"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ"
"ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"
ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน
"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ"
"ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ"
"แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้"
"ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"
เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!
"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"
คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ นั่นเอง ให้หญิงสาวถึงกับอึ้งไป
"นี่คุณ อย่าบอกนะว่าเราจะไปมอเตอร์ไซค์กัน"
"งั้นสิคุณ ไปตลาดใกล้ๆ แค่นี้ต้องประหยัด แล้วอีกอย่างรถเยอะๆ แบบนี้ มอเตอร์ไซค์นี่ล่ะเวิร์คสุดแล้ว อ่ะ สวมหมวกกันน็อคก่อน ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้วนะ"
ชายหนุ่มแจกแจงพร้อมส่งหมวกกันน็อกสวมให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนทันไปสวมของตัวเองบ้างแล้วขึ้นคร่อมรถ ติดเครื่องก่อนหันมามองหญิงสาวที่ยังดูลังเลใจ
"เอ้า ! คุณ เรียบร้อยแล้ว ก็โดดขึ้นมาเลยเร็ว ขืนช้า ตลาดวายหมดนะคุณ"
เขาขู่แกมสำทับ ให้หญิงสาวจำต้องต้องก้าวขึ้นไปซ้อนท้ายรถ และโอบรอบเอวชายหนุ่มเอาไว้แทบไม่ทันหลังมอเตอร์ไซค์กระชากตัวทะยานไปข้างหน้ารวดเร็วนั้น ดีนะที่เธอสวมหมวกตามที่เขาส่งให้ ไม่อย่างนั้นละก็ ผมคงจะปลิวไสวไปตีหน้าเขาแน่ ๆ ทีเดียว...
บนเส้นทางอันยาวไกล...
แต่กลับดูใกล้ก็เพราะชายหนุ่มขับรถได้เร็ว กับเส้นทางลัดที่เขาซอกแซกพาเธอเข้าไปนั่นอีกต่างหากที่ทำให้เพียงไม่นานนักทั้งคู่ก็ไปถึงหน้าตลาดเขตเล็กๆ ที่ชายหนุ่มจอดรถให้เธอค่อยก้าวลงไปโดยไม่ลืมเก็บหมวกเรียบร้อย แล้วก็อดยิ้มขันไม่ได้เมื่อหันมามองใบหน้าที่เหงื่อผุดพราวเหนือหน้าผากมนนั่น
"ร้อนล่ะสิ ผมพาคุณมาทรมานรึเปล่าเนี่ย"
พันษาออกปากถาม โดยไม่หวังคำตอบมากนัก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ามาซับเหงื่อให้กับเธอ
"ขอบคุณนะคะ แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ร้อนน่ะ"
"เราต่างติดอยู่กับห้องแอร์มากเกินไปไงคุณ เอาน่า คนเราต้องอดทนมั่ง ไม่งั้นจะอยู่บนโลกร้อนทุกวันนี้ได้ยังไง จริงมั้ยคุณ"
จากนั้น เขาก็แทบฉวยข้อมือเล็กๆ ของหญิงสาวให้ก้าวตามเข้าไปในตลาดสดนั่น เลือกซื้อผัก และเนื้อไก่ หมูตามต้องการ ด้วยท่าทางชำนิชำนาญเสียจนหญิงสาวอดประหลาดใจไม่ได้
เออนะ ก็ออกจะเป็นคุณหนูไม่ต่างไปจากเธอสักเท่าไหร่ แต่ตรงข้ามกลับทำอาหารได้หลากหลายชนิดจนเธอแอบทึ่งไม่ได้
"ไงคุณ ตะลึงตึงๆ ไปเลยล่ะสิ"
"เรื่องปกติค่ะ ใครจะคิดผู้ชายอย่างคุณจะหยิบจับอะไรได้คล่องแคล่วขนาดนี้"
"ก็เพราะคุณคอยดูถูกผมอยู่ในใจล่ะสิ ถึงได้ต้องคอยคาดไม่ถึงอยู่ร่ำไปแบบนี้น่ะ เอาน่า ถือว่าคุณโชคดีแล้วกัน ที่มีผมเป็นคนดูแลแบบนี้ ดีมั้ย"
"ไม่รู้สิ ฉันยังให้คำตอบคุณไม่ไม่ได้หรอกนะ มันไวเกินไปน่ะ"
หญิงสาวพูดเรียบเรื่อยเหมือนแกล้ง หัวเราะเบาๆ ออกมา มีแต่เขาเท่านั้นที่หัวเราะไม่ออก
เฮ้อ ไม่รู้สิน่า ว่าเมื่อไหร่จะชนะใจเธอได้เต็มร้อยเสียที!
...
กลับสู่คอนโดหรูกลางกรุงอีกครั้ง...
ห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำราวกับสวรรค์ทีเดียว เนื่องจากอากาศข้างนอกที่ร้อนจนสุดฤทธิ์นั่น ผ้าเช็ดหน้าผืนที่ชายหนุ่มซับเหงื่อให้ยังติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ให้เธอเผลอยิ้มออกมาได้ การเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างในชีวิตเข้ามา ก็ทำให้เรามีความสุข และอิ่มเอมได้ไม่ยากเลยนะ
"ยิ้มอะไรคุณ"
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงเมื่อหันไปเห็นหญิงสาวที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้องนั่นยิ้มกริ่ม
"ก็ ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย ทำไมล่ะ ฉันยิ้มไม่ได้หรือไง"
"ยิ้มได้ แต่ผมแค่สงสัยว่ายิ้มอะไร ถ้าไม่ได้ขำอะไรผมก็แล้วไปเถอะ"
"ชิ ฉันจะขำอะไรคุณล่ะ คุณไม่ใช่ตัวตลกเสียหน่อย”
ประโยคนั้นของเธอ ทำให้เขาเป็นฝ่ายยิ้มออกมาบ้าง ก่อนหันไปสวมเอี๊ยมกันเปื้อนแล้วเตรียมอุปกรณ์ในการทำกับข้าวเงียบๆ หันไปอีกที หญิงสาวนอนหลับสบายเหยียดยาวอยู่บนโซฟานั่นไปแล้ว
เออนะ หลับง่ายหลับดายเป็นเด็กๆ ไปได้สิน่า ยายคุณหนูมาตา!
เหมือนจะบ่นกับตัวเอง ก่อนยกจานอาหารสองสามอย่างไปวางที่โต๊ะอาหาร ถอดเอี๊ยมแล้วทิ้งสารพัดอุปกรณ์ไว้ในอ่างล้างจานนั่น บอกตัวเอง ค่อยเก็บล้างทีเดียวแล้วกัน สรุปเช่นนั้นก่อนหันไปทางหญิงสาว เห็นยังคงหลับสบายเขาก็เดินเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสลัดกลิ่นพ่อครัวหัวป่าออกไปบ้าง...
กลิ่นหอมจากอาหารบนโต๊ะโชยมาเตะจมูกอย่างจัง…
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มาตาลืมตาตื่นขึ้นมาได้เท่ากับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นจนต้องลุกขึ้น งัวเงียไปเปิดประตูกว้างออก แล้วก็แทบกระพุ่มมือไหว้ ตาหูสว่างแทบไม่ทัน
"สวัสดีค่ะ คุณแม่"
"เชิญค่ะ"
"ถึงเธอไม่เชิญ ฉันก็เข้าอยู่แล้ว นี่มันคอนโดลูกชายฉัน แล้วนี่พ่อตัวดีอยู่ไหน"
"เอ้อ..."
ไม่รู้จะตอบว่าไงดี ก็คนเพิ่งตื่นนี่นา แต่โชคดีหรอก ที่พันษาก้าวออกมาจากห้องนอนพอดี หลังได้ยินเสียงดังโขมงของแม่ที่เขาจำได้แม่นยำ
"ผมอยู่นี่ครับแม่ สวัสดีครับ วันนี้แม่มาถึงคอนโดผมได้เลยนะ"
"งั้นสิยะ ถ้าไม่มาเงียบๆ ฉันจะรู้มั้ยว่าเธอสองคนสุมหัวกันหลอกลวงอะไรฉันอยู่หรือเปล่า"
"โธ่ แม่ครับ ผมจะหลอกแม่ทำไม ไม่เชื่อดูอาหารสิครับ เต็มโต๊ะแบบนี้ สำหรับสองคนสามชีวิต เอ้อ ผมหมายถึง ลูกในท้องของเราด้วยน่ะครับ"
เนียนมากๆ เลยนะ เนียนจนหญิงสาวดูเก้ ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลยเชียวล่ะ ได้แต่รีบออกปาก ขอซิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ขอเวลาไปตั้งสติหน่อยก่อนท่าจะดีกว่านี้แน่ !
"เอ้อ เชิญคุณแม่คุยกับคุณพันษาไปก่อนนะคะ"
"เดี๋ยว เธอจะไปไหน"
"ขอมาตาไปอาบน้ำสักนิดนะคะ"
"ถ้างั้นก็เร็วๆ เข้าล่ะ ธุระของฉัน มันเกี่ยวกับเธอด้วย”
"เอ่อ...ค่ะ ๆ"
"ไม่ต้องกลัวนะมาตา ผมอยู่ข้าง ๆ คุณเสมอ"
พันษาบีบมือหญิงสาวเบาๆ ราวให้กำลังใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวไป
"นี่ ฉันได้ยินนะยะ แม่ไม่ใช่หมานะตาพันษาจะได้จ้องจะกัดเมียแกน่ะ"
"เอ้อ ผมก็ไม่ได้ว่าอย่างนั้นสักหน่อยนี่ครับ ผมว่าคุณแม่นั่งพักให้สบายใจหายเหนื่อยก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำผลไม้เย็นๆ มาให้ดื่มก่อน"
พันษาหมุนตัวกลับไปบ้าง แต่ก็ไม่นานนักที่เขากลับมาพร้อมด้วยแก้วน้ำผลไม้ในมือ
"น้ำองุ่นครับแม่"
"ขอบใจย่ะ แล้วนี่ เมียเราโอ้กอ้ากบ้างมั้ย"
"ไม่หรอกครับ เธอไม่ค่อยแพ้น่ะ อาหารก็ทานได้เยอะ ถ้าคุณแม่ไม่รีบไปไหน ทานมื้อเย็นกับเราก่อนสิครับ"
"โอย ไม่เอาหรอกย่ะ ฉันขี้เกียจไปแย่งหลานในท้องกินด้วยอีกคน !"
แน่ะ ยอมรับแล้วสินะว่าเป็นหลาน ลองได้พูดเต็มปากเต็มคำแบบนี้ล่ะก็ แบบนี้ค่อยทำให้เขายิ้มออกมาได้อย่างโล่งใจไปหน่อย เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังเถอะ!
บอกกับตัวเองก่อนนั่งลงข้างๆ แม่ และหลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็ก้าวออกมานั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามนั่นอย่างเตรียมพร้อมมาเต็มที่
ได้ไปขจัดความหวาดหวั่นใจออกไปได้บ้างเมื่อครู่ก่อน พร้อมรบแล้วนะมาตา !
มาตา พยายามทบทวน...สภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเธอในขณะนี้ มันช่างน่าเวียนหัวมากกว่าจะน่าสนุกและมันก็ทำให้มาตายืนอึ้งอยู่หน้าผับ กับแสงไฟวูบวาบหลากสีที่แวบวาบเข้าตาเป็นระยะๆ นั่น แล้วแทบถอนใจหนักไม่รู้อารมณ์ไหนจริงๆ ที่ดลใจให้เพื่อนๆ ของเธอเลือกพาเธอมาฉลองวันเกิดภายในผับแบบนี้ แทนที่จะไปนั่งฟังเพลงเพลินๆ เบาๆ ในร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง เพราะจะว่าไปแล้วมาตาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย มันช่างวุ่นวาย คราคร่ำมากมายไปด้วยผู้คนเสียจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียจริงเฮ้อ ! แถมไอ้ตัวคนนัดหมายก็ยังไม่โผล่หัวมาถึงอีกต่างหาก ไม่ว่าจะพยายามโทร.ไปตามกี่รอบๆ ก็ว่าใกล้ถึงแล้วๆ อยู่นั่น ทิ้งให้เธอยืนคว้างพิงรถหรูของตัวเองที่ลานจอออย่างขัดใจ !บ้าชะมัดเลย ! อดบ่นกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ หลังเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า เพราะเปิดไลน์เล่นจนเบื่อไปแล้ว และก่อนที่มาตาจะคิดทำอะไรต่อไป เสียงฝีเท้าคนวิ่งตรงมา ก็แทบทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ และดูจะยิ่งตกใจไปยิ่งกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มที่วิ่งมารวดเร็วนั่นตรงดิ่งมาหยุดนิ่งที่เธอแล้วรวบตัวเธอเอาไว้รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน"
แล้วไงต่อละเนี่ย!สุดท้าย ปัญหาก็มาสิ้นสุดลงที่เขานี่ล่ะ เพราะยังหญิงสาวอีกคน นึกไม่ออกว่าจะพาเธอไปไหนต่อดี จะส่งบ้าน เจ้าตัวก็หลับ ยืนทรงตัวให้ดียังไม่ได้ไปแล้ว จะติดต่อเพื่อนสาวของเธอ ก็ไม่รู้จักเบอร์ใครเลยสักคน ที่หมายสุดท้าย จึงหนีไม่พ้นคอนโดหรูริมทะเลของเขาเอาเถอะนะ คงไม่มีทางอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว !เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อย ต่างคนก็ต่างได้พักผ่อน สมกับความมึนเมา จบตรงการตัดสินใจนั้น ก่อนที่เขาจะเปิดไฟเลี้ยว วกเข้าถนนเลียบริมหาดอันเงียบสงบต่อไปเรื่อย ๆอีกไม่ไกล คงได้พักกันซะที!รถจอดลงตรงหน้าคอนโดหรู ในเวลาที่พระจันทร์ เลื่อนลอยคว้างเหนือท้องฟ้า ให้เขาค่อยเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังได้ เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วคุณมาตาบอกตัวเองพร้อมกับเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเรียกหญิงสาวอีกหน หากยังไม่ทันที่เธอจะก้าวออกมาจากรถเพื่อยืนทรงตัวให้ดีด้วยซ้ำ เสียงโอ้กอ้ากก็ดังขึ้นก่อนพุ่งตรงใส่เสื้อเชิ้ตหรูของเขาไม่ยั้งเอาแล้วไง ยายตัวแสบ!เขาบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ไอ้ที่คิดว่าจะได้นอนสบายๆ สงสัยจะไม่ได้เป็นไปตามคาดแล้วแน่ ๆ ทีเดียวงานงอกแล้ว ไอ้พันษาเอ๊ย!เขาได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย
เหมือนจะบ่นเปรยๆ ในใจ ขณะที่ฝ่ายนั้นเผ่นแผลวเข้าห้องน้ำไปรวดเร็ว เสียงผิวปากหวืออย่างอารมณ์ดี ดังขึ้นมาทันควันจากภายในห้องน้ำ ทำให้มาตายิ่งเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจเออนะ อารมณ์ดีอะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า !ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง มาตาอยู่ในชุดเดรสสั้นตัวเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมของเธอถูกรวบขึ้นไปสูงๆ เหมือนหางม้า อวดลำคอระหง งดงามนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังไม่ได้เขาคิดไม่ผิดหรอก สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว ย่อมถูกต้องที่สุดเสมอ !"ยิ้มอะไรคุณ""ก็ ยิ้มคุณน่ะสิ ทำผมแบบนี้ น่ารักไปอีกแบบ""ไม่ต้องมายอฉันค่ะ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า""พูดทั้งสภาพเสื้อคลุมตัวเดียวเนี่ยนะ ไม่เอาล่ะคุณ ถ้าคุณสวยแล้ว ผมก็ต้องหล่อก่อนสิ ถึงจะไปด้วยกันได้""ไปไหนคะ""ก็...ไปส่งคุณไง!"เขาย้อนให้ ยังไม่บอกจุดมุ่งหมายในใจตามคาด ก่อนรีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ต พร้อมกางเกงสแลคมาสวมใส่รวดเร็ว จากนั้นก็หวีผมเรียบแปร้ พร้อมออกเดินทาง"ไปคุณ!""เดี๋ยวค่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเรื่องที่คุณดีใจเลยนะ""อ้อ ไม่เป็นไร ไปคุยกันในรถก็ได้ ผมรีบ!""รีบ! ก็ไหนคุณว่าเป็นผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไง สรุปคุณ
"ตาพันษา แม่ไม่สนุกด้วยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วเราเอาคู่หมั้นอย่างหนูโรสไปไว้ที่ไหน !""ก็ไว้ที่เดิมนั่นล่ะครับ คุณแม่ก็รู้ ผมไม่ได้รักเธอมาตั้งแต่ต้นแล้ว นี่มันเป็นการจับคลุมถุงชนชัดๆ"ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงของแม่ดังแค่ไหน เสียงของลูกชายก็แทบจะดังไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก !"อ๋อ เหรอ งั้นกับแม่สาวคนนี้ แน่ใจเหรอว่าเพราะรัก ไม่ใช่เพราะเผลอตัวเผลอใจ สนุก สนานกันจนลืมป้องกัน ให้เด็กมันกระโดดเข้าท้องมาจับแกง่ายๆ น่ะตาพันษา""รักหรือไม่รัก ไม่สำคัญหรอกครับเวลานี้ มันสำคัญที่ว่า เด็กในท้องนั่นเป็นหลานคุณแม่และเป็นลูกของผมต่างหาก ผมมาเพื่อกราบเรียนให้คุณแม่ทราบไว้ ผมคงไม่รบกวนอยู่ที่นี่เป็นภาระคุณแม่หรอกครับ""นี่แกไม่ต้องมาปากดีเลยนะ แค่แม่ต้องแบกหน้าไปถอนหมั้นเขา ก็นับว่าเป็นภาระหนักอึ้งมากพออยู่แล้ว แม่นี่ก็เหมือนกัน ลูกเต้าเหล่าใครกันยะ อยู่ ๆ มาชุบมือเปิบแบบนี้""ลูกใครคงไม่สำคัญเหมือนกันค่ะคุณแม่ เพราะพ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไปหมดแล้ว"เพราะนางขึ้นมาพาดพิงถึงบุพการีของมาตาแท้ๆ ทีเดียว หลังจากนิ่งฟังสองคนแม่ลูกถกเถียงกันไปมาอยู่นาน เธอจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดโพล่งข
"คุณพันษา คุณทำกับโรสแบบนี้ได้ยังไง คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ แล้วอีผู้หญิงหน้าด้านนั่น มันเป็นใครกันนะ อ๋อ คงจะเป็นนังผู้หญิงใจง่าย ที่ยืนแลกจูบกับคุณที่ลานจอดรถล่ะสินะ อย่านึกนะว่าโรสไม่รู้ ว่าคุณไปกับนังนั่น แล้วเอามันมาบังหน้าน่ะ""ก็ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะยะ"ปล่อยให้ด่ามาเป็นชุดนานเกินไปแล้วล่ะ อารมณ์ยังขุ่นๆ กรุ่นๆ ค้างอยู่ตั้งแต่ที่ลานจอดนั่นแล้วผู้หญิงบ้าอะไร ไร้มารยาทชะมัด !กรี๊ดด...ด.เสียงกรีดร้องดังนำมาก่อนในคราวนี้ จนมาตาแทบเลื่อนหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเธอไปเล็กน้อยชั่วขณะ ก่อนเสียงด่าไม่ได้ศัพท์จะตามมาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะเว้นช่องว่างให้เธอเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก"นี่คุณ ขอโทษเถอะนะ บังเอิญฉันไม่ชอบเสียงก่นด่าบนโต๊ะอาหารเสียด้วย ฉันกำลังทานอาหารอยู่กับสามีสุดที่รักอย่างพันษา อีกอย่าง เรากำลังมีลูกด้วยกัน คุณเลิกคิดเพ้อเจ้อที่จะได้แต่งงานกับพันษาได้แล้ว เพราะฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเธอก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับมาคู่กันเท่านั้น แค่นี้นะ ฉันจะปิดเครื่องแล้ว อาหารมาเต็มโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะพันษาขา"ประโยคท้าย ส่งสียงหวานบอกพันษาให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนปิดเครื่องลง
มาตาโมโหจนควันแทบออกหู...เธอบ่นเหยียดยาว เสียงเข้ม และดังไปถึงไหน ๆ ยกเว้นชายหนุ่มที่แทบไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไม่วาง ก่อนจะเผลอตัวก้มลงเบียดชิด และบดเบียดริมฝีปากลงจูบปากช่างจำนรรจาของเธออย่างลืมตัวหากครั้งนี้มันช่างเนิ่นนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ ชายหนุ่มไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลย และไม่คิดจะหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น มาตา...สาวน้อยคนนี้ ช่างทำให้หัวใจของเขากระเจิดกระเจิง จนเกินจะหยุดยั้งอะไรลงง่ายๆ ได้แล้วล่ะ"นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ไอ้โรคจิต !""งั้นมาดูกันดีกว่ามั้ย ว่าระหว่างคุณกับผม ใครจะโรคจิตไปมากกว่ากัน"ชายหนุ่มยิ้มเยาะ หลังถอนริมฝีปากออก แต่กลับโดนหญิงสาวทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งส่งเสียงดังใส่ไม่เลิกราแบบนี้ มันต้องอบรมตัวต่อตัว จับปรับทัศนคติเสียให้เข็ด!ไม่ทันแม้เพียงจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ เมื่อฝ่ายนั้นก้มลงมาปิดปากของเธอเอาไว้แนบแน่นอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเบียดร่างแนบชิดไม่เว้นแม้แต่ท่อนขากำยำของเขาที่กดทับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอเอาไว้... ภายหลังซ้อนร่างบางของเธอวางลงบนเตียง แล้วถาโถมตามลงมาอย่างรวดเร็วเกินต้าน"อย่านะพันษา..."หญิงสาวเริ
หญิงสาวต่อสู้กับตัวเอง และกับชายหนุ่มเหนือร่าง...หากกลับรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเร้าเมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไล้โลม กระชับสะโพกอวบอัดของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะแทรกตัวเองลงไปแทนที่กลีบกุหลาบสีสวยหอมรัญจวนใจของหญิงสาวที่เขาปรารถนาล้ำลึกเกินต้าน จมูกโด่งคมเฉียดไปกับร่างกายของเธอส่วนที่อ่อนไหวที่สุดอย่างยั่วเย้า ซึ่งทำให้มาตารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเห็นศีรษะได้รูปของเขากำลังอยู่ในท่วงท่าที่อันตรายเช่นนั้นกรุ่นกลิ่นกายที่หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำออกมาจนหยดน้ำพราวตรงหน้า แม้พยายามดิ้นรนขัดขืน หากไม่อาจพ้นสองแขนกำยำของชายหนุ่มที่พยายามจับตรึงเรือนร่างที่เอาแต่ดิ้นเร่าให้หยุดนิ่ง เรียวปากอุ่นร้อน ยังคงก้มลงครอบครองเรือนกายงดงามของหญิงสาวอย่างห้ามใจไม่อยู่ ต่อเมื่อร่างงามถูกปลุกเร้าด้วยเรียวลิ้นร้ายกาจ มาตาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งงันได้เหมือนดังเดิม เธอยกสะโพกงามงอนขึ้นตอบรับเขา พร้อมสองมือน้อยจิกลงกับผ้าปูที่นอนเรียบหรูจนยับย่นไปหมด...หลังพายุสวาทจบลง...มาตาก็แทบจะพลิกตัวหนีมือชายหนุ่มที่ยังคงตามมาไล้ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน หากสัมผัสนั้นไม่ได้ทำให้เธอร
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.."ใครกันนะ ขัดจังหวะชะมัด!"ชายหนุ่มหงุดหงิด ก่อนขยับตัวออกห่าง แต่ยังไม่วายหอมแก้มแถมอีกฟอด ทิ้งทวนหรือทิ้งบอมส์ก็เกินจะรู้ได้"รบกวนขอกาแฟหอมกรุ่นให้ผมสักแก้วนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป ขอไปรับแขกก่อน เผื่อมีธุระสำคัญ"หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ก้าวไปเปิดประตู แล้วก็เบิกตากว้างเพราะคนตรงหน้าเป็นโรส คู่หมั้นของเขา ผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าบูดบึ้ง ท่าทางเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้าประตูนั่น"เฮ้ย คุณ มาได้ไงเนี่ย !"หลุดปากออกไป แล้วแทบผลักประตูปิด แต่อีกฝ่ายก็ดึงดัน และแทรกตัวเข้ามาจนได้ ด้วยความโกรธแท้ๆ ที่ทำให้เกิดพลังมหาศาลขนาดนั้น"คุยกันก่อนสิคะ เป็นลูกผู้ชายก็คุยกันดีๆ อย่ามาหลบหน้าหลบตาฉันแบบนี้""ผมไม่ได้หลบ แค่ไม่อยากให้มีปัญหา !""ปัญหาอะไรเหรอคะ หรือว่า นังผู้หญิงหน้าด้านของคุณอยู่ที่นี่ด้วย""สุภาพหน่อยสิคุณ มาตาเธอเป็นเมียผม ไม่อยู่ด้วยกันที่นี่ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณต่างหากโรส เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมสักทีได้ไหม เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้วนะ""จบยังไงล่ะคะ ในเมื่อฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ""หัดยอมรับความจริงเสียทีได้มั้ยโรส มันก็แค่การ
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ""ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ""ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ""แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้""ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.."ใครกันนะ ขัดจังหวะชะมัด!"ชายหนุ่มหงุดหงิด ก่อนขยับตัวออกห่าง แต่ยังไม่วายหอมแก้มแถมอีกฟอด ทิ้งทวนหรือทิ้งบอมส์ก็เกินจะรู้ได้"รบกวนขอกาแฟหอมกรุ่นให้ผมสักแก้วนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป ขอไปรับแขกก่อน เผื่อมีธุระสำคัญ"หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ก้าวไปเปิดประตู แล้วก็เบิกตากว้างเพราะคนตรงหน้าเป็นโรส คู่หมั้นของเขา ผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าบูดบึ้ง ท่าทางเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้าประตูนั่น"เฮ้ย คุณ มาได้ไงเนี่ย !"หลุดปากออกไป แล้วแทบผลักประตูปิด แต่อีกฝ่ายก็ดึงดัน และแทรกตัวเข้ามาจนได้ ด้วยความโกรธแท้ๆ ที่ทำให้เกิดพลังมหาศาลขนาดนั้น"คุยกันก่อนสิคะ เป็นลูกผู้ชายก็คุยกันดีๆ อย่ามาหลบหน้าหลบตาฉันแบบนี้""ผมไม่ได้หลบ แค่ไม่อยากให้มีปัญหา !""ปัญหาอะไรเหรอคะ หรือว่า นังผู้หญิงหน้าด้านของคุณอยู่ที่นี่ด้วย""สุภาพหน่อยสิคุณ มาตาเธอเป็นเมียผม ไม่อยู่ด้วยกันที่นี่ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณต่างหากโรส เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมสักทีได้ไหม เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้วนะ""จบยังไงล่ะคะ ในเมื่อฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ""หัดยอมรับความจริงเสียทีได้มั้ยโรส มันก็แค่การ
หญิงสาวต่อสู้กับตัวเอง และกับชายหนุ่มเหนือร่าง...หากกลับรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเร้าเมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไล้โลม กระชับสะโพกอวบอัดของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะแทรกตัวเองลงไปแทนที่กลีบกุหลาบสีสวยหอมรัญจวนใจของหญิงสาวที่เขาปรารถนาล้ำลึกเกินต้าน จมูกโด่งคมเฉียดไปกับร่างกายของเธอส่วนที่อ่อนไหวที่สุดอย่างยั่วเย้า ซึ่งทำให้มาตารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเห็นศีรษะได้รูปของเขากำลังอยู่ในท่วงท่าที่อันตรายเช่นนั้นกรุ่นกลิ่นกายที่หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำออกมาจนหยดน้ำพราวตรงหน้า แม้พยายามดิ้นรนขัดขืน หากไม่อาจพ้นสองแขนกำยำของชายหนุ่มที่พยายามจับตรึงเรือนร่างที่เอาแต่ดิ้นเร่าให้หยุดนิ่ง เรียวปากอุ่นร้อน ยังคงก้มลงครอบครองเรือนกายงดงามของหญิงสาวอย่างห้ามใจไม่อยู่ ต่อเมื่อร่างงามถูกปลุกเร้าด้วยเรียวลิ้นร้ายกาจ มาตาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งงันได้เหมือนดังเดิม เธอยกสะโพกงามงอนขึ้นตอบรับเขา พร้อมสองมือน้อยจิกลงกับผ้าปูที่นอนเรียบหรูจนยับย่นไปหมด...หลังพายุสวาทจบลง...มาตาก็แทบจะพลิกตัวหนีมือชายหนุ่มที่ยังคงตามมาไล้ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน หากสัมผัสนั้นไม่ได้ทำให้เธอร
มาตาโมโหจนควันแทบออกหู...เธอบ่นเหยียดยาว เสียงเข้ม และดังไปถึงไหน ๆ ยกเว้นชายหนุ่มที่แทบไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไม่วาง ก่อนจะเผลอตัวก้มลงเบียดชิด และบดเบียดริมฝีปากลงจูบปากช่างจำนรรจาของเธออย่างลืมตัวหากครั้งนี้มันช่างเนิ่นนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ ชายหนุ่มไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลย และไม่คิดจะหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น มาตา...สาวน้อยคนนี้ ช่างทำให้หัวใจของเขากระเจิดกระเจิง จนเกินจะหยุดยั้งอะไรลงง่ายๆ ได้แล้วล่ะ"นี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ไอ้โรคจิต !""งั้นมาดูกันดีกว่ามั้ย ว่าระหว่างคุณกับผม ใครจะโรคจิตไปมากกว่ากัน"ชายหนุ่มยิ้มเยาะ หลังถอนริมฝีปากออก แต่กลับโดนหญิงสาวทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งส่งเสียงดังใส่ไม่เลิกราแบบนี้ มันต้องอบรมตัวต่อตัว จับปรับทัศนคติเสียให้เข็ด!ไม่ทันแม้เพียงจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ เมื่อฝ่ายนั้นก้มลงมาปิดปากของเธอเอาไว้แนบแน่นอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเบียดร่างแนบชิดไม่เว้นแม้แต่ท่อนขากำยำของเขาที่กดทับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอเอาไว้... ภายหลังซ้อนร่างบางของเธอวางลงบนเตียง แล้วถาโถมตามลงมาอย่างรวดเร็วเกินต้าน"อย่านะพันษา..."หญิงสาวเริ
"คุณพันษา คุณทำกับโรสแบบนี้ได้ยังไง คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ แล้วอีผู้หญิงหน้าด้านนั่น มันเป็นใครกันนะ อ๋อ คงจะเป็นนังผู้หญิงใจง่าย ที่ยืนแลกจูบกับคุณที่ลานจอดรถล่ะสินะ อย่านึกนะว่าโรสไม่รู้ ว่าคุณไปกับนังนั่น แล้วเอามันมาบังหน้าน่ะ""ก็ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะยะ"ปล่อยให้ด่ามาเป็นชุดนานเกินไปแล้วล่ะ อารมณ์ยังขุ่นๆ กรุ่นๆ ค้างอยู่ตั้งแต่ที่ลานจอดนั่นแล้วผู้หญิงบ้าอะไร ไร้มารยาทชะมัด !กรี๊ดด...ด.เสียงกรีดร้องดังนำมาก่อนในคราวนี้ จนมาตาแทบเลื่อนหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเธอไปเล็กน้อยชั่วขณะ ก่อนเสียงด่าไม่ได้ศัพท์จะตามมาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะเว้นช่องว่างให้เธอเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก"นี่คุณ ขอโทษเถอะนะ บังเอิญฉันไม่ชอบเสียงก่นด่าบนโต๊ะอาหารเสียด้วย ฉันกำลังทานอาหารอยู่กับสามีสุดที่รักอย่างพันษา อีกอย่าง เรากำลังมีลูกด้วยกัน คุณเลิกคิดเพ้อเจ้อที่จะได้แต่งงานกับพันษาได้แล้ว เพราะฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเธอก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับมาคู่กันเท่านั้น แค่นี้นะ ฉันจะปิดเครื่องแล้ว อาหารมาเต็มโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะพันษาขา"ประโยคท้าย ส่งสียงหวานบอกพันษาให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนปิดเครื่องลง
"ตาพันษา แม่ไม่สนุกด้วยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วเราเอาคู่หมั้นอย่างหนูโรสไปไว้ที่ไหน !""ก็ไว้ที่เดิมนั่นล่ะครับ คุณแม่ก็รู้ ผมไม่ได้รักเธอมาตั้งแต่ต้นแล้ว นี่มันเป็นการจับคลุมถุงชนชัดๆ"ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงของแม่ดังแค่ไหน เสียงของลูกชายก็แทบจะดังไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก !"อ๋อ เหรอ งั้นกับแม่สาวคนนี้ แน่ใจเหรอว่าเพราะรัก ไม่ใช่เพราะเผลอตัวเผลอใจ สนุก สนานกันจนลืมป้องกัน ให้เด็กมันกระโดดเข้าท้องมาจับแกง่ายๆ น่ะตาพันษา""รักหรือไม่รัก ไม่สำคัญหรอกครับเวลานี้ มันสำคัญที่ว่า เด็กในท้องนั่นเป็นหลานคุณแม่และเป็นลูกของผมต่างหาก ผมมาเพื่อกราบเรียนให้คุณแม่ทราบไว้ ผมคงไม่รบกวนอยู่ที่นี่เป็นภาระคุณแม่หรอกครับ""นี่แกไม่ต้องมาปากดีเลยนะ แค่แม่ต้องแบกหน้าไปถอนหมั้นเขา ก็นับว่าเป็นภาระหนักอึ้งมากพออยู่แล้ว แม่นี่ก็เหมือนกัน ลูกเต้าเหล่าใครกันยะ อยู่ ๆ มาชุบมือเปิบแบบนี้""ลูกใครคงไม่สำคัญเหมือนกันค่ะคุณแม่ เพราะพ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไปหมดแล้ว"เพราะนางขึ้นมาพาดพิงถึงบุพการีของมาตาแท้ๆ ทีเดียว หลังจากนิ่งฟังสองคนแม่ลูกถกเถียงกันไปมาอยู่นาน เธอจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดโพล่งข
เหมือนจะบ่นเปรยๆ ในใจ ขณะที่ฝ่ายนั้นเผ่นแผลวเข้าห้องน้ำไปรวดเร็ว เสียงผิวปากหวืออย่างอารมณ์ดี ดังขึ้นมาทันควันจากภายในห้องน้ำ ทำให้มาตายิ่งเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจเออนะ อารมณ์ดีอะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า !ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง มาตาอยู่ในชุดเดรสสั้นตัวเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมของเธอถูกรวบขึ้นไปสูงๆ เหมือนหางม้า อวดลำคอระหง งดงามนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังไม่ได้เขาคิดไม่ผิดหรอก สิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว ย่อมถูกต้องที่สุดเสมอ !"ยิ้มอะไรคุณ""ก็ ยิ้มคุณน่ะสิ ทำผมแบบนี้ น่ารักไปอีกแบบ""ไม่ต้องมายอฉันค่ะ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า""พูดทั้งสภาพเสื้อคลุมตัวเดียวเนี่ยนะ ไม่เอาล่ะคุณ ถ้าคุณสวยแล้ว ผมก็ต้องหล่อก่อนสิ ถึงจะไปด้วยกันได้""ไปไหนคะ""ก็...ไปส่งคุณไง!"เขาย้อนให้ ยังไม่บอกจุดมุ่งหมายในใจตามคาด ก่อนรีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ต พร้อมกางเกงสแลคมาสวมใส่รวดเร็ว จากนั้นก็หวีผมเรียบแปร้ พร้อมออกเดินทาง"ไปคุณ!""เดี๋ยวค่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเรื่องที่คุณดีใจเลยนะ""อ้อ ไม่เป็นไร ไปคุยกันในรถก็ได้ ผมรีบ!""รีบ! ก็ไหนคุณว่าเป็นผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไง สรุปคุณ
แล้วไงต่อละเนี่ย!สุดท้าย ปัญหาก็มาสิ้นสุดลงที่เขานี่ล่ะ เพราะยังหญิงสาวอีกคน นึกไม่ออกว่าจะพาเธอไปไหนต่อดี จะส่งบ้าน เจ้าตัวก็หลับ ยืนทรงตัวให้ดียังไม่ได้ไปแล้ว จะติดต่อเพื่อนสาวของเธอ ก็ไม่รู้จักเบอร์ใครเลยสักคน ที่หมายสุดท้าย จึงหนีไม่พ้นคอนโดหรูริมทะเลของเขาเอาเถอะนะ คงไม่มีทางอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว !เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อย ต่างคนก็ต่างได้พักผ่อน สมกับความมึนเมา จบตรงการตัดสินใจนั้น ก่อนที่เขาจะเปิดไฟเลี้ยว วกเข้าถนนเลียบริมหาดอันเงียบสงบต่อไปเรื่อย ๆอีกไม่ไกล คงได้พักกันซะที!รถจอดลงตรงหน้าคอนโดหรู ในเวลาที่พระจันทร์ เลื่อนลอยคว้างเหนือท้องฟ้า ให้เขาค่อยเผลอยิ้มออกมาเพียงลำพังได้ เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วคุณมาตาบอกตัวเองพร้อมกับเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเรียกหญิงสาวอีกหน หากยังไม่ทันที่เธอจะก้าวออกมาจากรถเพื่อยืนทรงตัวให้ดีด้วยซ้ำ เสียงโอ้กอ้ากก็ดังขึ้นก่อนพุ่งตรงใส่เสื้อเชิ้ตหรูของเขาไม่ยั้งเอาแล้วไง ยายตัวแสบ!เขาบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ไอ้ที่คิดว่าจะได้นอนสบายๆ สงสัยจะไม่ได้เป็นไปตามคาดแล้วแน่ ๆ ทีเดียวงานงอกแล้ว ไอ้พันษาเอ๊ย!เขาได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย
มาตา พยายามทบทวน...สภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเธอในขณะนี้ มันช่างน่าเวียนหัวมากกว่าจะน่าสนุกและมันก็ทำให้มาตายืนอึ้งอยู่หน้าผับ กับแสงไฟวูบวาบหลากสีที่แวบวาบเข้าตาเป็นระยะๆ นั่น แล้วแทบถอนใจหนักไม่รู้อารมณ์ไหนจริงๆ ที่ดลใจให้เพื่อนๆ ของเธอเลือกพาเธอมาฉลองวันเกิดภายในผับแบบนี้ แทนที่จะไปนั่งฟังเพลงเพลินๆ เบาๆ ในร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง เพราะจะว่าไปแล้วมาตาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย มันช่างวุ่นวาย คราคร่ำมากมายไปด้วยผู้คนเสียจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียจริงเฮ้อ ! แถมไอ้ตัวคนนัดหมายก็ยังไม่โผล่หัวมาถึงอีกต่างหาก ไม่ว่าจะพยายามโทร.ไปตามกี่รอบๆ ก็ว่าใกล้ถึงแล้วๆ อยู่นั่น ทิ้งให้เธอยืนคว้างพิงรถหรูของตัวเองที่ลานจอออย่างขัดใจ !บ้าชะมัดเลย ! อดบ่นกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ หลังเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า เพราะเปิดไลน์เล่นจนเบื่อไปแล้ว และก่อนที่มาตาจะคิดทำอะไรต่อไป เสียงฝีเท้าคนวิ่งตรงมา ก็แทบทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ และดูจะยิ่งตกใจไปยิ่งกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มที่วิ่งมารวดเร็วนั่นตรงดิ่งมาหยุดนิ่งที่เธอแล้วรวบตัวเธอเอาไว้รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน"