สี่โมงตรงเป๊ะ เพชรพร้อมก็เห็นพินทุอรก้าวออกมาจากสถานีขนส่งประจำจังหวัด หญิงสาวยกมือกวักลมให้ตนเองอยู่หลายครั้ง จากนั้นใช้หลังมือแตะซับไปตามไรผมชื้นเหงื่อ พลางชะเง้อมองซ้ายขวา
แม้วันนี้จิตแพทย์สาวจะสวมเพียงกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดตัวโคร่งสีดำและรองเท้าผ้าใบสุดแสนจะเบสิก แต่ก็ทำให้หัวใจของคนมองเต้นผิดจังหวะ และหัวใจของเขาไม่ได้เต้นในจังหวะแบบนี้มาหลายปีแล้ว
เฮ้อ...สวยน่ารักขนาดนี้ จะมีโอกาสเป็นวาสนาไอ้เพชรไหมนะ
ชายหนุ่มก้าวออกจากบริเวณมุมตึกที่ยืนรออยู่ จ้ำพรวดๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเป้าหมาย เขาเข้าประชิดตัวเธอ ยื่นมือออกไปแล้วบอกเสียงเข้ม
“ส่งกระเป๋ามา มีเท่าไหร่ ส่งมาให้หมด”
“แกเป็นโจรเหรอ โจรมุมตึกสินะ เล่นผิดคนแล้วไอ้หนู” พินทุอรโวยวายเสียงดัง กอดกระเป๋าแน่นแนบอก และตั้งท่าจะใส่เดี่ยวกับเขาทันที
“เดี๋ยว ไม่ใช่ ผมมาจากสาลี่โฮมสเตย์ มารับคุณแทนอาพฤกษ์” เพชรพร้อมรีบอธิบายเมื่อเห็นจิตแพทย์สาวถกแขนเสื้อขึ้นเหมือนพร้อมลุย
“คุณคือ...” พินทุอรถาม ยังไม่ยอมส่งกระเป๋าให้ง่ายๆ
“เพชรพร้อม” เขาตอบสั้นๆ
หญิงสาวคลายมือออก ท่าทางผ่อนคลายขึ้น เมื่อนึกออกเธอก็ส่งยิ้มให้
“อ๋อ...น้องเพชร พี่ชายของลี่ใช่ไหม”
ได้ยินเธอเรียกแล้ว ‘น้องเพชร’ แทบล้มทั้งยืน จะเรียกอะไรก็ช่วยเกรงใจรูปร่างสูงใหญ่สุดแมนกับรอยสักสุดดุดันที่แขนและไหล่ของเขาบ้างเถอะ ชายหนุ่มขบกรามกรอดๆ ถามหน้าตึง น้ำเสียงห้วนสุดๆ “ใครน้องคุณ เราสองคนนับญาติกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
พินทุอรหุบยิ้ม “อ้าว...ก็พี่จำได้ว่าลี่มีลูกพี่ลูกน้องที่แก่กว่านิดหน่อย ชื่อเพชรพร้อม อายุน่าจะประมาณสามสิบสอง ซึ่งก็เด็กกว่าพี่เกือบสี่ปี พี่ก็เลยเสียมารยาทเรียกไปแบบนั้น ถ้าน้องไม่ชอบ...”
“ไม่ชอบ” ชายหนุ่มสวนทันที “จะเรียกท่านเพชร ไอ้เพชร เฮียเพชร หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้อง หรือถ้าไม่อยากสนิท เรียกคุณธรรมดาพอ”
“ได้สิได้ ไม่มีปัญหา” หญิงสาวตอบแต่น้ำเสียงเหมือนอยากจะมีปัญหาอยู่นิดหน่อย
“อารำพึงให้ผมมารับคุณไปพักที่บ้านของผมแทน เพราะที่สาลี่โฮมสเตย์ห้องพักเต็มแล้ว”
“แต่ฉันให้ลี่จองมาแล้วนะ”
“ผมรู้” ชายหนุ่มตอบ หลังจากนั้นจึงโทร. หานางรำพึงเพื่อให้หญิงสูงวัยอธิบายสถานการณ์ให้ฟังและยืนยันกับพินทุอรอีกครั้งว่าเขาคือเพชรพร้อม ไม่ใช่โจรลักพาตัว จากนั้นชายหนุ่มก็เปิดอินสตราแกรมให้ดูรูปตนเองที่ถ่ายกับคะนึงรักทั้งในงานแต่งงานของหญิงสาวและรูปถ่ายส่วนตัวอีกหลายรูปเพื่อแสดงว่าเขาคือเพชรพร้อมตัวจริง
“แปลว่าทริปนี้ฉันต้องพักที่บ้านคุณสินะ”
“ใช่”
เพชรพร้อมซ่อนยิ้มร้ายๆ ไว้ในดวงหน้า ซุกซ่อนแววตาเต้นระริกไว้มิดชิด จากนั้นเดินไปขนสัมภาระทุกชิ้นของพินทุอรไปใส่ไว้ในรถกระบะโฟร์วิลของเขา เมื่อหญิงสาวเดินตามมาที่รถ เขาก็ทำเก๊กหน้านิ่งจนปวดกราม ปาดนิ้วโป้งไปที่ประตูรถ บอกสั้นๆ เหมือนสั่ง
“ไปขึ้นรถ”
“ความจริงฉัน...”
“จะกลับเหรอ ถ้าไม่สะดวกใจนอนบ้านผม จะให้ผมไปส่งที่โรงแรมในตัวเมืองไหม ขับออกจากนี่ไปไม่ไกล ชั่วโมงกว่าๆ ก็น่าจะถึง” เพชรพร้อมโกหกคำโต เพราะเอาจริงๆ แล้ว จากที่นี่ไปถึงโรงแรมสวยๆ ในตัวเมือง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าขับเร็วสักหน่อย ไปแล้วกลับสองรอบก็ยังทัน
“ไม่เป็นไร ใกล้มืดแล้ว ไปนอนที่บ้านคุณนั่นแหละ” เธอสรุป
เพชรพร้อมพยักหน้ารับง่ายๆ พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่แสดงสีหน้าใดๆ ชายหนุ่มก้าวตามร่างบางไปที่รถ เมื่อเธอขึ้นรถเรียบร้อย เขาก็ปิดประตู หันหลังให้และกระตุกยิ้มร้ายที่มุมปาก
เสร็จโจร!
พินทุอรนั่งตัวเกร็งอยู่ในรถกระบะโฟร์วิลคันใหญ่ พลางเหลือบตามองมองข้างๆ อย่างระมัดระวังเป็นระยะ
ใบหน้าของเพชรพร้อมแกร่งกระด้าง จมูกโด่งเป็นสัน กรามเป็นสัน โหนกแก้มเป็นสัน เรียกว่าอะไรที่เป็นสันได้ ก็เป็นเหลี่ยมเป็นสันคมไปหมด ไม่มีความโค้งมนหรือละมุนตาในเครื่องหน้าของเขาแม้แต่นิดเดียว คิ้วเข้มหนาพาดเฉียงขมวดมุ่นแทบจะตลอดเวลา ริมฝีปากหยักลึกก็แทบจะไม่ปรากฏรอยยิ้มแม้แต่น้อย
ไหนจะกล้ามแขนใหญ่ๆ ที่แทบจะดันเสื้อยืดปริแตก อกแน่นตึงเปรี๊ยะ กับร่างกายสูงใหญ่ราวกับยักษ์และผิวสีแทนคล้ำเข้มนั่นอีก องค์ประกอบของเขารวมแล้วทำให้เขาดูน่ากลัวมากกว่าน่าคบ
จะมีก็แต่ขนตายาวเป็นแพที่ล้อมกรอบดวงตาคมดุสีนิลคู่นั้นกระมังที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาราวๆ หนึ่งเปอร์เซ็นต์ เรียกว่าถ้าไม่สังเกตก็คงมองไม่เห็นนั่นแหละ
นี่ถ้าคะนึงรักและวิณทร์วายุไม่รับรองหนักแน่นว่าเพชรพร้อมเป็นสุภาพบุรุษที่ไว้ใจได้เต็มร้อย พินทุอรไม่มีวันยอมไปพักที่บ้านเขาตามลำพังแน่นอน
“อีกนานไหม กว่าจะถึง” จิตแพทย์สาวพยายามชวนคุย หลังจากนั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่
“ถึงก็รู้เอง” เขาตอบสั้นและห้วนจัด
พินทุอรพยักหน้าเบาๆ จบการสนทนาเพียงเท่านั้นและมองออกไปนอกหน้าต่างแทน นาทีนี้จะเห็นกองฟาง เห็นควาย หรือเห็นตะกวดวิ่งข้ามคลองก็ได้ อย่างน้อยก็เจริญหูเจริญตากว่ามองหน้าเขาเป็นไหนๆ
ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เต็มใจให้เธอไปพักที่บ้านเขาสักนิด เรียกน้องก็ไม่พอใจ พูดด้วยก็ไม่เคยหันมามองหน้าหรือมองสบตา แต่เอาเถอะ เธอจะพักที่บ้านเขาแค่คืนเดียว แล้วพรุ่งนี้เช้าจะออกเดินทางเข้าไปพักที่โรงแรมในตัวเมืองตั้งแต่ไก่โห่ หวังเพียงว่าคืนนี้เขาคงไม่จับเธอฉีกเนื้อกินเป็นอาหารเย็นเสียก่อนเป็นพอ
ใช้เวลาเพียงไม่นาน เพชรพร้อมก็พาพินทุอรมาถึงบ้านของเขาที่มีเพียงรั้วเตี้ยๆ ทำจากท่อนซุงวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ด้านหน้าบ้านมีบริเวณกว้างขวางซึ่งทำเป็นแปลงผักสวนครัวหลากชนิดไปแล้วกว่าครึ่ง มีถนนโรยกรวดทอดยาวไปยังบ้านสองชั้นหลังใหญ่ ตกแต่งทันสมัยกว่าใครในละแวกนี้
ชายหนุ่มนำรถเข้าไปจอดในโรงรถ พาเธอเดินลัดเลาะเข้าสู่ตัวบ้านทางด้านข้าง ผ่านต้นไม้แสนร่มรื่น ก่อนจะนำสัมภาระของเธอไปเก็บในห้องนอน เขาให้คนงานพาหญิงสาวไปล้างมือและไปรอที่โต๊ะอาหารนอกอาคารซึ่งอยู่ในสวนเพื่อกินอาหารเย็น และเมื่อเขาตามลงมาสมทบก็เห็นจิตแพทย์สาวนั่งรออยู่ตามลำพัง
“ผมชอบมานั่งกินเข้าเย็นตรงนี้ คุณโอเคมั้ย หรืออยากเข้าไปนั่งเปิดแอร์ในบ้าน”
“ตรงนี้แหละ ฉันชอบ” เธอบอกไม่มองหน้าเขา เพราะมัวแต่มองบรรยากาศพืชผักสวนครัวรอบตัวด้วยความตื่นเต้น
“กับข้าวมีเท่านี้ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามสายบัว เมียคนงานที่ทำหน้าที่แม่ครัวซึ่งกำลังยกสำรับกับข้าวออกมาวางเรียงให้
“มีแกงหมูเทโพอีกอย่างนึงจ้ะพี่เพชร เดี๋ยวหนูเอามาทีหลัง”
เพชรพร้อมพยักหน้ารับรู้ จากนั้นตักข้าวให้หญิงสาวและตัวเองแล้วเอ่ยชวน
“กินสิ”
“ขอบคุณ”
ทั้งสองคนลงมือกินข้าวในความเงียบ ไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมองกันเท่าไหร่ ชายหนุ่มเดาว่าพินทุอรคงหิวจัดเพราะเอาแต่ก้มมองจานข้าว ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาเลยสักนิด หรือว่าเขาอาจจะต้องชวนเธอคุยบ้างเพื่อเพิ่มบรรยากาศความสนิทสนม
ว่าแต่...เขาจะชวนคุยอย่างไรดีไม่ให้เธออึดอัด ไม่ให้เธอจับได้ว่าเขาแอบหลงเธอนิดหน่อย ตื่นเต้นที่มีเธออยู่ใกล้ๆ ด้วย ถ้าถามเรื่องส่วนตัวก็อาจดูละลาบละล้วงเกินไป งั้นลองชวนคุยเกี่ยวกับอาหารบนโต๊ะก็แล้วกัน
“อิ่มยัง”
ได้ยินเขาถามปุ๊บ หญิงสาวก็วางช้อนส้อมปั๊บทันที
“อิ่มก็ได้ หมายถึง ฉันอิ่มแล้ว”
ชายหนุ่มมองกับข้าวด้านหน้าที่ยังเหลืออีกกว่าครึ่ง รวมทั้งข้าวสวยในจานข้าวของเธอที่พร่องไปเพียงนิดเดียว เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ดูเหมือนเขาจะประหม่าจนใช้คำพูดผิดเลยดูคล้ายไปเร่งเธอ
“ถ้ายังไม่อิ่มก็กินต่อ ผมรอได้”
“ไม่ ไม่ต้องรอ ฉันอิ่มแล้วจริงๆ” เธอดื่มน้ำจนหมดแก้วเพื่อยืนยันว่าจบมื้ออาหารเย็นแล้วจริงๆ
เพชรพร้อมกะพริบตาถี่ๆ ถอนใจแรงเพราะไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าการชวนสาวที่พึงใจคุยจะยากเย็นถึงเพียงนี้ ทำไมตอนที่ชวนคะนึงรักหรืออารำพึงคุย มันถึงไม่ยากเท่าไรนะ
พินทุอรลุกขึ้นยืน “งั้นฉันขอตัวไปพักผ่อนบนห้องเลยนะ”
“ห้องอยู่ชั้นสอง ขวามือ เดี๋ยวผมพาไป”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ไปเองได้” พูดจบเธอก็เดินลิ่วออกไปจากบริเวณรับประทานอาหาร
ชายหนุ่มก้าวตามไปอย่างช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่าหญิงสาวไม่ได้ไปผิดทาง แม้บ้านของเขาจะไม่ได้หลังใหญ่โตเดินจนหลงเหมือนคฤหาสน์ แต่ก็มีห้องหับและมุมต่างๆ อยู่ไม่น้อย คนไม่เคยมาอาจจะงงได้
เมื่อแน่ใจว่าพินทุอรขึ้นไปชั้นบนแล้ว ชายหนุ่มก็แวะห้องทำงานเพื่อหยิบไอแพด จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง แต่พอเปิดเข้าไปแล้วก็ต้องใจเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะมีแขกวีไอพีคนสวยยืนงงอยู่กลางห้อง
“คือ...ห้องนี้...”
“ห้องนี้...” พินทุอรทวนคำ พลางกวาดตามองไปรอบๆ
“ห้องผม” เพชรพร้อมบอก
“เอ้อ ตายจริง ฉันเข้าห้องคุณซะได้ ขอโทษนะ ก็ว่าอยู่ ว่าทำไมไม่มีกระเป๋าของฉันเลย”
“ห้องนอนคุณอยู่ฝั่งตรงข้าม”
ใบหน้าเล็กๆ แดงซ่านขึ้น เธอยกมือขึ้นทัดผมไว้หลังใบหูอย่างเก้ๆ กังๆ ไม่เหลือคราบคุณหมอสาวสุดมั่นใจ แต่กลับดูมีเสน่ห์สุดๆ ในสายตาของคนมอง
โอ๊ย...โคตรน่ารักเลยโว้ย ผู้หญิงอะไร
เพชรพร้อมขบกรามแน่นจนเป็นสันนูนเพื่อบังคับไม่ให้ตนเองยิ้ม ไม่รู้ตัวสักนิดว่าการทำเช่นนี้ทำให้ใบหน้าเข้มคมคายยิ่งดูน่ากลัว
หญิงสาวเหลือบตาขึ้นสบตากับเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่ประตูห้อง เธอพยายามจะเปิดประตูห้องนอนด้วยการผลักประตูออก แต่โชคร้ายที่ประตูบานนี้ต้องเปิดด้วยการดึงเข้าหาตัว
ชายหนุ่มมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู แล้วก็เอ่ยเสียงเรียบทั้งที่กลั้นหัวเราะอยู่
“ดึง”
“อ้อ ดึงสินะ ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไร”
สุดท้ายเพชรพร้อมก็กลั้นยิ้มไม่อยู่ ได้แต่ยกมือใหญ่หนาขึ้นปิดปากและภาวนาให้พินทุอรไม่เห็นว่าเขากำลังยิ้ม...ยิ้มอย่างสุขใจเสียด้วย
“ฉันกลับห้องตัวเองนะ” พูดจบพินทุอรก็รีบออกจากห้องของชายหนุ่มและรุดไปยังห้องตนเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที
ระหว่างที่เพชรพร้อมกำลังอิ่มเอมกับความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวรุ่นพี่ และวางแผนพาเธอไปเที่ยวเล่นในวันรุ่งขึ้น พินทุอรกลับยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่วมหัวที่ปกปักษ์รักษาเธอให้รอดพ้นจากยักษ์ดุร้ายตนนั้นมาได้ มิหนำซ้ำเธอยังภาวนาขอให้ตนเองได้ออกไปจากบ้านของชายหนุ่มให้เร็วที่สุด
แสงแรกของดวงอาทิตย์เพิ่งทาบทอที่ปลายขอบฟ้าได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพินทุอรเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความง่วงงุน เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตานอนก็เกือบตีสาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแปลกที่หรือไม่ค่อยไว้ใจผู้ชายที่นอนอยู่ห้องตรงข้ามกันแน่ เธอไม่ได้กลัวว่าเขาจะเข้ามาปล้ำหรือทำมิดีมิร้ายหรอกนะ แต่กลัวว่าเขาจะเข้ามาขบหัวเธอกินเป็นอาหารมื้อดึกต่างหากยังไม่ทันไร เสียงห้าวปนดุจากหน้าห้องก็ดังขึ้นอีก“คุณ...คุณอิง ตื่นได้แล้ว อาให้ผมพาคุณไปใส่บาตรที่วัด”เฮ้อ...นอกจากหน้าจะดุแล้ว เสียงยังดุได้อีกหญิงสาวเดินไปเปิดประตูทั้งๆ ที่หัวยุ่ง ผมชี้ฟูไปคนละทาง แต่คนอย่างพินทุอรไม่มีอะไรต้องอาย เพราะสำหรับเธอแม้เพชรพร้อมจะเป็นผู้ชายแต่ก็อายุห่างกันหลายปีแสง พูดง่ายๆ ก็คือมวยคนละรุ่น กระดูกคนละเบอร์ เธอจึงไม่ได้สนใจจะ ‘ทำสวย’ เพื่อให้เขาประทับใจ“ไปใส่บาตรเหรอ ใครไปบ้าง” เธอถาม“ตอนแรกจะมีเด็กนักศึกษาที่มาพักเมื่อวานไปด้วย”“แล้วตอนนี้ล่ะ” เธอยังถามต่อเพราะเขาไม่ยอมขยายความ“พวกนั้นยกเลิกแล้วเพราะขี้เกียจตื่นเช้า เหลือแค่คุณคนเดียว อาเลยให้ผมพาไปเอง”“อ้อ...ก็คือมีแค่คุณกับฉันสองคน” เธอสรุป“ใช่ แค่สองคน”จิตแพทย
รักเดียวใจเดียวอย่างนั้นหรือ...เพชรพร้อมใจเต้นรัวหลังจากโฆษณาสรรพคุณของตนเองไปหนึ่งดอก...ดอกสำคัญเชียวละชายหนุ่มตีหน้าตาย สบตาเธอตรงๆ เหมือนเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไร เขาวางถาดใส่อาหารคาวหวานและตะกร้าดอกไม้ที่เตรียมมาไว้บนพรม แล้วหาที่ให้หญิงสาวนั่งพับเพียบรอ จากนั้นเลื่อนบทสวดแผ่เมตตาที่พิมพ์เป็นระเบียบมาให้ตรงหน้า ก่อนจะบอกอย่างคนอยู่ใกล้วัด“รอให้คนมาอีกสักหน่อยนะ ไม่นานหรอก ผมรอด้านหลัง” เมื่อพูดจบก็ตั้งท่าจะลุกหนีไป“จะไปไหน มาใส่บาตรด้วยกันสิคุณ”“คุณใส่เถอะ อาเตรียมมาแค่ของคุณ”“ก็ใส่ด้วยกันได้นี่ แบ่งกัน”“ไม่ต้องหรอก” เพชรพร้อมปฏิเสธ กำลังจะถอยหลังไปยืนรอ ก็ได้ยินเสียงหวานทว่าหางเสียงสะบัดเล็กน้อยลอยแว่วมา“ทำไม ไม่อยากทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกับฉันหรือไง”ชายหนุ่มชะงัก มองหน้าเธออึ้งๆ โดยไม่สามารถทำหน้าเฉยเหมือนเมื่อห้านาทีที่แล้วได้อีก เพราะใจของเขาดันคิดไปถึงการตักบาตรร่วมขันของคู่บ่าวสาวในพิธีแต่งงานเสียฉิบ แถมยังคิดเลยเถิดไปถึงคืนเข้าหอเลยด้วยซ้ำส่วนกิจกรรมในคืนนั้นก็...ไอ้เพชรเอ๊ย....ในวัดแท้ๆ จีวรสีเหลืองเดินสวนกันขวักไขว่ ยังมีใจไปคิดอะไรแบบนั้นได้อีก ตกนรกหมกไหม้แ
เมื่อพินทุอรโดนเพชรพร้อมลากออกไป คนงานที่เหลืออยู่ก็มองหน้ากันไปมา โอดเดินสำรวจรอบๆ กระบะที่เสียหายก่อนจะพูดเสียงตื่นเต้น“พี่เพชรไม่ด่าว่ะ แถมยังไม่รีบมาเก็บลูกๆ ที่หล่นกระจายบนพื้นด้วย”“เห็นประคบประหงมมาเกือบเดือน ผมเดินเฉียดนิดเดียว พี่แกยังปารองเท้าแตะใส่ แล้วนี่อะไร หล่นตูมทั้งกระบะ เละกระจายเป็นโกโก้ครั้นช์ขนาดนี้ แม่งยังไม่ด่าสักคำ” สเตฟานโวย“ใช่ ปกติใครทำขนาดนี้ แกอาละวาดลั่นสวนไปแล้ว สองมาตรฐานชัดๆ” สมิงเสริมโอดลดเสียงลง ทำท่ามีลับลมคมในตอนที่ป้องปากบอก “แล้วเมื่อกี้ที่จับมือคุณอิงไปดูเสี้ยนน่ะ กูเห็นพี่เพชรหน้าแดงว่ะ”สมิงขมวดคิ้ว “ดำขนาดนั้น ยังแดงได้อีกเหรอวะไอ้โอด”“เออสิวะ มึงดูที่หูพี่แกสิ แดงแป๊ดเป็นตูดลิงเลย”นุ่มที่นั่งฟังเงียบๆ มานานขยับแว่นสายตาก่อนจะสรุปเสียงหนักแน่น “แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ”“ใช่ พี่เพชรแม่งคิดไม่ซื่อกับคุณอิงแน่นวล” โอดแกล้งม้วนลิ้น“นวลนั่นแม่กูโว้ยไอ้โอด ล้อชื่อแม่เป็นเด็กไปได้ เดี๋ยวโดนถีบ” สมิงค้อนขวับโอดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วตั้งข้อสังเกต “แต่คนอย่างพี่เพชรจะจีบหญิงติดเหรอวะ จีบยังไงพี่แกทำเป็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”“อย่าไปดูถูกสิพี่โอด เห็นแ
สามวันแล้วสินะที่พินทุอรอยู่กับเขาเพชรพร้อม...ชายหนุ่มรุ่นน้องร่างยักษ์ที่ไม่ยอมให้เรียกว่าน้องวันแรกของการชดใช้หนี้กรรมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพชรพร้อมเตรียมกระบะไม้และเครื่องปลูกไว้ให้เธอสองกระบะ เรียกว่าถ้ากระบะหนึ่งไม่ขึ้นก็ยังมีสำรอง นับว่าเขาไม่ได้ใจร้ายเกินไปนัก หลังจากหย่อนเมล็ดลงในหลุมปลูก รดน้ำจนชุ่มแล้ว หญิงสาวก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก เธอไปกินข้าวเที่ยงที่สาลี่โฮมสเตย์ซึ่งเป็นบ้านของอารำพึงหรือมารดาของคะนึงรัก จากนั้นก็ออกไปเที่ยวตลาดกับกลุ่มนักศึกษา โดยมีเพชรพร้อมเป็นคนพาเที่ยว สาวๆ พวกนั้นล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มร่างยักษ์ตลอด เธอจึงไม่ได้คุยอะไรกับเขามาก พอตกเย็นก็กลับมากินข้าวฝีมืออารำพึงอีกรอบ นับว่าเป็นสองมื้อที่อร่อยจนแสงแทบออกปาก แต่ก็เหงานิดหน่อยเหมือนกันเพราะคนอื่นมาเป็นกลุ่ม ต่างกับเธอซึ่งมาตัวคนเดียวส่วนวันที่สองเธอมาขลุกอยู่กับนางรำพึงทั้งวันเพราะลูกค้ารายย่อยที่ติดต่อมาเมื่อวันก่อนเข้ามาซื้อมะพร้าวในสวน บิดาของชายหนุ่มไม่อยู่ เพชรพร้อมจึงต้องจัดการเองทั้งหมด หลังจากผ่านไปครึ่งวันจิตแพทย์สาวก็เริ่มสนิทกับสี่สาวและหนึ่งหนุ่มรุ่นน้องมากขึ้น คุยเล่นกันมากขึ้น จะมีก็แค่ลิ้
เพชรพร้อมนอนกลอกตามองเพดานไปมา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวยังอบอวลอยู่ภายในห้อง ทำเอาหัวใจเต้นรัวในจังหวะที่พินทุอรประคองเขากลับขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง เนื้อตัวของเธอบดเบียดกับเขา รู้หรอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร แต่ไอ้เขามันก็พวกจิตอกุศลเสียด้วยทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดพินทุอร อวัยวะในร่างกายมีเพียงสองส่วนเท่านั้นที่ทำงานหนักหน่วง หนึ่งคือหัวใจที่เต้นตึกตักเหมือนรัวกลอง สองคืออวัยวะเบื้องล่างที่คอยแต่จะกลายร่างพองเอาๆ ส่วนอวัยวะที่ได้ตายไปแล้วก็คือสมอง เพราะสมองของเขาไม่เคยประมวลผลอะไรที่สูงกว่าใต้สะดือได้เลยพินทุอรเป็นผู้หญิงที่น่า ‘รัก’ น่า ‘กิน’ จนเขาอยากจะรักและกินเธอไปชั่วชีวิตพอคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ตื่นจากการหลับใหล ผงาดง้ำค้ำโลกขึ้นมาอย่างไม่อายฟ้าดินอีกแล้วเหรอวะ ไอ้เพชรเอ๊ย...ขนาดไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกไปขี้รอบที่หก แต่ยังแข็งโด่เด่ได้อีกนะ เวรแท้ๆชายหนุ่มคว้าหมอนหนุนมากอด พลิกตัวนอนตะแคงเพราะไม่อยากให้หญิงสาวสงสัย มันคงจะแปลกๆ ถ้าเธอเข้ามาแล้วเห็นหมอนใบใหญ่วางเด่นเป็นสง่าอยู่ที่กึ่งกลางกายเขาพินทุอรกลับมาหลังจากหายไปราวสิบนาที เข้ามาปุ๊บก็ถามปั๊บ “หลับหรือยัง”“ยัง”“แล
ตกเย็นเรื่องที่เขาป่วยจนต้องเรียกคนงานมาดูแลถึงห้องนอนก็รู้ไปถึงหูคุณนายรำพึง หญิงสูงวัยรีบบึ่งมอเตอร์ไซค์มาที่บ้านสวนของเขาทันที มิหนำซ้ำยังหอบกับข้าวสำหรับคนป่วยมาเต็มไปหมด ทำเหมือนเขาเป็นผู้ป่วยติดเตียงมากกว่าคนท้องเสียธรรมดาเพชรพร้อมมองอาหารละลานตาที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะไม้ขนาดเล็กในห้องนอน แล้วบ่นเบาๆ “อะไรกันครับอา ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”“เรื่องใหญ่สิ ปกติเพชรไม่เคยป่วยหนักจนต้องนอนทั้งวันขนาดนี้ ตอนแรกที่อารู้ก็นึกว่าท้องเสียนิดหน่อย เลยไม่ไปบ้านอา แต่นี่อะไร นอนหยอดน้ำข้าวต้มจนถึงเย็นเลย แสดงว่าต้องหนักมาก”“ผมแค่อยากนอนพักเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มตอบพลางหลบตา“อาเรียกหนูลิ้นจี่มาดูแลแล้ว เดี๋ยวให้เข้ามาช่วยเช็ดตัวหน่อยละกัน”“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวผมจะลุกไปอาบน้ำแล้ว อาบอกให้ลิ้นจี่กลับไปเลยนะ ไม่ต้องให้เข้ามา”“แล้วใครจะดูแลเพชรล่ะ”“คุณอิงก็อยู่ เธอเป็นหมอ ดูแลผมได้”“ไปรบกวนหนูอิงได้ยังไงเล่า เธอเป็นแขกของลี่”“แล้วทำไมรบกวนลิ้นจี่ได้” เพชรพร้อมเถียง“ก็ลิ้นจี่เป็นแขกของอา” นางรำพึงซ่อนยิ้มไว้ในหน้าแล้วว่าต่อ “ไม่ต้องมาทำลีลากระบิดกระบวน ลุกขึ้นมากินข้าวซะ เดี๋ยวลิ้นจี่คงขึ้นมาพร้อม
“จะดีเหรอวะแก ไปแนะนำพี่เพชรแบบนั้น มีที่ไหน ไปบอกให้หื่นๆ เถื่อนๆ แถมยังหยาบคายใส่พี่อิงแบบนั้นน่ะ ถ้าพี่เพชรทำจริง งานนี้พี่แกนกแน่ หรือถ้ามากไปกว่านั้น อาจจะได้ไปโรงพัก ไม่ข้อหาทำร้ายร่างกายก็ข้อหากระทำอนาจารแน่นอน” ตังเมท้วงลิ้นจี่เบาๆ เมื่อก้าวออกจากห้องนอนของเพชรพร้อมทั้งสองคนรู้กันว่าพินทุอรชอบผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย ขาวใสแนวโอปปาเกาหลี เพราะวันก่อนที่นั่งคุยกันเป็นกลุ่มแล้วคุยเรื่องผู้ชายในฝัน หญิงสาวรุ่นพี่บอกแบบนั้น ลิ้นจี่จึงแกล้งบอกเพชรพร้อมในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสเปกจิตแพทย์สาวทุกอย่าง“ช่วยไม่ได้ ฉันอุตส่าห์อ่อย กะหลอกให้พาเที่ยวแก้เซ็ง ดันไม่ตกหลุม กลับไปแอบชอบป้าแก่ๆ อีกไม่กี่ปีก็ถึงวัยหมดประจำเดือน รอรับเบี้ยคนชราแบบนั้นน่ะ”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่เพชรพร้อมบอกว่าแอบชอบคือใคร เพราะสายตาของชายหนุ่มคอยมองตามพินทุอรตลอดเวลาอยู่แล้ว“เบาหน่อยแก เดี๋ยวพี่อิงมาได้ยินเข้า จริงๆ พี่เขายังสาว ยังสวย แล้วก็น่ารักเป็นกันเอง แกอย่าไปตั้งแง่กับเขาเลยวะ”“ไม่รู้ละ ก็เขาดันเข้ามาลงสนามแข่งขันพิชิตหัวใจพี่เพชรกับฉันทำไมล่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องใจดีกับมือที่สาม”ตังเมทำตาโตเมื่อได
ชาคาโมมายล์ทำให้นอนหลับสบาย พินทุอรจึงนอนหลับแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอนในฝันนั้น...เพชรพร้อมยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดวงตาคมพราวระยับ แถมยังก้าวเข้ามาหาอย่างช้าๆ เขาสวมเสื้อสีเทาเข้มตัวเดียวกับที่สวมไปรับเธอในวันแรก มัดผมไว้ด้านหลังเหมือนวันนั้นอีกเหมือนกันแต่ในวันนี้...พินทุอรคอแห้งผาก พลางสำรวจร่างกายของเขาด้วยความชื่นชมสมองสั่งให้เธอถอยหนี แต่ขากลับไม่ทำตาม เธอปล่อยให้เขาก้าวเข้ามาประชิดตัว บดเบียดเรือนกายกำยำเข้าหาอย่างเร่าร้อนมือหนาเชยคางเธอขึ้น มองที่ริมฝีปากเธอด้วยสายตาสื่อความหมายบางอย่างโดยไม่ปิดบัง“จูบได้ไหม” เขาถามทั้งที่ก้มลงมาจนเกือบชิด“ได้สิ”เพชรพร้อมประคองใบหน้าของเธอไว้ด้วยสองมือ ก่อนจะทาบริมฝีปากอุ่นจนเกือบร้อนลงมาทักทายท้องน้อยเธอบิดมวน ปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อนับพันตัวบินวนอยู่ภายในริมฝีปากทั้งสองบดขยี้กันครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับเรียวลิ้นที่เกี่ยวกระวัดรัดรึง“อิง...อิง ผมขอมากกว่านี้ได้ไหม”มากกว่าจูบ...คือแบบนั้นสินะไม่รอให้เธอตอบ เพชรพร้อมดันเธอลงบนเตียงกว้างจากนั้นเขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าเธอ...จิตแพทย์สาวสะดุ้งตื่น เหงื่อแตกพลั่ก ร้อนไปหมดทั้งที่เปิดเครื่อ
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิงพริสาเหมือนจะขอโทษ หันมาหาพินทุอร แล้วถามขึ้น“ผมขอเล่นกับน้องอีกได้ไหมครับ”“ได้สิลูก ชวนน้องดีๆ นะคะถ้าอยากเล่นด้วยกัน” พินทุอรยิ้มจากนั้นเพชรพร้อมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกสาวสุดแสบ“ส่วนเรา...เด็กหญิงพริสา เพียงดินดี...” เขาเรียกชื่อลูกสาวเสียเต็มยศเป็นการบอกเด็กหญิงอ้อมๆ ว่าคราวนี้เธอทำผิด “วันนี้หนูพรีมผิดตรงไหน บอกพ่อซิคะ”“หนูใช้กำลังทำร้ายพี่”“ผิดไหมคะ”“ผิดค่ะ”“แล้วต้องทำยังไง”เด็กหญิงพริสาหันไปหาเด็กชายคู่กรณี ยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้เด็กชายรุ่นพี่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัด“หนูพรีมผิดเองค่ะที่ดึงผมพี่พัตเตอร์ หนูพรีมขอโทษค่ะ หนูพรีมจะไม่ทำอีกแล้ว วันหลังเราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ”“เก่งมาก” เพชรพร้อมชม “นอกจากพี่พัตเตอร์แล้วหนูพรีมต้องขอโทษใครอีกไหมคะ”ฟังจบเด็กน้อยก็หันไปทางคุณครูดาว กระพุ่มมือน้อยๆ ไหว้ “หนูพรีมขอโทษคุณครูดาวค่ะที่ทำให้คุณครูเสียเวลา หนูพรีมจะไม่ทำอีก”คุณครูดาวรับไหว้ ลูบศีรษะเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดูจากนั้นเด็กหญิงก็หันไปหามารดาครู่กรณีที่อยากจะดึงผมเธอ “หนูพรีมขอโทษคุณน้าคนสวยด้วยค่ะที่หนูพรีมไปรังแกพี่พัตเตอร์ หนูพรีมจ
โทรศัพท์มือถือของพินทุอรสั่นระรัวเมื่อเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยจิตแพทย์สาวเลื่อนแฟ้มคนไข้ออกห่างตัว หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง พยายามปรับน้ำเสียงให้เยือกเย็น แล้วจึงกดรับสายจากครูฝ่ายปกครอง“สวัสดีค่ะคุณครูดาว”“คุณแม่คะ ครูต้องโทร. มารบกวนคุณแม่อีกแล้วค่ะ”“วันนี้ใครคะ พอร์ชหรือพราม” พินทุอรถามด้วยความเคยชินเป็นอันรู้กันว่าลูกชายฝาแฝดของเธอ พอร์ชและพราม อายุแค่แปดขวบ แต่ทำให้เพื่อนร่วมห้องร้องไห้กระจองงองแงและไปฟ้องครูประจำชั้นแทบทุกวันมาตั้งแต่เข้าชั้นประถมแล้วสาเหตุที่เพื่อนๆ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอจะไปรังแกเด็กที่ไหนหรอกนะ แต่สองแฝดนั่นชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แล้วก็ชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดุๆ แค่นั้นเองได้พ่อมาแท้ๆ...ปลายสายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบมาเหมือนเกรงใจ“วันนี้ไม่ใช่แฝดค่ะ สองหนุ่มนั่นพอขึ้นป.สองแล้วก็พอจะพูดรู้เรื่อง ไม่ค่อยทำหน้าบึ้งหรือตาขวางจนเพื่อนกลัวแล้ว แถมยังมีเพื่อนที่กล้าเข้าไปเล่นด้วยสองสามคนแล้วนะคะ ถือว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดค่ะ เพราะตอนป.หนึ่ง สองแฝดไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นด้วยเลย”“ถ้างั้นวันนี้ใครคะ” พินทุอรถามแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้เป็นอย
งานแต่งงานและทริปฮันนีมูนผ่านไปอย่างราบรื่น และพินทุอรก็ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดได้เดือนเศษแล้ววันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะเพชรพร้อมต้องมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจึงพาพินทุอรมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองระหว่างที่ภัคจิรากำลังเดินเลือกร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่จะต้องมาฟังงานบรรยายวิชาการ หญิงสาวก็เห็นพินทุอรกำลังจูงมือสามีหนุ่มเลือกร้านอาหารอยู่เช่นกันหลังจากมีเรื่องกันคราวก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอพินทุอรอีกเลย เธอตามหึง ตามคุมรัชตะไม่ห่าง จนได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกแม้แฟนหนุ่มจะไม่เคยพูดถึงพินทุอรอีกเลยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าภัคจิรารับรู้จากท่าทางของรัชตะว่ายังคิดถึงแฟนเก่าคนนี้ไม่เลิก ความอิจฉาแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอจึงหันไปหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วบอก“พี่เจอคนรู้จัก ขอเข้าไปทักแป๊บนึงนะ”“ใครคะพี่ภัค”“แฟนเก่าพี่หมอโอ๊ตน่ะ มากับผัวใหม่” ภัคจิราแสร้งยิ้มหยันรุ่นน้องสาวมองตามแล้วสูดปาก “หูย...คนใหม่ของเขาแซ่บระดับพริกร้อยสวนเลยนะพี่ ทั้งสูง ทั้งหุ่นเพอร์เฟกต์ แถมยังผิวสีแทนดูกร้าว
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา...ในขณะที่พินทุอรก้าวเข้าไปเช็กอินในรีสอร์ตสุดหรูที่เพชรพร้อมบรรจงเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อมาฮันนีมูน เพลงที่มารดาของพินทุอรชอบเปิดให้ฟังในวัยเด็กก็แว่วมาในความทรงจำมองจากตรงล็อบบียังสามารถเห็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงแดดทอประกายระยิบระยับ ส่วนท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ก็ดูสดใสเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวสวยเหมือนรูปในโปสการ์ดเลย...สามวันสองคืนต่อจากนี้เธอจะสวมแต่บิกินีสุดเซ็กซี่ แล้วทอดกายไปกับหาดทรายขาว หยอกเย้ากับเกลียวคลื่นที่ซัดสาด ปล่อยให้ผิวกายดื่มด่ำวิตามินดีจากแสงแดดเสียให้พอ จากนั้นก็กลับมาอาบน้ำเย็นๆ ให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวลงไปจัดการบุฟเฟต์อาหารทะเล เบียร์และไวน์แบบฟรีโฟลว์หรือที่เรียกว่าดื่มได้ไม่อั้นแค่คิด...พินทุอรก็แทบจะล่องลอยไปสรวงสวรรค์แล้ว“ชอบห้องพักไหมอิง” เพชรพร้อมถามเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในพูลวิลลาหลังใหญ่ แบบที่เปิดออกไปแล้วมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแยกจากสระหลัก มีรั้วสูงกั้นไว้อย่างมิดชิดเป็นสัดส่วน เพื่อให้คู่รักที่มาพักได้ใช้เวลาทำ ‘กิจกรรม’ ได้อย่างเต็มที่สมกับชื่อห้องฮันนีมูนสวีต แถมยังมองเห็นทะเลกับหาดทรายได้แบบพาโน
เสียงบรรเลงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสวนเพียงดินดีบรรยากาศในวันนี้สวยงามและหวานชื่นไม่ต่างจากภาพในงานแต่งงานที่เห็นในละครมากนัก จะแตกต่างก็เพียงมวลความสุขและความสนุกสนานที่โอบล้อมงานในวันนี้ล้นเอ่อจนทุกคนในงานสัมผัสได้เพชรพร้อมสวมชุดสูทสากลสีชมพูอ่อนนั่งพนมมือวางบนหมอนสำหรับรดน้ำสังข์ โดยมีพินทุอรซึ่งสวมชุดไทยสีชมพูอย่างที่เพชรพร้อมชอบคาดทับด้วยสไบสีทองนั่งอยู่เคียงกันทางซ้ายมือ รอบคอของทั้งคู่มีพวงมาลัยสองชายห้อยอุบะที่ชายมาลัย ซึ่งพวงมาลัยนี้ร้อยอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของนางรำพึงผู้เป็นแม่งานบ่าวสาวยิ้มให้กันด้วยความชื่นมื่นในระหว่างรอทำพิธีรดน้ำสังข์ ก่อนจะเป็นเพชรพร้อมที่ก้มลงไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าแผ่นบางขึ้นมาซับเบาๆ ไล่ไปตามไรผมที่ล้อมกรอบหน้าของเจ้าสวยคนสวย“เหนื่อยไหมอิง”“ไม่เหนื่อย”“ร้อนหรือเปล่า” ถามเสร็จก็ยิ้มให้“เปิดแอร์ขนาดนี้ อิงจะเอาอะไรมาร้อน”“หนาวเกินไปไหม”“ไม่เลย กำลังดีแล้ว”เพชรพร้อมฟังแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง เอื้อมมือไปกุมมือพินทุอร มองตากันแล้วก็ยิ้มให้กันอีกหนคะนึงรักชะงักกึก พานใส่มงคลแฝดหรือมงคลที่ใช้สวมศีรษะบ่าวสาวแทบร่วง เธอวางพานใส่มงคลลง แล้
การ์ดแต่งงานถูกส่งไปทั่วโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญนี้“เป็นไงบ้างไอ้โอ๊ต พักนี้ชีวิตดีไหม”รัชตะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาขมวดคิ้วตอนที่คนมาใหม่เดินเข้ามาหาในห้องทำงานพร้อมรอยยิ้มแบบแปลกๆนายแพทย์อรัญอยู่แผนกสูตินารีเวช เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก ศัลยแพทย์หนุ่มจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนที่แทบไม่ได้คุยกันเข้ามาทักทาย“มีอะไร” เขาถามตรงๆ“รู้ข่าวหรือยังวะ แฟนเก่าของมึงกำลังจะแต่งงาน”รัชตะชะงัก “หมายถึงใคร อิงน่ะเหรอ”“ใช่ หมออิงจะแต่งงาน แล้วก็ย้ายไปต่างจังหวัดด้วย”อรัญโบกการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้ากลางอากาศ พลางทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรัชตะปรายตามองการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินขลิบทองในมือเพื่อนร่วมงาน แล้วเบ้หน้าเหมือนไม่แคร์ แต่มือข้างที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นจนเจ็บ“ความจริงไม่ต้องแจกการ์ดก็ได้ น่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงกระจอกที่บ้านนอกเท่านั้น”“เขาจัดงานกันที่โรงแรมในกรุงเทพฯ นี่แหละ ระดับห้าดาวเสียด้วย” อรัญบอกชื่อโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง“จะจัดหรูแค่ไหน เจ้าบ่าวก็กระจอกอย
ในที่สุดนางรำพึงก็ต้องใช้ฤกษ์สำเร็จรูปจนได้ ใครจะไปคาดคิดว่าหลานชายตัวดีจะใจร้อนขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังจูงมือกันไปจดทะเบียนเรียบร้อย มันน่าตีให้ตายนัก‘น่าจะบอกผู้หลักผู้ใหญ่ก่อน จะได้นัดไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ’ นางรำพึงบ่นเป็นหมีกินผึ้งหลังจากหลานชายโทร. มาบอกเรื่องจดทะเบียนสมรสกับพินทุอรแล้ว‘ผมโทร.บอกพ่อแล้ว พ่อก็ไม่ว่าอะไร’‘ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ทางหนูอิงหรือเปล่า ถึงผู้หญิงเขาจะอยู่ตัวคนเดียว แต่ก็คงมีญาติอยู่บ้าง’‘ญาติพวกนั้นอิงไม่นับญาติหรอกอา ไม่เคยสนใจหรือเจอหน้ากันเกินสิบปีแล้ว จะมีก็แต่ครอบครัวของวิณทร์นั่นแหละที่อิงนับถือเหมือนญาติ แต่อิงก็พาผมเข้าไปกราบปู่ของวิณทร์มาแล้วนะ ยิ่งรู้ว่าผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของลี่ ก็แทบไม่ต้องทำความรู้จักอะไรกันเลย ทางสะดวกสุดๆ’‘แล้วจะจัดงานไหม’‘จัดครับอา ทางบ้านวิณทร์เขาอยากให้จัด โดยเฉพาะคุณปู่ของวิณทร์บอกว่าถึงจะจดทะเบียนกันแล้ว ก็ต้องจัดงานแต่งงานด้วย’ พอเพชรพร้อมบอกแบบนั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเหมือนโล่งอกของคุณนายรำพึงถึงอย่างไรหญิงสูงวัยก็ยังเป็นคนรุ่นเก่า ย่อมอยากให้มีพิธีแต่งงานสักหน่อย จะเล็ก จะใหญ่ อย่างไรก็ได้ แต่อย่างน้อยก็อยากให้มีเพ
พินทุอรมองอาหารละลานตาตรงหน้าแล้วอดขำไม่ได้ “ลี่เอ๊ย...ถ้าพี่กับเพชรกินอาหารของลี่หมดนี่ ไม่ต้องแต่งงานแล้วละ วนรอบเมรุสามรอบแล้วก็เผาได้เลย”“ก็ชิมอย่างละนิดสิคะพี่อิง นิดเดียวก็รู้รสแล้ว ลี่สั่งซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งที่พี่ชอบมาด้วยนะ อยู่ในจานไหนสักจานนึงนั่นแหละ ไม่ก็อาจจะยังอยู่ในครัว เพราะจานไม่พอ”“นี่ยังมีอีกเหรอวะไอ้ลี่” เพชรพร้อมเริ่มขำ“มี มีของที่พี่เพชรชอบด้วย” คนเป็นน้องยิ้มเอาใจ “ส่วนของเสือน้อยเป็นข้าวตุ๋นกับฟักทองญี่ปุ่นและหมูสับ ถือว่าได้ร่วมฉลองด้วย”“เอาๆ กินกัน ไม่หมดก็ไม่ต้องกลับบ้านละกัน”“ผมไปเปิดไวน์ให้นะ ฉลองจดทะเบียนทั้งที เอาขวดที่แจ่มๆ เลย” วิณทร์วายุส่งลูกชายตัวป้อมให้ภรรยาสาว ก่อนจะหันไปถามเพชรพร้อมเรื่องไวน์เพราะเพื่อนสนิทเคยเล่าให้ฟังว่าเจ้าของสวนเพียงดินดีก็ชอบดื่มไวน์และมีความรู้เรื่องไวน์เหมือนกัน “เพชรมีไวน์ปีไหนที่ชอบเป็นพิเศษไหม เผื่อที่บ้านมี จะได้เปิดขวดนั้น”“เอาที่คุณเลือกเลยวิณทร์ ผมดื่มได้หมด”คะนึงรักรีบเสริม “รายนี้เน้นสุด ไม่เน้นทรง กะแช่ สาโท ยี่สิบแปดดีกรี พี่เพชรย้อมยังดื่มได้เลย”ทั้งสี่คนกับอีกหนึ่งเด็กน้อยกินอาหารเย็นที่คะนึงรักสั่งมาด
วันรุ่งขึ้นพินทุอรตื่นขึ้นในอ้อมกอดของเพชรพร้อมด้วยความสดชื่นการได้เล่าเรื่องส่วนตัวที่ไม่สวยงามนักให้เพชรพร้อมฟัง เป็นการปลดเปลื้องพันธนาการบางอย่างที่ฉุดรั้งพินทุอรมาหลายปี ทำให้เธอกับเขาได้รู้จักกันลึกซึ้งมากกว่าเดิมอีกขั้นหนึ่ง ที่ผ่านมานั้น นอกจากที่จำเป็นต้องเล่าให้คะนึงรักฟังแล้ว จิตแพทย์สาวก็ไม่เคยรู้สึกไว้ใจใครมากพอที่จะเล่าเรื่องบอบช้ำเหล่านี้ให้ฟังเลยแต่กับเขา...กับเพชรพร้อม...เธอรู้สึกว่าสามารถแบ่งปันได้ทุกเรื่องทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเช้านี้ เธอเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ ไว้ให้ชายหนุ่ม นั่นคือเทซีเรียลรสช็อกโกแลตใส่ชาม ฝานกล้วยหอมเป็นแว่นๆ วางไว้ด้านข้าง หยิบขวดนมสดจากตู้เย็นออกมาวางกลางโต๊ะอาหาร จากนั้นก็ต้มน้ำร้อนในไมโครเวฟ สำหรับชงกาแฟแบบทรีอินวัน เมื่ออาหารเช้าเสร็จ เขาก็ออกจากห้องน้ำพอดี“ว้าว...เตรียมอาหารเช้าให้ผมด้วย” น้ำเสียงเข้มดุนั้นเต็มไปด้วยความขบขัน“ภูมิใจนำเสนอขั้นสุดเลยนะ” เธอยักคิ้วกวนเพชรพร้อมนั่งลงกินอาหารเช้ากับเธอ ดูข่าวเช้าเพลินๆ จู่ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย“อิง...เราสองคน...มีลูกด้วยกันมั้ย”พินทุอรอมช้อนที่ตักซีเรียลค้าง มองหน้าเพ