มาตา พยายามทบทวน...
สภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเธอในขณะนี้ มันช่างน่าเวียนหัวมากกว่าจะน่าสนุก
และมันก็ทำให้มาตายืนอึ้งอยู่หน้าผับ กับแสงไฟวูบวาบหลากสีที่แวบวาบเข้าตาเป็นระยะๆ นั่น แล้วแทบถอนใจหนัก
ไม่รู้อารมณ์ไหนจริงๆ ที่ดลใจให้เพื่อนๆ ของเธอเลือกพาเธอมาฉลองวันเกิดภายในผับแบบนี้ แทนที่จะไปนั่งฟังเพลงเพลินๆ เบาๆ ในร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง เพราะจะว่าไปแล้วมาตาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย มันช่างวุ่นวาย คราคร่ำมากมายไปด้วยผู้คนเสียจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียจริง
เฮ้อ ! แถมไอ้ตัวคนนัดหมายก็ยังไม่โผล่หัวมาถึงอีกต่างหาก ไม่ว่าจะพยายามโทร.ไปตามกี่รอบๆ ก็ว่าใกล้ถึงแล้วๆ อยู่นั่น ทิ้งให้เธอยืนคว้างพิงรถหรูของตัวเองที่ลานจอออย่างขัดใจ !
บ้าชะมัดเลย !
อดบ่นกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ หลังเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า เพราะเปิดไลน์เล่นจนเบื่อไปแล้ว และก่อนที่มาตาจะคิดทำอะไรต่อไป เสียงฝีเท้าคนวิ่งตรงมา ก็แทบทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ และดูจะยิ่งตกใจไปยิ่งกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มที่วิ่งมารวดเร็วนั่นตรงดิ่งมาหยุดนิ่งที่เธอแล้วรวบตัวเธอเอาไว้รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน
"เฮ้ย...อะไรกันคุณ !”
"ช่วยผมหน่อยนะ ผมขอร้อง"
"ช่วยอะไร ดะ...เดี๋ยว อุ๊บ !"
พูดยังไม่ทันขาดคำ ไม่ทันรู้เรื่องใด ชายหนุ่มที่รวบร่างเธอเอาไว้ ก็แทบก้มลงปิดปากเธอไว้ด้วยริมฝีปากอบอุ่นของเขารวดเร็วจนเธอได้แต่ดิ้นรนขลุกขลักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แทบทูตาเหลือกกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั่น ก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะวิ่งตามมา แล้วมองภาพของเธอ และชายหนุ่มอีกคนแบบผ่านๆ แล้วส่ายหน้า ท่าทางหัวเสีย
"หายไปไหนนะเร็วจริง แล้วแม่นี่ก็ทุเรศชะมัด จะไปจูบกันให้มันลับหูลับตาคนหน่อยก็ไม่ได้ ทุเรศ !"
ได้ยินชัดเต็มสองหูจนอยากจะเถียงออกไปใจแทบชาดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะชายแปลกหน้านั่นยังบดเบียดริมฝีปากเธอแนบชิดอยู่เช่นนั้น นานราวชั่วกัปกัลป์ กว่าที่เขาจะถอนริมฝีปากออก ให้เธอหลุดพันจากอ้อมแขน พันธนาการที่รัดรึงนั่นมาได้ ราวกับหลุดจากเงื้อมเงามัจจุราช และมันก็ทำให้เธอโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ถึงกับเงื้อมมือขึ้น สะบัดลงไปบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง
เพี๊ยะ !
เสียงฝ่ามือของเธอกระทบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรงก่อนที่เขาจะทันเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ตามด้วยเสียงกรีดร้องใส่หน้าชายหนุ่ม ให้เขาแสบแก้วหูไปหมด
"ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้จิตทราม คนผีเปรต !"
"ผมขอโทษ"
ชายหนุ่ม แทบยกมือขึ้นอุดหู แต่เขาก็ได้ยินทุกเสียงตะเบ็งก่นด่าของหญิงสาว แต่ก็แน่ล่ะ...แม้จะโดนฝ่ายหญิงด่ากลับมาเป็นชุด หลังตบหน้าเขาฉาดใหญ่ ทากถึงอย่างนั้นชายหนุ่มอย่างพันษาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเธอสักนิด เขาลุแก่โทษ และรู้สึกผิด แต่มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ นี่นา
"ผมจำเป็นจริง ๆ"
"จำเป็นบ้าอะไร จำเป็นต้องมาจูบฉันเนี่ยนะ ปัญญาอ่อนรึเปล่า"
"ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นคุณ คือ...ผมหนีคู่หมั้นน่ะ ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ เธอคงจับผมได้แน่"
"หนีคู่หมั้น อ้อ ! คงจะเป็นแม่สาวคนตะกี้ ที่มายืนด่าฉันก่อนสะบัดหน้าพรืดไปใช่มั้ย นี่คุณ...ขอด่าหน่อยเถอะ ปัญญาอ่อนทั้งคู่เลยมั้ย ฉันต้องมาโดนจูบฟรี โดนด่าฟรี แล้วยังจะอะไรอีก"
"โอ.เค. ๆ งั้นผมไม่จูบคุณฟรีๆ ก็ได้นะ คุณต้องการให้ผมชดใช้ค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย"
"ฮึ..."
มาตาสะบัดหน้าพรืด เชิดหน้าอย่างทระนง
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ จะได้รับเงินแลกจูบไร้สาระน่ะ ทุเรศ ไปให้ไกลๆ ฉันเลยไป"
"โอ.เค. ผมไปก็ได้ นึกว่าอยากจ่ายนักเหรอ กะไอ้จูบจืดชืดเมื่อตะกี้ของคุณน่ะ"
พยายามระงับความโกรธไว้เต็มที่แล้ว แต่ถึงตอนนี้พันษาเริ่มฉุน เขารู้ว่าเขาผิด แต่เขาก็ขอโทษเธอไปแล้วนี่นา จะโวยวายเป็นป้าแก่ๆ อะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า แล้วนี่เธอก็มาเที่ยวผับ สาวเริงราตรีที่ไหน จะมากลัวจูบกะอีแค่จูบนิดๆ หน่อยๆ แบบนี้ จะมาคุยว่าเวอร์จิ้น เขาก็คงไม่หลงเชื่อง่ายๆ อยู่ดี
ท่าทางคงอยากโก่งค่าตัวเสียละมากกว่า !
"ไอ้...ไอ้เวรเอ๊ย !"
ยังหรอก มาตายังหลุดสบถออกมาอีกคำ พร้อมกับถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองเหวี่ยงตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับว่ายังโชคดี ที่เขาไหวตัวทัน ทำให้หลบวูบพ้นจากรองเท้าที่ลอยข้ามไหล่ไปตกปุ๊ลงตรงหน้าของกลุ่มเพื่อนสาวของมาตาพอดิบพอดี
"เฮ้ย ไรวะ ไอ้คุณมาตา แค่พวกฉันมาช้าแค่นี้ ถึงกับขว้างรองเท้าใส่หน้ากันเลย ใส่อารมณ์มากไปรึเปล่าเนี่ย"
"สงสัยเพื่อนคุณ จะเจอศึกวันแดงเดือดมั้งครับ"
นั่นไง คนอะไร กวนประสาทได้สุดๆ ขนาดหลบรองเท้าทันเดินเลยเธอไปไกล แต่ยังไม่วายตอบโต้แทนเธอ พร้อมกับหันมายักคิ้วแผล็บให้อีกต่างหาก
มาตาแทบกรี๊ดใส่ให้ได้ทีเดียว ถ้าไม่เกรงใจเพื่อนสาวของเธอที่หยิบรองเท้ามาวางลงให้ตรงหน้านั่น
"แก...ศึกวันแดงเดือดจริงๆ เหรอวะไอ้มิ้นท์"
"จะบ้าเหรอ ไอ้บ้านั่นมันเพี้ยน จะไปสนใจทำไม"
"ไอ้บ้านั่น !"
เพื่อนอีกคนย้ำเสียงเข้ม ราวกับไม่เชื่อหูตัวเองว่าเพื่อนรักของเธออย่างมาตาจะไปเรียกจิกหัวหนุ่มมาดแมนสุดหล่อที่เพิ่งลับหายเข้าไปในท่ามกลางฝูงชนในผับได้อย่างนั้น
"เฮ้ย ไอ้ที่เพิ่งเดินเข้าผับไปนั่น ไฮโซเจ้าถิ่นละแวกนี้เลยนะแก เขาชื่อพันษา"
"จะพันษา หรือหมื่นษา ฉันก็ไม่สน ฉันไม่ได้อยากมาที่นี่แต่แรกแล้วด้วย พวกแกก็รู้ ฉันไม่ชอบเที่ยวผับ ไม่ชอบ ๆ ๆ โว้ย !"
"ก็เออ พวกฉันก็รู้ แต่นี่มันวันเกิดแกนะไอ้มิ้นท์ พวกฉันก็อยากจะพาแกมาปล่อยแก่มั่งสิ ใจคอจะเอาแต่ไปฟังเพลงเบาๆ เราต้องรู้จักปฏิวัติตัวเองบ้าง อย่างน้อยต่อให้ไม่มีใครมอง แต่เราก็ยังเชิดหน้าได้อย่างทระนง จริงมั้ยแก"
"โห ! นี่แน่ใจนะว่าเป็นความปรารถนาดี ไม่ได้หลอกด่าฉันอยู่เนี่ย"
"โอย ใครจะไปหลอกด่าเพื่อนได้ลงคอ ไม่เอาล่ะ ไปๆ เสียเวลารอพวกฉันนานเกินไปล่ะ เราเข้าไปสนุกกันดีกว่า"
เพื่อนสาวรีบสรุปก่อนกอดคอเพื่อนเข้าไปในผับนั่นรวดเร็ว โดยไม่ทันสังเกตหรอกว่า มีสายตาคู่หนึ่งที่เฝ้ามองกลุ่มของเธออยู่จากโต๊ะเล็กๆ มุมหนึ่งนั่น...
"เฮ้ย พันษา มองอะไรอยู่วะ ตาแทบไม่กะพริบเชียว สาวไหนเหรอ ที่วันนี้ถูกตาต้องใจท่านประธานหนุ่มของเราเป็นพิเศษน่ะ"
เพื่อนหนุ่มถามพันษาที่มองนิ่งไปที่ประตูทางเข้าผับ โดยมีกลุ่มสาวๆ สามสี่คนก้าวตามๆ กันเข้ามา
"เปล่า ฉันก็มองเรื่อยเปื่อย นายอย่ามาหาเรื่องได้มั้ย คนยิ่งเครียดๆ อยู่"
"เครียดอะไรอีกวะ สาวๆ รุมยังกะฝูงผึ้ง คุณคาสโนวาตัวพ่อ"
"คาสโนวาบ้าบอะไร ต้องมาวิ่งหนียายโรส จนประสาทจะเสียแบบนี้"
"ฮ่า ๆ ๆ ก็แล้วจะหนีทำไมให้เหนื่อยวะ ก็วิ่งสู้ฟัดไปเลย นั่นน่ะ คู่หมั้นตัวจริงของนายไม่ใช่เหรอพันษา"
"ก็เพราะเป็นคู่หมั้นไงถึงต้องวิ่งหนี นายก็รู้ ฉันไม่ได้อยากหมั้นกับยายโรสนั่นเสียหน่อย พ่อกับแม่ก็อะไรไม่รู้ เดี๋ยวจะให้หมั้น เดี๋ยวจะให้แต่ง แม่นั่นก็ได้ใจ ตามฉันติดแจ แทบจะขังไว้ได้เลยมั้ง"
"ก็เค้าอยากแต่งก็แต่งไปสิว้า จะยากอะไร"
"แต่ฉันยังใช้ชีวิตโสดไม่คุ้ม จ้างให้ก็ไม่แต่ง ยิ่งตามแบบนี้นะ จะแกล้งกั๊กเสียให้เข็ดเลย"
แล้วไงต่อละเนี่ย!สุดท้าย ปัญหาก็มาสิ้นสุดลงที่เขานี่ล่ะ เพราะยังหญิงสาวอีกคน นึกไม่ออกว่าจะพาเธอไปไหนต่อดี จะส่งบ้าน เจ้าตัวก็หลับ ยืนทรงตัวให้ดียังไม่ได้ไปแล้ว จะติดต่อเพื่อนสาวของเธอ ก็ไม่รู้จักเบอร์ใครเลยสักคน ที่หมายสุดท้าย จึงหนีไม่พ้นคอนโดหรูริมทะเลของเขาเอาเถอะนะ คงไม่มีทางอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว !เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อย ต่างคนก็ต่างได้พักผ่อน สมกับความมึนเมา จบตรงการตัดสินใจนั้น ก่อนที่เขาจะเปิดไฟเลี้ยว วกเข้าถนนเลียบริมหาดอันเงียบสงบต่อไปเรื่อย ๆอีกไม่ไกล คงได้พักกันซะที!รถจอดลงตรงหน้าคอนโดหรู ในเวลาที่พระจันทร์ เลื่อนลอยคว้างเหนือท้องฟ้า ให้เขาค่อยเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังได้ เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วคุณมาตาบอกตัวเองพร้อมกับเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเรียกหญิงสาวอีกหน หากยังไม่ทันที่เธอจะก้าวออกมาจากรถเพื่อยืนทรงตัวให้ดีด้วยซ้ำ เสียงโอ้กอ้ากก็ดังขึ้นก่อนพุ่งตรงใส่เสื้อเชิ้ตหรูของเขาไม่ยั้งเอาแล้วไง ยายตัวแสบ!เขาบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ไอ้ที่คิดว่าจะได้นอนสบายๆ สงสัยจะไม่ได้เป็นไปตามคาดแล้วแน่ ๆ ทีเดียวงานงอกแล้ว ไอ้พันษาเอ๊ย!เขาได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย
เหมือนจะบ่นเปรยๆ ในใจ ขณะที่ฝ่ายนั้นเผ่นแผลวเข้าห้องน้ำไปรวดเร็ว เสียงผิวปากหวืออย่างอารมณ์ดี ดังขึ้นมาทันควันจากภายในห้องน้ำ ทำให้มาตายิ่งเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจเออนะ อารมณ์ดีอะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า !ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง มาตาอยู่ในชุดเดรสสั้นตัวเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมของเธอถูกรวบขึ้นไปสูงๆ เหมือนหางม้า อวดลำคอระหง งดงามนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังไม่ได้เขาคิดไม่ผิดหรอก สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว ย่อมถูกต้องที่สุดเสมอ !"ยิ้มอะไรคุณ""ก็ ยิ้มคุณน่ะสิ ทำผมแบบนี้ น่ารักไปอีกแบบ""ไม่ต้องมายอฉันค่ะ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า""พูดทั้งสภาพเสื้อคลุมตัวเดียวเนี่ยนะ ไม่เอาล่ะคุณ ถ้าคุณสวยแล้ว ผมก็ต้องหล่อก่อนสิ ถึงจะไปด้วยกันได้""ไปไหนคะ""ก็...ไปส่งคุณไง!"เขาย้อนให้ ยังไม่บอกจุดมุ่งหมายในใจตามคาด ก่อนรีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ต พร้อมกางเกงสแลคมาสวมใส่รวดเร็ว จากนั้นก็หวีผมเรียบแปร้ พร้อมออกเดินทาง"ไปคุณ!""เดี๋ยวค่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเรื่องที่คุณดีใจเลยนะ""อ้อ ไม่เป็นไร ไปคุยกันในรถก็ได้ ผมรีบ!""รีบ! ก็ไหนคุณว่าเป็นผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไง สรุปคุณ
"ตาพันษา แม่ไม่สนุกด้วยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วเราเอาคู่หมั้นอย่างหนูโรสไปไว้ที่ไหน !""ก็ไว้ที่เดิมนั่นล่ะครับ คุณแม่ก็รู้ ผมไม่ได้รักเธอมาตั้งแต่ต้นแล้ว นี่มันเป็นการจับคลุมถุงชนชัดๆ"ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงของแม่ดังแค่ไหน เสียงของลูกชายก็แทบจะดังไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก !"อ๋อ เหรอ งั้นกับแม่สาวคนนี้ แน่ใจเหรอว่าเพราะรัก ไม่ใช่เพราะเผลอตัวเผลอใจ สนุก สนานกันจนลืมป้องกัน ให้เด็กมันกระโดดเข้าท้องมาจับแกง่ายๆ น่ะตาพันษา""รักหรือไม่รัก ไม่สำคัญหรอกครับเวลานี้ มันสำคัญที่ว่า เด็กในท้องนั่นเป็นหลานคุณแม่และเป็นลูกของผมต่างหาก ผมมาเพื่อกราบเรียนให้คุณแม่ทราบไว้ ผมคงไม่รบกวนอยู่ที่นี่เป็นภาระคุณแม่หรอกครับ""นี่แกไม่ต้องมาปากดีเลยนะ แค่แม่ต้องแบกหน้าไปถอนหมั้นเขา ก็นับว่าเป็นภาระหนักอึ้งมากพออยู่แล้ว แม่นี่ก็เหมือนกัน ลูกเต้าเหล่าใครกันยะ อยู่ ๆ มาชุบมือเปิบแบบนี้""ลูกใครคงไม่สำคัญเหมือนกันค่ะคุณแม่ เพราะพ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไปหมดแล้ว"เพราะนางขึ้นมาพาดพิงถึงบุพการีของมาตาแท้ๆ ทีเดียว หลังจากนิ่งฟังสองคนแม่ลูกถกเถียงกันไปมาอยู่นาน เธอจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดโพล่งข
"คุณพันษา คุณทำกับโรสแบบนี้ได้ยังไง คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ แล้วอีผู้หญิงหน้าด้านนั่น มันเป็นใครกันนะ อ๋อ คงจะเป็นนังผู้หญิงใจง่าย ที่ยืนแลกจูบกับคุณที่ลานจอดรถล่ะสินะ อย่านึกนะว่าโรสไม่รู้ ว่าคุณไปกับนังนั่น แล้วเอามันมาบังหน้าน่ะ""ก็ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะยะ"ปล่อยให้ด่ามาเป็นชุดนานเกินไปแล้วล่ะ อารมณ์ยังขุ่นๆ กรุ่นๆ ค้างอยู่ตั้งแต่ที่ลานจอดนั่นแล้วผู้หญิงบ้าอะไร ไร้มารยาทชะมัด !กรี๊ดด...ด.เสียงกรีดร้องดังนำมาก่อนในคราวนี้ จนมาตาแทบเลื่อนหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเธอไปเล็กน้อยชั่วขณะ ก่อนเสียงด่าไม่ได้ศัพท์จะตามมาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะเว้นช่องว่างให้เธอเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก"นี่คุณ ขอโทษเถอะนะ บังเอิญฉันไม่ชอบเสียงก่นด่าบนโต๊ะอาหารเสียด้วย ฉันกำลังทานอาหารอยู่กับสามีสุดที่รักอย่างพันษา อีกอย่าง เรากำลังมีลูกด้วยกัน คุณเลิกคิดเพ้อเจ้อที่จะได้แต่งงานกับพันษาได้แล้ว เพราะฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเธอก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับมาคู่กันเท่านั้น แค่นี้นะ ฉันจะปิดเครื่องแล้ว อาหารมาเต็มโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะพันษาขา"ประโยคท้าย ส่งสียงหวานบอกพันษาให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนปิดเครื่องลง
มาตาโมโหจนควันแทบออกหู...เธอบ่นเหยียดยาว เสียงเข้ม และดังไปถึงไหน ๆ ยกเว้นชายหนุ่มที่แทบไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไม่วาง ก่อนจะเผลอตัวก้มลงเบียดชิด และบดเบียดริมฝีปากลงจูบปากช่างจำนรรจาของเธออย่างลืมตัวหากครั้งนี้มันช่างเนิ่นนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ ชายหนุ่มไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลย และไม่คิดจะหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น มาตา...สาวน้อยคนนี้ ช่างทำให้หัวใจของเขากระเจิดกระเจิง จนเกินจะหยุดยั้งอะไรลงง่ายๆ ได้แล้วล่ะ"นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ไอ้โรคจิต !""งั้นมาดูกันดีกว่ามั้ย ว่าระหว่างคุณกับผม ใครจะโรคจิตไปมากกว่ากัน"ชายหนุ่มยิ้มเยาะ หลังถอนริมฝีปากออก แต่กลับโดนหญิงสาวทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งส่งเสียงดังใส่ไม่เลิกราแบบนี้ มันต้องอบรมตัวต่อตัว จับปรับทัศนคติเสียให้เข็ด!ไม่ทันแม้เพียงจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ เมื่อฝ่ายนั้นก้มลงมาปิดปากของเธอเอาไว้แนบแน่นอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเบียดร่างแนบชิดไม่เว้นแม้แต่ท่อนขากำยำของเขาที่กดทับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอเอาไว้... ภายหลังซ้อนร่างบางของเธอวางลงบนเตียง แล้วถาโถมตามลงมาอย่างรวดเร็วเกินต้าน"อย่านะพันษา..."หญิงสาวเริ
หญิงสาวต่อสู้กับตัวเอง และกับชายหนุ่มเหนือร่าง...หากกลับรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเร้าเมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไล้โลม กระชับสะโพกอวบอัดของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะแทรกตัวเองลงไปแทนที่กลีบกุหลาบสีสวยหอมรัญจวนใจของหญิงสาวที่เขาปรารถนาล้ำลึกเกินต้าน จมูกโด่งคมเฉียดไปกับร่างกายของเธอส่วนที่อ่อนไหวที่สุดอย่างยั่วเย้า ซึ่งทำให้มาตารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเห็นศีรษะได้รูปของเขากำลังอยู่ในท่วงท่าที่อันตรายเช่นนั้นกรุ่นกลิ่นกายที่หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำออกมาจนหยดน้ำพราวตรงหน้า แม้พยายามดิ้นรนขัดขืน หากไม่อาจพ้นสองแขนกำยำของชายหนุ่มที่พยายามจับตรึงเรือนร่างที่เอาแต่ดิ้นเร่าให้หยุดนิ่ง เรียวปากอุ่นร้อน ยังคงก้มลงครอบครองเรือนกายงดงามของหญิงสาวอย่างห้ามใจไม่อยู่ ต่อเมื่อร่างงามถูกปลุกเร้าด้วยเรียวลิ้นร้ายกาจ มาตาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งงันได้เหมือนดังเดิม เธอยกสะโพกงามงอนขึ้นตอบรับเขา พร้อมสองมือน้อยจิกลงกับผ้าปูที่นอนเรียบหรูจนยับย่นไปหมด...หลังพายุสวาทจบลง...มาตาก็แทบจะพลิกตัวหนีมือชายหนุ่มที่ยังคงตามมาไล้ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน หากสัมผัสนั้นไม่ได้ทำให้เธอร
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.."ใครกันนะ ขัดจังหวะชะมัด!"ชายหนุ่มหงุดหงิด ก่อนขยับตัวออกห่าง แต่ยังไม่วายหอมแก้มแถมอีกฟอด ทิ้งทวนหรือทิ้งบอมส์ก็เกินจะรู้ได้"รบกวนขอกาแฟหอมกรุ่นให้ผมสักแก้วนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป ขอไปรับแขกก่อน เผื่อมีธุระสำคัญ"หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ก้าวไปเปิดประตู แล้วก็เบิกตากว้างเพราะคนตรงหน้าเป็นโรส คู่หมั้นของเขา ผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าบูดบึ้ง ท่าทางเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้าประตูนั่น"เฮ้ย คุณ มาได้ไงเนี่ย !"หลุดปากออกไป แล้วแทบผลักประตูปิด แต่อีกฝ่ายก็ดึงดัน และแทรกตัวเข้ามาจนได้ ด้วยความโกรธแท้ๆ ที่ทำให้เกิดพลังมหาศาลขนาดนั้น"คุยกันก่อนสิคะ เป็นลูกผู้ชายก็คุยกันดีๆ อย่ามาหลบหน้าหลบตาฉันแบบนี้""ผมไม่ได้หลบ แค่ไม่อยากให้มีปัญหา !""ปัญหาอะไรเหรอคะ หรือว่า นังผู้หญิงหน้าด้านของคุณอยู่ที่นี่ด้วย""สุภาพหน่อยสิคุณ มาตาเธอเป็นเมียผม ไม่อยู่ด้วยกันที่นี่ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณต่างหากโรส เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมสักทีได้ไหม เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้วนะ""จบยังไงล่ะคะ ในเมื่อฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ""หัดยอมรับความจริงเสียทีได้มั้ยโรส มันก็แค่การ
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ""ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ""ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ""แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้""ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ""ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ""ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ""แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้""ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.."ใครกันนะ ขัดจังหวะชะมัด!"ชายหนุ่มหงุดหงิด ก่อนขยับตัวออกห่าง แต่ยังไม่วายหอมแก้มแถมอีกฟอด ทิ้งทวนหรือทิ้งบอมส์ก็เกินจะรู้ได้"รบกวนขอกาแฟหอมกรุ่นให้ผมสักแก้วนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป ขอไปรับแขกก่อน เผื่อมีธุระสำคัญ"หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ก้าวไปเปิดประตู แล้วก็เบิกตากว้างเพราะคนตรงหน้าเป็นโรส คู่หมั้นของเขา ผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าบูดบึ้ง ท่าทางเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้าประตูนั่น"เฮ้ย คุณ มาได้ไงเนี่ย !"หลุดปากออกไป แล้วแทบผลักประตูปิด แต่อีกฝ่ายก็ดึงดัน และแทรกตัวเข้ามาจนได้ ด้วยความโกรธแท้ๆ ที่ทำให้เกิดพลังมหาศาลขนาดนั้น"คุยกันก่อนสิคะ เป็นลูกผู้ชายก็คุยกันดีๆ อย่ามาหลบหน้าหลบตาฉันแบบนี้""ผมไม่ได้หลบ แค่ไม่อยากให้มีปัญหา !""ปัญหาอะไรเหรอคะ หรือว่า นังผู้หญิงหน้าด้านของคุณอยู่ที่นี่ด้วย""สุภาพหน่อยสิคุณ มาตาเธอเป็นเมียผม ไม่อยู่ด้วยกันที่นี่ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณต่างหากโรส เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมสักทีได้ไหม เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้วนะ""จบยังไงล่ะคะ ในเมื่อฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ""หัดยอมรับความจริงเสียทีได้มั้ยโรส มันก็แค่การ
หญิงสาวต่อสู้กับตัวเอง และกับชายหนุ่มเหนือร่าง...หากกลับรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเร้าเมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไล้โลม กระชับสะโพกอวบอัดของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะแทรกตัวเองลงไปแทนที่กลีบกุหลาบสีสวยหอมรัญจวนใจของหญิงสาวที่เขาปรารถนาล้ำลึกเกินต้าน จมูกโด่งคมเฉียดไปกับร่างกายของเธอส่วนที่อ่อนไหวที่สุดอย่างยั่วเย้า ซึ่งทำให้มาตารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเห็นศีรษะได้รูปของเขากำลังอยู่ในท่วงท่าที่อันตรายเช่นนั้นกรุ่นกลิ่นกายที่หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำออกมาจนหยดน้ำพราวตรงหน้า แม้พยายามดิ้นรนขัดขืน หากไม่อาจพ้นสองแขนกำยำของชายหนุ่มที่พยายามจับตรึงเรือนร่างที่เอาแต่ดิ้นเร่าให้หยุดนิ่ง เรียวปากอุ่นร้อน ยังคงก้มลงครอบครองเรือนกายงดงามของหญิงสาวอย่างห้ามใจไม่อยู่ ต่อเมื่อร่างงามถูกปลุกเร้าด้วยเรียวลิ้นร้ายกาจ มาตาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งงันได้เหมือนดังเดิม เธอยกสะโพกงามงอนขึ้นตอบรับเขา พร้อมสองมือน้อยจิกลงกับผ้าปูที่นอนเรียบหรูจนยับย่นไปหมด...หลังพายุสวาทจบลง...มาตาก็แทบจะพลิกตัวหนีมือชายหนุ่มที่ยังคงตามมาไล้ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน หากสัมผัสนั้นไม่ได้ทำให้เธอร
มาตาโมโหจนควันแทบออกหู...เธอบ่นเหยียดยาว เสียงเข้ม และดังไปถึงไหน ๆ ยกเว้นชายหนุ่มที่แทบไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไม่วาง ก่อนจะเผลอตัวก้มลงเบียดชิด และบดเบียดริมฝีปากลงจูบปากช่างจำนรรจาของเธออย่างลืมตัวหากครั้งนี้มันช่างเนิ่นนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ ชายหนุ่มไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลย และไม่คิดจะหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น มาตา...สาวน้อยคนนี้ ช่างทำให้หัวใจของเขากระเจิดกระเจิง จนเกินจะหยุดยั้งอะไรลงง่ายๆ ได้แล้วล่ะ"นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ไอ้โรคจิต !""งั้นมาดูกันดีกว่ามั้ย ว่าระหว่างคุณกับผม ใครจะโรคจิตไปมากกว่ากัน"ชายหนุ่มยิ้มเยาะ หลังถอนริมฝีปากออก แต่กลับโดนหญิงสาวทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งส่งเสียงดังใส่ไม่เลิกราแบบนี้ มันต้องอบรมตัวต่อตัว จับปรับทัศนคติเสียให้เข็ด!ไม่ทันแม้เพียงจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ เมื่อฝ่ายนั้นก้มลงมาปิดปากของเธอเอาไว้แนบแน่นอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเบียดร่างแนบชิดไม่เว้นแม้แต่ท่อนขากำยำของเขาที่กดทับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอเอาไว้... ภายหลังซ้อนร่างบางของเธอวางลงบนเตียง แล้วถาโถมตามลงมาอย่างรวดเร็วเกินต้าน"อย่านะพันษา..."หญิงสาวเริ
"คุณพันษา คุณทำกับโรสแบบนี้ได้ยังไง คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ แล้วอีผู้หญิงหน้าด้านนั่น มันเป็นใครกันนะ อ๋อ คงจะเป็นนังผู้หญิงใจง่าย ที่ยืนแลกจูบกับคุณที่ลานจอดรถล่ะสินะ อย่านึกนะว่าโรสไม่รู้ ว่าคุณไปกับนังนั่น แล้วเอามันมาบังหน้าน่ะ""ก็ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะยะ"ปล่อยให้ด่ามาเป็นชุดนานเกินไปแล้วล่ะ อารมณ์ยังขุ่นๆ กรุ่นๆ ค้างอยู่ตั้งแต่ที่ลานจอดนั่นแล้วผู้หญิงบ้าอะไร ไร้มารยาทชะมัด !กรี๊ดด...ด.เสียงกรีดร้องดังนำมาก่อนในคราวนี้ จนมาตาแทบเลื่อนหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเธอไปเล็กน้อยชั่วขณะ ก่อนเสียงด่าไม่ได้ศัพท์จะตามมาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะเว้นช่องว่างให้เธอเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก"นี่คุณ ขอโทษเถอะนะ บังเอิญฉันไม่ชอบเสียงก่นด่าบนโต๊ะอาหารเสียด้วย ฉันกำลังทานอาหารอยู่กับสามีสุดที่รักอย่างพันษา อีกอย่าง เรากำลังมีลูกด้วยกัน คุณเลิกคิดเพ้อเจ้อที่จะได้แต่งงานกับพันษาได้แล้ว เพราะฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเธอก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับมาคู่กันเท่านั้น แค่นี้นะ ฉันจะปิดเครื่องแล้ว อาหารมาเต็มโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะพันษาขา"ประโยคท้าย ส่งสียงหวานบอกพันษาให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนปิดเครื่องลง
"ตาพันษา แม่ไม่สนุกด้วยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วเราเอาคู่หมั้นอย่างหนูโรสไปไว้ที่ไหน !""ก็ไว้ที่เดิมนั่นล่ะครับ คุณแม่ก็รู้ ผมไม่ได้รักเธอมาตั้งแต่ต้นแล้ว นี่มันเป็นการจับคลุมถุงชนชัดๆ"ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงของแม่ดังแค่ไหน เสียงของลูกชายก็แทบจะดังไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก !"อ๋อ เหรอ งั้นกับแม่สาวคนนี้ แน่ใจเหรอว่าเพราะรัก ไม่ใช่เพราะเผลอตัวเผลอใจ สนุก สนานกันจนลืมป้องกัน ให้เด็กมันกระโดดเข้าท้องมาจับแกง่ายๆ น่ะตาพันษา""รักหรือไม่รัก ไม่สำคัญหรอกครับเวลานี้ มันสำคัญที่ว่า เด็กในท้องนั่นเป็นหลานคุณแม่และเป็นลูกของผมต่างหาก ผมมาเพื่อกราบเรียนให้คุณแม่ทราบไว้ ผมคงไม่รบกวนอยู่ที่นี่เป็นภาระคุณแม่หรอกครับ""นี่แกไม่ต้องมาปากดีเลยนะ แค่แม่ต้องแบกหน้าไปถอนหมั้นเขา ก็นับว่าเป็นภาระหนักอึ้งมากพออยู่แล้ว แม่นี่ก็เหมือนกัน ลูกเต้าเหล่าใครกันยะ อยู่ ๆ มาชุบมือเปิบแบบนี้""ลูกใครคงไม่สำคัญเหมือนกันค่ะคุณแม่ เพราะพ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไปหมดแล้ว"เพราะนางขึ้นมาพาดพิงถึงบุพการีของมาตาแท้ๆ ทีเดียว หลังจากนิ่งฟังสองคนแม่ลูกถกเถียงกันไปมาอยู่นาน เธอจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดโพล่งข
เหมือนจะบ่นเปรยๆ ในใจ ขณะที่ฝ่ายนั้นเผ่นแผลวเข้าห้องน้ำไปรวดเร็ว เสียงผิวปากหวืออย่างอารมณ์ดี ดังขึ้นมาทันควันจากภายในห้องน้ำ ทำให้มาตายิ่งเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจเออนะ อารมณ์ดีอะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า !ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง มาตาอยู่ในชุดเดรสสั้นตัวเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมของเธอถูกรวบขึ้นไปสูงๆ เหมือนหางม้า อวดลำคอระหง งดงามนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังไม่ได้เขาคิดไม่ผิดหรอก สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว ย่อมถูกต้องที่สุดเสมอ !"ยิ้มอะไรคุณ""ก็ ยิ้มคุณน่ะสิ ทำผมแบบนี้ น่ารักไปอีกแบบ""ไม่ต้องมายอฉันค่ะ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า""พูดทั้งสภาพเสื้อคลุมตัวเดียวเนี่ยนะ ไม่เอาล่ะคุณ ถ้าคุณสวยแล้ว ผมก็ต้องหล่อก่อนสิ ถึงจะไปด้วยกันได้""ไปไหนคะ""ก็...ไปส่งคุณไง!"เขาย้อนให้ ยังไม่บอกจุดมุ่งหมายในใจตามคาด ก่อนรีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ต พร้อมกางเกงสแลคมาสวมใส่รวดเร็ว จากนั้นก็หวีผมเรียบแปร้ พร้อมออกเดินทาง"ไปคุณ!""เดี๋ยวค่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเรื่องที่คุณดีใจเลยนะ""อ้อ ไม่เป็นไร ไปคุยกันในรถก็ได้ ผมรีบ!""รีบ! ก็ไหนคุณว่าเป็นผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไง สรุปคุณ
แล้วไงต่อละเนี่ย!สุดท้าย ปัญหาก็มาสิ้นสุดลงที่เขานี่ล่ะ เพราะยังหญิงสาวอีกคน นึกไม่ออกว่าจะพาเธอไปไหนต่อดี จะส่งบ้าน เจ้าตัวก็หลับ ยืนทรงตัวให้ดียังไม่ได้ไปแล้ว จะติดต่อเพื่อนสาวของเธอ ก็ไม่รู้จักเบอร์ใครเลยสักคน ที่หมายสุดท้าย จึงหนีไม่พ้นคอนโดหรูริมทะเลของเขาเอาเถอะนะ คงไม่มีทางอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว !เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อย ต่างคนก็ต่างได้พักผ่อน สมกับความมึนเมา จบตรงการตัดสินใจนั้น ก่อนที่เขาจะเปิดไฟเลี้ยว วกเข้าถนนเลียบริมหาดอันเงียบสงบต่อไปเรื่อย ๆอีกไม่ไกล คงได้พักกันซะที!รถจอดลงตรงหน้าคอนโดหรู ในเวลาที่พระจันทร์ เลื่อนลอยคว้างเหนือท้องฟ้า ให้เขาค่อยเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังได้ เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วคุณมาตาบอกตัวเองพร้อมกับเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเรียกหญิงสาวอีกหน หากยังไม่ทันที่เธอจะก้าวออกมาจากรถเพื่อยืนทรงตัวให้ดีด้วยซ้ำ เสียงโอ้กอ้ากก็ดังขึ้นก่อนพุ่งตรงใส่เสื้อเชิ้ตหรูของเขาไม่ยั้งเอาแล้วไง ยายตัวแสบ!เขาบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ไอ้ที่คิดว่าจะได้นอนสบายๆ สงสัยจะไม่ได้เป็นไปตามคาดแล้วแน่ ๆ ทีเดียวงานงอกแล้ว ไอ้พันษาเอ๊ย!เขาได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย
มาตา พยายามทบทวน...สภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเธอในขณะนี้ มันช่างน่าเวียนหัวมากกว่าจะน่าสนุกและมันก็ทำให้มาตายืนอึ้งอยู่หน้าผับ กับแสงไฟวูบวาบหลากสีที่แวบวาบเข้าตาเป็นระยะๆ นั่น แล้วแทบถอนใจหนักไม่รู้อารมณ์ไหนจริงๆ ที่ดลใจให้เพื่อนๆ ของเธอเลือกพาเธอมาฉลองวันเกิดภายในผับแบบนี้ แทนที่จะไปนั่งฟังเพลงเพลินๆ เบาๆ ในร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง เพราะจะว่าไปแล้วมาตาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย มันช่างวุ่นวาย คราคร่ำมากมายไปด้วยผู้คนเสียจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียจริงเฮ้อ ! แถมไอ้ตัวคนนัดหมายก็ยังไม่โผล่หัวมาถึงอีกต่างหาก ไม่ว่าจะพยายามโทร.ไปตามกี่รอบๆ ก็ว่าใกล้ถึงแล้วๆ อยู่นั่น ทิ้งให้เธอยืนคว้างพิงรถหรูของตัวเองที่ลานจอออย่างขัดใจ !บ้าชะมัดเลย ! อดบ่นกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ หลังเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า เพราะเปิดไลน์เล่นจนเบื่อไปแล้ว และก่อนที่มาตาจะคิดทำอะไรต่อไป เสียงฝีเท้าคนวิ่งตรงมา ก็แทบทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ และดูจะยิ่งตกใจไปยิ่งกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มที่วิ่งมารวดเร็วนั่นตรงดิ่งมาหยุดนิ่งที่เธอแล้วรวบตัวเธอเอาไว้รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน"