สุดท้ายผู้ช่วยเฉินก็ยื่นรายงานการสำรวจตลาดให้เธอ เสิ่นหยินอู้เปิดดูและพบว่ามันคือรายงานที่โม่ไป๋บอกจริงๆ และวันที่ในรายงานก็เป็นเดือนที่แล้ว รายงานฉบับนี้ไม่ใช่รายงานการสำรวจตลาดทั่วไป รายละเอียดหลายอย่างถูกสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเธออ่านจบ เสิ่นหยินอู้ถึงได้รู้สึกโล่งใจจริงๆ โชคดีที่เขามีแผนจะกลับมาพัฒนาธุรกิจในประเทศ ไม่ใช่อยากกลับไปเพราะเธอ ดังนั้นเธอถึงรู้สึกสบายใจ "ขอบคุณค่ะ เอาคืนไปเถอะค่ะ" เสิ่นหยินอู้ส่งรายงานการสำรวจตลาดคืนให้ผู้ช่วยเฉิน"ผู้จัดการเสิ่นไม่อยากเอากลับไปดูอย่างละเอียดก่อนหรอครับ?""ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันดูแล้ว""โอเคเครับ ถ้ามีอยากได้อะไรเพิ่มก็ส่งข้อความมาได้เลย ผมจะรีบเอาไปให้ทันทีครับ" หลังจากส่งเสิ่นหยินอู้กลับไปอย่างสุภาพเรียบร้อยแล้ว ผู้ช่วยเฉินก็กลับมาที่โต๊ะของเขา เช็ดเหงื่อบนหน้าผากและมองรายงานการสำรวจตลาดในมือ คิดถึงคำที่โม่ไป๋บอกกับเขาตอนที่ทำรายงานนี้"ต้องละเอียด""ละเอียด?" ผู้ช่วยเฉินไม่เข้าใจความหมายของโม่ไป๋เท่าไหร่ จึงถามเพิ่มเติมว่า "ประธานโม่ ต้องละเอียดแค่ไหนครับ?""ให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้" หลังจากทำรายงา
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสิ่นหยินอู้ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างช่วยไม่ได้"ภาพลักษณ์ฉันไปหมดแล้ว" เธอในกระจกเมื่อกี้นี้มีรอยคล้ำใต้ตาใหญ่เหมือนแพนด้า บวกกับความยุ่ง หน้าเธอก็ไม่ได้แต่งหน้า แถมยังนอนไม่พอจนหน้าซีดอีก ทั้งหน้าซีดทั้งรอยคล้ำใต้ตา รวมกับการที่เธอน้ำหนักลดลงไปด้วย ทำให้เธอดูเหมือนคนติดยา ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่เธอเห็นตัวเองยังตกใจ"อย่าบอกนะว่าเธออยู่ที่บริษัทในสภาพนี้มาหลายวันแล้ว" เสิ่นหยินอู้พยักหน้าอย่างจริงจัง"ใช่""พรืด" โจวชวงชวงแทบพ่นข้าวในปากออกมา "จริงมั้ยเนี่ย"เห็นเสิ่นหยินอู้ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก โจวชวงชวงได้แต่พูดไปว่า "คนสวยก็เป็นแบบนี้แหละน้า ถึงไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ก็ยังเป็นคนสวยตลอด" จริงๆ แล้วสภาพของเสิ่นหยินอู้ตอนนี้ในสายตาเธอก็ไม่ได้ดูแย่เพียงแต่พอเทียบกับรูปลักษณ์ที่ปราณีตในเวลาปกติแล้ว มันแย่กว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นคนสวยตามธรรมชาติ หน้าสดก็ดีอยู่แล้ว รอยคล้ำใต้ตากับหน้าซีดๆของเธอทำให้เธอดูเป็นสาวสวยที่เปราะบาง คิดถึงเรื่องนี้ โจวชวงชวงก็อดถอนหายใจไม่ได้ คนสวยถึงโทรมยังไงก็ยังเป็นคนสวย ถ้าเป็นเธอเอง......คงดูแย่มาก"เธอนี่ อย่าหักโหมเกินไ
เมื่อเข้าไปในห้องด้วยรหัสผ่าน โจวชวงชวงก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนคุยกัน มองดูใกล้ๆ เห็นว่าเด็กสองคนกำลังไลฟ์อยู่ สิ่งที่เธอตั้งใจจะพูดหยุดลงทันที เพราะเสิ่นเหมิงเหมิงและเสิ่นซือเหนียนยังไม่เห็นเธอ เธอเลยเดินไปที่ครัวแทน โจวชวงชวงคิดว่าสองสามวันนี้เสิ่นหยินอู้คงยุ่งจนไม่ได้ล้างจาน แต่เมื่อเข้าไปในครัวกลับพบว่าครัวสะอาดมาก ไม่เพียงแค่จานชามที่สะอาด พื้นผิวต่างๆ ก็สะอาดหมด และตารางบนชั้นข้างๆ แสดงว่าวันนี้ถูกทำเครื่องหมายแล้ว"แม่บ้านมาแล้วเหรอ?" โจวชวงชวงพึมพำออกมา และเดินออกจากครัวไปยังระเบียง จนเด็กสองคนไลฟ์เสร็จ เธอถึงออกมา"น้าชวงชวง!" ทันทีที่เห็นเธอ เสิ่นเหมิงเหมิงก็วิ่งเข้ามาหา ก่อนที่โจวชวงชวงจะย่อตัวลงกอด เด็กหญิงก็กอดขาของเธอ "น้าชวงชวง เหมิงเหมิงไม่ได้เจอน้านานมาก คิดถึงน้ามากๆเลยค่ะ" "จริงเหรอ?" โจวชวงชวงหรี่ตาลง ย่อตัวลงตรงหน้าเธอ แล้วลูบแก้มของเสิ่นเหมิงเหมิงหลายครั้งก่อนที่เด็กหญิงจะตอบสนอง เธอขยำแก้มเสิ่นเหมิงเหมิงจนเป็นสีชมพู แล้วจุ๊บที่หน้าผากอย่างรักใคร่"น้าก็คิดถึงหนู!"เสิ่นเหมิงเหมิงกระพริบตา "คุณน้า น้าดูแปลกๆ นะ......" "หึหึหึ มีแค่น้าเท่า
คิดถึงตรงนี้ โจวชวงชวงกัดฟันพูดอย่างแค้นใจ "พวกหนูช่วยอธิษฐานให้น้าชวงชวงได้แต่งงานเร็วๆ ด้วยนะ ถึงตอนนั้นน้าจะมีลูกน่ารักๆ แบบพวกหนู ทีนี้น้าก็จะไม่จับแก้มพวกหนูอย่างเดียวแล้ว" เสิ่นเหมิงเหมิงกอดคอเธออย่างเอาใจแล้วพูดว่า "หนูขออธิษฐานให้น้าชวงชวงได้แต่งงานเร็วๆค่ะ""โอ้ย สุดที่รักของน้า หนูน่ารักที่สุดเลย รักหนูจะตายแล้ว"- พอใกล้เลิกงาน โม่ไป๋ก็มาหาเสิ่นหยินอู้"ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?"เสิ่นหยินอู้ที่ยุ่งมากๆ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ตอบว่า "ยังไม่เสร็จเลย น่าจะอีกสักพัก" พูดจบเธอก็รู้ทันทีว่าใครกำลังพูดกับเธอ แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว"นายมาที่นี่ได้ยังไง?"โม่ไป๋ถือกุญแจรถในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งถือเสื้อสูทของเขา เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น"มารับเธอหลังเลิกงาน แต่ดูเหมือนเธอต้องยุ่งอีกสักพัก"พูดพลาง โม่ไป๋ก็นั่งลงบนโซฟา "ผมรอเธอที่นี่นะ?อีกนานแค่ไหนถึงจะเสร็จ?"ตอนแรกเธอตั้งใจจะปฏิเสธเขา แต่สุดท้ายเสิ่นหยินอู้ก็พูดว่า "ประมาณหนึ่งชั่วโมง" "โอเค งั้นเธอทำงานเถอะ" เขาเข้าใจดีมากจนไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เสิ่นหยินอู้ก็กลับไปทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะต้อง
โม่ไป๋ชะงักไปแล้วยิ้มเบาๆ มือยังไม่ถอนออก ยังคงอยู่ที่กระดุมเสื้อของเธอ"หยินอู้" เสียงของเขาเบามาก "ต้องต่อต้านผมขนาดนี้เลยหรอ?" "เปล่า ฉันแค่......" เสิ่นหยินอู้ยังคงลังเลว่าจะอธิบายว่ายังไงดี โม่ไป๋ถอนหายใจแล้วเอามือกลับ"ถ้าอย่างนั้น เธอทำเองก็แล้วกัน" เสิ่นหยินอู้: "......" เขาเอามือกลับไปแล้ว เสิ่นหยินอู้หันหลังให้เขาแล้วติดกระดุมเสื้อโค้ทของตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอติดเสร็จแล้วและหันกลับมา โม่ไป๋ก็หยิบกระเป๋าแล็ปท็อปของเธอขึ้นมาและเดินไปข้างหน้า เสิ่นหยินอู้รีบเดินตามไป คนในบริษัทกลับไปกันเกือบหมดแล้ว เหลือแค่บางคนที่ยังทำงานล่วงเวลา ทุกคนทักทายทั้งสองคนตอนที่เจอกัน"ท่านประธานโม่ ผู้จัดการเสิ่น" ทั้งสองพยักหน้ารับ เมื่อเข้าลิฟต์ เสิ่นหยินอู้ก็พูดถึงโจวชวงชวงที่อยู่ในบ้านของเธอ "เธอลาเหรอ? เป็นไปได้ไง หัวหน้าของเธอยอมให้เธอลา" พูดถึงหัวหน้าของโจวชวงชวง เสิ่นหยินอู้ก็อดยิ้มไม่ได้ "ใช่ วันหยุดที่แสนจะหายาก ฉันก็แปลกใจที่หัวหน้าของเธอยอมให้เธอลาสามวัน" ทั้งสองพูดคุยเรื่องต่างๆ แล้วขับรถออกจากที่จอดรถไปด้วยกัน เมื่อถึงบ้าน เสิ่นหยินอู้และโม่ไป๋เข้า
ถึงแม้เขาจะดูอบอุ่น อ่อนโยน แต่อย่างไรฐานะทางสังคมของเขาก็สูงมาก เธอไม่สามารถมองโม่ไป๋ให้เป็นแฟนธรรมดาๆ คนหนึ่งได้เลยพักหลังพอรู้จักกันนานเข้า อาจเป็นเพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของเสิ่นหยินอู้ ดังนั้นโม่ไป๋เลยปฏิบัติตัวดีกับเธอมาก มีอะไรดีๆ ก็จะซื้อมาฝากเธอด้วยเสมอนานเข้าๆ โจวชวงชวงก็กลายเป็นพรรคพวกของโม่ไป๋ แถมมักจะพูดแทนโม่ไป๋ด้วยบวกกับเธอรู้สึกว่าโม่ไป๋เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งจริงๆเขาอยู่เคียงข้างเสิ่นหยินอู้มาตลอดระยะเวลาห้าปีมิหนำซ้ำ ตลอดห้าปีมานี้ ไม่มีเรื่องผู้หญิงคนอื่นเข้ามาเลยผู้ชายที่ซื่อสัตย์ขนาดนี้ บนโลกนี้คงมีแต่โม่ไป๋คนเดียวแล้วมั้ง?อีกอย่างเขายังไม่ถือสาที่เสิ่นหยินอู้เคยแต่งงานมีลูกด้วย ทั้งยังรักและเอ็นดูลูกทั้งสองของหล่อนด้วยถ้าแบบนี้ไม่ใช่ความรัก…“เอาอะไร?”เสิ่นหยินอู้เดินออกมาจากห้องครัวพอดี และได้ยินเพียงคำพูดประโยคหลังเท่านั้น ประโยคหน้าไม่ได้ยินโจวชวงชวงกระแอมเบาๆ แล้วโกหกหน้านิ่ง “จะเอาอะไรได้อีกเล่า? ต้องเอาโปรเจกต์นี้ไว้ให้ได้น่ะสิ”โม่ไป๋เดินเข้าไปรับจานจากเธอ “ฉันช่วย”เสิ่นหยินอู้ปล่อยมือ“ถึงเวลากินข้าวแล้ว พวกเธอยังคุยเรื่องงานกันอีก?”
หลังจากกินข้าวเสร็จ โม่ไป๋ถกแขนเสื้อขึ้น “เดี๋ยวฉันล้างเอง”“ไม่ต้อง เก็บแล้วใส่เข้าไปในเครื่องล้างจานก็พอแล้ว”แต่น่าเสียดาย เพราะการกระทำของโม่ไป๋รวดเร็วเกินไป เสิ่นหยินอู้ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็ยกถ้วยไปแล้วโจวชวงชวงเห็นก็อดไม่ได้เยาะเย้ยขึ้น“พอได้แล้วหยินอู้ เขาอยากทำก็ปล่อยเขาทำไปเถอะ ถ้าเธอไม่อนุญาต แล้วเขาจะทำคะแนนยังไงเล่า?”“นั่นน่ะสิ” โม่ไป๋สำทับ “ให้ฉันได้ทำคะแนนสักหน่อยเถอะ”พูดขนาดนี้แล้ว เสิ่นหยินอู้ก็พูดอะไรต่อไม่ได้ จึงมอบสิ่งที่ต้องทำที่เหลือให้กับโม่ไป๋ทำเองทั้งหมดจนกระทั่งถึงเวลาพัก ทั้งๆ โจวชวงชวงมีที่นอนในห้องรับแขกอยู่แล้ว แต่เธอก็จะหยิบหมอนไปนอนเบียดกับเสิ่นหยินอู้บริเวณนอกหน้าต่างฝนกำลังตกปรอยๆ อุณหภูมิในห้องก็ลดลงไม่น้อยแต่เมื่อทั้งสองนอนเบียดด้วยกันจึงทำให้อุณหภูมิใต้ผ้าห่มนั้นสูงขึ้น“ฉันจำได้ว่าสมัยเรียน ฉันจะแอบไปนอนที่บ้านเธอบ่อยๆ แต่ว่าตอนนั้นเตียงบ้านเธอใหญ่มาก ตอนนั้นฉันคิดตลอดเลยว่าเตียงบ้านคนรวยนี่มันใหญ่ขนาดนี้กันหมดเลยเหรอ?”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องอดีต เสิ่นหยินอู้ก็อยากหัวเราะขึ้นมา“พ่อคงกลัวว่าฉันจะตกเตียงล่ะมั้ง ก็เลยสั่งทำเตียงนอนให้ต
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ขมวดคิ้วคัดค้าน“แต่ว่าความรู้สึกไม่ได้ดูที่เรื่องพวกนี้สักหน่อย”“แล้วดูที่เรื่องอะไรล่ะ? เธอลองบอกมาซิ?” เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ โจวชวงชวงพลันหัวเราะ “หรือไม่เธอก็พูดมาเลยดีกว่าว่าห้าปีมานี้ เธอมีคนที่ชอบไหม? เพราะคนที่ชอบเธอไม่ได้มีแค่โม่ไป๋คนเดียว”เสิ่นหยินอู้ “ชวงชวง ฉันมีลูกแล้ว ไม่อยากไปคิดเรื่องพวกนั้น”“แต่ว่าคนพวกนั้นไม่ได้ถือสาที่เธอมีลูกนี่ โม่ไป๋เขาเลี้ยงดูเหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนเหมือนลูกของตัวเองเลยนะ”“อืม ฉันรู้ว่าฉันติดค้างเขามาก”ชาตินี้ อาจจะชดใช้ไม่หมดเลยก็ได้“เฮ้อ ถ้าฉันเป็นโม่ไป๋แล้วได้ยินคำนี้เข้า ฉันคงเสียใจแย่” โจวชวงชวงรู้สึกเจ็บใจแทนโม่ไป๋ “ฉันรู้สึกว่าเขาไม่เลวเลยนะ หน้าตาก็ดี ฐานะก็เลิศ ที่สำคัญยังซื่อสัตย์มากด้วย ไม่มีผู้หญิงคนอื่นเลย มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ถ้าเธอชอบเขา รับรองว่าชีวิตของเธอต้องมีความสุขมากแน่ๆ”“ชวงชวง…”“โอเคๆ ไม่ว่าโม่ไป๋จะดีกับเธอแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะหน้าตาดีขนาดไหน เธอต้องเชื่อเสมอว่าฉันอยู่ข้างเธอ ไม่ว่ายังไงก็ตาม และก็เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี ก็เลยแนะนำให้เธอลองคิดดู แต่ถ้าเธอไม่ชอบจริงๆ ก็ไ