บทที่ 5 อบอุ่นหัวใจ
เพียงเธอปิดประตูห้องแน่นหนาแล้วเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมที่ใช้เป็นที่นอนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ความนุ่มนิ่มของมันเล่นเอาเธอปวดหลังเลยล่ะ กำปั้นน้อย ๆ ทุบเอวตัวเองเบา ๆ แล้วขยับไปทุบหลังด้วย ก่อนจะเดินดูรอบห้องขุนเขาเมื่อมีโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่
"ว้าว..อันนี้ราคาท่าจะแพง" เธอมองชุดถ้วยน้ำชาที่ตั้งอยู่ในตู้โชว์ด้วยดวงตาแววตาเป็นประกาย เพียงเธอกำมือตัวเองแน่นเพื่อหักห้ามใจไม่ให้ยกขึ้นมาจับสิ่งของสวยงามตรงหน้าแล้วรีบหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม นี่ก็เพิ่งเจ็ดโมงเช้าเองจะให้เธอนั่งเหงา ๆ รอเขาจนถึงเที่ยงมันก็ยังไงอยู่
"เปิดทีวีดูก็ยังดี" ว่าแล้วก็กวาดสายตามองหารีโมททีวีแต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอจนรู้สึกท้อใจ จนกระทั่งเห็นรีโมทอันหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นรีโมททีวีแต่พอได้มาถือไว้ในมือแล้วกลับไม่กล้าเปิด เธอจึงเดินไปที่โต๊ะตั้งโทรศัพท์บ้าน "จะโทรไปถามพี่ขุนดีไหม.." เพียงเธอคิดไม่นานก็โทรไปหาพนักงานที่อยู่หน้าล็อบบี้ตามเบอร์ที่ติดไว้บนโต๊ะแล้วขอเบอร์โทรศัพท์ขุนเขามาก่อนจะโทรไปหาเขา
ณ ร้านสักลาย
"ไอ้ขุน..โทรศัพท์มึงดังอะ ให้กูรับให้ไหม" ปรินที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ด้านนอกตะโกนเรียกขุนเขาที่ทำงานอยู่ในห้องอีกฝั่ง
"ใครโทรมาวะ" เขาตะโกนถามปริน
"แป๊บเดี๋ยวดูให้" ว่าจบปรินก็ชะเง้อมองเบอร์โทรที่ปรากฏอยู่หน้าจอแล้วตะโกนบอกเขาไป "น่าจะเป็นเบอร์ห้องมึงไหมวะ ลงท้ายด้วยศูนย์สองอะ" ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นขุนเขาก็รีบลุกออกมารับสายขณะที่ยังทำงานให้ลูกค้าอยู่ "อะไรวะไอ้นี่..ลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนเมียโทรมาตามกลับบ้าน"
"ว่าไง"
(พะ..พี่ขุนเขาไหมคะ)
"บอกแล้วไงว่าห้ามหยิบจับอะไรในห้องฉัน"
(คือเพียงแค่จะโทรมาถามพี่ขุนว่าเปิดทีวีได้ไหม เพียง..เหงา)
"ได้ แค่มันต้องใช้ระบบเสียง"
(คะ?) เพียงเธอที่อยู่ปลายสายทำหน้ามึนงงอย่างหนัก เดี๋ยวนี้โทรศัพท์เขามีสั่งการด้วยเสียงแล้วเหรอ เธอหัวโบราณที่ชินกับการกดรีโมทเปิดทีวีหรือเทคโนโลยีมันไปไกลกว่านั้นแล้วเนี่ย
"พูดคำว่า…ทีวีที่รัก ฉันอยากเปิดเธอ" คำพูดของขุนเขาที่เอ่ยบอกคนปลายสายแต่ทว่าคนที่อยู่ด้วยกันกับเขากลับได้ยิน
"ที่รัก…อยากเปิดเธอ..โห! ไอ้ห่านี่ร้ายกาจจริง แอบซุกหญิงไว้แดกเองเหรอวะ เห็นเงียบ ๆ แบบนี้ร้ายกาจไม่เบา" ปรินพึมพำกับตัวเองเสียงเบาแล้วเงี่ยหูฟังอีก แต่เหมือนขุนเขาจะรู้ตัวเดินออกไปคุยไกล ๆ อีก
(คะ?..ให้พูดแบบนั้นแล้วมันจะเปิดเองเหรอ)
"อืม" เพียงเธอรู้สึกกระดากปากที่ต้องพูดแบบนั้นแม้จะอยู่ในห้องคนเดียวก็เถอะ "ไหนพูดให้ฉันฟัง"
(เอ่อ..)
"ถ้าไม่พูดตอนนี้ โทรมาอีกทีไม่รับสายแล้วนะ ฉันจะทำงาน" น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นขณะที่อีกฝ่ายไม่กล้าพูดแบบนั้นให้เขาฟัง เธอคิดว่าพูดคนเดียวมันน่าจะดีกว่าที่ต้องมาพูดให้เขาฟัง
(ทีวีที่รัก..ฉันอยากเปิดเธอ โอ๊ะ! เปิด เปิดแล้วค่ะ)
ตู๊ด…
ขุนเขาที่ตั้งท่าจะตอบกลับก็ไม่ทันแล้ว เขาส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วกลับเข้าไปทำงานต่อ ปรินที่แอบนั่งฟังอยู่ก็รีบโทรหาปกป้องกับธันวาทันที
(มีไรวะโทรมาแต่เช้า) ปกป้องที่อยู่ในสายถามก่อน
(กูง่วง..) ธันวาหาวเสียงดัง
"กูมีอะไรจะพูด"
(เรื่องไร) สองหนุ่มถามขึ้นพร้อมกันปรินหันไปมองต้นทางแล้วบอกคนปลายสายเสียงเบา
"ได้ขุนมันคุยโทรศัพท์ ที่รักอย่างนั้นอย่างนี้ อยากเปิดกันด้วยนะ ไอ้นี่แม่งร้ายมาก"
(มันคุยกับใครวะ กิ๊กเหรอหรือเด็ก) ปกป้องถามกลับ
"ไม่แน่ใจ แต่กูว่ามันซุกกิ๊กไว้แดกเองแน่นอน พูดกันหวานเชียว"
(เออ เดี๋ยวค่อยคุยได้ไหมล่ะ กูนอนก่อน)
(เออกูเหมือนกัน) ธันวาว่าตามปกป้องก่อนที่ทั้งสองจะตัดสายปรินไป
"สงสัยกูต้องรับบทนักสืบอีกแล้วสินะ.." ปรินหรี่ตามองแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิมในขณะที่ขุนเขายังนั่งทำงานอยู่ในห้อง
"ปินเดี๋ยวเที่ยงนี้กูกลับไปเอาของที่ห้องก่อนนะ จะเข้าร้านอีกทีตอนสองทุ่ม"
"อืม กูก็คงต้องกลับด้วย"
"กลับไหน" ขุนเขาถาม
"ก็ไปกับมึงไง"
"ไปเหี้ยไรกูไปทำธุระกว่าจะเสร็จ ไปด้วยเดี๋ยวก็บ่นอีกไม่ให้ไป" ปรินหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ
"มึงแอบซุกใครไว้ในห้องหรือเปล่า ท่าทางมีพิรุธนะเนี่ย"
"ซุกเหี้ยไรล่ะ มีแต่ปืนเอาไหม"
"เออ ๆ ไม่ไปแล้วก็ได้วะ งั้นแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน" ว่าจบสองหนุ่มก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ส่วนขุนเขาขับรถกลับห้องพักแต่ก็ไม่ลืมซื้อข้าวกลับไปให้เพียงเธอด้วย
พอมาถึงเขาก็ต้องหยุดชะงักเท้าที่จะเดินไปทางห้องนั่งเล่นเมื่อเสียงทีวีดังกระหึ่มออกมา
"หูไม่หนวกเหรอ เปิดอะไรเสียงดังขนาดนั้น"
"กลับมาแล้วเหรอคะ.." เพียงเธอยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นมาหาเขา เธอผสานมือไว้ด้านหน้าพลางส่งยิ้มหวานละมุนให้เขา
"อืม นี่ข้าว"
"ข้าวเหรอ"
"ยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่เหรอ แล้วเธอหายไข้หรือยัง" เพียงเธอหันมาพยักหน้าให้เป็นคำตอบแล้ววางถุงกล่องข้าวไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา จู่ ๆ หัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงผิดปกติ ก็แค่คำถามธรรมดาแต่ทำไมเธอรู้สึกว่ากำลังถูกใส่ใจอยู่นะ 'เพียงเธอ เธอมันชอบมโนไปเองอยู่เรื่อยเลย พี่เขาจะมาใส่ใจอะไรก็แค่ความสงสาร เขาเห็นใจผู้หญิงตาดำ ๆ ที่ไม่มีที่ซุกหัวนอนแค่นั้น'
"รีบกินข้าวแล้วจะพาออกไปข้างนอก"
"ค่ะ" เพียงเธอถือกล่องข้าวไปนั่งกินที่โต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย และเมื่อกินเสร็จก็รีบเดินมาหาขุนเขา "พร้อมแล้วค่ะ" เพียงเธอยิ้มแป้น
"อ่า..ลืมไปเลยว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าใส่"
"ไปชุดนี้ได้ไหมคะ"
"ถ้าไม่อายก็ไปได้ แล้วแต่เธอ" พอเขาพูดมาแบบนั้นความเอียงอายก็เข้ามาแทรก เพียงเธอก้มมองตัวเองที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยก่อนจะถอยออกมาหนึ่งก้าว
"งั้นเพียง.."
"เธอจะเอาอะไรบ้างก็จดมา เดี๋ยวฉันขับรถไปเอาให้ อย่าเยอะแล้วกัน" ประโยคสุดท้ายเขาเน้นเสียงเข้มแล้วชี้ไปที่ชั้นวางของเพื่อให้เพียงเธอเดินไปหยิบสมุดกับปากกามาจดของที่ต้องการ "แล้วเดี๋ยวฉันแวะดูห้องให้ด้วย จะถ่ายรูปมาให้ดู"
"ขอบคุณค่ะ" เพียงเธอมองหน้าขุนเขาด้วยความอบอุ่นหัวใจแล้วรีบจดของที่ต้องการไปหนึ่งหน้ากระดาษเต็มแล้วเอาไปให้ขุนเขา เขารับกระดาษมาแล้วพับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกมาทันที
รถยนต์หรูขับมาจอดเทียบทางเดินเข้าห้องเช่าของเพียงเธอแต่ทว่ามีป้าวัยกลางคนร่างท้วมเดินมาเคาะกระจกรถเขา ขุนเขากดลดกระจกแล้วเลิกคิ้วถาม
"มาหาเพียงเธอเหรอ" ป้าถาม
"อืม ทำไม" ขุนเขาหันไปมองห้องเช่าเพียงเธอแล้วตวัดสายตามองป้า
"ฉันเป็นเจ้าของห้องเช่า เพียงเธอค้างค่าเช่าอยู่ ถ้ารู้จักเธอก็บอกให้เธอเอาเงินมาจ่ายด้วย"
ขุนเขาเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ใบหรูออกมา "เท่าไหร่" ขุนเขาถามเสียงเรียบ
"สองพันห้า" ทันทีที่ได้รับคำตอบขุนเขาก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาแล้วยืนให้ป้าจากนั้นจึงเดินไปที่ห้องของเพียงเธอ แต่ยัยป้ายังเดินตามมาอีก
"เป็นผัวมันเหรอ"
"…" ขุนเขาชะงักค้างกับคำว่า 'ผัว' ที่ป้าถามมาตรง ๆ "เรื่องส่วนตัวเขาไม่ถามกันหรอกนะ อีกอย่างเป็นแค่เจ้าห้องไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวคนอื่น" เขามองด้วยสายตาดุดันจนป้าแกต้องเดินหนีไปทันที "เสือกไม่เข้าเรื่อง!" ขุนเขาพูดคำหยาบคายออกมาด้วยความหงุดหงิดแล้วเปิดประตูเข้ามาในห้องเพียงเธอ
กระดาษถูกคลี่ออกแล้วเขาก็จัดของตามที่เธอสั่งจนมาถึงสองข้อสุดท้าย
"กางเกงใน กับเสื้อใน…เฮ้อ~ ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย" แม้ปากจะบ่นพึมพำแต่มือก็เปิดลิ้นชักออก เขากวาดตามองชุดชั้นในที่ถูกพับเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะหยิบใส่กระเป๋าโดยไม่มอง เมื่อได้ของครบทุกอย่างแล้วก็ออกมาจากห้องเช่านั้น แต่สังเกตเห็นป้าแอบมองอยู่ไกล ๆ เขาจึงตวัดสายตาดุ ๆ มองแล้วเปิดประตูเข้ามาในรถ ขับออกไปจากห้องเช่าโดยเร็ว
บทนำ"เพียง เธอต้องออกไปรับแขกวีไอพีแล้วนะ" ร่างบางที่กำลังนั่งประทินโฉมอยู่หน้ากระจกแบบตั้งโต๊ะเล็ก ๆ รีบพยักหน้าให้รุ่นพี่ ปลายนิ้วเรียวยาวปาดลิปสติกออกจากมุมปากแล้วลุกขึ้นหมุนตัวเช็กความเรียบร้อย"พี่เขาจะมาไหมนะ" เพียงเธอพึมพำกับตัวเองแล้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เสียงเพลงดังกระหึ่มเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเท้าทั้งสองข้างหยุดอยู่ด้านหลังประตูทางเข้าผับ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเปิดประตู กรีดกรายเดินเข้ามาในผับที่เต็มไปด้วยไฟแสงสีและเสียงเพลงที่ทางดีเจเป็นคนจัดการที่เธอทำงานในผับแบบนี้เรื่องหวงเนื้อหวงตัวแทบไม่ได้คิดเลย ถูกจับมือจับตัวเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็มีบ้างที่ถูกลวนลามแต่ก็เลี่ยงที่จะเข้าไปหากลุ่มคนประเภทนั้นโดยมีรุ่นพี่คอยช่วยเหลือเพียงเธอเดินขึ้นมาชั้นสองโซนวีไอพี สิ่งแรกที่เธอมองหาคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่มักจะนั่งอยู่มุมด้านในของโซนวีไอพี เธอกับเขาไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่ทุก ๆ ครั้งที่เขามาจะต้องเรียกใช้เธอตลอด แต่สิ่งที่เขาให้ทำกลับสวนทางกับลูกค้าคนอื่น คือเขาจะให้เธอนั่งบนหน้าตักแล้วซบหน้าลงกับอกโดยไม่ต้องทำอะไรมากกว่านั้น ชงเหล้าก็ไม่ให้ทำแถมยังให้ทิปเป็นการส
บทที่ 1 คุ้นเคยเพียงเธอถอยออกห่างจากราวสะพานหนึ่งก้าวท่ามกลางสายลมที่พัดมากระทบใบหน้าแดงซ่าน พาให้หยาดน้ำตาไหลออกจากขอบตาแดงก่ำเหือดหายไปเสียงที่คุ้นหูและกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย..ใช่เขาแน่ ๆขุนเขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วจับแขนเธอไว้ออกแรงดึงให้ออกห่างจากราวสะพานด้วยกลัวว่าเธอจะขัดขืนแล้วกระโดดลงไป"เธอ..คิดจะทำอะไร" คำถามไร้ซึ่งคำตอบนั้นพาให้บรรยากาศโดยรอบดูน่าอึดอัดเข้าไปอีก เพียงเธอมองหน้าชายคนตรงหน้าไม่ละสายตา เธอไม่ได้คิดสั้นแต่อยากปรับอารมณ์และยืนรับลมให้หายฟุ้งซ่านก่อนเข้าบ้านก็เท่านั้น"เปล่าค่ะ""…" ขุนเขาไม่ถามอะไรต่อ เขามองปราดเดียวก็พอรู้ว่าเธอเจอเรื่องแย่ ๆ มาจึงถอดเสื้อไปคลุมไหล่ให้ "บ้านอยู่ตรงไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง""ลงสะพานไปแล้วเลี้ยวขวาค่ะ ห้องเช่าเจ๊พร""อืม ขึ้นรถสิ" คำชวนที่พาให้รู้สึกโล่งอก เพียงเธอกระชับเสื้อที่เขาคลุมไหล่ให้แน่นขึ้น เดินตามมาที่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ขุนเขาก้าวไปนั่งก่อนและสตาร์ทเครื่องรอขณะที่เพียงเธอเดินกระเผลก ๆ มาเรื่อย ๆ จนถึงรถ เธอไม่รู้ว่านี่คือโชคชะตาหรือเรื่องบังเอิญที่เขาขับรถผ่านมาเจอ "ยืนคิดให้เสร็จก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ให้" ขุนเขาพ
บทที่ 2 ลำบากหลายนาทีต่อมา ขุนเขาสละพื้นที่ตรงหน้าอกแกร่งให้เพียงเธอได้ใช้คลอเคลียและซับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย เสื้อเขาเปียกเป็นวงกว้างแถมยังเปียกไปถึงผิวเนื้อด้านในอีกต่างหาก เมื่อร้องไห้ให้กับชีวิตน่าสมเพชตัวเองพอแล้วจึงผละออกจากอกแกร่ง มองคราบน้ำตาที่ตนเองเป็นคนสร้างขึ้นด้วยความรู้สึกผิด"ขะ..ขอโทษนะคะ เดี๋ยวเพียงเอาไปซักให้นะ" ฝ่ามือน้อย ๆ ลูบคราบน้ำตาที่ยังเปียกปอนเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับขุนเขาตรง ๆ "เพียงขอตัวกลับก่อนนะคะ เพียงคิดว่าเพียงทำงานให้คุณไม่เต็มที่""งั้นฉันไปส่ง จะได้เอาเสื้อให้เธอซักมาคืนด้วย" เด็กสาวทำหน้านิ่งอย่างใช้ความคิดหากแต่ริมฝีปากกลับขบเม้มเข้าหากัน ขุนเขาหลุดยิ้มเพราะเขาเดาใจเธอออกได้ไม่ยากเลย แววตาเอย สีหน้าเอยทุกอย่างล้วนแสดงออกมาจากความรู้สึกภายในใจเธอ"ก็ได้ค่ะ แต่เพียงกลัวว่าจะทำให้คุณเดือดร้อน""ฮึ..ฉันไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว" ว่าจบขุนเขาก็ขยับตัวเพื่อให้เพียงเธอลุกขึ้นแล้วตัวเองก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาปรายตามองเพียงเธอแล้วจับมือเธอไว้หลวม ๆ ตั้งใจจะพาลงไปด้านล่างแต่เธอกลับรั้งมือเขาไว้ก่อน "ทำไม?""คุณมาช่วยเพียงแบบนี้..ไม่กลัวพวกนั้นต
บทที่ 3 หาเรื่องใส่ตัว19:00ขุนเขานั่งทำความสะอาดโต๊ะวางอุปกรณ์การสักอยู่ในห้องทำงานคนเดียว มีเพียงเสียงเพลงคลาสสิคเบา ๆ เท่านั้นที่ทำให้ความเงียบไม่ก่อตัวขึ้นกริ่ง!เสียงกระดิ่งตรงประตูทางเข้าร้านดังขึ้นทำใหเขาต้องปลีกตัวออกมาจากห้องทำงานส่วนตัว "มีอะไรเหรอครับ" ขุนเขาถามอย่างสุภาพ"มาเจอคนชื่อขุน""ครับ ผมเอง" เขาถอดถุงมือยางสีดำออกแล้วหันมาสบตากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แต่ทว่ากลับมีผู้ชายสองคนเปิดประตูเข้ามาก่อน บดินทร์กับปกป้องเอียงคอมองขุนเขาอย่างมึนงงที่เห็นเขากำหมัดแน่นก่อนที่ทั้งสองจะซอยเท้าถี่ ๆ มายืนข้างเพื่อน"มีไรวะ" ปกป้องกระซิบถาม"ไม่รู้ คุณเขาน่าจะมาผิดที่มั้ง""งั้นพรุ่งนี้มาหาใหม่!" ว่าจบชายคนดังกล่าวก็เดินออกไปด้วยท่าทางหัวเสียอย่างหนักที่ถูกขัดจังหวะ"มันคงไม่ได้หลงมาหรอก คงตั้งใจมาหาเรื่องกู" ขุนเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่ไว้รับลูกค้าแล้วมองหน้าเพื่อนทั้งสองซึ่งกำลังมองเขาอยู่ตอนนี้ "ก็นี่ไง กำลังจะพูดแล้วนี่ไง""ไปมีเรื่องกับใครมา" บดินทร์ถามหน้าเครียด ปกติขุนเขาไม่ชอบหาเรื่องใครก่อน แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเมาแล้วไปก่อเรื่องไว้"ไปช่วยเด็กคนหนึ่งจากการถูกทำร้ายมา พวกนั้นไ
บทที่ 4 ข้อตกลง(พื้นที่ส่วนตัว)เพียงเธอกำมือแน่นเมื่อเขาโน้มตัวมาใกล้ ๆ อีก “ระหว่างที่เธอหลบอยู่ที่นี่ ข้อหนึ่ง ห้ามสร้างความวุ่นวายในห้องและนอกห้อง สอง ห้ามทำข้าวของในห้องพังหรือเสียหาย สามห้ามเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวฉันและห้ามหยิบจับอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาต สี่..ห้ามส่งเสียงดัง ห้า..ห้าม” ‘ห้ามอะไรอีกวะ’ เขาพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก“ห้ามอะไรเหรอคะ” เพียงเธอถามเสียงหวาน“เอาไว้จะบอกแล้วกัน” ขุนเขาพ่นลมหายใจออกหนัก ๆ แล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตหนึ่งตัว“มีแค่นี้ ใส่ไปก่อนแล้วพรุ่งนี้จะพาไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องแล้วกัน”“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้จนขุนเขารีบยกมือรับไหว้ไม่ทัน เขาไม่ชินกับการมีคนมาอยู่ด้วยแบบนี้ เพราะปกติชอบอยู่คนเดียวเงียบ ๆ มากกว่า“เธอเรียนอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มหันหลังเดินไปสูบบุหรี่เมื่อถามเธอแล้ว เพียงเธอเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเอ่ยตอบ“เรียนอยู่ปีหนึ่งมหาวิทยาลัย..ค่ะ” เพียงเธอตอบไปตรง ๆ ขณะเดียวกันก็มองหาห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เธอเห็นปลายผมเขาพลิ้วไหวน้อย ๆ เลยคิดเอาเองว่าขุนเขารับรู้แล้ว แต่จู่ ๆ เขาก็เดินเข้ามาในห้