นับตั้งแต่วันนั้นที่เธอลบข้อความนั้นออกจากโทรศัพท์ของฉินเย่ เจียงฉูฉู่ก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงตอนนี้ ที่จริงแล้ว เธอเดาได้ว่าตั้งแต่เสิ่นหยินอู้บอกฉินเย่ทางข้อความ เธอคงไม่กล้าพอที่จะบอกเรื่องนั้นกับฉินเย่ด้วยตนเอง แต่เธอยังคงกังวล วันนั้นจึงคิดที่จะชวนฉินเย่ออกไป ผลก็คือ ในคืนนั้นเขาก็ทำงานล่วงเวลา จึงออกไปข้างนอกไม่ได้ แต่เจียงฉูฉู่ก็ยังคงกังวลใจ เธอจึงไปทำงานล่วงเวลาที่บริษัทเป็นเพื่อนเขา และเมื่อเขาเลิกงาน เธอก็ลากเขาไปงานเลี้ยงกับเพื่อนๆของเธอด้วย เขาดื่มเหล้ามากจนเมาหมดสติไป ในช่วงเวลานั้น เธอได้โทรหาเสิ่นหยินอู้ แต่อีกฝ่ายวางสายไปด้วยความอารมณ์เสีย สิ่งนี้ทำให้เจียงฉูฉู่รู้สึกเบิกบานอย่างเงียบๆ ปฏิกิริยาของเสิ่นหยินอู้แสดงให้เห็นว่าเธอเริ่มรู้สึกผิดหวัง แต่เธอเพียงแค่ต้องทำให้เหมือนกับว่าฉินเย่ต้องการให้เธอทำแท้ง และเธอ เจียงฉูฉู่จะชดเชยเธอให้ เช่นนั้น เธอก็จะไม่มีต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป แต่เธอไม่สามารถปล่อยให้หยินอู้พูดออกมาได้ หากฉินเย่รู้เข้าในอนาคต เขาจะต้องโทษเธอสำหรับอาชญากรรมเช่นนี้ ดังนั้น เธอจึงบอกเรื่องนี้ให้เพื่อนๆของเธอฟังโดยไม่ได
ไม่ต้องคิดเลย จะต้องเป็นเพื่อนของฉูฉู่อีกแน่ๆ เธอกำลังจะตัดสาย แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เธอจึงกดรับสาย เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา และอีกฝ่ายก็เงียบอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงของเจียงฉูฉู่ “หยินอู้ ฉันฉูฉู่เอง...” อย่างที่คิด เพื่อนโทรไม่ติด ก็เลยโทรมาเองเลยงั้นเหรอ? เสิ่นหยินอู้ยกมุมปากขึ้น "อืม" “สะดวกไหมที่จะมาเจอกันสักหน่อยไหม?” หลังจากพูดจบ เจียงฉูฉู่ก็ดูเหมือนว่าจะกลัวเธอปฏิเสธ จึงพูดต่อว่า "บอกที่อยู่ของเธอมา ฉันจะไปหาเธอเอง" เสิ่นหยินอู้คิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ฉันอยู่ที่บ้าน" อีกฝ่ายเงียบไปเป็นเวลานาน และในที่สุดเธอก็ถามว่า "หมาย หมายความว่าไง?" "เธอก็มาที่บ้านฉันสิ" เจียงฉูฉู่ "..." อีกฝ่ายตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน จากนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เม้มริมฝีปาก "วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่อยากออกไปไหนทั้งนั้น" หลังจากนั้นไม่นาน เจียงฉูฉู่ก็พูดว่า "ได้ ฉันจะไปหาเธอ" หลังจากวางสายแล้ว จู่ๆเสิ่นหยินอู้ก็ตัดสินใจได้ในทันที เธออยากเก็บเด็กคนนี้ไว้! ทำไมเจียงฉูฉู่ถึงมาหาเธอในเวลานี้? หลังจากที่เธ
เอาอีกแล้ว มาทรงนี้อีกแล้ว ในอดีต เสิ่นหยินอู้คิดว่าเจียงฉูฉู่เป็นคนที่อ่อนโยนและอบอุ่น เพราะเธอทำตัวมีน้ำใจและรู้จักกาลเทศะต่อหน้าคนอื่น แต่ในช่วงไม่กี่วันก่อนที่เธอกลับมา เธอพูดแบบนี้ถึงสองครั้ง ครั้งก่อนคือฉินเย่ คราวนี้เป็นคนรับใช้ที่บ้าน ทั้งสองครั้งเธอทำเหมือนว่าเธอรู้สึกขอบคุณหยินอู้ แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นการประกาศว่าฉูฉู่นั้นเหนือกว่าเธอ ความเหนือกว่าเช่นนี้ ที่จริงแล้วเจียงฉูฉู่ไม่ได้มีมันเลยด้วยซ้ำ ถ้าบอกว่าเธอกับฉินเย่เคยเป็นแฟนกันมาก่อน มันก็สมเหตุสมผลที่เธอจะพูดอะไรแบบนี้ในตอนนี้ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ใช่แฟนกัน ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจว่าเจียงฉูฉู่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาพูดกับเธอแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาเป็นแฟนกันในตอนนั้น ต่อให้เสิ่นหยินอู้จะชอบฉินเย่ เธอก็จะไม่ตกลงที่จะแต่งงานปลอมๆเด็ดขาด อย่างไรเสีย เจียงฉูฉู่ก็เคยช่วยเหลือเธอ ดังนั้น เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากของเธอไว้และอดทน สุดท้ายเธอก็ระงับความรู้สึกไม่สบายใจภายในอกของเธอไว้ จากนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร เสิ่นหยินอู้ที่ไม่ได้แสดงอาการไม่สบายใจหรือแสด
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ก่อนที่จะมา เจียงฉูฉู่คิดว่า เสิ่นหยินอู้เป็นคนที่รับมือได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เธอไม่คิดเช่นนั้นแล้ว หากเสิ่นหยินอู้เป็นคนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เธอจะท้องได้อย่างไร? เมื่อเช่นนั้น เจียงฉูฉู่ก็ก้าวไปข้างหน้าและเปิดซองจดหมายให้เธอ เช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทปรากฎอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคน เจียงฉูฉู่พูดเบาๆว่า "เธอทำงานหนักมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา ช่วยเหลือทั้งเรื่องในและนอกบริษัท เขายังเคยชมเธอให้ฉันฟัง โดยบอกว่าเธอมีความสามารถและอดทนต่อความลำบาก ฉันคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะเปลี่ยนจากลูกสาวของตระกูลเสิ่นมาเป็นเธอในตอนนี้ แม้ว่าเงินจำนวนนี้อาจจะน้อยไปหน่อย แต่ก็เป็นความหวังดีจากฉัน เธอสามารถเอาเงินนี้ไปซื้อของที่เธออยากได้ เอาไปเติมเต็มในสิ่งที่เธอปรารถนา ดูแลร่างกายเยอะๆ" เมื่อเธอพูดถึงคำว่า "ดูแลร่างกาย" เจียงฉูฉู่จงใจจับข้อมือของเสิ่นหยินอู้แน่นและค่อยๆเอาปลายนิ้วของเธอแตะลงไปที่ฝ่ามือของหยินอู้ เสิ่นหยินอู้เงยหน้าขึ้นและสบตากับเจียงฉูฉู่ ฉูฉู่พยักหน้าและถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกเสียใจกับอะไรบางอย่าง และยังเอื้อ
เห็นได้ชัดว่าเจียงฉูฉู่รู้สึกตื่นตระหนกมากเมื่อได้ยินว่าเธอไม่ต้องการเงิน หลังจากที่เธอกลับมา เธอพบว่าท่าทางของฉินเย่ที่มีต่อเสิ่นหยินอู้นั้นอ่อนโยนมาก ตอนนี้ ฉินเย่ยังไม่รู้เรื่องที่เสิ่นหยินอู้ท้อง หากเขารู้เข้า.... เจียงฉูฉู่ไม่มั่นใจว่าฉินเย่จะทำอย่างไร แต่สัมผัสที่หกของเธอกำลังบอกเธอว่า ถ้าฉินเย่รู้ว่าเสิ่นหยินอู้กำลังตั้งท้อง เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปเด็ดขาด ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้ากับเสิ่นหยินอู้ เจียงฉูฉู่จึงทำได้เพียงฝืนยิ้มต่อไปเท่านั้น “หยินอู้ เธอคงกังวลว่าคนอื่นจะพูดถึงเธอว่ายังไงใช่ไหม? ไม่ต้องห่วงหรอก เงินนี้เป็นเงินส่วนตัวของฉัน ไม่มีใครอื่นรู้เรื่องนี้ทั้งนั้น และฉันก็เป็นห่วงเธอด้วย ท้ายที่สุดแล้ว สถานการณ์ของเธอในตอนนี้…” "คุณหนูเจียง" เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจเบาๆ "ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของเธอ ครอบครัวของฉันล้มละลายก็จริง แต่ฉันก็ทำงานหนักมาโดยตลอดในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้ แต่ฉันก็สามารถเลี้ยงตัวเองกับ …” เมื่อเธอพูดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักไปชั่วคราว และมุมปากของเธอก็ยกขึ้นเล็กน้อย "มันไม่ใช่ปัญหา และเมื่อก่อ
ความรู้สึกโล่งอกนี้เริ่มมีขึ้นหลังจากที่เธอตัดสินใจที่จะเก็บลูกของเธอไว้ เสิ่นหยินอู้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะที่หน้าท้องของเธอ และมุมปากของเธอก็ยกขึ้น หลังจากนี้ เธอจะมีครอบครัวเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ที่รัก ต่อให้จะเป็นครอบครัวที่มีแค่แม่เลี้ยงเดี่ยว แต่แม่ก็จะดูแลหนูอย่างดีนะ - ในตอนกลางคืน ในขณะที่เสิ่นหยินอู้กำลังจัดข้าวของอยู่และกำลังคิดว่าฉินเย่จะกลับมาหรือไม่ เธอก็ได้ยินเสียงประตูของคฤหาสน์ตระกูลฉินเปิดออก เธอเดินไปดูที่หน้าต่าง ไฟรถยนต์กำลังส่องไปที่ประตู และมือของเสิ่นหยินอู้ที่วางอยู่ตรงที่กั้นก็ขดงอ นี่คือรถของฉินเย่ พอดีเลย คืนนี้จะได้คุยกับเขาให้ชัดเจน หลังจากตัดสินใจแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็กลับไปในห้องและเก็บข้าวของต่อ เธอไม่ได้มีของอะไรเยอะ เสิ่นหยินอู้ไม่ใช่คนที่ชอบซื้อของ แต่เดิมเธอคิดว่าการเก็บของเป็นอะไรที่ไม่ยากเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อถึงเวลาต้องเก็บของจริงๆ เธอก็ตระหนักได้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ชีวิตและนิสัยความเคยชินของเธอได้หลอมรวมเข้ากับทุกมุมทุกซอกของห้องทีละน้อย ตู้เสื้อผ้า เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง อ่างล้างหน้า หรือแม้
คำพูดของเธอราวกับค้อนที่ทุบลงไปบนหัว คำพูดนั้นทำให้ฉินเย่เรียกสติกลับมาไม่ได้เป็นเวลานาน เมื่อเขาตั้งสติได้ เขาก็เห็นสายตาที่กำลังเยาะเย้ยและเจ็บปวดของเสิ่นหยินอู้ ก่อนที่เขาจะได้มองดูดีๆ เสิ่นหยินอู้ก็ก้มศีรษะลงและเก็บของต่อ เธอเก็บอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก เธอไม่ได้พับแม้แต่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แค่พับแบบลวกๆเพียงสองครั้งแล้วก็ใส่ลงไปในกระเป๋าเดินทาง เมื่อหันกลับไป จู่ๆข้อมือเรียวเล็กของเสิ่นหยินอู้ก็ถูกฉินเย่จับไว้ และเสียงที่เย็นชาของเขาก็ดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ "ทำไมต้องย้ายวันนี้หละ? คุณรีบขนาดนั้นเลยเหรอ?" น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยอยู่ภายใน “ให้ผมเดาสาเหตุของความรีบร้อนนี้ ก็คงเป็นเพราะพี่หนิงฉวนที่คุณไปกินข้าวเที่ยงมาด้วยกันในวันนี้หรือเปล่า?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เงยหน้าขึ้นในทันที และมองเขาด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อ “คุณไม่จำเป็นต้องมาเยาะเย้ยฉันแบบนี้! คนที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่หนิงฉวนดีที่สุดมันก็เป็นคุณไม่ใช่รึไง?” หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็พยายามอย่างหนักที่จะสลัดมือของฉินเย่ออก อย่างไ
เธอไม่ได้รู้สึกฝืนใจใดๆ เหมือนกับที่เธอกำลังจะย้ายหนีออกไปจากห้องของเขาในตอนนี้ เมื่อคิดเช่นนั้น มือของฉินเย่ก็ค่อยๆคลายออกทีละนิด ในที่สุดมือของเสิ่นหยินอู้เป็นอิสระ และเธอก็หันกลับไปเพื่อเก็บข้าวของต่อ อารมณ์ของฉินเย่เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น เขาเอื้อมมือออกไปดึงเน็คไทของตัวเองแล้วพูดอย่างเหลือทน "ถ้าคุณย้ายไปที่ห้องรับแขกชั้นบนตอนนี้ คนรับใช้ที่บ้านจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในทันที" สำหรับเรื่องนี้ เสิ่นหยินอู้ได้คิดเอาไว้ก่อนแล้ว เธอจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า "ฉันไม่กลัวว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรทั้งนั้น ยังไงซะ อีกไม่นานเราก็จะหย่ากันอยู่แล้ว" “แล้วคุณย่าหละ?” “คุณย่าไม่รู้หรอก” “คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณย่าจะไม่รู้? คนรับใช้ในบ้านนี้ คุณคิดว่าจะไม่มีสักคนที่รับใช้คุณย่าอยู่เลยเหรอ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักไป เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็รอจนกว่าคุณย่าจะผ่าตัดเสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน" ตอนนี้ยังไม่สามารถรีบร้อนได้ ยังไงเสีย สุขภาพของคนชราก็สำคัญกว่า ฉินเย่หัว