงหลินไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้จัดการของจีวองชี่จะพูดประโยคนี้ออกมา สิ่งที่เขาพูดนั้นมีน้ำหนักว่าคำพูดของกู้ชิงหลินอย่างน้อยที่สุด ก็ในแง่ของความถูกต้องของเสื้อผ้าของจีวองชี่ คำพูดของทุกคนไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน“จริงเหรอครับ? เขาจะซื้อจีวองชี่ได้ยังไงกัน! ถ้าจริง ราคาเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย!”ดวงตาของกู้ซิ่งเหว่ยลุกเป็นไฟทีเดียวเชียวหากดวงตาของเขาสามารถหายใจเป็นไฟได้จริง ๆ กู้ซิ่งเหว่ยคงจะใช้เปลวไฟจากดวงตาของเขา เผาเสื้อผ้าของหลี่โม่ให้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ให้หลี่โม่รู้ว่าเขาเกลียดหลี่โม่มากแค่ไหน“เสื้อผ้าของแขก VIP ท่านนี้เป็นรุ่นล่าสุดของจีวองชี่ จำกัดชุดละ 100 ชุดทั่วโลก โดยในจำนวนนี้มีโควต้าเพียง 5 ชุดเท่านั้นในเขตนี้ ซึ่งชุดนี้ชุดเดียวมีราคาอยู่ที่ 9.99 ล้านบาท”กู้ซิ่งเหว่ยตกตะลึง ค่าเสื้อผ้าก็เกือบสิบล้าน เพียงพอที่จะซื้อรถหรูเลยทีเดียว!ทั้งกู้เจี้ยนหมินและหวังฟางมีสีหน้าแปลก ๆ คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของพวกเขาว่า หลี่โม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้ได้อย่างไร?กู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขารู้ดีว่าหลี่โม่จนขนาดไหน!หากหลี่โม่มี
กู้ซิ่งเหว่ยมองหลี่โม่ด้วยความอิจฉาและไม่พอใจ เขามองดูพนักงานทั้งสามคน ช่างสวยจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่พวกหล่อนดันยกย่องคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่!ฮั๋วเจี้ยนเฟิงตกตะลึงงัน อยากจะคว้าผู้จัดการร้านมาคุยเพื่อขอคำอธิบาย แต่มีหลายอย่างที่ไม่สามารถพูดคุยอย่างเปิดเผยได้ในขณะนี้“คุณลูกค้าต้องการชมอะไรเป็นพิเศษไหมคะ? ดิฉันสามารถพาไปดูและให้บริการลองชุดเป็นส่วนตัวได้ค่ะ”เสี่ยวปิงพูดเบา ๆ ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเธอติดอยู่กับแขนของหลี่โม่แล้วส่วนเสี่ยวยวี่และเสี่ยวเหมยก็ได้ล้อมรอบ ๆ เขาแล้วเช่นกัน พวกหล่อนล้อมรอบทั้งสามด้าน เพื่อให้หลี่โม่สามารถเพลิดเพลินไปพร้อมกับความอบอุ่นหลี่โม่ผลักทั้งสามออกไปเบา ๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ผมยังไม่ต้องการครับ”“นายจนขนาดนี้ จะใส่อะไรอีกล่ะ ฉันไม่คิดว่านายไม่ต้องการมันหรอก แต่นายไม่สามารถจ่ายได้ต่างหากล่ะ จนก็อยู่ส่วนจนเถอะ ผู้จัดการร้านคะ คุณควรเข้ามาดูใกล้ ๆ ให้ดี ๆ สิคะ อย่าให้ผิดพลาด” กู้ชิงหลินกล่าวอย่างไม่พอใจหลี่โม่เดินไปข้าง ๆ กู้หยุนหลานและพูดเบา ๆ “รู้ผลแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”สำหรับข้อตกลงกับหวังฟาง หลี่โม่ไม่ได้เอ่ยถึงสักคำ หากพูดไปตอนนี้ ก
เมื่อกลับถึงบ้าน หวังฟางนั่งลงบนโซฟา แล้วจ้องมองหลี่โม่“หลี่โม่ เกิดอะไรขึ้นกับเสื้อผ้าของแก เสื้อผ้าราคาเกือบสิบล้านตัวนั้น คนไร้ประโยชน์อย่างแกไปหามาใส่ได้ยังไง?!”ทั้งกู้เจี้ยนหมินและกู้หยุนหลาน ต่างมองหลี่โม่ด้วยความสงสัย นี่เป็นปริศนาคาใจใจของทุกคนหลี่โม่พูดอย่างใจเย็น “มีคนให้มาน่ะครับ”“มีคนให้มางั้นเหรอ? แกยังกล้าใช้สมองอันน้อยนิดของแกแต่งเรื่องไร้สาระขึ้นมาอีก! ใครจะให้เสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้กับแก!”หวังฟางรู้สึกเหมือนโดนดูถูกสติปัญญา จึงตะโกนใส่หลี่โม่อย่างโกรธเคืองเมื่อมองดูท่าทางของหวังฟางแล้ว กู้เจี้ยนหมินรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่า ความดันโลหิตของภรรยาของเขาจะพุ่งสูงขึ้น จนอาจทำให้หัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตก และปัญหาอาจร้ายแรงขึ้น ดังนั้นเขาจึงปลอบโยนภรรยาเขาทันทีขณะที่เขาปลอบได้ไม่นาน กู้เจี้ยนหมินก็พูดว่า “หลี่โม่ ถ้าแกอธิบายอย่างสมเหตุสมผลไม่ได้ อย่าโกรธฉันเลยนะ ที่จำเป็นต้องให้แกออกจากบ้านน่ะ”“คุณพ่อ...”กู้หยุนหลานต้องการที่จะช่วยพูด แต่ก่อนที่เธอจะพูดต่อ กู้เจี้ยนหมินก็มองเธอตาเขม็ง“ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ให้เจ้านี่พูดคนเดียวพอ พ่ออยากจะดูว่าเขาจะแต่งเรื่องอะ
แต่ไอ้ขยะหลี่โม่กลับเอาไปใช้กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ !“แต่จะว่าไป การได้รับความกรุณาจากประธานหวงเป็นเรื่องวิเศษสุด ๆ ไปเลย! แต่เจ้านี่กลับเอาไปใช้ในทางไร้สาระ เอาไปใช้กับห้องส่วนตัว! คนไร้ค่าก็ไร้ค่าอยู่วันยังค่ำ! ถ้าประธานหวงมาช่วยเราในเรื่องธุรกิจ วันข้างหน้าเราคงจะเป็น...”คิ้วของหวังฟางขมวดเป็นเลขแปด เธอตัวสั่นด้วยความโกรธ“หยุนหลาน แกเห็นไหมว่า หลี่โม่มันไร้ประโยชน์ขนาดไหน! นั่นความกรุณาจากประธานหวงเลยนะ แต่เขากลับไม่ได้บอกอะไรกับครอบครัวเลยนะ แถมเอาไปใช้กับอะไรก็ไม่รู้!"กู้หยุนหลานถอนหายใจด้วยเสียงแผ่วเบา เธอบ่นหลี่โม่อยู่ในใจด้วยความหงุดหงิด ความกรุณาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้สูญเปล่าไปแล้ว หากหลี่โม่ใช้ความกรุณานั้นให้ฉลาดกว่านี้ เขาก็จะไม่ต้องทนกับความคับข้องใจเช่นนี้อีกในอนาคตน่าเสียดายที่หลี่โม่สูญเสียความกรุณานั้นไปแล้ว และคงไม่มีทางที่จะกู้คืนกลับมาได้“แต่นั่นก็เป็นความกรุณาที่หลี่โม่ได้รับด้วยตัวเขาเอง เขาต้องการจะใช้มัยังไงก็เป็นทางเลือกของเขา บางทีอาจเป็นเพราะเขาถูกครอบครัวกดขี่ข่มเหงมานาน เลยทำแบบนั้น เพื่ออยากได้หน้าบ้าง” กู้หยุนหลานกล่าวหวังฟางเงียบไปครู่หนึ่ง แต่เ
คำพูดของกู้เจี้ยนหมินที่เตือนหวังฟางว่า เงินที่วางไว้ในบริษัทการลงทุนกำลังจะหมดอายุจริง ๆ เมื่อเป็นบริษัทด้านการลงทุนที่ได้ให้คำมั่นว่า จะมีอัตราดอกเบี้ยสูงและรายได้ของเงินฝากต่อปีมากกว่า 30%!หลังจากฟังสัญญาของบริษัทลงทุน หวังฟางก็ตาลุกวาว เธอไม่เพียงแต่นำเงินส่วนใหญ่ในครอบครัวไปใช้เท่านั้น แต่ยังจำนองบ้านและนำเงินทั้งหมดไปไว้ในวงเงินกู้ด้วยตามแผนเดิมของหวังฟาง เธอต้องฝากเงินของครอบครัวทั้งหมดเป็นเวลาหนึ่งปี และซื้อบ้านอีกหลังก็เพียงพอแล้ว เมื่อราคาบ้านสูงขึ้นในอนาคต เธอจะได้กำไรจำนวนมาก“ฉันจะไปตรวจดูพรุ่งนี้ ครอบครัวของเรากำลังจะทำเงินได้มากมาย ถ้าลูกเขยไร้ค่านั่นฉลาดกว่าฉันสักครึ่งหนึ่งคงจะดีนะ”หวังฟางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิ่มเอมใจ เธอเริ่มจินตนาการถึงการรับเงินจากการลงทุนและการซื้อบ้านในอสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมืองแล้ว......ในเช้าตรู่ของวันต่อมา หวังฟางแต่งตัวอย่างประณีต และติดต่อเพื่อนสาวสองสามคนที่ลงทุนด้วยกัน จากนั้นก็รีบไปที่บริษัทการลงทุนหลังจากมาถึงอาคารบริษัทการลงทุนแล้ว หวังฟางและเพื่อนสาวของเธอก็งงเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้สูงอายุจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่นั่น“นี่มันอะ
ตอนนี้มีเพียงหลี่โม่เท่านั้น ที่ทำตัวเป็นคนขี้เกียจอยู่ที่บ้าน ส่วนกู้เจี้ยนหมินและกู้หยุนหลาน ไม่สามารถปล่อยให้ทั้งสองคนรู้เกี่ยวกับปัญหาการลงทุนได้ ตอนนี้จึงต้องโทรหาหลี่โม่ เพื่อรวบรวมจำนวนคนเอาไว้ก่อนหลังจากดุหลี่โม่ทางโทรศัพท์แล้ว หวังฟางก็สั่งให้หลี่โม่มาที่บริษัทลงทุน โดยห้ามบอกใครจางซุ่ยฮวาที่สวมชุดสีสันสดใสอยู่ข้าง ๆ เหลือบมองหวังฟาง และพูดอย่างดูถูกว่า “พี่หวัง คงไม่ใช่เรียกลูกเขยไร้ประโยชน์ของพี่มาหรอกใช่ไหม เรียกคนแบบนั้นมามันจะไปมีประโยชน์อะไร เวลาแบบนี้เราต้องการคนที่มีเส้นสาย”“ซุ่ยฮวาพูดถูก หวังฟาง เธอบอกตลอดไม่ใช่เหรอว่า ครอบครัวของเธอมีอิทธิพล นี่คือเวลาที่ต้องใช้อิทธิพลแล้ว ดูญาติและเพื่อนฝูงที่เรารวบรวมมาสิ พวกเขาอาจไม่มีอำนาจมากนัก แต่พวกเขายังสามารถให้ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้"“ทุกคนต้องร่วมมือกันในเรื่องนี้ เราไม่ควรซ่อนหรือปิดบังอะไร ฉันคิดว่านะ หวังฟาง เธอน่าจะรวบรวมคนจากตระกูลกู้ ไม่ใช่ใช้ลูกเขยที่ไร้ค่าของเธอมาหลอกพวกเรา”เพื่อนสาวของหวังฟางค่อนข้างไม่พอใจ ปกติพวกหล่อนได้แต่เห็นหวังฟางโอ้อวด แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนทำงานหนัก หวังฟางทำได้แค่ติดต่อลูกเข
หลี่โม่เบะปาก แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร คนพวกนี้กำลังเดือดดาลราวกับเต้นอยู่บนกองไฟ ใช้เหตุผลพูดคุยกับพวกเขาไปก็ไม่รู้เรื่อง เมื่อหันหลังกลับ หลี่โม่ก็มองดูป้ายของบริษัทการลงทุน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาชูจงเทียน ให้ชูจงเทียนตรวจสอบเบื้องหลังของบริษัทการลงทุนนี้ คนที่ทำบริษัทการลงทุนอยู่ในตอนนี้ หลายคนเคยปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงมาก่อน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกตำรวจ หลี่โม่คาดว่า บริษัทการลงทุนนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นจึงหาชูจงเทียน เพราะเขาน่าจะสืบค้นข้อมูลมาได้ เรียกว่าหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น ขอเพียงค้นหาเบื้องหลังของอีกฝ่ายได้ ก็จะสามารถหาวิธีมาแก้ไขต้นตอของปัญหาได้แล้ว หลี่ชูเฟินเห็นหลี่โม่มองประตูใหญ่ของบริษัทการลงทุนแล้วเหม่อลอยไป ก็พูดอย่างดูถูกว่า “ดูลูกเขยโง่นี่สิ มาแล้วก็ยังไม่ช่วยคิดหาวิธีอีก มัวแต่ยืนดูประตูของบริษัทการลงทุนอยู่ได้ ดูแล้วจะมีดอกไม้งอกงามออกมา หรือจะมีเงินงอกเงยออกมาล่ะ” “หลี่โม่! มานี่ มาช่วยคิดวิธีแก้ปัญหา อย่ามัวยืนโง่อยู่ทั้งวันอย่างนั้น” หวังฟางพูดอย่างมีโทสะ ตอนนี้ลูกเขยของจางซุ่ยฮวา ฉวี่หมานก็รีบตามมา ตอนที่พบหลี่โม่ ฉวี่หมานก็รู้สึกเบิ
ฉวี่หมานด่าออกมาหนึ่งประโยค หลี่โม่ซึ่งกลืนเข้าไปในฝูงชน รู้สึกได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์ เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาอย่างรีบร้อน ก้มหน้ามองข้อความที่ชูจงเทียนตอบกลับมา ชูจงเทียนตอบกลับมาเร็วจริง ๆ เพราะว่าชูจงเทียนรู้จักเบื้องหลังของเจ้าของบริษัทการลงทุนแห่งนี้ “เจ้าของบริษัทการลงทุนแห่งนี้ชื่อว่าหลูหมิงเชิงครับ เมื่อก่อนเคยปล่อยเงินกู้นอกระบบ ดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อของคนคนนี้ เมื่อก่อนปล่อยเงินกู้อย่างโจ๋งครึ่ม พอใครไม่คืนเงินก็ใช้กำลังทวงหนี้ ตัดเอ็นแขนขาก็มีครับ” หลี่โม่พึมพำกับตัวองเบา ๆ เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องของหลูหมิงเชิงกับหูมาบ้าง เจ้าหมอนี่ เมื่อก่อนสร้างตัวมาจากการปล่อยเงินกู้ สุดท้ายจับพลัดจับผลูมาเป็นเจ้าของบริษัทการเงินใต้ดิน ช่วงนี้เปิดบริษัทการลงทุนหลายบริษัท รวมรวบเงินทุนผิดกฎหมายจากพวกบริษัทเล็กๆ “ถ้าหากเป็นแบบนี้ คนธรรมดา ๆ คงจัดการมันไม่ได้แน่ หึหึ ดูซิว่าอีกสักพักพวกมันจะทำยังไง” หลี่โม่เองก็ไม่ได้ร้อนใจ เรื่องนี้ ขอเพียงหลี่โม่เอ่ยปาก ก็น่าจะมีคนพร้อมช่วยแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าแก้ไขรวดเร็วขนาดนั้นไม่เป็นผลดีกับหลี่โม่ ไม่สู้อยู่ดูละครสนุก ๆ รอดูพวกฉว