"เหอะ ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนบอกว่าคุณฉินน่ะมีบารมีที่แข็งแกร่งจริง ๆ"หลี่มู่ถิงรีบรายงานเรื่องที่เปลี่ยนที่นั่งให้กับฉินเย่ฟังทันที ประธานฉินจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็เดินออกไปทันทีผู้จัดการสวี่รีบเปิดทางให้เขาเดินออกไปพอฉินเย่เดินออกไปแล้ว ผู้จัดการสวี่ก็หันมาหาหลี่มู่ถิงทันที"ผู้ช่วยหลี่ เราแลกช่องทางติดต่อกันดีไหมครับ?"หลี่มู่ถิง: "......"ในเมื่อเขาติดหนี้บุญคุณคนอื่นแล้ว ก็จำต้องหยิบโทรศัพท์ออกมารับชะตากรรม-ฉินเย่เดินไปยังที่นั่งที่สลับกับผู้จัดการสวี่อย่างไร้อารมณ์พอนั่งลงแล้ว เขาก็ยังคงทำหน้าบึ้งเหมือนเดิม บรรยากาศเย็นชาที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ทำให้คนรอบข้างหันมามองด้วยความสนใจการเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องบินเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ผู้โดยสารเต็มใจ พนักงานต้อนรับก็จะไม่ว่าอะไรและด้วยท่าทางของฉินเย่ที่ดูเหมือนเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง พนักงานต้อนรับจึงรีบเดินเข้าไปถามอย่างรวดเร็ว"คุณผู้ชายคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?"ฉินเย่ยังคงอารมณ์ไม่ดี เมื่อได้ยินแบบนั้นก็พูดเสียงเย็นชา: "เหล้า"พนักงานต้อนรับสาวชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า"ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ"หล
เพราะถ้าเขาต้องการได้ตัวเสิ่นหยินอู้จริง ๆ เขาก็สามารถใช้วิธีอื่นเพื่อไม่ให้เด็กทั้งสองคนนี้ลืมตาดูโลกได้ถ้าตั้งใจจะทำ ยังไงก็ต้องหาทางได้ ไม่ใช่เหรอ?แต่เขาไม่ทำ เด็กทั้งสองคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย และโม่ไป๋ยังดูแลพวกเขาราวกับเป็นลูกของตัวเอง ความรู้สึกที่มีต่อเสิ่นหยินอู้ก็ยังคงเหมือนเดิมในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ผู้ช่วยเฉินรู้สึกว่าแม้จะต้องตาย เขาก็ไม่มีทางที่จะใจกว้างได้ขนาดนี้แน่นอนแต่ตอนนี้เมื่อได้ใช้เวลากับเด็กทั้งสองคนผู้ช่วยเฉินก็รู้สึกว่า เขาอาจจะไม่ต้องตายแล้ว เพราะว่าเขาเองก็......ใจกว้างพอสมควรเหมือนกันท้ายที่สุดแล้ว ใครจะไม่ชอบเด็กที่น่ารัก มีมารยาท และหน้าตาดีขนาดนี้ได้ล่ะ!!ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยเฉินรู้สึกสงสารโม่ไป๋แค่ไหน ตอนนี้เขาก็รู้สึกอิจฉาโม่ไป๋เท่านั้นขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ เสิ่นเหมิงเหมิงก็เงยหน้ามองผู้ช่วยเฉินแล้วพูดว่า "อาเฉินคะ หนูอยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ"ผู้ช่วยเฉิน"?"อ่าาา นี่ก่อนขึ้นเครื่องเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาไม่ใช่เหรอ?แต่ไม่นานผู้ช่วยเฉินก็นึกออกว่า แม้ว่าเธอจะไปห้องน้ำก่อนขึ้นเครื่องแล้ว แต่เธอก็เพิ่งดื่มเครื่องดื่มไปเยอะผู้ช่วยเฉินกำ
ดวงตาของเธอใสบริสุทธิ์และชัดเจนฉินเย่กลับรู้สึกหายใจติดขัดเขากำลังเห็นภาพหลอนไปหรือเปล่า?ไม่อย่างนั้น หนูน้อยเหมิงเหมิงที่เขาเห็นได้แค่ในไลฟ์สดจากโทรศัพท์มือถือ จะมาอยู่ตรงหน้าเขาได้ยังไงในเวลานี้??ขณะที่เขากำลังคิดว่าภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นจริงหรือไม่ หนูน้อยก็เอียงศีรษะและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า "คุณอา หนูว่าคุณอาหล่อมากเลยค่ะ!"ฉินเย่ชะงักไปเสียงอ่อนหวานนี้...เหมือนกับเสียงที่เขาเคยได้ยินจากไลฟ์สดไม่มีผิดเพียงแต่ว่า ตอนนี้มันยิ่งจริงและอ่อนโยนกว่าเดิม"เหมิงเหมิงเหรอ?"เขาเม้มปาก ฉินเย่เรียกชื่อหนูน้อยออกมาแทบจะโดยสัญชาตญาณดวงตาของหนูน้อยเปล่งประกาย"คุณอารู้จักเหมิงเหมิงเหรอคะ?"ทันทีที่เธอได้ยินเขาเรียกชื่อเธอ หนูน้อยก็เหมือนจะลดการระวังตัวลงจากเดิมที่ยืนอยู่ที่เดิม กลายเป็นเดินก้าวเล็กๆ มาหาเขา"คุณอารู้จักเหมิงเหมิง แต่ทำไมเหมิงเหมิงไม่รู้จักคุณอาล่ะคะ?"ขณะที่พูดนั้น เธอก็มาถึงข้าง ๆ เขาแล้วเพราะความใกล้ชิดของเธอ ทำให้ฉินเย่เผลอหายใจเบาลงเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเพราะหนูน้อยคนนี้ระวังตัวน้อยเกินไปแล้วก่อนหน้านี้ยังยืนอยู่ที่เดิม
“คุณผู้ชายคะ นี่ไวน์แดงของคุณค่ะ”หลังจากพูดจบ พนักงานต้อนรับเห็นเสิ่นเหมิงเหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉินเย่ ท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปทันทีเธอวางแก้วไวน์แดงไว้ที่หน้าฉินเย่ แล้วก็รีบขอโทษเขา“ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย เด็กน้อยคนนี้รบกวนคุณไหมคะ? ฉันจะพาเธอไปจากที่นี่ทันทีค่ะ”หลังจากนั้น พนักงานต้อนรับก็ยิ้มหวานให้กับเด็กน้อย“ที่รัก ขอโทษนะที่เมื่อกี้พี่ลืมหนู ตอนนี้พี่พาหนูกลับไปที่ที่นั่งดีมั้ยคะ?”เสิ่นเหมิงเหมิงมองเธอแล้วก็หันไปมองฉินเย่ฉินเย่กัดริมฝีปาก ในใจรู้สึกไม่อยากให้เธอจากไปแต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก ไม่มีความรู้สึกเสียใจเลย หลังจากได้ฟังคำพูดของพนักงานต้อนรับ เธอก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วหันไปโบกมือให้ฉินเย่“คุณอา หนูดีใจที่ได้รู้จักคุณอาวันนี้ เหมิงเหมิงไปก่อนนะคะ”คุณเย่พยักหน้าและพูดเสียงต่ำ“อื้ม อาก็ยินดีที่ได้รู้จักหนูเหมือนกัน”แม้จะรู้สึกไม่อยากจากไป แต่เด็กคนนั้นก็เป็นลูกของคนอื่น ฉินเย่จึงได้แต่ส่งให้เธอตามพนักงานต้อนรับไป หลังจากเด็กหญิงเดินจากไป ฉินเย่รู้สึกว่าหัวใจที่เคยกระวนกระวายของเขาสงบลงมากไม่รู้สึกหงุดหงิดเหมือนตอนขึ้นเครื่องแม้แต่ไวน์แดงที่อยู่ตรงหน
ตอนนั้นที่เขาได้ยินเสียง ก็รู้สึกว่าเสียงคล้ายกับเสียงของเหนียนเหนียนแต่เจ้าเด็กน้อยหายไปเร็วเกิน ทำให้เขาคิดว่าอาจจะเป็นเสียงที่เขาจินตนาการขึ้นเองการได้เจอเด็กหญิงบนเครื่องบิน ทำให้ฉินเย่เข้าใจว่าเสียง “ขอบคุณครับคุณอา” ในห้องน้ำไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเอง แต่เป็นเรื่องจริงเมื่อคิดได้แล้ว ฉินเย่ก็อยากจะเจอเด็กน้อยสองคนนี้พร้อมกันดูถ้าเด็กสองคนนี้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันและยืนอยู่ตรงหน้าเขา มันจะต้องดูเหมือนพวกเขาหลุดออกมาจากไลฟ์สดแน่ๆแต่ฉินเย่รออยู่นาน ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากด้านหน้าจนกระทั่งผู้ช่วยหลี่มู่ถิงมาหาเขา“ประธานฉิน? เราควรลงจากเครื่องบินแล้วครับ”ฉินเย่ "......คนข้างหลังลงไปหมดแล้วหรอ?""ใช่ครับ" หลี่มู่ถิงพยักหน้า พร้อมกับตอบไปว่า "ทุกคนลงไปหมดแล้วครับ คุณนั่งที่นี่นานมากเลย"หรือว่าเพราะเห็นที่นั่งชั้นประหยัดแล้วกลัว เลยอยากนั่งชั้นเฟิร์สคลาสนานขึ้นหน่อย?หลี่มู่ถิงไม่กล้าถามและไม่กล้าพูดเมื่อเห็นว่าฉินเย่ไม่มีการตอบสนอง หลี่มู่ถิงจึงถามอีกครั้ง "ประธานฉินครับ?"ฉินเย่ได้สติกลับมาและจ้องเขาอย่างเย็นชา"เอ่อ" หลี่มู่ถิงพูดด้วยความกลัว "เราต้องลงจากเคร
เมื่อเสิ่นหยินอู้ถูกปลุกขึ้นมา เครื่องบินทั้งลำเหลือแค่พวกเขาแค่กลุ่มเดียวหลังจากลงจากเครื่องบิน เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก นวดขมับของตัวเองแล้วพูดว่า "ทำไมพวกคุณไม่ปลุกฉันให้เร็วกว่านี้?"ตื่นขึ้นมาพบว่าเครื่องบินทั้งลำเหลือแค่ตัวเอง ทุกคนกำลังรอเธอตอนเดินออกไปยังเห็นกัปตันมองส่งเธอด้วย เสิ่นหยินอู้ไม่อยากสัมผัสความกระอักกระอ่วนแบบนี้เป็นครั้งที่สอง"ผมเห็นคุณเสิ่นไม่สบาย เลยคิดว่าจะให้คุณนอนพักอีกสักหน่อย ยังไงคนอื่นก็ต้องใช้เวลาลงจากเครื่องบินอยู่ดี""ใช่ค่ะหม่ามี้ หม่ามี๊ไม่สบาย" เสิ่นเหมิงเหมิงพูดเสริม แล้วเสิ่นซือเหนียนก็พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าทุกคนเห็นด้วยกับผู้ช่วยเฉินไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่ยอมรออยู่กับผู้ช่วยเฉินเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ เสิ่นหยินอู้จึงนวดขมับต่อและตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้ต่อถึงจะกระอักกระอ่วน แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วและต้องยอมรับว่าการนอนหลับในเที่ยวบินนี้ทำให้เธอพึงพอใจมาก ตื่นมาก็รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อยโทรศัพท์สั่นขึ้นมา เสิ่นหยินอู้หยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วก็ยิ้มพร้อมกับรับสาย"ลี่ซือ""โอ้พระเจ้า ในที่สุดก็โทรติด ฉันเช็คดูแล้วว่าเที่ยวบินของเธ
หลี่มู่ถิง"……"ไม่ใช่ก็ไม่ใช่นี่ ทำไมต้องโจมตีกันส่วนตัวด้วยล่ะ?แต่ถึงจะรู้สึกน้อยใจ หลี่มู่ถิงก็ยังคงสงสัยมาก"ถ้าไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้ว ทำไมประธานฉินถึงไม่ยอมลงจากเครื่องบินล่ะครับ? แล้วยังรออยู่ที่ทางออกอีก?"แต่หลังจากพูดไปมากมาย ฉินเย่ก็ตอบเขามาแค่หนึ่งประโยค“ดูแลเรื่องตัวเองให้ดีก็พอ”ก็ได้ ดูท่าคงจะไม่ได้รู้อะไรหลี่มู่ถิงทำได้แค่นั่งรอกับเขาต่อไปไม่รู้ว่ารอเป็นเวลานานเท่าไหร่ คนของทางจุนถิงก็ได้รับโทรศัพท์ คงเป็นเพราะทางนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยโทรมาถามพนักงานรับสายเบาๆ หลังจากวางสายแล้ว ก็หันกลับมามองฉินเย่อย่างระมัดระวัง ริมฝีปากขยับเล็กน้อย แต่กลับลังเลไม่ยอมพูดออกมาสุดท้าย พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร หันกลับไปเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ฉินเย่ก็หันหลังกลับมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปกันเถอะ”รอมานานขนาดนี้ ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่เจอแล้วโชคชะตา อาจจะทำให้เขาได้เจอเด็กสาวคนนั้นบนเครื่องบินแค่นั้น"ไปได้แล้วใช่ไหมครับ?" คนขับดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงสตาร์ทรถทันทีแม้จะไปแล้ว แต่ทุกคนในรถก็รู้สึกได้ว่า อุณหภูมิในรถลดลงอย่า
“อะไรคือที่บอกว่านอกจากเจียงฉูฉู่แล้ว สายตาผมไม่สามารถมองใครอื่นได้อีก? คุณได้ยินคำนี้มาจากไหน?”ฟู่ถิงสือไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคำนี้ถึงทำให้ฉินเย่โกรธได้เขาไม่แน่ใจว่า ฉินเย่โกรธเพราะไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ หรือเพราะคนอื่นพูดถึงเจียงฉูฉู่ของเขาหลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็พูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง“เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น พวกเขาแค่พูดเล่น คุณอย่าใส่ใจมากนักเลยครับ”“ข่าวลือ?” ฉินเย่มองเขาอย่างเย็นชา: "ในเมื่อมันเป็นแค่ข่าวลือ ทำไมต้องเอามาพูดต่อหน้าผม? อะไรนะ ทายาทตระกูลฟู่ยังได้รับสืบทอดนิสัยชอบซุบซิบด้วยหรอ?"ทันทีที่ได้ยินคำนี้ ฟู่ถิงสือไม่กล้าพูดเรื่องอื่นอีก รีบคุกเข่าขอโทษทันที“ประธานฉิน ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรซุบซิบเรื่องของคุณ โทษผมที่ปากมากไปหน่อย คุณจะให้ผมทำยังไงถึงจะหายโกรธ?”ฉินเย่ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ความโกรธที่เพิ่งแสดงออกมา บ่งบอกชัดเจนว่า ฟู่ถิงสือจะไม่สามารถพูดซุบซิบเกี่ยวกับเขาได้อีกต่อไปในอนาคตหลังจากส่งฉินเย่ไปที่ห้องพัก ฟู่ถิงสือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“คุณพักผ่อนที่นี่ก่อน ผมจะออกไปข้างนอกสักครู่ เดี๋ยวผมรีบกลับมา”ฉินเย่หลับตาลงพิงโซฟาโดยไม่ตอบสนองอะไรเนื
"คุณเสิ่น!" ทุกคนตะโกนเรียกเธอพร้อมกัน เสิ่นหยินอู้ยกมือขึ้นไปที่ริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว เพื่อเป็นสัญญาณให้พวกเขาหยุดส่งเสียง ในช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างก็กำลังพักผ่อน แต่พวกเขากลับเสียงดังมาก หัวหน้าบอดี้การ์ดแสดงสีหน้าละอายในทันทีจริงๆ แล้วเสียงของพวกเขาก็ไม่ได้ดังมาก แต่เมื่อทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน มันเลยดูดังขึ้นมาเล็กน้อย เสิ่นหยินอู้กลัวว่าพวกเขาจะพูดขึ้นมาอีก จึงรีบลากกระเป๋าเดินทางลงมา"ไปกันเถอะ" "คุณเสิ่น ให้ผมถือกระเป๋าให้ดีกว่าครับ" ในกระเป๋าเดินทางของเสิ่นหยินอู้จริงๆ แล้วไม่ได้มีของอะไรมากมาย เธอแค่เอาเสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยนในแต่ละวันไป แม้แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวก็ไม่ได้เอาอะไรไปเลย ดังนั้นมันจึงเบามาก เสิ่นหยินอู้ส่ายหัว “ฉันถือเองได้ค่ะ ในกระเป๋าแทบจะไม่มีอะไรเลย”หัวหน้าบอร์ดี้การ์ดยังคงยืนกราน ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็เลยต้องยอมส่งกระเป๋าให้เขาหลังจากนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ขึ้นรถภายใต้การคุ้มกันของพวกเขา ขณะที่เธอนั่งอยู่ในรถ แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่เสิ่นหยินอู้ก็มองเห็นขบวนรถยาวเรียงกันบนถนนจากกระจกมองหลังแสงไฟหน้ารถทำให้สภาพแวดล้อมที่มืดมิดสว่างไสวราวกับกลางวัน เสิ่
"คุณไม่พูด แสดงว่าคุณก็คิดเหมือนกับฉันใช่มั้ยล่ะคะ? ตอนนี้ติดต่อเขาไม่ได้ คุณก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันใช่ไหม?""คุณเสิ่น"หลี่มู่ถิงพึ่งได้สติ เขากัดฟันพูดว่า “ใช่ครับ ผมเป็นห่วงประธานฉินมาก แต่ก่อนออกเดินทางประธานฉินได้กำชับผมว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของคุณกับเด็กๆ ถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้น ประธานฉินก็จะหาทางหนีด้วยตัวเอง ผมจะไม่ยอมให้คุณเสิ่นต้องเสี่ยงเพื่อประธานฉินเด็ดขาด'" "หนีได้? ถ้าเป็นในประเทศก็ว่าไปอย่าง คุณรู้หรือเปล่าว่าที่ต่างประเทศสถานการณ์เป็นยังไง? คุณคุ้นเคยกับสถานที่มากแค่ไหนคะ?" เสิ่นหยินอู้ถามหลี่มู่ถิงอย่างรวดเร็วติดต่อกันหลายประโยคจนทำให้เขาถึงกับชะงักไป "ฉันบอกคุณตอนนี้เลย ถ้าเขาหนีไม่ได้หรือเกิดอะไรขึ้น คุณจะรู้สึกเสียใจมั้ยคะที่ยืนยันแบบวันนี้?" หลี่มู่ถิงเงียบไป"ฉันจะซื้อตั๋วเดี๋ยวนี้ค่ะ"พูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็วางสายทันที เข้าแอปพลิเคชั่นเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน เธอจัดการอย่างรวดเร็วและตั้งใจแน่วแน่ ครั้งก่อนเป็นเพราะลูกๆ อยู่กับเธอ เธอจึงทำอะไรไม่สะดวกมากนัก แต่ครั้งนี้เธอไปคนเดียว เหมิงเหมิงและเหนียนเหนียนมีคุณปู่คุณย่าคอยดูแล แถมยังมีบอดี้การ์ดมากม
เมื่อเห็นว่าเขามีเวลาส่งข้อความมาให้เธอ เสิ่นหยินอู้ก็โทรหาเขาทันที"ผู้ช่วยหลี่" หลี่มู่ถิงไม่คาดคิดว่าเธอจะยังรออยู่จนถึงตอนนี้ เมื่อคิดถึงเวลาทางนั้นที่เธออยู่ มันก็ดึกมากแล้ว "คุณเสิ่น ผมส่งข้อความไปก็เพื่อให้คุณสบายใจขึ้นหน่อย ทำไมคุณยังไม่พักผ่อนล่ะครับ?""ฉันนอนไม่หลับค่ะ"คำพูดนี้ทำให้หลี่มู่ถิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเสิ่นหยินอู้ก็พูดต่อ “คุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดี ตอนนี้ฉันไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แล้วยังไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับเขาอีก แล้วฉันจะนอนหลับได้ยังไงคะ?" หลี่มู่ถิงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ยังคงเงียบอยู่"ผู้ช่วยหลี่ ตอนนี้คุณมีข่าวล่าสุดจากทางนั้นไหมคะ?" สุดท้าย ผู้ช่วยหลี่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหวังใจของเสิ่นหยินอู้กระตุกขึ้นมาทันที คิ้วของเธอก็ขมวดตามไปด้วย"ว่ายังไงคะ?""คุณเสิ่น ผมเองก็กลัวว่าคุณจะผิดหวังและกังวล แต่เหมือนว่าถ้าไม่บอกคุณก็จะทำให้คุณนอนไม่หลับเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะบอกคุณ หลังจากที่ผมมาถึงก็ยังไม่มีข่าวอะไรของประธานฉินเลยครับ มีแค่คนสองคนที่ยังเฝ้าอยู่ที่บ้านพัก และเราก็ขาดการติดต่อกับคนที่ออกไปทั้งหมดครับ""ทุกคนที่ออกไปต
หลังจากคุยกับคุณแม่ฉินเสร็จ เสิ่นหยินอู้ก็ไปหาเด็กน้อยทั้งสองทันทีที่เธอเดินเข้าไป ทั้งสองคนก็เข้ามาใกล้เธอ แล้วถามว่า “หม่ามี๊ คืนนี้พวกหนูนอนกับหม่ามี๊ได้มั้ยคะ?'" ปกติแล้วพวกเขาจะเข้านอนเอง แต่วันนี้กลับขอแบบนี้ขึ้นมาโดยกระทันหัน หรือว่าจะเป็นเพราะมีความรู้สึกถึงกัน?เสิ่นหยินอู้ถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “ทำไมถึงอยากนอนกับหม่ามี๊ล่ะ?" เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสิ่นเหมิงเหมิงก็ยิ้มอย่างน่ารัก"เพราะหนูกับพี่คิดถึงหม่ามี๊ค่ะ"เสิ่นซือเหนียนพยักหน้าเห็นด้วยจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ไปไหน แต่เด็กทั้งสองกลับพูดแบบนี้ขึ้นมาโดยกระทันหัน หรือว่าพวกเขาแอบได้ยินตอนที่เธอคุยกับคุณแม่ฉิน? แต่ไม่นาน คำพูดต่อมาของเด็กสองคนก็ทำให้ความสงสัยของเธอหายไป"หม่ามี๊ หม่ามี๊กับคุณย่าคุยกันตั้งนาน คุยอะไรกันเหรอคะ?"เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสิ่นหยินอู้ยื่นมือมาหยิกจมูกเล็กๆ ของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “เรื่องของผู้ใหญ่น่ะ เด็กๆ อย่าถามมาก'" "อื้ม ก็ได้ค่ะ""แล้วคืนนี้ หม่ามี๊จะมานอนด้วยกันกับพวกเรามั้ยคะ?""ได้สิ หม่ามี๊จะอยู่กับพวกหนูทั้งคืนเลย"เที่ยวบินของผู้ช่วยหลี่ยังไม่ลงจอด เธอต้องรอจนเขาถึงแล้วถึงจะไ
"ถึงแม้เธอจะปิดบังได้เก่งแค่ไหน แต่แม่ของฉินเย่ก็ยังดูออก หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ เด็กๆ สองคนตามคุณพ่อของฉินเย่เข้าไปเล่นในห้องหนังสือ แล้วแม่ของฉินเย่ก็ถามเธออย่างเงียบๆ""เป็นยังไงบ้าง? ติดต่อฉินเย่ได้มั้ย?" เมื่อได้ยินคำถาม เสิ่นหยินอู้ถึงกับชะงักไป ไม่รู้จะตอบยังไงดี"มีอะไรหรือเปล่า? มีเรื่องกังวลใจอะไรไม่กล้าบอกแม่หรือเปล่า? หยินอู้ แม่บอกเลยนะ ถึงแม้แม่จะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหนู แต่ถ้าหนูอยากจะคิดว่าแม่เป็นแม่แท้ๆของหนู แม่ก็ยินดี หนูคุยกับแม่ได้ทุกเรื่องเลยนะ ตอนที่หนูจากไป แม่ยังไม่ได้มีโอกาสได้เจอหนูเลย และแม่ก็ไม่รู้เรื่องของพวกหนูซักเท่าไหร่ แต่ถ้าแม่รู้ แม่ก็จะบอกหนูว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างหนูกับฉินเย่ ถึงหนูจะไม่อยากจะมีเขาอีกแล้ว แต่หนูยังสามารถนับแม่เป็นแม่ของหนูได้เสมอ" คำพูดที่ไม่ได้คาดคิดนี้ ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจและทำให้น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา "ขอบคุณค่ะ แม่ คำพูดของแม่ หนูจะจดจำไว้เสมอ" ตอนเด็ก เธอเคยอิจฉาคนอื่นที่มีแม่ ทำไมเธอไม่มี เธอก็อยากมีแม่ที่อ่อนโยนและรักเธอ คอยซื้อกระโปรงสวยๆ ให้เธอ สวมใส่ให้เธอ คอยกอดเธอตอนนอน เล่านิทานให้ฟัง
"เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วงเลยครับ ในตอนที่คุณฉินว่าจ้างผม เขาจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าหนึ่งปีมาแล้วครับ" หนึ่งปี?? เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงกับตกใจไปเล็กน้อย เขาจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าไว้นานขนาดนี้ "ดังนั้น คุณเสิ่น ภายในหนึ่งปีนี้ เราจะคุ้มครองความปลอดภัยของคุณอย่างดีครับ" เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างอดไม่ได้ "พวกคุณทำงานตามค่าจ้างใช่ไหม?" หัวหน้าบอดี้การ์ดพยักหน้า"งั้นก็ดี ถ้าฉันจ่ายมากกว่าเขา แล้วขอให้พวกคุณไปต่างประเทศด้วยกันเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของฉัน พวกคุณจะรับไหมคะ?" เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวหน้าบอดี้การ์ดถึงกับอึ้งไป"ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่แค่ฉินเย่ที่มีเงิน ฉันเองก็จ่ายได้ค่ะ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ฉันก็สามารถจ่ายล่วงหน้าให้พวกคุณได้เหมือนกัน""เอ่อ......" "หรือว่าขอบเขตการคุ้มกันของพวกคุณมีแค่ในประเทศ?""ไม่ใช่นะครับ ในต่างประเทศก็ทำได้ เพียงแต่ว่า...... พวกเราสัญญากับคุณฉินแล้วว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยของคุณ ดังนั้นพวกเรา......""ใช่" เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย "พวกคุณคุ้มครองความปลอดภัยของฉัน แต่ไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพของฉันใช่ไหมคะ? หรือว
"อย่าเป็นแบบไหน? ถ้าผมทำแบบนี้ตั้งแต่แรก เธอคงจะไม่กลับประเทศหรือเปล่า? บางทีการให้เธอกลับประเทศอาจจะเป็นความผิดพลาด อย่างน้อยถ้าอยู่ต่างประเทศ ถึงเธอจะไม่ยอมรับผม แต่ก็จะไม่ไปอยู่ข้างคนอื่น"คำพูดของเขาทำให้เสิ่นหยินอู้หลับตาลง สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะถามว่า "เขาอยู่กับนายหรือเปล่า? นายทำอะไรกับเขา?""ไม่มีความอดทนพอที่จะฟังผมพูดเรื่องอื่นแล้วหรอ?""ฉัน......""ถ้าเธออยากรู้จริงๆ ว่าเขาเป็นยังไง ทำไมไม่มาดูเองล่ะ?"เสิ่นหยินอู้รู้สึกหายใจสะดุด"ก่อนจะเห็นหน้าเธอ ผมจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเขาเด็ดขาด" เสิ่นหยินอู้กัดริมฝีปาก"ตอนแรกทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว ทำไมนายต้องทำแบบนี้?""หึ"โม่ไป๋หัวเราะเบาๆ "ใช่ ก่อนหน้านั้นทุกอย่างมันดี ทำไมเธอต้องกลับประเทศ?" เสิ่นหยินอู้เงียบไปชั่วขณะ เขากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอไม่สามารถพูดอะไรกับเขาได้เลย"มาหาผมสิ ผมรออยู่ที่เดิม"พูดจบ โม่ไป๋ก็ทำท่าจะวางสาย เสิ่นหยินอู้รู้สึกกังวล "เดี๋ยวก่อน นายยังไม่ได้บอกเลยว่านายทำอะไรกับเขา ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?""หยินอู้ ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะเจอหน้าเธอ แน่นอนว่าเธอก็อย่าหวังว่าจะหาเขาเจอ" พูดจบ โม่ไ
ดังนั้น เสิ่นหยินอู้จึงถูกเชิญให้กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน โดยที่ตรงหน้าต่างมีคนคอยเฝ้าอยู่ รวมถึงที่หน้าประตูด้วย ถ้าหากตอนนี้มีกล้องถ่ายอยู่ในห้องนี้ คงจะคิดว่าเธอเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊งมาเฟียแน่ๆ เธอไม่มีอารมณ์จะทำงาน มือถือวางอยู่ข้างตัวตลอดเวลา กลัวจะพลาดการติดต่อใดๆ แม้จะไม่มีสมาธิ แต่เธอก็พยายามทำงานจนเสร็จไปบางส่วน และได้รับข้อความจากหลี่มู่ถิงว่าเขาขึ้นเครื่องแล้วหลังจากเขาขึ้นเครื่องแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้อีก ทำได้แค่รอจนกว่าเครื่องบินจะลงจอดมือถือเงียบไปทั้งบ่าย ขณะที่เสิ่นหยินอู้เตรียมเก็บของกลับบ้าน ในที่สุดมือถือก็ส่งเสียงขึ้นมา พอได้ยินเสียง เสิ่นหยินอู้หยิบมือถือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเห็นว่าเป็นสายจากต่างประเทศที่ไม่รู้จัก นี่คือ? เธอไม่ได้คิดมาก รีบกดรับสายทันที“ฮัลโหล?” ในใจลึกๆ เธอหวังว่าคนที่โทรมาคือฉินเย่ เพื่อบอกเธอว่าเขาไม่เป็นอะไร แค่จำเป็นต้องใช้เบอร์นี้ชั่วคราวเท่านั้น แต่เสิ่นหยินอู้ก็ยังไม่กล้าพูดชื่อเขาออกมาตรงๆ“ในที่สุด เธอก็กลับมาใช้เบอร์นี้อีกครั้งนะ” ทว่า เสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของเธอกลับเป็นเสียงอีกคนหนึ่งท
เขาเรียกเถ้าแก่อยู่หลายครั้งก่อนจะดึงสติเสิ่นหยินอู้กลับมาได้ หลังจากกลับมาได้สติอีกครั้ง เสิ่นหยินอู้ก็มองไปที่อู๋อี้ไห่ที่มีสีหน้าเหนื่อยใจที่อยู่ตรงหน้าเธอ ความรู้สึกผิดในใจพุ่งถึงขีดสุด “ขอโทษที เมื่อกี้ฉันฟุ้งซ่านไปหน่อย” “เถ้าแก่ ผมรู้ว่าเรื่องของคุณอาจจะสำคัญมาก แต่... ตอนนี้คุณต้องสละเวลามาดูสัญญานี้สักพัก เสร็จแล้วก็ค่อยไปฟุ้งซ่านต่อ โอเคไหม?” เสิ่นหยินอู้มองไปที่เขา เปิดริมฝีปากขาวซีดของเธอออกเล็กน้อยแล้วพยักหน้า คราวนี้เธอไม่ได้ฟุ้งซ่านอีก เธออ่านสัญญาอย่างละเอียดจนจบและทำการเซ็นชื่อ หลังจากนั้นเธอก็ยื่นสัญญาให้อู๋อี้ไห่: "ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานในช่วงที่ผ่านมา" “ไม่หรอกครับ ใครใช้ให้ผมเป็นผู้ช่วยของคุณล่ะครับ?” อู๋อี้ไห่ยิ้มเล็กน้อย ในตอนแรกเขากำลังจะถือสัญญาแล้วเดินออกไป แต่ก่อนจากไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เถ้าแก่ เป็นปัญหาทางด้านความรักเหรอครับ?” อย่างไรก็ตาม คำถามของเขาไม่ได้รับการตอบกลับ เพราะหลังจากที่เสิ่นหยินอู้ส่งสัญญาให้กับเขา เธอก็ตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง หลังจากนั้น อู๋อี้ไห่ก็ทำได้เพียงพูดอย่างช่วยไม่ได้: "ช่างมันเถอะ อีกเดี๋ยวตอนกลับบ้านก็กลั