เพชรพร้อมกำลังขยำขุยมะพร้าวในถังหมักอย่างขะมักเขม้นตอนที่นางรำพึงซึ่งเป็นอาแท้ๆ เดินเข้ามาในสวน แถมยังส่งเสียงดังมาก่อนตัวเหมือนเคย
“เพชร เพชรเอ๊ย อยู่ไหนลูก”
“อยู่นี่ครับ” ชายหนุ่มร้องบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน แกล้งเรียกหญิงสูงวัยอย่างที่ชาวบ้านในละแวกนี้ชอบเรียกกัน “มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับคุณนายรำพึง”
“เดี๋ยวเถอะ มาเรียกคุณนายทำไม พ่อไปไหนล่ะ อาขึ้นไปบนบ้าน ไม่เห็นใคร เจอแต่เด็กรับใช้คนเดียว”
เพราะนางรำพึงเป็นน้องสาวคนเดียวของบิดาเพชรพร้อม และช่วยเลี้ยงดูชายหนุ่มมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เข้านอกออกในบ้านนี้ได้อย่างสนิทสนม
“พ่อไปเที่ยวบ้านลุงสุขสันต์ที่เชียงใหม่ อยู่ยาวสองสามอาทิตย์เลย วันนี้อามาเสียเที่ยวแล้ว”
หญิงสูงวัยกระแซะเข้ามาใกล้ “เสียเที่ยวที่ไหน อาก็ถามไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ วันนี้อามาหาเพชรต่างหาก มีเรื่องสำคัญม้ากมากจะบอก”
“ผมไม่ไปครับ” ชายหนุ่มตั้งป้อมปฏิเสธทันควัน
“อะไรกัน ยังไม่ทันบอกเลยว่าเรื่องอะไร”
“มาทรงแบบนี้นะ เรื่องสำคัญม้ากมากแบบนี้ อาจะให้ผมไปนัดเจอกับลูกสาวเพื่อนอาสักคนแน่นอน”
คุณนายรำพึงตวัดค้อนเหมือนสาวๆ “แหม...ทำรู้ทัน แต่คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้งนะเพชร ลิ้นจี่เป็นลูกสาวเพื่อนอาที่เคยอยู่เชียงราย เป็นคนเหนือ ผิวขาวนวลเนียน เรียกว่าสวยน่ารักกว่าทุกคนที่ผ่านมาเลยละ ปากนิด จมูกหน่อย จิ้มลิ้มพริ้มเพรามาก ตอนนี้ยังเรียนมหาลัยอยู่เลย”
“เด็กขนาดนั้น อาอยากให้ผมติดคุกคดีพรากผู้เยาว์เหรอ”
“อายุยี่สิบสองแล้ว อยู่ปีสี่ ไม่เด็กสักหน่อย อารับรองว่าเพชรเห็นแล้วต้องชอบ”
“อาก็พูดอย่างนี้ทุกครั้ง”
“ไม่รู้ละ น้องจะมาพักที่สาลี่โฮมสเตย์กับเพื่อนๆ เพชรไปช่วยดูแลน้องๆ หน่อยนะ”
“ไม่เอา ไม่ว่าง ต้องหมักขุยมะพร้าว” หนุ่มร่างยักษ์ส่ายหน้า พลางตักขุยมะพร้าวเติมลงในถังหมักต่อ
“มาเฉพาะวันที่ว่างก็ได้ น้องอยู่ทั้งอาทิตย์”
“แต่ผมไม่ว่างทั้งอาทิตย์เลย อาทิตย์หน้าก็คงไม่ว่างเหมือนกัน อาจจะยุ่งถึงปีหน้าเลย” ชายหนุ่มปฏิเสธ
“เอ๊...เพชรนี่ อย่าให้อาเสียผู้ใหญ่สิ น้องกับเพื่อนๆ อุตส่าห์มาที่นี่เพื่อมาพักที่สาลี่โฮมสเตย์โดยเฉพาะ เป็นแขกคนสำคัญของอา จะให้อาไม่ดูแลได้ยังไง”
“แล้วทำไมอาไม่ดูแลเองล่ะ เอามาโยนให้ผมทำไม”
หญิงสูงวัยถอนใจเหยียดยาว “ไม่ใช่ว่าไม่อยากดูแลเอง แต่พอดีไอ้ลี่มันโทร. มาบอกว่าเพื่อนของวิณทร์จะมาพักที่สาลี่โฮมสเตย์ด้วยเหมือนกัน ช่วงเดียวกันเป๊ะๆ หนูลิ้นจี่จะมาวันเสาร์ ส่วนเพื่อนวิณทร์ก็มาพักวันเดียวกัน ไอ้เปี๊ยกก็ดันมีงานที่โรงเรียนวันเสาร์นี้พอดี อาดูแลคนเดียว กลัวจะขาดตกบกพร่อง เลยต้องมาขอร้องเพชรนี่ไง”
ชายหนุ่มได้ยินคำว่า ‘เพื่อน’ ของวิณทร์วายุ ก็เริ่มสนใจนิดๆ แต่ก็ยังทำฟอร์ม ยกถังหมักขุยมะพร้าวออกมาอีกหนึ่งถังแล้วถามเหมือนไม่ใส่ใจทั้งที่อยากรู้ใจจะขาด
“เพื่อนวิณทร์เหรออา ใครน่ะ”
“เห็นว่าเป็นเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์ ชื่อพินทุอร”
เมื่อได้ยินชื่อ เพชรพร้อมก็เกือบทำถังหมักขุยมะพร้าวหลุดมือ หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เขาหันมาหาหญิงสูงวัย ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนปิดไม่มิด
“จริงเหรอครับ คนนั้นเหรอ มาจริงๆ ใช่ไหม”
“เพชรรู้จักเธอเหรอ” นางรำพึงถามงงๆ
“เคยเจอที่งานแต่งงานลี่ไงอา ที่ผมบ๊อบสั้นแบบเฉี่ยวๆ ผิวสีน้ำผึ้ง ใส่ชุดไทยสีชมพูอ่อน เดินในขบวนขันหมาก สวยเด่นมาแต่ไกล”
คนเป็นอาขมวดคิ้วนึก “อานึกไม่ออกเลย วันนั้นแขกเยอะแยะ สาวๆ สวยๆ เต็มไปหมด เพชรนี่ก็ช่างจำนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะจำเพื่อนๆ ของวิณทร์ได้”
“ผมความจำดีกว่าที่อาคิดนะ”
คุณนายรำพึงทรุดตัวลงนั่งที่แคร่ไม้ ก่อนจะเล่า “เห็นลี่เล่าว่าหนูคนนั้นเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมาห้าปีเพราะโดนนอกใจ เลยหลบมาพักใจที่นี่ เธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับวิณทร์ ก็คงอายุอานามก็คงสามสิบห้าสามสิบหกใกล้เคียงกัน ไอ้ผู้ชายนั่นก็ใช้ไม่ได้ เธอเสียเวลาไปตั้งห้าปีเลยนะ เสียดายเวลาสาวของผู้หญิงจริงๆ”
เพชรพร้อมขบกรามแกร่งแน่นจนเป็นสันนูน นึกโกรธผู้ชายคนนั้นขึ้นมาตงิดๆ ที่ทำให้พินทุอรเสียใจ แต่จะว่าไป หากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น หญิงสาวก็คงจะไม่มาที่นี่เป็นแน่ เขายักไหล่พูดเสียงเรียบ
“ตอนนี้เธอก็ยังสาวอยู่ เริ่มต้นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ขอแค่คนใหม่ไม่ทำให้เธอเสียเวลาอีกก็พอ”
นางรำพึงพยักหน้ารับรู้ “แล้วตกลงเพชรจะไม่มาช่วยอาที่สาลี่โฮมสเตย์จริงๆ เหรอ อาจะรบกวนเพชรแค่บางวันเท่านั้นแหละ เฉพาะช่วงที่เปี๊ยกไม่อยู่ ไม่รบกวนทุกวันหรอก”
“แหม...อา ใช้คำว่ารบกวนกับหลานสุดที่รักเลยเหรอ ผมไปช่วยอาทุกวันก็ได้ เปี๊ยกอยู่ผมก็ไปช่วยอีกคนนึงได้ ไม่มีปัญหา ผมว่างสำหรับอาเสมอ” เพชรพร้อมพูดพลางเข้าสวมกอดร่างท้วมของหญิงสูงวัย
“อ้าว...ตกลงว่าว่างแล้วเรอะ เมื่อห้านาทีที่แล้วเพิ่งบอกอาว่าไม่ว่างทั้งปีอยู่เลย”
“ก็แหม...นานๆ อาจะมีแขกมาพักสองกรุ๊ป เผื่ออาไม่มีเวลาพาไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ไง ผมอาสาพาเพื่อนของวิณทร์เที่ยวเอง อาไม่ต้องเป็นห่วงนะ สัญญาจะดูแลอย่างดี”
“คนอกหัก เขามีแต่อยากจะอยู่คนเดียวแบบสงบๆ ใครเขาจะอยากไปตะลอนเที่ยว ไม่ต้องเลย อาให้เพชรพาหนูลิ้นจี่กับเพื่อนๆ ไปเที่ยวต่างหาก ส่วนเพื่อนวิณทร์คนนั้น อาดูแลเอง”
“ผมไม่รู้จะพาเด็กๆ ไปเที่ยวที่ไหน ยิ่งมากันหลายคน ยิ่งปวดหัว อาพาไปเองเหอะ วันไหนเปี๊ยกอยู่ ก็ให้เปี๊ยกไปเป็นเพื่อนก็ได้”
“เอาเป็นวันเสาร์นี้มาช่วยอาต้อนรับหนูลิ้นจี่ก่อนละกัน เห็นว่าจะมากันช่วงสาย ส่วนใครจะไปเที่ยวที่ไหนค่อยว่ากันอีกที”
“แล้วเพื่อนวินทร์ล่ะอา เธอมากี่โมง”
“ลี่บอกว่าจะมาเย็นๆ เพชรก็ทำตัวดีๆ ด้วยละ อย่ากวน อย่าขวาง อย่าดุให้มากนัก เดี๋ยวแขกอาหนีหมด” คุณนายรำพึงบอก
“ผมก็ทำตัวดีอยู่แล้ว” หลานชายโอด
“วันเสาร์ก่อนสิบโมงนะ มาที่บ้านอา”
“รับทราบครับ”
เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว หญิงสูงวัยก็ลุกขึ้นยืนเพื่อจะกลับบ้าน แต่ยังไม่วายกำชับ “แล้ววันนั้นช่วยแต่งตัวให้เป็นผู้เป็นคนด้วย เสื้อกล้ามย้วยๆ แบบนี้ ห้ามใส่ไปนะ เสื้อยืดที่แถมมากับปุ๋ยก็ไม่เอา มันดูไม่ไฮโซ”
“ผมต้องซื้อปุ๋ยเป็นหมื่นๆ เลยนะกว่าจะได้เสื้อของแถมน่ะ แพงกว่าเสื้อแบรนด์เนมอีก ผ้าก็นู้มนุ่ม” ชายหนุ่มเถียง
“บอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิ อ้อ อย่าลืมโกนหนวดเคราซะ แล้วก็รวบผมให้เรียบร้อยด้วย เดี๋ยวเขาจะนึกว่ามาพักในซ่องโจร ไม่ใช่โฮมสเตย์”
“รู้แล้วน่าอา สัญญาว่าจะแต่งตัวให้หล่อเฟี้ยวจนสาวตะลึงเลย” เพชรพร้อมยักคิ้วตอบ
เมื่อเช้าวันเสาร์มาถึง เพชรพร้อมตื่นนอนมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ชายหนุ่มมัดผมยาวระต้นคอเป็นจุกเล็กๆ ด้านหลัง สวมเสื้อยืดสีเทาเข้มตัวใหม่เอี่ยม สลัดกางเกงขาสั้นขาดๆ ทิ้งแล้วสวมกางเกงยีนยี่ห้อดัง แถมยังฉีดน้ำหอมเสียหอมฟุ้งชายหนุ่มผิวปากพลางก้าวออกจากบ้านเพื่อไปเตรียมรถที่ล้างรอตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน หมาสีดำตัวใหญ่ที่มักนอนเฝ้าบ้านพักคนงานในสวนก็เห่าเสียงขรม“ไอ้ปึก เห่าอะไรวะ นี่กูเอง” เพชรพร้อมเท้าเอวดุเมื่อเห็นปึกแยกเขี้ยวและทำท่าจะกระโจนใส่เมื่อปึกรู้ว่าเป็นใคร ก็ครางหงิงๆ วิ่งกระดิกหางสี่คูณร้อยเข้ามาประจบทันที เพชรพร้อมลูบหัวลูบหางพลางบ่นขำๆ“เออ ให้มันรู้ซะมั่ง ว่ากินนอนอยู่บ้านใคร กูแค่แต่งตัวหล่อนิดหน่อย มึงเห่าใส่อย่างกับกูเป็นโจร แต่ตอนที่กูแต่งตัวเหมือนโจร มึงดันกระดิกหางดิ๊กๆ ไอ้ชาติหมาเอ๊ย...”หมาจะเห่าก็ช่างหมา แต่งานนี้เพชรพร้อมขอแต่งหล่อไว้ก่อน ถึงสาวเจ้าจะมองว่าไม่หล่อ แต่ก็คงไม่ถึงกับรังเกียจหรอกน่าหกโมงเช้าไม่ขาดไม่เกิน ชายหนุ่มร่างยักษ์ก็มายืนทำหน้านิ่งอยู่ที่หน้าบ้านของนางรำพึง เจ้าของบ้านซึ่งเพิ่งให้อาหารไก่เสร็จถึงกับเขม้นมองอย่างไม
สี่โมงตรงเป๊ะ เพชรพร้อมก็เห็นพินทุอรก้าวออกมาจากสถานีขนส่งประจำจังหวัด หญิงสาวยกมือกวักลมให้ตนเองอยู่หลายครั้ง จากนั้นใช้หลังมือแตะซับไปตามไรผมชื้นเหงื่อ พลางชะเง้อมองซ้ายขวาแม้วันนี้จิตแพทย์สาวจะสวมเพียงกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดตัวโคร่งสีดำและรองเท้าผ้าใบสุดแสนจะเบสิก แต่ก็ทำให้หัวใจของคนมองเต้นผิดจังหวะ และหัวใจของเขาไม่ได้เต้นในจังหวะแบบนี้มาหลายปีแล้วเฮ้อ...สวยน่ารักขนาดนี้ จะมีโอกาสเป็นวาสนาไอ้เพชรไหมนะชายหนุ่มก้าวออกจากบริเวณมุมตึกที่ยืนรออยู่ จ้ำพรวดๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเป้าหมาย เขาเข้าประชิดตัวเธอ ยื่นมือออกไปแล้วบอกเสียงเข้ม“ส่งกระเป๋ามา มีเท่าไหร่ ส่งมาให้หมด”“แกเป็นโจรเหรอ โจรมุมตึกสินะ เล่นผิดคนแล้วไอ้หนู” พินทุอรโวยวายเสียงดัง กอดกระเป๋าแน่นแนบอก และตั้งท่าจะใส่เดี่ยวกับเขาทันที“เดี๋ยว ไม่ใช่ ผมมาจากสาลี่โฮมสเตย์ มารับคุณแทนอาพฤกษ์” เพชรพร้อมรีบอธิบายเมื่อเห็นจิตแพทย์สาวถกแขนเสื้อขึ้นเหมือนพร้อมลุย“คุณคือ...” พินทุอรถาม ยังไม่ยอมส่งกระเป๋าให้ง่ายๆ“เพชรพร้อม” เขาตอบสั้นๆหญิงสาวคลายมือออก ท่าทางผ่อนคลายขึ้น เมื่อนึกออกเธอก็ส่งยิ้มให้“อ๋อ...น้องเพชร พี่ชายของลี่ใช่ไห
แสงแรกของดวงอาทิตย์เพิ่งทาบทอที่ปลายขอบฟ้าได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพินทุอรเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความง่วงงุน เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตานอนก็เกือบตีสาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแปลกที่หรือไม่ค่อยไว้ใจผู้ชายที่นอนอยู่ห้องตรงข้ามกันแน่ เธอไม่ได้กลัวว่าเขาจะเข้ามาปล้ำหรือทำมิดีมิร้ายหรอกนะ แต่กลัวว่าเขาจะเข้ามาขบหัวเธอกินเป็นอาหารมื้อดึกต่างหากยังไม่ทันไร เสียงห้าวปนดุจากหน้าห้องก็ดังขึ้นอีก“คุณ...คุณอิง ตื่นได้แล้ว อาให้ผมพาคุณไปใส่บาตรที่วัด”เฮ้อ...นอกจากหน้าจะดุแล้ว เสียงยังดุได้อีกหญิงสาวเดินไปเปิดประตูทั้งๆ ที่หัวยุ่ง ผมชี้ฟูไปคนละทาง แต่คนอย่างพินทุอรไม่มีอะไรต้องอาย เพราะสำหรับเธอแม้เพชรพร้อมจะเป็นผู้ชายแต่ก็อายุห่างกันหลายปีแสง พูดง่ายๆ ก็คือมวยคนละรุ่น กระดูกคนละเบอร์ เธอจึงไม่ได้สนใจจะ ‘ทำสวย’ เพื่อให้เขาประทับใจ“ไปใส่บาตรเหรอ ใครไปบ้าง” เธอถาม“ตอนแรกจะมีเด็กนักศึกษาที่มาพักเมื่อวานไปด้วย”“แล้วตอนนี้ล่ะ” เธอยังถามต่อเพราะเขาไม่ยอมขยายความ“พวกนั้นยกเลิกแล้วเพราะขี้เกียจตื่นเช้า เหลือแค่คุณคนเดียว อาเลยให้ผมพาไปเอง”“อ้อ...ก็คือมีแค่คุณกับฉันสองคน” เธอสรุป“ใช่ แค่สองคน”จิตแพทย
รักเดียวใจเดียวอย่างนั้นหรือ...เพชรพร้อมใจเต้นรัวหลังจากโฆษณาสรรพคุณของตนเองไปหนึ่งดอก...ดอกสำคัญเชียวละชายหนุ่มตีหน้าตาย สบตาเธอตรงๆ เหมือนเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไร เขาวางถาดใส่อาหารคาวหวานและตะกร้าดอกไม้ที่เตรียมมาไว้บนพรม แล้วหาที่ให้หญิงสาวนั่งพับเพียบรอ จากนั้นเลื่อนบทสวดแผ่เมตตาที่พิมพ์เป็นระเบียบมาให้ตรงหน้า ก่อนจะบอกอย่างคนอยู่ใกล้วัด“รอให้คนมาอีกสักหน่อยนะ ไม่นานหรอก ผมรอด้านหลัง” เมื่อพูดจบก็ตั้งท่าจะลุกหนีไป“จะไปไหน มาใส่บาตรด้วยกันสิคุณ”“คุณใส่เถอะ อาเตรียมมาแค่ของคุณ”“ก็ใส่ด้วยกันได้นี่ แบ่งกัน”“ไม่ต้องหรอก” เพชรพร้อมปฏิเสธ กำลังจะถอยหลังไปยืนรอ ก็ได้ยินเสียงหวานทว่าหางเสียงสะบัดเล็กน้อยลอยแว่วมา“ทำไม ไม่อยากทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกับฉันหรือไง”ชายหนุ่มชะงัก มองหน้าเธออึ้งๆ โดยไม่สามารถทำหน้าเฉยเหมือนเมื่อห้านาทีที่แล้วได้อีก เพราะใจของเขาดันคิดไปถึงการตักบาตรร่วมขันของคู่บ่าวสาวในพิธีแต่งงานเสียฉิบ แถมยังคิดเลยเถิดไปถึงคืนเข้าหอเลยด้วยซ้ำส่วนกิจกรรมในคืนนั้นก็...ไอ้เพชรเอ๊ย....ในวัดแท้ๆ จีวรสีเหลืองเดินสวนกันขวักไขว่ ยังมีใจไปคิดอะไรแบบนั้นได้อีก ตกนรกหมกไหม้แ
เมื่อพินทุอรโดนเพชรพร้อมลากออกไป คนงานที่เหลืออยู่ก็มองหน้ากันไปมา โอดเดินสำรวจรอบๆ กระบะที่เสียหายก่อนจะพูดเสียงตื่นเต้น“พี่เพชรไม่ด่าว่ะ แถมยังไม่รีบมาเก็บลูกๆ ที่หล่นกระจายบนพื้นด้วย”“เห็นประคบประหงมมาเกือบเดือน ผมเดินเฉียดนิดเดียว พี่แกยังปารองเท้าแตะใส่ แล้วนี่อะไร หล่นตูมทั้งกระบะ เละกระจายเป็นโกโก้ครั้นช์ขนาดนี้ แม่งยังไม่ด่าสักคำ” สเตฟานโวย“ใช่ ปกติใครทำขนาดนี้ แกอาละวาดลั่นสวนไปแล้ว สองมาตรฐานชัดๆ” สมิงเสริมโอดลดเสียงลง ทำท่ามีลับลมคมในตอนที่ป้องปากบอก “แล้วเมื่อกี้ที่จับมือคุณอิงไปดูเสี้ยนน่ะ กูเห็นพี่เพชรหน้าแดงว่ะ”สมิงขมวดคิ้ว “ดำขนาดนั้น ยังแดงได้อีกเหรอวะไอ้โอด”“เออสิวะ มึงดูที่หูพี่แกสิ แดงแป๊ดเป็นตูดลิงเลย”นุ่มที่นั่งฟังเงียบๆ มานานขยับแว่นสายตาก่อนจะสรุปเสียงหนักแน่น “แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ”“ใช่ พี่เพชรแม่งคิดไม่ซื่อกับคุณอิงแน่นวล” โอดแกล้งม้วนลิ้น“นวลนั่นแม่กูโว้ยไอ้โอด ล้อชื่อแม่เป็นเด็กไปได้ เดี๋ยวโดนถีบ” สมิงค้อนขวับโอดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วตั้งข้อสังเกต “แต่คนอย่างพี่เพชรจะจีบหญิงติดเหรอวะ จีบยังไงพี่แกทำเป็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”“อย่าไปดูถูกสิพี่โอด เห็นแ
สามวันแล้วสินะที่พินทุอรอยู่กับเขาเพชรพร้อม...ชายหนุ่มรุ่นน้องร่างยักษ์ที่ไม่ยอมให้เรียกว่าน้องวันแรกของการชดใช้หนี้กรรมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพชรพร้อมเตรียมกระบะไม้และเครื่องปลูกไว้ให้เธอสองกระบะ เรียกว่าถ้ากระบะหนึ่งไม่ขึ้นก็ยังมีสำรอง นับว่าเขาไม่ได้ใจร้ายเกินไปนัก หลังจากหย่อนเมล็ดลงในหลุมปลูก รดน้ำจนชุ่มแล้ว หญิงสาวก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก เธอไปกินข้าวเที่ยงที่สาลี่โฮมสเตย์ซึ่งเป็นบ้านของอารำพึงหรือมารดาของคะนึงรัก จากนั้นก็ออกไปเที่ยวตลาดกับกลุ่มนักศึกษา โดยมีเพชรพร้อมเป็นคนพาเที่ยว สาวๆ พวกนั้นล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มร่างยักษ์ตลอด เธอจึงไม่ได้คุยอะไรกับเขามาก พอตกเย็นก็กลับมากินข้าวฝีมืออารำพึงอีกรอบ นับว่าเป็นสองมื้อที่อร่อยจนแสงแทบออกปาก แต่ก็เหงานิดหน่อยเหมือนกันเพราะคนอื่นมาเป็นกลุ่ม ต่างกับเธอซึ่งมาตัวคนเดียวส่วนวันที่สองเธอมาขลุกอยู่กับนางรำพึงทั้งวันเพราะลูกค้ารายย่อยที่ติดต่อมาเมื่อวันก่อนเข้ามาซื้อมะพร้าวในสวน บิดาของชายหนุ่มไม่อยู่ เพชรพร้อมจึงต้องจัดการเองทั้งหมด หลังจากผ่านไปครึ่งวันจิตแพทย์สาวก็เริ่มสนิทกับสี่สาวและหนึ่งหนุ่มรุ่นน้องมากขึ้น คุยเล่นกันมากขึ้น จะมีก็แค่ลิ้
เพชรพร้อมนอนกลอกตามองเพดานไปมา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวยังอบอวลอยู่ภายในห้อง ทำเอาหัวใจเต้นรัวในจังหวะที่พินทุอรประคองเขากลับขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง เนื้อตัวของเธอบดเบียดกับเขา รู้หรอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร แต่ไอ้เขามันก็พวกจิตอกุศลเสียด้วยทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดพินทุอร อวัยวะในร่างกายมีเพียงสองส่วนเท่านั้นที่ทำงานหนักหน่วง หนึ่งคือหัวใจที่เต้นตึกตักเหมือนรัวกลอง สองคืออวัยวะเบื้องล่างที่คอยแต่จะกลายร่างพองเอาๆ ส่วนอวัยวะที่ได้ตายไปแล้วก็คือสมอง เพราะสมองของเขาไม่เคยประมวลผลอะไรที่สูงกว่าใต้สะดือได้เลยพินทุอรเป็นผู้หญิงที่น่า ‘รัก’ น่า ‘กิน’ จนเขาอยากจะรักและกินเธอไปชั่วชีวิตพอคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ตื่นจากการหลับใหล ผงาดง้ำค้ำโลกขึ้นมาอย่างไม่อายฟ้าดินอีกแล้วเหรอวะ ไอ้เพชรเอ๊ย...ขนาดไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกไปขี้รอบที่หก แต่ยังแข็งโด่เด่ได้อีกนะ เวรแท้ๆชายหนุ่มคว้าหมอนหนุนมากอด พลิกตัวนอนตะแคงเพราะไม่อยากให้หญิงสาวสงสัย มันคงจะแปลกๆ ถ้าเธอเข้ามาแล้วเห็นหมอนใบใหญ่วางเด่นเป็นสง่าอยู่ที่กึ่งกลางกายเขาพินทุอรกลับมาหลังจากหายไปราวสิบนาที เข้ามาปุ๊บก็ถามปั๊บ “หลับหรือยัง”“ยัง”“แล
ตกเย็นเรื่องที่เขาป่วยจนต้องเรียกคนงานมาดูแลถึงห้องนอนก็รู้ไปถึงหูคุณนายรำพึง หญิงสูงวัยรีบบึ่งมอเตอร์ไซค์มาที่บ้านสวนของเขาทันที มิหนำซ้ำยังหอบกับข้าวสำหรับคนป่วยมาเต็มไปหมด ทำเหมือนเขาเป็นผู้ป่วยติดเตียงมากกว่าคนท้องเสียธรรมดาเพชรพร้อมมองอาหารละลานตาที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะไม้ขนาดเล็กในห้องนอน แล้วบ่นเบาๆ “อะไรกันครับอา ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”“เรื่องใหญ่สิ ปกติเพชรไม่เคยป่วยหนักจนต้องนอนทั้งวันขนาดนี้ ตอนแรกที่อารู้ก็นึกว่าท้องเสียนิดหน่อย เลยไม่ไปบ้านอา แต่นี่อะไร นอนหยอดน้ำข้าวต้มจนถึงเย็นเลย แสดงว่าต้องหนักมาก”“ผมแค่อยากนอนพักเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มตอบพลางหลบตา“อาเรียกหนูลิ้นจี่มาดูแลแล้ว เดี๋ยวให้เข้ามาช่วยเช็ดตัวหน่อยละกัน”“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวผมจะลุกไปอาบน้ำแล้ว อาบอกให้ลิ้นจี่กลับไปเลยนะ ไม่ต้องให้เข้ามา”“แล้วใครจะดูแลเพชรล่ะ”“คุณอิงก็อยู่ เธอเป็นหมอ ดูแลผมได้”“ไปรบกวนหนูอิงได้ยังไงเล่า เธอเป็นแขกของลี่”“แล้วทำไมรบกวนลิ้นจี่ได้” เพชรพร้อมเถียง“ก็ลิ้นจี่เป็นแขกของอา” นางรำพึงซ่อนยิ้มไว้ในหน้าแล้วว่าต่อ “ไม่ต้องมาทำลีลากระบิดกระบวน ลุกขึ้นมากินข้าวซะ เดี๋ยวลิ้นจี่คงขึ้นมาพร้อม
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิงพริสาเหมือนจะขอโทษ หันมาหาพินทุอร แล้วถามขึ้น“ผมขอเล่นกับน้องอีกได้ไหมครับ”“ได้สิลูก ชวนน้องดีๆ นะคะถ้าอยากเล่นด้วยกัน” พินทุอรยิ้มจากนั้นเพชรพร้อมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกสาวสุดแสบ“ส่วนเรา...เด็กหญิงพริสา เพียงดินดี...” เขาเรียกชื่อลูกสาวเสียเต็มยศเป็นการบอกเด็กหญิงอ้อมๆ ว่าคราวนี้เธอทำผิด “วันนี้หนูพรีมผิดตรงไหน บอกพ่อซิคะ”“หนูใช้กำลังทำร้ายพี่”“ผิดไหมคะ”“ผิดค่ะ”“แล้วต้องทำยังไง”เด็กหญิงพริสาหันไปหาเด็กชายคู่กรณี ยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้เด็กชายรุ่นพี่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัด“หนูพรีมผิดเองค่ะที่ดึงผมพี่พัตเตอร์ หนูพรีมขอโทษค่ะ หนูพรีมจะไม่ทำอีกแล้ว วันหลังเราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ”“เก่งมาก” เพชรพร้อมชม “นอกจากพี่พัตเตอร์แล้วหนูพรีมต้องขอโทษใครอีกไหมคะ”ฟังจบเด็กน้อยก็หันไปทางคุณครูดาว กระพุ่มมือน้อยๆ ไหว้ “หนูพรีมขอโทษคุณครูดาวค่ะที่ทำให้คุณครูเสียเวลา หนูพรีมจะไม่ทำอีก”คุณครูดาวรับไหว้ ลูบศีรษะเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดูจากนั้นเด็กหญิงก็หันไปหามารดาครู่กรณีที่อยากจะดึงผมเธอ “หนูพรีมขอโทษคุณน้าคนสวยด้วยค่ะที่หนูพรีมไปรังแกพี่พัตเตอร์ หนูพรีมจ
โทรศัพท์มือถือของพินทุอรสั่นระรัวเมื่อเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยจิตแพทย์สาวเลื่อนแฟ้มคนไข้ออกห่างตัว หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง พยายามปรับน้ำเสียงให้เยือกเย็น แล้วจึงกดรับสายจากครูฝ่ายปกครอง“สวัสดีค่ะคุณครูดาว”“คุณแม่คะ ครูต้องโทร. มารบกวนคุณแม่อีกแล้วค่ะ”“วันนี้ใครคะ พอร์ชหรือพราม” พินทุอรถามด้วยความเคยชินเป็นอันรู้กันว่าลูกชายฝาแฝดของเธอ พอร์ชและพราม อายุแค่แปดขวบ แต่ทำให้เพื่อนร่วมห้องร้องไห้กระจองงองแงและไปฟ้องครูประจำชั้นแทบทุกวันมาตั้งแต่เข้าชั้นประถมแล้วสาเหตุที่เพื่อนๆ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอจะไปรังแกเด็กที่ไหนหรอกนะ แต่สองแฝดนั่นชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แล้วก็ชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดุๆ แค่นั้นเองได้พ่อมาแท้ๆ...ปลายสายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบมาเหมือนเกรงใจ“วันนี้ไม่ใช่แฝดค่ะ สองหนุ่มนั่นพอขึ้นป.สองแล้วก็พอจะพูดรู้เรื่อง ไม่ค่อยทำหน้าบึ้งหรือตาขวางจนเพื่อนกลัวแล้ว แถมยังมีเพื่อนที่กล้าเข้าไปเล่นด้วยสองสามคนแล้วนะคะ ถือว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดค่ะ เพราะตอนป.หนึ่ง สองแฝดไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นด้วยเลย”“ถ้างั้นวันนี้ใครคะ” พินทุอรถามแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้เป็นอย
งานแต่งงานและทริปฮันนีมูนผ่านไปอย่างราบรื่น และพินทุอรก็ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดได้เดือนเศษแล้ววันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะเพชรพร้อมต้องมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจึงพาพินทุอรมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองระหว่างที่ภัคจิรากำลังเดินเลือกร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่จะต้องมาฟังงานบรรยายวิชาการ หญิงสาวก็เห็นพินทุอรกำลังจูงมือสามีหนุ่มเลือกร้านอาหารอยู่เช่นกันหลังจากมีเรื่องกันคราวก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอพินทุอรอีกเลย เธอตามหึง ตามคุมรัชตะไม่ห่าง จนได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกแม้แฟนหนุ่มจะไม่เคยพูดถึงพินทุอรอีกเลยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าภัคจิรารับรู้จากท่าทางของรัชตะว่ายังคิดถึงแฟนเก่าคนนี้ไม่เลิก ความอิจฉาแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอจึงหันไปหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วบอก“พี่เจอคนรู้จัก ขอเข้าไปทักแป๊บนึงนะ”“ใครคะพี่ภัค”“แฟนเก่าพี่หมอโอ๊ตน่ะ มากับผัวใหม่” ภัคจิราแสร้งยิ้มหยันรุ่นน้องสาวมองตามแล้วสูดปาก “หูย...คนใหม่ของเขาแซ่บระดับพริกร้อยสวนเลยนะพี่ ทั้งสูง ทั้งหุ่นเพอร์เฟกต์ แถมยังผิวสีแทนดูกร้าว
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา...ในขณะที่พินทุอรก้าวเข้าไปเช็กอินในรีสอร์ตสุดหรูที่เพชรพร้อมบรรจงเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อมาฮันนีมูน เพลงที่มารดาของพินทุอรชอบเปิดให้ฟังในวัยเด็กก็แว่วมาในความทรงจำมองจากตรงล็อบบียังสามารถเห็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงแดดทอประกายระยิบระยับ ส่วนท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ก็ดูสดใสเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวสวยเหมือนรูปในโปสการ์ดเลย...สามวันสองคืนต่อจากนี้เธอจะสวมแต่บิกินีสุดเซ็กซี่ แล้วทอดกายไปกับหาดทรายขาว หยอกเย้ากับเกลียวคลื่นที่ซัดสาด ปล่อยให้ผิวกายดื่มด่ำวิตามินดีจากแสงแดดเสียให้พอ จากนั้นก็กลับมาอาบน้ำเย็นๆ ให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวลงไปจัดการบุฟเฟต์อาหารทะเล เบียร์และไวน์แบบฟรีโฟลว์หรือที่เรียกว่าดื่มได้ไม่อั้นแค่คิด...พินทุอรก็แทบจะล่องลอยไปสรวงสวรรค์แล้ว“ชอบห้องพักไหมอิง” เพชรพร้อมถามเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในพูลวิลลาหลังใหญ่ แบบที่เปิดออกไปแล้วมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแยกจากสระหลัก มีรั้วสูงกั้นไว้อย่างมิดชิดเป็นสัดส่วน เพื่อให้คู่รักที่มาพักได้ใช้เวลาทำ ‘กิจกรรม’ ได้อย่างเต็มที่สมกับชื่อห้องฮันนีมูนสวีต แถมยังมองเห็นทะเลกับหาดทรายได้แบบพาโน
เสียงบรรเลงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสวนเพียงดินดีบรรยากาศในวันนี้สวยงามและหวานชื่นไม่ต่างจากภาพในงานแต่งงานที่เห็นในละครมากนัก จะแตกต่างก็เพียงมวลความสุขและความสนุกสนานที่โอบล้อมงานในวันนี้ล้นเอ่อจนทุกคนในงานสัมผัสได้เพชรพร้อมสวมชุดสูทสากลสีชมพูอ่อนนั่งพนมมือวางบนหมอนสำหรับรดน้ำสังข์ โดยมีพินทุอรซึ่งสวมชุดไทยสีชมพูอย่างที่เพชรพร้อมชอบคาดทับด้วยสไบสีทองนั่งอยู่เคียงกันทางซ้ายมือ รอบคอของทั้งคู่มีพวงมาลัยสองชายห้อยอุบะที่ชายมาลัย ซึ่งพวงมาลัยนี้ร้อยอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของนางรำพึงผู้เป็นแม่งานบ่าวสาวยิ้มให้กันด้วยความชื่นมื่นในระหว่างรอทำพิธีรดน้ำสังข์ ก่อนจะเป็นเพชรพร้อมที่ก้มลงไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าแผ่นบางขึ้นมาซับเบาๆ ไล่ไปตามไรผมที่ล้อมกรอบหน้าของเจ้าสวยคนสวย“เหนื่อยไหมอิง”“ไม่เหนื่อย”“ร้อนหรือเปล่า” ถามเสร็จก็ยิ้มให้“เปิดแอร์ขนาดนี้ อิงจะเอาอะไรมาร้อน”“หนาวเกินไปไหม”“ไม่เลย กำลังดีแล้ว”เพชรพร้อมฟังแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง เอื้อมมือไปกุมมือพินทุอร มองตากันแล้วก็ยิ้มให้กันอีกหนคะนึงรักชะงักกึก พานใส่มงคลแฝดหรือมงคลที่ใช้สวมศีรษะบ่าวสาวแทบร่วง เธอวางพานใส่มงคลลง แล้
การ์ดแต่งงานถูกส่งไปทั่วโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญนี้“เป็นไงบ้างไอ้โอ๊ต พักนี้ชีวิตดีไหม”รัชตะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาขมวดคิ้วตอนที่คนมาใหม่เดินเข้ามาหาในห้องทำงานพร้อมรอยยิ้มแบบแปลกๆนายแพทย์อรัญอยู่แผนกสูตินารีเวช เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก ศัลยแพทย์หนุ่มจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนที่แทบไม่ได้คุยกันเข้ามาทักทาย“มีอะไร” เขาถามตรงๆ“รู้ข่าวหรือยังวะ แฟนเก่าของมึงกำลังจะแต่งงาน”รัชตะชะงัก “หมายถึงใคร อิงน่ะเหรอ”“ใช่ หมออิงจะแต่งงาน แล้วก็ย้ายไปต่างจังหวัดด้วย”อรัญโบกการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้ากลางอากาศ พลางทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรัชตะปรายตามองการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินขลิบทองในมือเพื่อนร่วมงาน แล้วเบ้หน้าเหมือนไม่แคร์ แต่มือข้างที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นจนเจ็บ“ความจริงไม่ต้องแจกการ์ดก็ได้ น่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงกระจอกที่บ้านนอกเท่านั้น”“เขาจัดงานกันที่โรงแรมในกรุงเทพฯ นี่แหละ ระดับห้าดาวเสียด้วย” อรัญบอกชื่อโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง“จะจัดหรูแค่ไหน เจ้าบ่าวก็กระจอกอย
ในที่สุดนางรำพึงก็ต้องใช้ฤกษ์สำเร็จรูปจนได้ ใครจะไปคาดคิดว่าหลานชายตัวดีจะใจร้อนขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังจูงมือกันไปจดทะเบียนเรียบร้อย มันน่าตีให้ตายนัก‘น่าจะบอกผู้หลักผู้ใหญ่ก่อน จะได้นัดไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ’ นางรำพึงบ่นเป็นหมีกินผึ้งหลังจากหลานชายโทร. มาบอกเรื่องจดทะเบียนสมรสกับพินทุอรแล้ว‘ผมโทร.บอกพ่อแล้ว พ่อก็ไม่ว่าอะไร’‘ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ทางหนูอิงหรือเปล่า ถึงผู้หญิงเขาจะอยู่ตัวคนเดียว แต่ก็คงมีญาติอยู่บ้าง’‘ญาติพวกนั้นอิงไม่นับญาติหรอกอา ไม่เคยสนใจหรือเจอหน้ากันเกินสิบปีแล้ว จะมีก็แต่ครอบครัวของวิณทร์นั่นแหละที่อิงนับถือเหมือนญาติ แต่อิงก็พาผมเข้าไปกราบปู่ของวิณทร์มาแล้วนะ ยิ่งรู้ว่าผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของลี่ ก็แทบไม่ต้องทำความรู้จักอะไรกันเลย ทางสะดวกสุดๆ’‘แล้วจะจัดงานไหม’‘จัดครับอา ทางบ้านวิณทร์เขาอยากให้จัด โดยเฉพาะคุณปู่ของวิณทร์บอกว่าถึงจะจดทะเบียนกันแล้ว ก็ต้องจัดงานแต่งงานด้วย’ พอเพชรพร้อมบอกแบบนั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเหมือนโล่งอกของคุณนายรำพึงถึงอย่างไรหญิงสูงวัยก็ยังเป็นคนรุ่นเก่า ย่อมอยากให้มีพิธีแต่งงานสักหน่อย จะเล็ก จะใหญ่ อย่างไรก็ได้ แต่อย่างน้อยก็อยากให้มีเพ
พินทุอรมองอาหารละลานตาตรงหน้าแล้วอดขำไม่ได้ “ลี่เอ๊ย...ถ้าพี่กับเพชรกินอาหารของลี่หมดนี่ ไม่ต้องแต่งงานแล้วละ วนรอบเมรุสามรอบแล้วก็เผาได้เลย”“ก็ชิมอย่างละนิดสิคะพี่อิง นิดเดียวก็รู้รสแล้ว ลี่สั่งซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งที่พี่ชอบมาด้วยนะ อยู่ในจานไหนสักจานนึงนั่นแหละ ไม่ก็อาจจะยังอยู่ในครัว เพราะจานไม่พอ”“นี่ยังมีอีกเหรอวะไอ้ลี่” เพชรพร้อมเริ่มขำ“มี มีของที่พี่เพชรชอบด้วย” คนเป็นน้องยิ้มเอาใจ “ส่วนของเสือน้อยเป็นข้าวตุ๋นกับฟักทองญี่ปุ่นและหมูสับ ถือว่าได้ร่วมฉลองด้วย”“เอาๆ กินกัน ไม่หมดก็ไม่ต้องกลับบ้านละกัน”“ผมไปเปิดไวน์ให้นะ ฉลองจดทะเบียนทั้งที เอาขวดที่แจ่มๆ เลย” วิณทร์วายุส่งลูกชายตัวป้อมให้ภรรยาสาว ก่อนจะหันไปถามเพชรพร้อมเรื่องไวน์เพราะเพื่อนสนิทเคยเล่าให้ฟังว่าเจ้าของสวนเพียงดินดีก็ชอบดื่มไวน์และมีความรู้เรื่องไวน์เหมือนกัน “เพชรมีไวน์ปีไหนที่ชอบเป็นพิเศษไหม เผื่อที่บ้านมี จะได้เปิดขวดนั้น”“เอาที่คุณเลือกเลยวิณทร์ ผมดื่มได้หมด”คะนึงรักรีบเสริม “รายนี้เน้นสุด ไม่เน้นทรง กะแช่ สาโท ยี่สิบแปดดีกรี พี่เพชรย้อมยังดื่มได้เลย”ทั้งสี่คนกับอีกหนึ่งเด็กน้อยกินอาหารเย็นที่คะนึงรักสั่งมาด
วันรุ่งขึ้นพินทุอรตื่นขึ้นในอ้อมกอดของเพชรพร้อมด้วยความสดชื่นการได้เล่าเรื่องส่วนตัวที่ไม่สวยงามนักให้เพชรพร้อมฟัง เป็นการปลดเปลื้องพันธนาการบางอย่างที่ฉุดรั้งพินทุอรมาหลายปี ทำให้เธอกับเขาได้รู้จักกันลึกซึ้งมากกว่าเดิมอีกขั้นหนึ่ง ที่ผ่านมานั้น นอกจากที่จำเป็นต้องเล่าให้คะนึงรักฟังแล้ว จิตแพทย์สาวก็ไม่เคยรู้สึกไว้ใจใครมากพอที่จะเล่าเรื่องบอบช้ำเหล่านี้ให้ฟังเลยแต่กับเขา...กับเพชรพร้อม...เธอรู้สึกว่าสามารถแบ่งปันได้ทุกเรื่องทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเช้านี้ เธอเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ ไว้ให้ชายหนุ่ม นั่นคือเทซีเรียลรสช็อกโกแลตใส่ชาม ฝานกล้วยหอมเป็นแว่นๆ วางไว้ด้านข้าง หยิบขวดนมสดจากตู้เย็นออกมาวางกลางโต๊ะอาหาร จากนั้นก็ต้มน้ำร้อนในไมโครเวฟ สำหรับชงกาแฟแบบทรีอินวัน เมื่ออาหารเช้าเสร็จ เขาก็ออกจากห้องน้ำพอดี“ว้าว...เตรียมอาหารเช้าให้ผมด้วย” น้ำเสียงเข้มดุนั้นเต็มไปด้วยความขบขัน“ภูมิใจนำเสนอขั้นสุดเลยนะ” เธอยักคิ้วกวนเพชรพร้อมนั่งลงกินอาหารเช้ากับเธอ ดูข่าวเช้าเพลินๆ จู่ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย“อิง...เราสองคน...มีลูกด้วยกันมั้ย”พินทุอรอมช้อนที่ตักซีเรียลค้าง มองหน้าเพ