หญิงสาวต่อสู้กับตัวเอง และกับชายหนุ่มเหนือร่าง...
หากกลับรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเร้าเมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไล้โลม กระชับสะโพกอวบอัดของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะแทรกตัวเองลงไปแทนที่กลีบกุหลาบสีสวยหอมรัญจวนใจของหญิงสาวที่เขาปรารถนาล้ำลึกเกินต้าน จมูกโด่งคมเฉียดไปกับร่างกายของเธอส่วนที่อ่อนไหวที่สุดอย่างยั่วเย้า ซึ่งทำให้มาตารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเห็นศีรษะได้รูปของเขากำลังอยู่ในท่วงท่าที่อันตรายเช่นนั้น
กรุ่นกลิ่นกายที่หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำออกมาจนหยดน้ำพราวตรงหน้า แม้พยายามดิ้นรนขัดขืน หากไม่อาจพ้นสองแขนกำยำของชายหนุ่มที่พยายามจับตรึงเรือนร่างที่เอาแต่ดิ้นเร่าให้หยุดนิ่ง เรียวปากอุ่นร้อน ยังคงก้มลงครอบครองเรือนกายงดงามของหญิงสาวอย่างห้ามใจไม่อยู่ ต่อเมื่อร่างงามถูกปลุกเร้าด้วยเรียวลิ้นร้ายกาจ มาตาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งงันได้เหมือนดังเดิม เธอยกสะโพกงามงอนขึ้นตอบรับเขา พร้อมสองมือน้อยจิกลงกับผ้าปูที่นอนเรียบหรูจนยับย่นไปหมด...
หลังพายุสวาทจบลง...มาตาก็แทบจะพลิกตัวหนีมือชายหนุ่มที่ยังคงตามมาไล้ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน หากสัมผัสนั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นไปกว่าเดิมเลยสักนิด
"อย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ย ฉันไม่ควรพาคุณมาที่นี่เลย หรือความจริง เราไม่ควรรู้จักกันด้วยซ้ำ !"
"คิดอะไรอย่างนั้นมาตา คุณทำให้ผมมีความสุขมากรู้มั้ย"
"อย่ามาพูดแบบนี้นะ คุณนี่มันทุเรศที่สุดเลย"
"เอาน่ามาตา คุณอย่าคิดอะไรมากมายเลยน่า ในเมื่อเราก็จดทะเบียนสมรส เป็นคน ๆ เดียวกันแล้ว มันไม่ได้อะไรเสื่อมเสีย ผิดทำนองครองธรรมสักนิด ผัวเมียที่ไหน เขาก็ทำแบบนี้กันทุกคู่นั่นล่ะ”
"คุณไม่เสื่อมเสีย แต่ฉันเสีย ฉันเสียเกียรติ เสียความรู้สึก”
"คุณก็คิดเยอะไป ทำไมไม่คิดว่าเราต่างมีความสุข วินวินด้วยกันทั้งคู่ แค่นั้นก็จบแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับคอนโดเรากันเถอะ”
"ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ที่นี่"
"งั้นก็ได้ เมียว่าไง ผัวก็ว่างั้น อยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน มีคนรับใช้ไม่ขาดสาย คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำงานบ้าน แค่เหนื่อยทำการบ้าน ทำหน้าที่ภรรยาที่แสนดีของผมนิดหน่อยก็พอแล้ว จริงมั้ย"
"คุณ..."
"พันษา ๆ คุณหัดเรียกชื่อสามีคุณให้ถูกๆ หน่อยได้มั้ยที่รัก มามะ ถ้าเหนื่อยก็นอนพักก่อน ผมขอกอดหน่อย"
"ฉันไม่..."
"ไม่อะไร กอดนิดเดียวเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อยนี่นา"
ชายหนุ่มอิดออด ก่อนเบียดตัวแนบชิด แล้วสวมกอดเธอเอาไว้นิ่ง ๆ ให้หญิงสาวได้แค่ดิ้นรนจนเหนื่อยแล้วก็หยุดนิ่งไปเอง ลอบถอนใจ ไม่รู้จะทำยังไงกับคาสโนวาจอมวายร้ายอย่างพันษาแล้ว
...
หลายวันผ่านไปในเช้าวันหนึ่ง...
สองสาวเพกับพลอยจอดรถอยู่หน้ารั้วบ้านราวกับวังของเพื่อนสาวอย่างมาตา หันมามองหน้ากันเลิกลักเหมือนตัดสินใจ
"เอายังไงกันดี"
"ก็ลุยซิแก มากันถึงขนาดนี้แล้ว"
"แต่ไอ้มิ้นท์ มันเคยสั่งไว้ไม่ให้เรามาวุ่นวายที่บ้าน เวลามันไม่อยู่นะ"
"แล้วเพรู้ได้ไงว่าไอ้มิ้นท์ไม่อยู่ ในเมื่อเรายังไม่ได้เข้าไปดูแบบนี้ อย่าลืมสิ ตั้งแต่วันเกิด ที่เรานัดกันไปเที่ยว ไอ้มิ้นท์มันหายไปเลยนะ"
"ฉันรู้ ไม่ลืมหรอก ก็แค่ลังเลน่ะ"
"ไม่มีเวลาลังเลแล้ว แกลงไปกดกริ่งเลย อยู่อย่างนี้จะไปรู้เรื่องอะไรกันล่ะ เถียงกันอยู่สองคนแบบนี้"
"โอ.เค. ๆ ได้ เอาไงเอากันนะ"
เพเปิดประตูรถก้าวลงไปรวดเร็วอย่างตัดสินใจ ก่อนเสียงกริ่งจะดังขึ้นพร้อมกับแม่บ้านที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาโผล่หน้าให้เห็น
"ฉันสองคนเป็นเพื่อนคุณมาตา ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย"
"คงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณมาตาไม่อยู่"
"อ้าว แล้วไปไหนล่ะ"
"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นออกไปกับเพื่อนหนุ่มหลายวันแล้ว"
"อะไรนะ เพื่อนหนุ่ม"
"ค่ะ รู้สึกจะชื่อคุณพันษาอะไรนี่ล่ะค่ะ"
"พันษา..."
คราวนี้ทั้งสองสาวแทบประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
"แล้วเขาไปกันนานหรือยัง"
"ไปตั้งแต่เมื่อวาน หอบเสื้อผ้าไปหลายกระเป๋า น่าจะนานนะคะ กว่าจะกลับ"
"หอบเสื้อผ้าไปด้วย"
"บร๊ะเจ้า ! เอาแล้วไง นี่ใจคอจะหยิบชิ้นปลามันแซงหน้ากันเลยเหรอไอ้มิ้นท์ เป็นไปได้ไงวะ"
สองสาวหันมามองหน้า สบตากันด้วยความประหลาดใจ
"งั้นไม่เป็นไรนะคุณแม่บ้าน ขอโทษที่มารบกวน ยังไงถ้าคุณมาตากลับมา บอกให้ไทร.เพื่อนเพกับพลอยด้วยแล้วกันนะ"
"ได้ค่ะคุณ...แล้วอิฉันจะเรียนคุณหนูให้นะคะ"
"ขอบใจ...งั้นฉันไปล่ะ ไปเพ...หมดธุระแล้วก็ไปกัน เถอะ"
พลอยก้าวนำไปที่รถ ขณะที่เพรู้สึกราวกับตัวเองหมดเรี่ยวแรงเสียงั้นแหละ ทั้งงุนงงและประหลาดใจไปสารพัด เกิดอะไรขึ้นกับมาตากันแน่นะ...
…
"นี่มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอคุณพันษา ฉันไม่ใช่นักโทษนะ ถึงได้จับมาขังไว้แต่ในคอนโดแคบ ๆ ของคุณแบบนี้ แล้วยังมือถืออีก ฉันไม่ใช่เด็กๆ คุณไม่มีสิทธิ์มายึดของของฉัน ไอ้บ้าเอ๊ย !”
"ใครว่า ผมมีสิทธิ์โดยชอบของความเป็นสามีไง หรือคุณไม่เชื่อ ผมจะได้พิสูจน์ให้ดู"
"มะ ไม่ต้องเลยคุณ ไปให้พ้นเลยไป คนบ้า"
"ไล่จริ๊ง เดี๋ยวผมไปจริง ๆ อย่ามาร้องหาหงิง ๆ บ่นคิดถึงแล้วกัน"
ชายหนุ่ม จงใจยั่วหญิงสาวเต็มที่ แน่ล่ะ ตั้งแต่รู้จักกันมา ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น พันษายอมใจเลยเรื่องได้ยั่วโมโหมาตาให้สิ้นฤทธิ์ลงไปข้างหนึ่งนี่
"อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวคุณเสียหน่อย ก็แค่อยากให้คุณเปลี่ยนมือถือใหม่ เปลี่ยนอะไรไรใหม่ๆ บ้าง ก็เท่านั้น เอายังงี้ ถ้าคุณไม่เชื่อว่าผมหวังดีกับคุณจริงๆ ละก็...เราไปฮันนีมูนกันดีกว่า"
"ฮันนีมูน !"
หญิงสาวทวนคำ หนักขึ้นไปอีกมั้ยล่ะ แค่อยู่ในคอนโด ก็แทบไม่รู้จะหนีไปทางไหนได้แล้ว ยังต้องไปฮันนีมูนกันสองต่อสองอีกเหรอ
"ถูก ไปประเทศไหนกันดี ผมพาคุณไปได้หมด"
"ฉันไม่อยากไป"
"แต่คุณต้องไป ลูกเราจะได้สดใส แข็งแรงยังไงล่ะ"
"เอ๊ะ คุณ ฉันไม่ได้ท้องนะ"
"แต่ก่อนน่ะไม่ใช่ แต่ตอนนี้รู้ได้ไงว่ายังไม่ได้ท้อง ป่านนี้ไอ้ตัวน้อยๆ คงกระโดดเข้าท้องคุณตอนไหนไม่รู้แล้ว"
หญิงสาวรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว วูบวาบไปทั้งร่างจนต้องเสเดินหนีเขาไปอีกทาง แต่คอนโดของชายหนุ่มจะหรูแค่ไหน ก็เล็กกว่าคฤหาสน์หลังใหญ่ของเธออยู่ดีนั่นล่ะ จะหนีไปไหนได้นะแบบนี้ บ้าจริง !
"เขินเหรอคุณ"
นั่นไง เขาตามมาแนบชิด โอบกอดเธอไว้จากทางด้านหลัง จะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ปล่อยเธอง่าย ๆ เสียด้วย
"อื้อ คุณอย่าขี้โกงสิ"
"ผมไม่ได้ขี้โกง ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ เมียเท่านั้นเอง"
เขารีบบอกพร้อมก้มลงจูบเบาๆ ที่ซอกคอของเธอ ก่อนเสียงเคาะประตูถี่เร็วจะรัวขึ้นก่อนราวกับปืนกลก็ไม่ปาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.."ใครกันนะ ขัดจังหวะชะมัด!"ชายหนุ่มหงุดหงิด ก่อนขยับตัวออกห่าง แต่ยังไม่วายหอมแก้มแถมอีกฟอด ทิ้งทวนหรือทิ้งบอมส์ก็เกินจะรู้ได้"รบกวนขอกาแฟหอมกรุ่นให้ผมสักแก้วนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป ขอไปรับแขกก่อน เผื่อมีธุระสำคัญ"หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ก้าวไปเปิดประตู แล้วก็เบิกตากว้างเพราะคนตรงหน้าเป็นโรส คู่หมั้นของเขา ผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าบูดบึ้ง ท่าทางเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้าประตูนั่น"เฮ้ย คุณ มาได้ไงเนี่ย !"หลุดปากออกไป แล้วแทบผลักประตูปิด แต่อีกฝ่ายก็ดึงดัน และแทรกตัวเข้ามาจนได้ ด้วยความโกรธแท้ๆ ที่ทำให้เกิดพลังมหาศาลขนาดนั้น"คุยกันก่อนสิคะ เป็นลูกผู้ชายก็คุยกันดีๆ อย่ามาหลบหน้าหลบตาฉันแบบนี้""ผมไม่ได้หลบ แค่ไม่อยากให้มีปัญหา !""ปัญหาอะไรเหรอคะ หรือว่า นังผู้หญิงหน้าด้านของคุณอยู่ที่นี่ด้วย""สุภาพหน่อยสิคุณ มาตาเธอเป็นเมียผม ไม่อยู่ด้วยกันที่นี่ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณต่างหากโรส เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมสักทีได้ไหม เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้วนะ""จบยังไงล่ะคะ ในเมื่อฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ""หัดยอมรับความจริงเสียทีได้มั้ยโรส มันก็แค่การ
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ""ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ""ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ""แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้""ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที
มาตา พยายามทบทวน...สภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเธอในขณะนี้ มันช่างน่าเวียนหัวมากกว่าจะน่าสนุกและมันก็ทำให้มาตายืนอึ้งอยู่หน้าผับ กับแสงไฟวูบวาบหลากสีที่แวบวาบเข้าตาเป็นระยะๆ นั่น แล้วแทบถอนใจหนักไม่รู้อารมณ์ไหนจริงๆ ที่ดลใจให้เพื่อนๆ ของเธอเลือกพาเธอมาฉลองวันเกิดภายในผับแบบนี้ แทนที่จะไปนั่งฟังเพลงเพลินๆ เบาๆ ในร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง เพราะจะว่าไปแล้วมาตาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย มันช่างวุ่นวาย คราคร่ำมากมายไปด้วยผู้คนเสียจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียจริงเฮ้อ ! แถมไอ้ตัวคนนัดหมายก็ยังไม่โผล่หัวมาถึงอีกต่างหาก ไม่ว่าจะพยายามโทร.ไปตามกี่รอบๆ ก็ว่าใกล้ถึงแล้วๆ อยู่นั่น ทิ้งให้เธอยืนคว้างพิงรถหรูของตัวเองที่ลานจอออย่างขัดใจ !บ้าชะมัดเลย ! อดบ่นกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ หลังเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า เพราะเปิดไลน์เล่นจนเบื่อไปแล้ว และก่อนที่มาตาจะคิดทำอะไรต่อไป เสียงฝีเท้าคนวิ่งตรงมา ก็แทบทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ และดูจะยิ่งตกใจไปยิ่งกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มที่วิ่งมารวดเร็วนั่นตรงดิ่งมาหยุดนิ่งที่เธอแล้วรวบตัวเธอเอาไว้รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน"
แล้วไงต่อละเนี่ย!สุดท้าย ปัญหาก็มาสิ้นสุดลงที่เขานี่ล่ะ เพราะยังหญิงสาวอีกคน นึกไม่ออกว่าจะพาเธอไปไหนต่อดี จะส่งบ้าน เจ้าตัวก็หลับ ยืนทรงตัวให้ดียังไม่ได้ไปแล้ว จะติดต่อเพื่อนสาวของเธอ ก็ไม่รู้จักเบอร์ใครเลยสักคน ที่หมายสุดท้าย จึงหนีไม่พ้นคอนโดหรูริมทะเลของเขาเอาเถอะนะ คงไม่มีทางอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว !เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อย ต่างคนก็ต่างได้พักผ่อน สมกับความมึนเมา จบตรงการตัดสินใจนั้น ก่อนที่เขาจะเปิดไฟเลี้ยว วกเข้าถนนเลียบริมหาดอันเงียบสงบต่อไปเรื่อย ๆอีกไม่ไกล คงได้พักกันซะที!รถจอดลงตรงหน้าคอนโดหรู ในเวลาที่พระจันทร์ เลื่อนลอยคว้างเหนือท้องฟ้า ให้เขาค่อยเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังได้ เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วคุณมาตาบอกตัวเองพร้อมกับเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเรียกหญิงสาวอีกหน หากยังไม่ทันที่เธอจะก้าวออกมาจากรถเพื่อยืนทรงตัวให้ดีด้วยซ้ำ เสียงโอ้กอ้ากก็ดังขึ้นก่อนพุ่งตรงใส่เสื้อเชิ้ตหรูของเขาไม่ยั้งเอาแล้วไง ยายตัวแสบ!เขาบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ไอ้ที่คิดว่าจะได้นอนสบายๆ สงสัยจะไม่ได้เป็นไปตามคาดแล้วแน่ ๆ ทีเดียวงานงอกแล้ว ไอ้พันษาเอ๊ย!เขาได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย
เหมือนจะบ่นเปรยๆ ในใจ ขณะที่ฝ่ายนั้นเผ่นแผลวเข้าห้องน้ำไปรวดเร็ว เสียงผิวปากหวืออย่างอารมณ์ดี ดังขึ้นมาทันควันจากภายในห้องน้ำ ทำให้มาตายิ่งเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจเออนะ อารมณ์ดีอะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า !ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง มาตาอยู่ในชุดเดรสสั้นตัวเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมของเธอถูกรวบขึ้นไปสูงๆ เหมือนหางม้า อวดลำคอระหง งดงามนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังไม่ได้เขาคิดไม่ผิดหรอก สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว ย่อมถูกต้องที่สุดเสมอ !"ยิ้มอะไรคุณ""ก็ ยิ้มคุณน่ะสิ ทำผมแบบนี้ น่ารักไปอีกแบบ""ไม่ต้องมายอฉันค่ะ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า""พูดทั้งสภาพเสื้อคลุมตัวเดียวเนี่ยนะ ไม่เอาล่ะคุณ ถ้าคุณสวยแล้ว ผมก็ต้องหล่อก่อนสิ ถึงจะไปด้วยกันได้""ไปไหนคะ""ก็...ไปส่งคุณไง!"เขาย้อนให้ ยังไม่บอกจุดมุ่งหมายในใจตามคาด ก่อนรีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ต พร้อมกางเกงสแลคมาสวมใส่รวดเร็ว จากนั้นก็หวีผมเรียบแปร้ พร้อมออกเดินทาง"ไปคุณ!""เดี๋ยวค่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเรื่องที่คุณดีใจเลยนะ""อ้อ ไม่เป็นไร ไปคุยกันในรถก็ได้ ผมรีบ!""รีบ! ก็ไหนคุณว่าเป็นผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไง สรุปคุณ
"ตาพันษา แม่ไม่สนุกด้วยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วเราเอาคู่หมั้นอย่างหนูโรสไปไว้ที่ไหน !""ก็ไว้ที่เดิมนั่นล่ะครับ คุณแม่ก็รู้ ผมไม่ได้รักเธอมาตั้งแต่ต้นแล้ว นี่มันเป็นการจับคลุมถุงชนชัดๆ"ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงของแม่ดังแค่ไหน เสียงของลูกชายก็แทบจะดังไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก !"อ๋อ เหรอ งั้นกับแม่สาวคนนี้ แน่ใจเหรอว่าเพราะรัก ไม่ใช่เพราะเผลอตัวเผลอใจ สนุก สนานกันจนลืมป้องกัน ให้เด็กมันกระโดดเข้าท้องมาจับแกง่ายๆ น่ะตาพันษา""รักหรือไม่รัก ไม่สำคัญหรอกครับเวลานี้ มันสำคัญที่ว่า เด็กในท้องนั่นเป็นหลานคุณแม่และเป็นลูกของผมต่างหาก ผมมาเพื่อกราบเรียนให้คุณแม่ทราบไว้ ผมคงไม่รบกวนอยู่ที่นี่เป็นภาระคุณแม่หรอกครับ""นี่แกไม่ต้องมาปากดีเลยนะ แค่แม่ต้องแบกหน้าไปถอนหมั้นเขา ก็นับว่าเป็นภาระหนักอึ้งมากพออยู่แล้ว แม่นี่ก็เหมือนกัน ลูกเต้าเหล่าใครกันยะ อยู่ ๆ มาชุบมือเปิบแบบนี้""ลูกใครคงไม่สำคัญเหมือนกันค่ะคุณแม่ เพราะพ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไปหมดแล้ว"เพราะนางขึ้นมาพาดพิงถึงบุพการีของมาตาแท้ๆ ทีเดียว หลังจากนิ่งฟังสองคนแม่ลูกถกเถียงกันไปมาอยู่นาน เธอจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดโพล่งข
"คุณพันษา คุณทำกับโรสแบบนี้ได้ยังไง คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ แล้วอีผู้หญิงหน้าด้านนั่น มันเป็นใครกันนะ อ๋อ คงจะเป็นนังผู้หญิงใจง่าย ที่ยืนแลกจูบกับคุณที่ลานจอดรถล่ะสินะ อย่านึกนะว่าโรสไม่รู้ ว่าคุณไปกับนังนั่น แล้วเอามันมาบังหน้าน่ะ""ก็ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะยะ"ปล่อยให้ด่ามาเป็นชุดนานเกินไปแล้วล่ะ อารมณ์ยังขุ่นๆ กรุ่นๆ ค้างอยู่ตั้งแต่ที่ลานจอดนั่นแล้วผู้หญิงบ้าอะไร ไร้มารยาทชะมัด !กรี๊ดด...ด.เสียงกรีดร้องดังนำมาก่อนในคราวนี้ จนมาตาแทบเลื่อนหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเธอไปเล็กน้อยชั่วขณะ ก่อนเสียงด่าไม่ได้ศัพท์จะตามมาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะเว้นช่องว่างให้เธอเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก"นี่คุณ ขอโทษเถอะนะ บังเอิญฉันไม่ชอบเสียงก่นด่าบนโต๊ะอาหารเสียด้วย ฉันกำลังทานอาหารอยู่กับสามีสุดที่รักอย่างพันษา อีกอย่าง เรากำลังมีลูกด้วยกัน คุณเลิกคิดเพ้อเจ้อที่จะได้แต่งงานกับพันษาได้แล้ว เพราะฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเธอก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับมาคู่กันเท่านั้น แค่นี้นะ ฉันจะปิดเครื่องแล้ว อาหารมาเต็มโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะพันษาขา"ประโยคท้าย ส่งสียงหวานบอกพันษาให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนปิดเครื่องลง
มาตาโมโหจนควันแทบออกหู...เธอบ่นเหยียดยาว เสียงเข้ม และดังไปถึงไหน ๆ ยกเว้นชายหนุ่มที่แทบไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไม่วาง ก่อนจะเผลอตัวก้มลงเบียดชิด และบดเบียดริมฝีปากลงจูบปากช่างจำนรรจาของเธออย่างลืมตัวหากครั้งนี้มันช่างเนิ่นนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ ชายหนุ่มไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลย และไม่คิดจะหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น มาตา...สาวน้อยคนนี้ ช่างทำให้หัวใจของเขากระเจิดกระเจิง จนเกินจะหยุดยั้งอะไรลงง่ายๆ ได้แล้วล่ะ"นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ไอ้โรคจิต !""งั้นมาดูกันดีกว่ามั้ย ว่าระหว่างคุณกับผม ใครจะโรคจิตไปมากกว่ากัน"ชายหนุ่มยิ้มเยาะ หลังถอนริมฝีปากออก แต่กลับโดนหญิงสาวทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งส่งเสียงดังใส่ไม่เลิกราแบบนี้ มันต้องอบรมตัวต่อตัว จับปรับทัศนคติเสียให้เข็ด!ไม่ทันแม้เพียงจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ เมื่อฝ่ายนั้นก้มลงมาปิดปากของเธอเอาไว้แนบแน่นอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเบียดร่างแนบชิดไม่เว้นแม้แต่ท่อนขากำยำของเขาที่กดทับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอเอาไว้... ภายหลังซ้อนร่างบางของเธอวางลงบนเตียง แล้วถาโถมตามลงมาอย่างรวดเร็วเกินต้าน"อย่านะพันษา..."หญิงสาวเริ
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ""ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ""ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ""แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้""ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.."ใครกันนะ ขัดจังหวะชะมัด!"ชายหนุ่มหงุดหงิด ก่อนขยับตัวออกห่าง แต่ยังไม่วายหอมแก้มแถมอีกฟอด ทิ้งทวนหรือทิ้งบอมส์ก็เกินจะรู้ได้"รบกวนขอกาแฟหอมกรุ่นให้ผมสักแก้วนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป ขอไปรับแขกก่อน เผื่อมีธุระสำคัญ"หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ก้าวไปเปิดประตู แล้วก็เบิกตากว้างเพราะคนตรงหน้าเป็นโรส คู่หมั้นของเขา ผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าบูดบึ้ง ท่าทางเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้าประตูนั่น"เฮ้ย คุณ มาได้ไงเนี่ย !"หลุดปากออกไป แล้วแทบผลักประตูปิด แต่อีกฝ่ายก็ดึงดัน และแทรกตัวเข้ามาจนได้ ด้วยความโกรธแท้ๆ ที่ทำให้เกิดพลังมหาศาลขนาดนั้น"คุยกันก่อนสิคะ เป็นลูกผู้ชายก็คุยกันดีๆ อย่ามาหลบหน้าหลบตาฉันแบบนี้""ผมไม่ได้หลบ แค่ไม่อยากให้มีปัญหา !""ปัญหาอะไรเหรอคะ หรือว่า นังผู้หญิงหน้าด้านของคุณอยู่ที่นี่ด้วย""สุภาพหน่อยสิคุณ มาตาเธอเป็นเมียผม ไม่อยู่ด้วยกันที่นี่ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณต่างหากโรส เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมสักทีได้ไหม เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้วนะ""จบยังไงล่ะคะ ในเมื่อฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ""หัดยอมรับความจริงเสียทีได้มั้ยโรส มันก็แค่การ
หญิงสาวต่อสู้กับตัวเอง และกับชายหนุ่มเหนือร่าง...หากกลับรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเร้าเมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไล้โลม กระชับสะโพกอวบอัดของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะแทรกตัวเองลงไปแทนที่กลีบกุหลาบสีสวยหอมรัญจวนใจของหญิงสาวที่เขาปรารถนาล้ำลึกเกินต้าน จมูกโด่งคมเฉียดไปกับร่างกายของเธอส่วนที่อ่อนไหวที่สุดอย่างยั่วเย้า ซึ่งทำให้มาตารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเห็นศีรษะได้รูปของเขากำลังอยู่ในท่วงท่าที่อันตรายเช่นนั้นกรุ่นกลิ่นกายที่หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำออกมาจนหยดน้ำพราวตรงหน้า แม้พยายามดิ้นรนขัดขืน หากไม่อาจพ้นสองแขนกำยำของชายหนุ่มที่พยายามจับตรึงเรือนร่างที่เอาแต่ดิ้นเร่าให้หยุดนิ่ง เรียวปากอุ่นร้อน ยังคงก้มลงครอบครองเรือนกายงดงามของหญิงสาวอย่างห้ามใจไม่อยู่ ต่อเมื่อร่างงามถูกปลุกเร้าด้วยเรียวลิ้นร้ายกาจ มาตาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งงันได้เหมือนดังเดิม เธอยกสะโพกงามงอนขึ้นตอบรับเขา พร้อมสองมือน้อยจิกลงกับผ้าปูที่นอนเรียบหรูจนยับย่นไปหมด...หลังพายุสวาทจบลง...มาตาก็แทบจะพลิกตัวหนีมือชายหนุ่มที่ยังคงตามมาไล้ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน หากสัมผัสนั้นไม่ได้ทำให้เธอร
มาตาโมโหจนควันแทบออกหู...เธอบ่นเหยียดยาว เสียงเข้ม และดังไปถึงไหน ๆ ยกเว้นชายหนุ่มที่แทบไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไม่วาง ก่อนจะเผลอตัวก้มลงเบียดชิด และบดเบียดริมฝีปากลงจูบปากช่างจำนรรจาของเธออย่างลืมตัวหากครั้งนี้มันช่างเนิ่นนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ ชายหนุ่มไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลย และไม่คิดจะหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น มาตา...สาวน้อยคนนี้ ช่างทำให้หัวใจของเขากระเจิดกระเจิง จนเกินจะหยุดยั้งอะไรลงง่ายๆ ได้แล้วล่ะ"นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ไอ้โรคจิต !""งั้นมาดูกันดีกว่ามั้ย ว่าระหว่างคุณกับผม ใครจะโรคจิตไปมากกว่ากัน"ชายหนุ่มยิ้มเยาะ หลังถอนริมฝีปากออก แต่กลับโดนหญิงสาวทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งส่งเสียงดังใส่ไม่เลิกราแบบนี้ มันต้องอบรมตัวต่อตัว จับปรับทัศนคติเสียให้เข็ด!ไม่ทันแม้เพียงจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ เมื่อฝ่ายนั้นก้มลงมาปิดปากของเธอเอาไว้แนบแน่นอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเบียดร่างแนบชิดไม่เว้นแม้แต่ท่อนขากำยำของเขาที่กดทับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอเอาไว้... ภายหลังซ้อนร่างบางของเธอวางลงบนเตียง แล้วถาโถมตามลงมาอย่างรวดเร็วเกินต้าน"อย่านะพันษา..."หญิงสาวเริ
"คุณพันษา คุณทำกับโรสแบบนี้ได้ยังไง คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ แล้วอีผู้หญิงหน้าด้านนั่น มันเป็นใครกันนะ อ๋อ คงจะเป็นนังผู้หญิงใจง่าย ที่ยืนแลกจูบกับคุณที่ลานจอดรถล่ะสินะ อย่านึกนะว่าโรสไม่รู้ ว่าคุณไปกับนังนั่น แล้วเอามันมาบังหน้าน่ะ""ก็ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะยะ"ปล่อยให้ด่ามาเป็นชุดนานเกินไปแล้วล่ะ อารมณ์ยังขุ่นๆ กรุ่นๆ ค้างอยู่ตั้งแต่ที่ลานจอดนั่นแล้วผู้หญิงบ้าอะไร ไร้มารยาทชะมัด !กรี๊ดด...ด.เสียงกรีดร้องดังนำมาก่อนในคราวนี้ จนมาตาแทบเลื่อนหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเธอไปเล็กน้อยชั่วขณะ ก่อนเสียงด่าไม่ได้ศัพท์จะตามมาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะเว้นช่องว่างให้เธอเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก"นี่คุณ ขอโทษเถอะนะ บังเอิญฉันไม่ชอบเสียงก่นด่าบนโต๊ะอาหารเสียด้วย ฉันกำลังทานอาหารอยู่กับสามีสุดที่รักอย่างพันษา อีกอย่าง เรากำลังมีลูกด้วยกัน คุณเลิกคิดเพ้อเจ้อที่จะได้แต่งงานกับพันษาได้แล้ว เพราะฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเธอก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับมาคู่กันเท่านั้น แค่นี้นะ ฉันจะปิดเครื่องแล้ว อาหารมาเต็มโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะพันษาขา"ประโยคท้าย ส่งสียงหวานบอกพันษาให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนปิดเครื่องลง
"ตาพันษา แม่ไม่สนุกด้วยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วเราเอาคู่หมั้นอย่างหนูโรสไปไว้ที่ไหน !""ก็ไว้ที่เดิมนั่นล่ะครับ คุณแม่ก็รู้ ผมไม่ได้รักเธอมาตั้งแต่ต้นแล้ว นี่มันเป็นการจับคลุมถุงชนชัดๆ"ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงของแม่ดังแค่ไหน เสียงของลูกชายก็แทบจะดังไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก !"อ๋อ เหรอ งั้นกับแม่สาวคนนี้ แน่ใจเหรอว่าเพราะรัก ไม่ใช่เพราะเผลอตัวเผลอใจ สนุก สนานกันจนลืมป้องกัน ให้เด็กมันกระโดดเข้าท้องมาจับแกง่ายๆ น่ะตาพันษา""รักหรือไม่รัก ไม่สำคัญหรอกครับเวลานี้ มันสำคัญที่ว่า เด็กในท้องนั่นเป็นหลานคุณแม่และเป็นลูกของผมต่างหาก ผมมาเพื่อกราบเรียนให้คุณแม่ทราบไว้ ผมคงไม่รบกวนอยู่ที่นี่เป็นภาระคุณแม่หรอกครับ""นี่แกไม่ต้องมาปากดีเลยนะ แค่แม่ต้องแบกหน้าไปถอนหมั้นเขา ก็นับว่าเป็นภาระหนักอึ้งมากพออยู่แล้ว แม่นี่ก็เหมือนกัน ลูกเต้าเหล่าใครกันยะ อยู่ ๆ มาชุบมือเปิบแบบนี้""ลูกใครคงไม่สำคัญเหมือนกันค่ะคุณแม่ เพราะพ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไปหมดแล้ว"เพราะนางขึ้นมาพาดพิงถึงบุพการีของมาตาแท้ๆ ทีเดียว หลังจากนิ่งฟังสองคนแม่ลูกถกเถียงกันไปมาอยู่นาน เธอจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดโพล่งข
เหมือนจะบ่นเปรยๆ ในใจ ขณะที่ฝ่ายนั้นเผ่นแผลวเข้าห้องน้ำไปรวดเร็ว เสียงผิวปากหวืออย่างอารมณ์ดี ดังขึ้นมาทันควันจากภายในห้องน้ำ ทำให้มาตายิ่งเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจเออนะ อารมณ์ดีอะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า !ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง มาตาอยู่ในชุดเดรสสั้นตัวเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมของเธอถูกรวบขึ้นไปสูงๆ เหมือนหางม้า อวดลำคอระหง งดงามนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังไม่ได้เขาคิดไม่ผิดหรอก สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว ย่อมถูกต้องที่สุดเสมอ !"ยิ้มอะไรคุณ""ก็ ยิ้มคุณน่ะสิ ทำผมแบบนี้ น่ารักไปอีกแบบ""ไม่ต้องมายอฉันค่ะ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า""พูดทั้งสภาพเสื้อคลุมตัวเดียวเนี่ยนะ ไม่เอาล่ะคุณ ถ้าคุณสวยแล้ว ผมก็ต้องหล่อก่อนสิ ถึงจะไปด้วยกันได้""ไปไหนคะ""ก็...ไปส่งคุณไง!"เขาย้อนให้ ยังไม่บอกจุดมุ่งหมายในใจตามคาด ก่อนรีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ต พร้อมกางเกงสแลคมาสวมใส่รวดเร็ว จากนั้นก็หวีผมเรียบแปร้ พร้อมออกเดินทาง"ไปคุณ!""เดี๋ยวค่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเรื่องที่คุณดีใจเลยนะ""อ้อ ไม่เป็นไร ไปคุยกันในรถก็ได้ ผมรีบ!""รีบ! ก็ไหนคุณว่าเป็นผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไง สรุปคุณ
แล้วไงต่อละเนี่ย!สุดท้าย ปัญหาก็มาสิ้นสุดลงที่เขานี่ล่ะ เพราะยังหญิงสาวอีกคน นึกไม่ออกว่าจะพาเธอไปไหนต่อดี จะส่งบ้าน เจ้าตัวก็หลับ ยืนทรงตัวให้ดียังไม่ได้ไปแล้ว จะติดต่อเพื่อนสาวของเธอ ก็ไม่รู้จักเบอร์ใครเลยสักคน ที่หมายสุดท้าย จึงหนีไม่พ้นคอนโดหรูริมทะเลของเขาเอาเถอะนะ คงไม่มีทางอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว !เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อย ต่างคนก็ต่างได้พักผ่อน สมกับความมึนเมา จบตรงการตัดสินใจนั้น ก่อนที่เขาจะเปิดไฟเลี้ยว วกเข้าถนนเลียบริมหาดอันเงียบสงบต่อไปเรื่อย ๆอีกไม่ไกล คงได้พักกันซะที!รถจอดลงตรงหน้าคอนโดหรู ในเวลาที่พระจันทร์ เลื่อนลอยคว้างเหนือท้องฟ้า ให้เขาค่อยเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังได้ เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วคุณมาตาบอกตัวเองพร้อมกับเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเรียกหญิงสาวอีกหน หากยังไม่ทันที่เธอจะก้าวออกมาจากรถเพื่อยืนทรงตัวให้ดีด้วยซ้ำ เสียงโอ้กอ้ากก็ดังขึ้นก่อนพุ่งตรงใส่เสื้อเชิ้ตหรูของเขาไม่ยั้งเอาแล้วไง ยายตัวแสบ!เขาบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ไอ้ที่คิดว่าจะได้นอนสบายๆ สงสัยจะไม่ได้เป็นไปตามคาดแล้วแน่ ๆ ทีเดียวงานงอกแล้ว ไอ้พันษาเอ๊ย!เขาได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย
มาตา พยายามทบทวน...สภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเธอในขณะนี้ มันช่างน่าเวียนหัวมากกว่าจะน่าสนุกและมันก็ทำให้มาตายืนอึ้งอยู่หน้าผับ กับแสงไฟวูบวาบหลากสีที่แวบวาบเข้าตาเป็นระยะๆ นั่น แล้วแทบถอนใจหนักไม่รู้อารมณ์ไหนจริงๆ ที่ดลใจให้เพื่อนๆ ของเธอเลือกพาเธอมาฉลองวันเกิดภายในผับแบบนี้ แทนที่จะไปนั่งฟังเพลงเพลินๆ เบาๆ ในร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง เพราะจะว่าไปแล้วมาตาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย มันช่างวุ่นวาย คราคร่ำมากมายไปด้วยผู้คนเสียจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียจริงเฮ้อ ! แถมไอ้ตัวคนนัดหมายก็ยังไม่โผล่หัวมาถึงอีกต่างหาก ไม่ว่าจะพยายามโทร.ไปตามกี่รอบๆ ก็ว่าใกล้ถึงแล้วๆ อยู่นั่น ทิ้งให้เธอยืนคว้างพิงรถหรูของตัวเองที่ลานจอออย่างขัดใจ !บ้าชะมัดเลย ! อดบ่นกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ หลังเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า เพราะเปิดไลน์เล่นจนเบื่อไปแล้ว และก่อนที่มาตาจะคิดทำอะไรต่อไป เสียงฝีเท้าคนวิ่งตรงมา ก็แทบทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ และดูจะยิ่งตกใจไปยิ่งกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มที่วิ่งมารวดเร็วนั่นตรงดิ่งมาหยุดนิ่งที่เธอแล้วรวบตัวเธอเอาไว้รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน"