ตอนที่ฟู่หย่วนเชินกลับมา ฉันกำลังลูบหน้าท้องที่เริ่มป่องเล็กน้อยอยู่ ในนั้นมีลูกของฉันกับเขาจริงๆแล้ว ฉันกำลังเตรียมตัวบอกข่าวดีนี้กับเขา แต่ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาแล้วนี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่แต่งงานกันมาที่ฉันกับเขาใจสื่อถึงกันขนาดนี้“ที่รัก ฉันท้องแล้ว!”ฉันอดยกยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขไม่ได้ พร้อมกับจินตนาการว่าฟู่หย่วนเชินจะอุ้มฉันขึ้นหมุนไปรอบ ๆ เหมือนในละครแต่ภาพที่ฉันจินตนาการไว้ไม่ได้เกิดขึ้น เขาขมวดคิ้ว ความเหนื่อยล้าที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ฉันรู้สึกปวดใจ“เสิ่นอวิ๋นเฉี่ยน ชิงฮวนต้องการไขกระดูกของคุณ”ความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจปกปิดไว้จากในน้ำเสียงของเขาทำให้คาดเดาออกได้ไม่ยากว่าชิงฮวนคือใคร เป็นคนในฝันที่เขารักแต่ไม่สามารถครอบครองได้ซูชิงฮวนรังเกียจคนจน ชอบคนร่ำรวย เธอหนีไปกับคนรวยในตอนที่เขายังยากจน แล้วตอนนี้เธอกลับมาอีกทำไม?ตอนนั้นฟู่หย่วนเชินกำลังเริ่มต้นธุรกิจและต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วน ฉันจึงไปทำงานเป็นสาวนั่งดริ๊ง ต้องคอยรับแขกทั้งวันทั้งคืน ถึงขนาดที่ดื่มจนเลือดออกในกระเพาะในที่สุดก็เก็บเงินได้มากพอสำหรับทุนเริ่มต้นธุรกิจของเขา และเขาสัญญาว่าจะจัดงานแต่ง
เมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง แขนขาทั้งสี่ของฉันก็ถูกมัดไว้กับเตียงผ่าตัด ฟู่หย่วนเชินยิ้มออกมาอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ส่วนซูชิงฮวนก็ทำท่าทีเสแสร้งอยู่ข้าง ๆ “พี่ฟู่คะ ยาชาจะเป็นอันตรายต่อร่างกายไหมคะ? ทั้งหมดเป็นเพราะฉันที่ไร้ประโยชน์ เลยทำให้พี่เขาต้องเจ็บปวดแบบนี้!”คิดไม่ถึงว่าเขาถึงขนาดใช้ยาชากับฉัน!ความเจ็บปวดอันรุนแรงแล่นเข้ามาที่ท้องของฉัน จนน้ำตาไหลออกมาทันที“ที่รัก ลูก ลูก! เจ็บจัง!”อยู่ดี ๆ ซูชิงฮวนก็ยืนไม่ไหว รีบทำท่าทางอ่อนแอทันที“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน เป็นเพราะฉันทำให้พี่ต้องเจ็บปวด!”ฟู่หย่วนเชินค่อย ๆ พูดปลอบเธอ พร้อมใช้มือเช็ดน้ำตาที่หางตาของเธอ“ชิงฮวน จะไม่มีวันเป็นความผิดของเธอ”เขาหันหน้ามามองฉัน เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงสีหน้าอ่อนโยน และพูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลแบบนั้นกับฉัน“เฉี่ยนเฉี่ยน คุณหมอบอกว่าคุณไม่ได้ท้องนะ ต่อไปคุณอยากได้อะไร ผมจะให้ทุกอย่างเลย”ไม่ได้ท้องเหรอ ? แต่ทำไมฉันถึงเจ็บขนาดนี้ ?เสียงอ่อนโยนของฟู่หย่วนเชินยังคงดังอยู่ข้างหูฉัน พร้อมกับคำพูดหวานๆ ที่ฉันไม่เคยได้ยินจากเขามาก่อน“เฉี่ยนเฉี่ยน คุณอยากได้อะไร? ผมจะซื้อให้คุณทุกอย
การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น ซูชิงฮวนรอดชีวิตแต่ฉันกลับกลายเป็นวิญญาณที่โดดเดี่ยวที่แม้แต่ลูกของฉันก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ลูกของฉันยังไม่ทันได้เติบโตเป็นรูปร่างเลย เขายังเป็นเพียงแค่ตัวอ่อนเล็ก ๆ ที่ไม่มีแม้แต่จิตวิญญาณ ทิ้งให้ฉันต้องกลายเป็นผีอยู่บนโลกนี้เพียงลำพังโชคดีของฉันอาจหมดไปตั้งแต่ช่วงเวลาที่ได้พบกับฟู่หย่วนเชินแล้ว ดังนั้นฉันจึงต้องตายบนเตียงผ่าตัดนี้ พาลูกที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกเดือดร้อนใช่แล้ว เดิมทีในท้องของฉันมีลูกอยู่!ฉันโกรธแค้นเหลือเกิน! โกรธแค้นพวกคนใจร้ายที่ฆ่าลูกของฉัน โกรธพวกหมอที่ไร้จรรยาบรรณที่ปิดบังความจริง!ฟู่หย่วนเชินประทับจูบลงบนหน้าผากของซูชิงฮวน ลืมคำพูดที่เพิ่งบอกก่อนผ่าตัดว่าจะรักฉันหัวใจของฉันเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรอกเหรอ? ทำไมยังรู้สึกเจ็บได้อีก?แม่สามีของฉันรีบร้อนมา เธอหายใจหอบพิงอยู่ขอบประตู และพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อไม่หยุดน่าขันนัก เธอไม่แม้แต่จะมาร่วมงานแต่งของฉันกับฟู่หย่วนเชิน บอกว่าเธอแก่แล้ว เหนื่อยไม่ไหวที่แท้ แม้แต่นี่ก็ยังเป็นเรื่องโกหก“ชิงฮวนเป็นเด็กสาวจิตใจดี ไม่เหมือนสาวนั่งดริ๊งคนนั้นหรอก
บริษัทของฟู่หย่วนเชินตกอยู่ในวิกฤตการเงินครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ก่อตั้งมาครั้งแรกที่บริษัทประสบปัญหาการเงินรุนแรงก็ยังคงเป็นเพราะพ่อของฉันตอนนั้นเขาเพิ่งถูกซูชิงฮวนทิ้ง ฉันเลยรีบร้อนคว้าโอกาส ทิ้งศักดิ์ศรีและทำงานสาวนั่งดริ๊งพ่อของฉันโกรธและผิดหวังในตัวฉันมากจนก่อเรื่องอาละวาดต่อหน้าสื่อเพราะเหตุนี้แม่สามีของฉันก็เริ่มเกลียดฉัน มองว่าฉันเป็นตัวซวยของฟู่หย่วนเชิน ในช่วงนั้นฟู่หย่วนเชินเองก็เย็นชากับฉันสุด ๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ความพยายามของผมจะสูญเปล่าได้ยังไง!”“เสิ่นอวิ๋นเฉี่ยน คุณมันสมควรแล้วที่ไม่มีใครรัก!”แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า หลังจากนั้นฉันถึงกับบีบบังคับพ่อด้วยการจะฆ่าตัวตาย พ่อที่เป็นเพียงชนชั้นแรงงานถึงกับนำเงินก้อนใหญ่หลายแสนเพื่อให้เขาเริ่มต้นธุรกิจซูชิงฮวนร้องไห้สะอื้นเดินเข้ามาในห้องทำงาน และตกใจเมื่อเห็นกล่องข้าวที่ฟู่หย่วนเชินขว้างออกมา“ขยะอะไรถึงกล้ามาส่งถึงที่ทำงาน เปลี่ยนกลับไปใช้ร้านเก่าซะ!”ผู้ช่วยตอบรับอย่างนอบน้อม และไม่กล้าพูดความจริงฟู่หย่วนเชินเป็นโรคกระเพาะอาหาร ฉันจึงศึกษาสูตรอาหารมาทั้งวันเพียงเพื่อให้เขากินข้าวได้มากขึ้นอีกสักคำ
ฟู่หย่วนเชินยุ่งอยู่กับการสังสรรค์ และปฏิเสธคำเชิญไปทานอาหารจากซูชิงฮวนติดต่อกันหลายวัน ทุกคนที่โต๊ะอาหารล้วนเป็นคนมีไหวพริบ โอบล้อมฟู่หย่วนเชินด้วยคำพูดอ้อมค้อม ไม่มีใครพูดคำที่ชัดเจน “นี่มันเกือบห้าทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่เห็นพี่สะใภ้โทรมาเช็คเลย?”หนึ่งในนั้นหยอกล้อฟู่หย่วนเชิน เพื่อนในวงการธุรกิจของฟู่หย่วนเชินรู้ดีว่าเขามีแม่เสืออยู่ที่บ้าน ทุก ๆ สามทุ่มจะต้องโทรมาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขมขื่นออกมา ฉันที่เป็นแบบนี้ก็คงไม่แปลกใจที่ฟู่หย่วนเชินไม่ชอบ แต่ทำไมต้องให้ลูกของฉันชดใช้ด้วยชีวิตล่ะ? ในขณะยกเหล้าฟู่หย่วนเชินชะงักไปชั่วขณะ เขาคงนึกถึงวันเวลาที่ถูกฉันโทรเช็ค แต่กลับไม่แสดงอาการรังเกียจอย่างหาได้ยาก“กำลังงอนฉันอยู่”ดูเหมือนฟู่หย่วนเชินจะหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นอาจเป็นเพียงภาพลวงตาของฉันคนที่โต๊ะอาหารล้อมรอบเขาและสอนประสบการณ์การเอาใจภรรยาให้เขา ไม่มีการพูดคุยเรื่องสำคัญเลย สุดท้ายฟู่หย่วนเชินดื่มจนเมาและอาเจียน คุยธุรกิจไม่สำเร็จ กลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์แทนแต่เขากลับดูเหมือนไม่มีความไม่พอใจเลย แม้กระทั่งอ้อมไปเอาเกาลัดจากร้านที่ถ
ฟู่หย่วนเชินยุ่งมาก แต่ในวันครบรอบสิบปีเขายังคงเลื่อนตารางงานทั้งหมดเขาจัดงานเลี้ยงตอนรับแขก บางคนเห็นด้วยว่าฉันกับเขารักกันลึกซึ้ง ซึ่งเขาก็ไม่ได้คัดค้านอย่างหาได้ยากจนกระทั่งถึงตอนท้ายฉันก็ไม่ได้ไปร่วมงาน ฟู่หย่วนเชินโยนโทรศัพท์ทิ้ง แล้วยืมโทรศัพท์ของคนอื่นโทรหาฉัน “เสิ่นอวิ๋นเฉี่ยน อย่าให้มันมากเกินไปนัก! แค่สาวนั่งดริ๊งอย่างคุณ คุณคิดว่าคุณมีค่ามากนักหรือไง!”ทุกคนในงานเลี้ยงต่างก้มหน้า ตกตะลึงจนไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คำเดียว “ถ้าคุณไม่อยากกลับมางั้นก็หย่าซะ! ผมทนอยู่กับสาวนั่งดริ๊งอย่างคุณเกินพอแล้ว!”ฉันเห็นเขาเมาแล้วอาละวาด แต่ในใจฉันกลับรู้สึกหดหู่ คำพูดที่ออกมาตอนเมาเป็นความจริง เขาคงรังเกียจฉันมานานแล้วสินะแต่ฟู่หย่วนเชิน ในเมื่อรังเกียจฉันขนาดนี้ แล้วตอนแรกทำไมถึงแต่งงานกับฉันล่ะ?หลังจากที่พูดคำรุนแรงเหล่านั้นออกมา เขาก็เริ่มไปสถานบันเทิงอยู่บ่อยครั้ง ข่าวการแตกร้าวในชีวิตแต่งงานของฉันกับเขากระจายไปทั่วในวงการนี่แหละความเป็นจริงของมนุษย์ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจมันมานานแล้ว แต่ฉันก็ยังประเมินความชั่วร้ายของมนุษย์ต่ำไป ฉันไม่เคยคิดเลยว่าแม่สามีของฉันจะยุยงให้ฟู่หย
น่าเวทนาหัวใจของพ่อแม่ในโลกนี้ พ่อของฉันโอนเงินมาอย่างรวดเร็วมีเพียงข้อความสั้น ๆ หนึ่งบรรทัด: “รักเธอให้มากขึ้นอีกหน่อย”ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียง สิบปีที่ผ่านมา ฉันได้ทำผิดต่อพ่อแม่มากที่สุด ฟู่หย่วนเชินคงเริ่มรู้สึกผิด หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็ส่งข้อความเสียงมาให้ฉัน เสียงของเขาทุ้มต่ำราวกับออกคำสั่ง “เสิ่นอวิ๋นเฉี่ยน ผมให้อภัยคุณแล้ว ผมตัดสินใจจะลองคิดเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกับคุณให้ดี ๆ”เขาเหมือนยิงกระสุนอีกนัดใส่หัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลของฉัน ด้วยน้ำเสียงที่ยโสโอหังแบบนี้ ไม่รู้เลยว่าเขากำลังสงเคราะห์ใครอยู่ ในวันที่ฉันเสียชีวิตครบเจ็ดวัน ฟู่หย่วนเชินเกิดอาการปวดท้องเพราะโรคกระเพาะ “เสิ่นอวิ๋นเฉี่ยน เลิกก่อกวนซะที!”เขากุมท้องน้อยแล้วตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างบ้าคลั่ง ช่วงนี้เขาอยู่บ้านตลอดและนำงานกลับมาทำด้วยเสียงกริ่งประตูดังขึ้นอย่างในจังหวะที่เหมาะเจาะ ซูชิงฮวนฉวยโอกาสเพื่อหาประโยชน์“พี่ฟู่ พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ! พี่เค้าไม่ดูแลพี่เหรอ?”เธอเหลือบมองเข้ามาในบ้านอย่างไม่พอใจ แล้วเอนตัวไปพิงฟู่หย่วนเชินอย่างไม่ตั้งใจ “อย่าพูดถึงยัยสาวนั
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นอีกครั้ง ฟู่หย่วนเชินและซูชิงฮวนต่างตกใจเล็กน้อย“พี่ฟู่คะ ไม่ใช่ว่าพี่เค้ากลับมาแล้วใช่ไหม!”บนใบหน้าของฟู่หย่วนเชินดูเหมือนจะมีความดีใจวูบผ่านมา แต่แล้วก็รีบซ่อนมันไว้ เปลี่ยนเป็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจฉันคงมองผิดไป ฟู่หย่วนเชินจะไปรู้สึกดีใจเพราะฉันได้อย่างไร?“พี่ฟู่คะ ฉันไปดีกว่า เผื่อพี่เค้าจะเข้าใจพวกเราผิด”ซูชิงฮวนเห็นฟู่หย่วนเชินไม่มีปฎิกิริยาอะไร จึงกดดันต่อไปอีกสายตาของฟู่หย่วนเชินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็พลิกมือกอดเธอไว้แน่น พร้อมกับจูบหน้าผากเธออย่างปลอบโยน“ไม่ต้องกลัว เธอไม่กล้าทำอะไรหรอก”ฉันมองเห็นสีหน้าฟู่หย่วนเชินที่เหมือนมั่นใจว่าชนะแล้ว จนไม่สามารถเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้ได้เสียงหมุนของลูกบิดประตูทำให้ฉันตกใจอยู่เหมือนกันบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อฉันซื้อในปีที่แต่งงาน เขากลัวว่าฉันจะถูกคนที่บ้านสามีดูถูก เลยใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดเพื่อซื้อบ้านให้เรานอกจากฉันและฟู่หย่วนเชินแล้ว มีเพียงพ่อฉันเท่านั้นที่มีกุญแจตอนนี้ฉันตายไปแล้ว ก็ต้องเป็นพ่อฉันแน่ๆ!ฉันพยายามผลักฟู่หย่วนเชินออกไปอย่างไร้ประโยชน์ ไม่ว่าฟู่หย่วนเชินจะทำให้ฉันโกรธแค่