ลุงเยี่ยน "....." “เอ่อ คือฉันก็แค่เดาไปเรื่อยน่ะ ซุปปลาอันนั้นที่ลุงเยี่ยนต้มตอนเช้าอร่อยมาก ตอนฉันยกออกมาก็ไม่ได้กลิ่นคาวเลยสักนิด แต่คุณผู้หญิงแค่ได้กลิ่นนิดเดียวก็อาเจียนออกมารุนแรงขนาดนั้น พี่สะใภ้ของฉันก็เป็นแบบนี้ตอนที่เธอท้อง ได้กลิ่นคาวนิดเดียวคือไม่ได้เลย เธออ่อนไหวกว่าเรามาก ไม่ใช่แค่นี้นะ รสชาติของอาหารที่ชอบก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน" ยิ่งลุงเยี่ยนฟังมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่บุคคลคนนี้พูดนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล หากคุณผู้หญิงท้องจริงๆ เขาคงต้องปรับปรุงสูตรอาหารให้ดีขึ้น! ลุงเยี่ยนเก็บประเด็นสำคัญนี้ไปคิดอย่างรวดเร็ว - เสิ่นหยินอู้กินไดฟูกุไปสองชิ้นและพัฟไอศกรีมไปอีกหลายชิ้น และตบท้องของเธอเบาๆด้วยความพึงพอใจ ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกว่าขนมเหล่านี้อร่อยมากขนาดนี้นะ? ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กในท้องของเธอคงจะเป็นแมวตัวน้อยจอมตะกละสินะ “เจ้าเด็กจอมตะกละ” เสิ่นหยินอู้สะกิดท้องของเธอเบาๆ แล้วพูดเสียงเบาๆด้วยความรัก ลูกของเธออายุยังไม่ถึงหนึ่งเดือน ท้องของเธอจึงยังแบนอยู่ ซึ่งดูไม่ออกเลยสักนิด และโดยธรรมชาติแล้วก็ย่อมไม่สามารถตอ
สิ่งที่ลุงเยี่ยนพูดเมื่อครู่นี้มีความหมายกว้างพอสมควร เสิ่นหยินอู้ได้หยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก หรือว่าลุงเยี่ยนอาจจะพบเบาะแสอะไรบางอย่างในอาหารของเธอ? เมื่อลุงเยี่ยนเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเสิ่นหยินอู้และถูมือของเธอด้วยท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก เขาก็ยิ้มอย่างจริงใจมาก “จู่ๆรสชาติอาหารที่คุณผู้หญิงชอบก็เปลี่ยนไป ผมก็เลยปรับเปลี่ยนรสชาติตามที่คุณผู้หญิงน่าจะชอบน่ะครับ ทำไมเหรอครับคุณหญิง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?” รสชาติอาหารที่ชอบเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก.... หากคนอื่นได้ยินคำพูดแบบนี้เข้า มันก็คงจะดูน่าสงสัย เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปากแล้วมองไปที่ลุงเยี่ยนด้วยสีหน้าที่จริงจังและกระซิบว่า "ลุงเยี่ยนคะ รสชาติอาหารที่ฉันชอบเปลี่ยนไปมากตรงไหนคะ? ฉันแค่กินของหวานในตอนเช้าเพิ่มมานิดหน่อยเองนะคะ" ลุงเยี่ยนสับสนกับสิ่งที่เธอพูด เขาจับที่ท้ายทอยของตัวเองและรู้สึกว่าเธอพูดถูก เธอแค่กินของหวานเพิ่มไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง แล้วทำไมเขาจึงรู้สึกว่ารสชาติอาหารที่คุณผู้หญิงชอบนั้นเปลี่ยนไปมากกันนะ? เมื่อคิดเช่นนั้น ลุงเยี่ยนก็รู้สึกเสียหน้าขึ้นมาเล็กน้อยในทันที “ขอโทษครับคุณผู้หญิง บาง
เมื่อวานไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉูฉู่ไม่ชัดเจนหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงโทรเรียกฉูฉู่มาหละ? ในไม่ช้า ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในใจของฉินเย่ นั่นคือเสิ่นหยินอู้อาจจะปากแข็งและต้องการทำให้เขาโกรธ เนื่องจากเมื่อวานพวกเขาทั้งสองมีปากเสียงกันด้วยปัญหานี้ เธอจึงต้องการใช้ปัญหานี้มาแก้แค้นเขาในวันนี้ เมื่อคิดเช่นนั้น ฉินเย่ก็เอ่ยออกมาย่างใจเย็น "เรียกเธอมาที่นี่ทำไม?"เสิ่นหยินอู้ไม่คาดคิดว่าฉินเย่จะพูดเช่นนั้นเพื่อหยุดเธอ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อเขา หลังจากหย่ากับเธอในอนาคต เขาจะไปคบกับเจียงฉูฉู่อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น เจียงฉูฉู่กับคุณย่าจะค่อยๆสนิทกัน และเขาจะได้มีอะไรให้ตำหนิน้อยลง “เธอเข้ากันกับคุณย่าได้เป็นอย่างดี เธอเอาใจคุณย่าเก่งมากและทำให้เธอมีความสุข มันน่าจะดีที่จะโทรเรียกเธอมา” ฉินเย่เม้มริมฝีปากบางของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แค่คุณชวนมาเธอก็จะมาเหรอ? เธอไม่ต้องไปทำงานรึไง?” เมื่อคุณนายฉินตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ เธอสังเกตเห็นว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาคนสองคนดูเหมือนจะไม่ปกติ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติที่คู่รักห
เมื่อรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนอยู่ ภายในหัวของเสิ่นหยินอู้ก็มีเพียงความคิดเดียวที่เหลืออยู่ เขาไม่ได้บอกว่าจะนับหนึ่งสองสามเหรอ? แล้วสามหละ? ฉินเย่เป็นคนสูงและขายาว ดังนั้นทั้งสองจึงกลับไปถึงที่ห้องอย่างรวดเร็ว เดิมทีเสิ่นหยินอู้คิดว่าหลังจากกลับไปถึงที่ห้องเขาจะวางเธอลง แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขาเข้าไปในห้อง เขาก็ยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น ราวกับว่าถูกคนปิดจุดฝังเข็มของเขา "วางฉันลงนะ" เขาทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน จากนั้นก็ก้มศีรษะลงแล้วใช้ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นมองเธออย่างเงียบๆ “เรื่องของฉูฉู่ ผมจะคุยให้รู้เรื่อง” เสิ่นหยินอู้ "?" หมายความว่าอะไร? คุยอะไรให้รู้เรื่อง? “คุณไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอไม่ชัดเจนหรอกเหรอ? นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก ผมจะไม่ให้เธอไปที่บริษัท แล้วก็จะไม่ให้เธอมาที่บ้านและไม่ให้เธอสวมเสื้อผ้าของคุณด้วย” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นรัว เขาพูดแบบนี้ หมายความว่าอะไรกัน? จะไม่ยอมให้เจียงฉูฉู่ไปที่บริษัท แล้วก็จะไม่ให้เธอมาที่บ้าน ทำไมจู่ๆเขาถึงทำเช่นนี้? "ทำไมหละ?" เสิ่นหยินอู้ไม่
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ดี เมื่อครู่นี้เขาลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ อาจเป็นเพราะศักดิ์ศรีของผู้ชายที่ทำให้เขาเสียสติไป สิ่งที่น่าขันก็คือ เธอยังมีความหวังสำหรับเขาอยู่ มันช่างน่าขันสิ้นดี มันคงจะเป็นวันนั้นที่เจียงฉูฉู่กลับมา ตอนนั้นที่เขาจูบเธออย่างเร่าร้อนและเมื่อเธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากลับถอนตัวออกไป และตอนนั้นที่เขานอนข้างเธอแต่กลับพูดถึงเรื่องการหย่าร้าง ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็ผลักเขาออกไป เท้าของเธอแตะลงบนพื้น และเธอก็กลับไปที่ห้องของเธอเพื่อพักผ่อน ฉินเย่ไม่ได้ตามเธอไปอีก สิ่งที่แปลกก็คือ ในวันนั้นเจียงฉูฉู่ไม่ได้โทรหาเธอหรือส่งข้อความหาเธอเลย เธอเงียบหายไปตลอดทั้งวัน หากเธอไม่มาหาหยินอู้ หยินอู้ก็ย่อมไม่ไปหาเธอวันถัดมา เนื่องจากคุณนายฉินเอาแต่บอกว่าไม่จำเป็นต้องดูแลเธอ เธอแสร้งทำเป็นโกรธเพราะกลัวว่าจะทำให้งานของหยินอู้และฉินเย่ล่าช้า เสิ่นหยินอู้เอาชนะความดื้อรั้นของเธอไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงกลับไปที่บริษัท แต่ความจริงก็คือ หลายวันมานี้เธอกับฉินเย่ส่วนใหญ่อยู่บ้านเพื่อจัดการกับงาน ดังนั้นความคืบหน้าขอ
ขณะที่คิด เสียงของเถ้าแก่ก็ทำลายความคิดของเธอลง “แม่หนู โจ๊กแปดทรัพย์กับซาลาเปาไส้ครีมได้แล้ว” หลังจากได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็เรียกสติกลับคืนมาและเห็นว่าเถ้าแก่เอาของที่เธอสั่งใส่ถุงเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเอื้อมมือไปรับมันมา “ขอบคุณค่ะ หนูจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วนะคะ” “โอเคครับ ค่อยๆเดินนะครับ โอกาสหน้ามาใหม่นะครับ” เสิ่นหยินอู้ถือถุงขึ้นมาแล้วหันหลังเพื่อเดินออกไป ในระหว่างทาง เธอยังคงรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเฝ้ามองเธออยู่ จนกระทั่งเธอเข้าไปในบริษัท สายตาคู่นั้นก็หายไป เมื่อครู่นี้มีใครอยู่ในรถสีดำคันนั้นหรือไม่? ที่จริงแล้วตอนที่เธอเดินกลับมา เธอก็มีความคิดที่จะเดินเข้าไปดูผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคนอยู่ แค่เดินเข้าไปดูก็คงจะรู้แล้วสินะ? แต่เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ เธอจึงไม่ได้เดินเข้าไปดู ยิ่งไปกว่านั้น รถที่จอดอยู่ในลานจอดรถจอดอยู่ที่นั่นในตอนกลางวันแสกๆ มันจึงไม่ควรมีใครอยู่ในรถ เสิ่นหยินอู้ขยี้ตของตัวเอง เธอคิดว่าบางทีเธออาจจะคิดมากไป ติ๊ง-- ลิฟต์มาพอดี เสิ่นหยินอู้เดินเข้าไปในลิฟต์ ตอนที่เธอยุ่งในช่วงบ่าย เธอก็ลืมเหตุก
“อืมอืม!” หลินโยวโยวได้ความมั่นใจของเธอกลับคืนมาด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคของหยินอู้ เมื่อเสิ่นหยินอู้หันกลับไป หลินโยวโยวก็แอบมองเธอจากด้านข้าง พี่หยินอู้... ช่างเป็นคนดีมากและเก่งมากจริงๆ เมื่อไรตัวเธอจะเป็นเหมือนพี่หยินอู้ได้กันนะ? สถานที่นัดหมายคือร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เมื่อลงจากรถ เสิ่นหยินอู้ก็มองไปที่สถานบันเทิงตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ใครเป็นคนเลือกที่นี่?” การแสดงออกของหลินโยวโยวดูอ้ำๆอึ้งๆ "ก็ ก็ฉินกรุ๊ปไง" เมื่อได้ยิน คิ้วของเสิ่นหยินอู้ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น "มีคนมากมายหลายหน้าในร้านเหล้า มันไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยเรื่องต่างๆ เธอไม่ได้เป็นคนเลือกสถานที่กับพวกเขาเหรอ?" เมื่อเสิ่นหยินอู้พูดเช่นนี้ หลินโยวโยวก็ตกตะลึง “ฉัน ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่าพวกเขาบอกว่าเอาที่ไหนก็ต้องเอาที่นั่น” และก่อนที่จะมาที่นี่ หลินโยวโยวก็ไม่ทราบว่าที่นี่คือร้านเหล้า ดูๆไปแล้ว มันดูไม่ค่อยได้มาตรฐานเสียเลย “ต่อจากนี้ เวลามีคนนัด เธอต้องเช็คก่อนเสมอว่าเป็นสถานที่แบบไหนและเหมาะที่จะคุยงานหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะ ก็เปลี่ยนสถานที่เองเลย” หลินโยวโยวทำได้เพียงพยักหน้าแห้งๆ "เข้าใจแล้
และในช่วงที่เงียบสงัดนี้ ชายคนหนึ่งซึ่งดูนิสัยแย่ที่อยู่ในห้องก็พูดขึ้น “เลขาคนสวย ทำไมถึงอยากเปลี่ยนที่หละ? พวกเรากับคุณชายเฉินเป็นเพื่อนกัน มีอะไรที่เรารู้ไม่ได้เหรอครับ? สบายใจได้ ต่อให้เราจะรู้ไม่ได้จริงๆ เราก็จะทำเป็นปิดหูปิดตา” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ขมวดคิ้ว เธอมองชายคนที่พูดจาสามหาวด้วยสายตาที่แหลมคมขึ้นกว่าเดิม หลังจากอยู่กับฉินเย่มาเนิ่นนาน ออร่าที่ออกมาจากร่างกายของเสิ่นหยินอู้ก็คล้ายกับของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเมื่อครู่นี้ที่เธอกวาดสายตาไปมองเขา ชายคนที่พูดก็ตกใจจนเงียบไปทันที จากนั้นก็หดคอของเขาลง เมื่อเสิ่นหยินอู้ลากสายตามองไปทางอื่น เมื่อชายคนนั้นรู้ตัวอีกทีเขาก็ตอบสนอง ให้ตายเถอะ เกิดอะไรขึ้นกับเขาเมื่อครู่นี้? นี่เขากลัวหญิงสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งจริงๆเหรอ? ชิ เขาปะทะกับปีศาจเข้าให้แล้วสินะ? “เลขาเสิ่น มันไม่สะดวกที่จะเปลี่ยนสถานที่ครับ ถ้าคุณทนดมกลิ่นพวกนี้ไม่ได้ งั้นก็เปิดประตูห้องทิ้งไว้เพื่อให้กลิ่นกระจายออกไปดูไหมครับ?” เฉินเฉินยิ้มในขณะที่เขาพูด ซึ่งดูเหมือนกับคนหน้าเนื้อใจเสือ เพื่อนคนที่อยู่ข้างๆเขาดูจะรู้กาลเทศะมาก เขาตะโกนสั่งว่า "