เสิ่นหยินอู้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย "ห้าปีนี้นายช่วยฉันมาเยอะมาก ฉันคงพึ่งพานายทุกเรื่องไม่ได้หรอก""พึ่งพาทุกเรื่อง?" โม่ไป๋หัวเราะเบาๆ กับคำนี้ "หยินอู้ ถ้าห้าปีนี้เธอยอมพึ่งพาผมทุกเรื่องจริงๆ ผมคงไม่ต้องพยายามขนาดนี้"แม้ว่าเธอจะยอมให้เขาเอาอาหารเช้ามาให้ แต่นั่นก็เป็นผลจากความพยายามของโม่ไป๋ ต่อให้เขาไม่ทำอะไรแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ก็สามารถใช้ชีวิตได้ดีอยู่ดี"อย่าพูดแบบนั้น นายช่วยฉันมาเยอะแล้ว ถ้ามากกว่านี้ ฉันจะตอบแทนไม่ไหว""แล้วใครต้องการให้เธอตอบแทนล่ะ?"โม่ไป๋มองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งขึ้น เสียงของเขาต่ำลง "ยังไงผมก็เต็มใจ เธอไม่ตอบแทนผม ผมก็ทำอะไรเธอไม่ได้"เสิ่นหยินอู้ไม่พูดอะไรเขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้ ยังไงก็ตาม เขาเคารพเธอเสมอแต่ยิ่งเธอเป็นหนี้บุญคุณเขามากขึ้น เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ ถ้าไม่สามารถตอบแทนได้จริงๆ เธอก็จะรู้สึกไม่สบายใจไปตลอดชีวิต"เอาล่ะ สบายใจเถอะ อยากไปเปิดในประเทศก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างมากผมก็แค่กลับประเทศกับเธอ"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ที่ก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นทันที"นายจะกลับประเทศกับฉัน?""ไม่งั้นล่ะ? เธอจะกลับไปเปิดบริษัทในประเทศ ผมจะไม
เสิ่นหยินอู้คืนบัตรเชิญให้หลังจากพูดจบโม่ไป๋รับบัตรเชิญมาโดยไม่ได้เอามือลง แต่กลับจับปกบัตรเชิญแล้วมองเสิ่นหยินอู้ "ของขวัญที่คุณพ่ออยากได้ที่สุดคงเป็นสะใภ้ซักคน"เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ชะงักไปรู้สึกว่าโม่ไป๋กำลังบอกใบ้บางอย่าง แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร โม่ไป๋ก็พูดขึ้นอีก "เสียดาย ตอนนี้ผมยังทำให้คุณพ่อสมหวังไม่ได้ เลยต้องประมูลของเก่าที่ท่านชอบไปก่อน"เมื่อพูดจบ โม่ไป๋ก็ดึงบัตรเชิญกลับมาเห็นเสิ่นหยินอู้ยังค้างอยู่กับที่ เขาจึงถามอย่างขำๆ "เธอเป็นอะไรไป?"เสิ่นหยินอู้ได้สติกลับมา ยิ้มเขินๆ "ไม่มีอะไร""จริงเหรอ? หรือคิดว่าผมกำลังบอกใบ้อะไรเธอ?"เสิ่นหยินอู้ "......ไม่ ไม่ใช่ ฉันจะคิดแบบนั้นได้ไง?""ถึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่เป็นไร คุณพ่อก็ชอบลูกสองคนของเธอมาก และเธอก็รู้ความรู้สึกของผมดี"เสิ่นหยินอู้เม้มปากไม่พูดอะไรสองปีก่อน โม่ไป๋เคยสารภาพรักกับเธอในโอกาสๆหนึ่ง แต่ตอนนั้นเสิ่นหยินอู้ปฏิเสธไปหลังจากนั้น เธอก็หลีกเลี่ยงเขาตลอด จนกระทั่งโม่ไป๋หาเธอเจอ"ถ้าเป็นเพราะผมชอบเธอ เธอถึงเลี่ยงผมมาโดยตลอด มันไม่จำเป็นเลยเสิ่นหยินอู้ เพราะการที่ผมชอบเธอเป็นเรื่องของผมเอง ตลอดสาม
"อะไรอะไร?" ทุกคนเริ่มซุบซิบนินทากัน บนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ถ้ามีคนก็ต้องมีเรื่องซุบซิบ"ผู้จัดการเสิ่นเคยหย่ามาก่อน แล้วก็มีลูกสองคน" เมื่อได้ยินแบบนั้น บางคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ตกใจ แต่เดิมคิดว่าต้องมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเคยหย่ามาก่อน แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีลูกสองคนอีก"ได้ยินมาว่าตระกูลโม่เคร่งครัดกับเรื่องครอบครัว ผู้จัดการเสิ่นมีลูกสองคนแล้ว คุณพ่อของประธานโม่คงไม่ยอมให้ผู้หญิงแบบนี้เข้ามาในบ้านหรอก" "ผู้หญิงที่แต่งงานรอบสอง แถมมีลูกอีกสองคน แต่งกับผู้ชายธรรมดาอาจจะพอได้ แต่จะแต่งกับประธานโม่ แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ? คุณพ่อของประธานโม่คงไม่ยอมแน่ ไม่แปลกใจเลยที่ฉันสงสัยว่าทำไมถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ที่แท้ก็เพราะตัวเองไม่เหมาะสม" มีคนพูดขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง"คุณได้ยินมาจากไหน? คุณพ่อของประธานโม่ก็รับเมียน้อยเข้าบ้าน นี่เรียกว่าเคร่งครัดเหรอ?""ใช่ น้องชายของประธานโม่ที่อายุแค่ประมาณเจ็ดขวบก็คือลูกของแม่เลี้ยงหนิ?ได้ยินว่าแม่เลี้ยงของเขาใจร้ายกับเขามาก" ในตอนแรกพวกเขานินทาเรื่องของโม่ไป๋กับเสิ่นหยินอู้ แต่พูดไปพูดมา ทุกคนก็สนใจเรื่องครอบครัวของ
สุดท้ายผู้ช่วยเฉินก็ยื่นรายงานการสำรวจตลาดให้เธอ เสิ่นหยินอู้เปิดดูและพบว่ามันคือรายงานที่โม่ไป๋บอกจริงๆ และวันที่ในรายงานก็เป็นเดือนที่แล้ว รายงานฉบับนี้ไม่ใช่รายงานการสำรวจตลาดทั่วไป รายละเอียดหลายอย่างถูกสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเธออ่านจบ เสิ่นหยินอู้ถึงได้รู้สึกโล่งใจจริงๆ โชคดีที่เขามีแผนจะกลับมาพัฒนาธุรกิจในประเทศ ไม่ใช่อยากกลับไปเพราะเธอ ดังนั้นเธอถึงรู้สึกสบายใจ "ขอบคุณค่ะ เอาคืนไปเถอะค่ะ" เสิ่นหยินอู้ส่งรายงานการสำรวจตลาดคืนให้ผู้ช่วยเฉิน"ผู้จัดการเสิ่นไม่อยากเอากลับไปดูอย่างละเอียดก่อนหรอครับ?""ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันดูแล้ว""โอเคเครับ ถ้ามีอยากได้อะไรเพิ่มก็ส่งข้อความมาได้เลย ผมจะรีบเอาไปให้ทันทีครับ" หลังจากส่งเสิ่นหยินอู้กลับไปอย่างสุภาพเรียบร้อยแล้ว ผู้ช่วยเฉินก็กลับมาที่โต๊ะของเขา เช็ดเหงื่อบนหน้าผากและมองรายงานการสำรวจตลาดในมือ คิดถึงคำที่โม่ไป๋บอกกับเขาตอนที่ทำรายงานนี้"ต้องละเอียด""ละเอียด?" ผู้ช่วยเฉินไม่เข้าใจความหมายของโม่ไป๋เท่าไหร่ จึงถามเพิ่มเติมว่า "ประธานโม่ ต้องละเอียดแค่ไหนครับ?""ให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้" หลังจากทำรายงา
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสิ่นหยินอู้ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างช่วยไม่ได้"ภาพลักษณ์ฉันไปหมดแล้ว" เธอในกระจกเมื่อกี้นี้มีรอยคล้ำใต้ตาใหญ่เหมือนแพนด้า บวกกับความยุ่ง หน้าเธอก็ไม่ได้แต่งหน้า แถมยังนอนไม่พอจนหน้าซีดอีก ทั้งหน้าซีดทั้งรอยคล้ำใต้ตา รวมกับการที่เธอน้ำหนักลดลงไปด้วย ทำให้เธอดูเหมือนคนติดยา ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่เธอเห็นตัวเองยังตกใจ"อย่าบอกนะว่าเธออยู่ที่บริษัทในสภาพนี้มาหลายวันแล้ว" เสิ่นหยินอู้พยักหน้าอย่างจริงจัง"ใช่""พรืด" โจวชวงชวงแทบพ่นข้าวในปากออกมา "จริงมั้ยเนี่ย"เห็นเสิ่นหยินอู้ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก โจวชวงชวงได้แต่พูดไปว่า "คนสวยก็เป็นแบบนี้แหละน้า ถึงไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ก็ยังเป็นคนสวยตลอด" จริงๆ แล้วสภาพของเสิ่นหยินอู้ตอนนี้ในสายตาเธอก็ไม่ได้ดูแย่เพียงแต่พอเทียบกับรูปลักษณ์ที่ปราณีตในเวลาปกติแล้ว มันแย่กว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นคนสวยตามธรรมชาติ หน้าสดก็ดีอยู่แล้ว รอยคล้ำใต้ตากับหน้าซีดๆของเธอทำให้เธอดูเป็นสาวสวยที่เปราะบาง คิดถึงเรื่องนี้ โจวชวงชวงก็อดถอนหายใจไม่ได้ คนสวยถึงโทรมยังไงก็ยังเป็นคนสวย ถ้าเป็นเธอเอง......คงดูแย่มาก"เธอนี่ อย่าหักโหมเกินไ
เมื่อเข้าไปในห้องด้วยรหัสผ่าน โจวชวงชวงก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนคุยกัน มองดูใกล้ๆ เห็นว่าเด็กสองคนกำลังไลฟ์อยู่ สิ่งที่เธอตั้งใจจะพูดหยุดลงทันที เพราะเสิ่นเหมิงเหมิงและเสิ่นซือเหนียนยังไม่เห็นเธอ เธอเลยเดินไปที่ครัวแทน โจวชวงชวงคิดว่าสองสามวันนี้เสิ่นหยินอู้คงยุ่งจนไม่ได้ล้างจาน แต่เมื่อเข้าไปในครัวกลับพบว่าครัวสะอาดมาก ไม่เพียงแค่จานชามที่สะอาด พื้นผิวต่างๆ ก็สะอาดหมด และตารางบนชั้นข้างๆ แสดงว่าวันนี้ถูกทำเครื่องหมายแล้ว"แม่บ้านมาแล้วเหรอ?" โจวชวงชวงพึมพำออกมา และเดินออกจากครัวไปยังระเบียง จนเด็กสองคนไลฟ์เสร็จ เธอถึงออกมา"น้าชวงชวง!" ทันทีที่เห็นเธอ เสิ่นเหมิงเหมิงก็วิ่งเข้ามาหา ก่อนที่โจวชวงชวงจะย่อตัวลงกอด เด็กหญิงก็กอดขาของเธอ "น้าชวงชวง เหมิงเหมิงไม่ได้เจอน้านานมาก คิดถึงน้ามากๆเลยค่ะ" "จริงเหรอ?" โจวชวงชวงหรี่ตาลง ย่อตัวลงตรงหน้าเธอ แล้วลูบแก้มของเสิ่นเหมิงเหมิงหลายครั้งก่อนที่เด็กหญิงจะตอบสนอง เธอขยำแก้มเสิ่นเหมิงเหมิงจนเป็นสีชมพู แล้วจุ๊บที่หน้าผากอย่างรักใคร่"น้าก็คิดถึงหนู!"เสิ่นเหมิงเหมิงกระพริบตา "คุณน้า น้าดูแปลกๆ นะ......" "หึหึหึ มีแค่น้าเท่า
คิดถึงตรงนี้ โจวชวงชวงกัดฟันพูดอย่างแค้นใจ "พวกหนูช่วยอธิษฐานให้น้าชวงชวงได้แต่งงานเร็วๆ ด้วยนะ ถึงตอนนั้นน้าจะมีลูกน่ารักๆ แบบพวกหนู ทีนี้น้าก็จะไม่จับแก้มพวกหนูอย่างเดียวแล้ว" เสิ่นเหมิงเหมิงกอดคอเธออย่างเอาใจแล้วพูดว่า "หนูขออธิษฐานให้น้าชวงชวงได้แต่งงานเร็วๆค่ะ""โอ้ย สุดที่รักของน้า หนูน่ารักที่สุดเลย รักหนูจะตายแล้ว"- พอใกล้เลิกงาน โม่ไป๋ก็มาหาเสิ่นหยินอู้"ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?"เสิ่นหยินอู้ที่ยุ่งมากๆ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ตอบว่า "ยังไม่เสร็จเลย น่าจะอีกสักพัก" พูดจบเธอก็รู้ทันทีว่าใครกำลังพูดกับเธอ แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว"นายมาที่นี่ได้ยังไง?"โม่ไป๋ถือกุญแจรถในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งถือเสื้อสูทของเขา เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น"มารับเธอหลังเลิกงาน แต่ดูเหมือนเธอต้องยุ่งอีกสักพัก"พูดพลาง โม่ไป๋ก็นั่งลงบนโซฟา "ผมรอเธอที่นี่นะ?อีกนานแค่ไหนถึงจะเสร็จ?"ตอนแรกเธอตั้งใจจะปฏิเสธเขา แต่สุดท้ายเสิ่นหยินอู้ก็พูดว่า "ประมาณหนึ่งชั่วโมง" "โอเค งั้นเธอทำงานเถอะ" เขาเข้าใจดีมากจนไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เสิ่นหยินอู้ก็กลับไปทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะต้อง
โม่ไป๋ชะงักไปแล้วยิ้มเบาๆ มือยังไม่ถอนออก ยังคงอยู่ที่กระดุมเสื้อของเธอ"หยินอู้" เสียงของเขาเบามาก "ต้องต่อต้านผมขนาดนี้เลยหรอ?" "เปล่า ฉันแค่......" เสิ่นหยินอู้ยังคงลังเลว่าจะอธิบายว่ายังไงดี โม่ไป๋ถอนหายใจแล้วเอามือกลับ"ถ้าอย่างนั้น เธอทำเองก็แล้วกัน" เสิ่นหยินอู้: "......" เขาเอามือกลับไปแล้ว เสิ่นหยินอู้หันหลังให้เขาแล้วติดกระดุมเสื้อโค้ทของตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอติดเสร็จแล้วและหันกลับมา โม่ไป๋ก็หยิบกระเป๋าแล็ปท็อปของเธอขึ้นมาและเดินไปข้างหน้า เสิ่นหยินอู้รีบเดินตามไป คนในบริษัทกลับไปกันเกือบหมดแล้ว เหลือแค่บางคนที่ยังทำงานล่วงเวลา ทุกคนทักทายทั้งสองคนตอนที่เจอกัน"ท่านประธานโม่ ผู้จัดการเสิ่น" ทั้งสองพยักหน้ารับ เมื่อเข้าลิฟต์ เสิ่นหยินอู้ก็พูดถึงโจวชวงชวงที่อยู่ในบ้านของเธอ "เธอลาเหรอ? เป็นไปได้ไง หัวหน้าของเธอยอมให้เธอลา" พูดถึงหัวหน้าของโจวชวงชวง เสิ่นหยินอู้ก็อดยิ้มไม่ได้ "ใช่ วันหยุดที่แสนจะหายาก ฉันก็แปลกใจที่หัวหน้าของเธอยอมให้เธอลาสามวัน" ทั้งสองพูดคุยเรื่องต่างๆ แล้วขับรถออกจากที่จอดรถไปด้วยกัน เมื่อถึงบ้าน เสิ่นหยินอู้และโม่ไป๋เข้า