หน้าหลัก / วาย / คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ / ตอนที่9.เซียนกระบี่เงาสังหาร

แชร์

ตอนที่9.เซียนกระบี่เงาสังหาร

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-09 21:41:09

อีกประการที่ทำให้อดประหลาดใจไม่ได้ก็คือ เหตุใดเจ้าหน้าละอ่อนถึงมีวิชากระบี่ร้ายกาจยิ่งนัก ทุกคราที่วาดคมกระบี่ออกไปต่อสู้กับมือสังหาร ท่าทางการเคลื่อนไหว คมกระบี่วาดออกไปนั้นรวดเร็วราวเงาปริศนาพุ่งเข้าสังหารคู่ต่อสู้อย่างไร้ปราณี

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เจ้าหนุ่ม” เจ้าหน้าละอ่อนยังมีแก่ใจห่วงใยหลัวเซียนที่เพิ่งเก็บพัดเวทย์เข้าไว้ในมือขวา 

“ไม่เป็นไร ต้องขอบคุณท่านที่มาช่วยได้ทันการณ์” หลัวเซียนประสานมือคารวะนอบน้อม ค้อมศีรษะน้อยๆ

“ข้าหลัวเซียน ไม่ทราบว่า ท่านมีนามว่าอะไรหรือขอรับ”

“ข้าหูซื่อเยว่” 

“ท่านคือ เซียนกระบี่แห่งเขาเทียนคงหรือขอรับ” หลัวเซียนเอ่ยในสิ่งที่เขาเคยได้ยินมา นึกไม่ถึงเลยว่า เซียนกระบี่อายุน่าจะมากกว่าร้อยปีผู้นี้ จะยังคงมีหน้าตาอ่อนเยาว์ ราวเด็กหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบ มิหนำซ้ำเพลงกระบี่เงาสังหารของเขายังร้ายกาจไร้เทียมทานอีกต่างหาก

“ใช่แล้ว หากปรมาจารย์หรงอ้ายเสียนของเจ้ายังอยู่ อายุก็คงพอๆ กับข้านี่แหละ ว่าแต่เจ้าสองคนจะไปที่ใด”

“ข้ากับเขา กำลังเดินทางไปเจียงหนานขอรับ”

“ได้ข่าวว่าที่นั่น มีงานเลี้ยงปักบุปผาอย่างนั้นหรือ ดีๆ ข้ากำลังจะไปหาอาหารเลิศรสกินแกล้มสุราอยู่พอดี ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าไปกับข้าเถิด” 

แล้วคณะเดินทางนำโดยหูซื่อเยว่ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เจียงหนาน 

“เจ้าหนุ่ม เจ้าชื่ออะไร มาจากที่ใดกัน เหตุใดจึงอ่อนหัดนักล่ะ” หูซื่อเยว่ถามไปอย่างนั้นเอง มิได้มีเจตนาจะดูถูกผู้อ่อนวัยกว่าเลยสักนิด เพียงแต่ประหลาดใจที่เห็นอู๋เหริ่นชวนวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แทนที่จะต่อสู้กับมือสังหารแปดเซียนเท่านั้น 

“ข้าอู๋เหริ่นชวน ท่านลองเดาดูสิว่า ข้ามาจากที่ใด”

หูซื่อเยว่หันมาหรี่ตามองผู้อ่อนวัยกว่า เพียงแตะมือคลำชีพจรที่ข้อมือของเขา ก็พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไร้ซึ่งพลังวิญญาณ ทว่ากลับมีพลังประหลาดบางอย่างซุกซ่อนอยู่

“เจ้าไม่มีพลังวิญญาณนี่ ไม่มีทั้งปานเซียน แต่ก็มีชาดแต้มบนหน้าผาก จะว่าเป็นมนุษย์ ก็คงไม่ใช่ ชีพจรของเจ้าไม่ใช่ชีพจรของมนุษย์ แต่เป็นชีพจรของเซียนและมาร”

“แล้วท่านว่า อย่างข้าจะเป็นอะไรขอรับ” 

“ข้าเดาว่า เป็นมารมากกว่าเซียน”

“อะไรทำให้ท่านคิดเช่นนั้นล่ะขอรับ” หลัวเซียนยิ้มน้อยๆ ให้กับข้อสงสัยของเซียนกระบี่หน้าละอ่อน

“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังแฝง ซุกซ่อนอยู่ในกายเจ้า พลังของเจ้า คล้ายถูกผนึกแน่นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของแก่นวิญญาณ มีเพียงเผ่ามารเท่านั้น ที่จะสามารถซุกซ่อนพลังปราณไว้ในแก่นวิญญาณได้” 

“ถูกผนึกไว้หรือ ท่านพ่อไม่เคยบอกข้าเรื่องนี้เลย” 

“จริงหรือขอรับ ท่านอาวุโสหู” หลัวเซียนขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงเลยว่า จะมีเรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย

“อึม บางทีอาจเป็นเรื่องของเวลาก็เป็นได้ ได้ยินมาว่า ผู้ที่มีพลังซุกซ่อนในส่วนลึกของแก่นวิญญาณนี้ พันปีจะเกิดขึ้นสักคน หากพลังปราณถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว ก็จะมีวิชาแก่กล้า โดยไม่ต้องผ่านการฝึกฝนใด จะเรียกว่าเป็นปรมาจารย์แห่งเผ่ามารเลยก็ว่าได้”

“ใครๆ ก็ว่าข้าเป็นคนไร้ประโยชน์ ไม่เอาไหน คงเป็นปรมาจารย์มารไม่ได้หรอกขอรับ” อู๋เหริ่นชวนไม่ได้ถ่อมตนแต่อย่างใด เพียงแต่เอ่ยไปตามสิ่งที่คิดเท่านั้น

“เจ้าอย่าเพิ่งดูแคลนตนเองไป ลูกหลานของปรมาจารย์อู๋เซียงอี๋น่ะหรือ จะเป็นแค่มารอ่อนหัดธรรมดาๆ คนหนึ่ง เจ้าคอยดูต่อไปก็แล้วกัน หากวันใดพลังปราณของเจ้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาละก็ เจ้าจะต้องขอบคุณข้าอย่างแน่นอน” หูซื่อเยว่หันมาจ้องหน้าผู้อ่อนวัยกว่า ดวงตาทั้งคู่ทอประกายเจิดจ้าขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจางหาย ยามเจ้าตัวก้าวเร็วๆ นำไปก่อน 

ใช้เวลาเดินทางหนึ่งคืน สองวันคณะเดินทางของหูซื่อเยว่ก็มาถึงที่หมาย 

เจียงหนาน เป็นเมืองเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาเขียวขจี บ้านเรือนปลูกสร้างด้วยไม้สองชั้น เต็มไปด้วยตลาดร้านค้า ชานเมืองด้านทิศตะวันออก มีเส้นทางคดเคี้ยวทอดขึ้นไปตามแนวสันเขา มุ่งสู่สำนักเจียงอู่ อันเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงปักบุปผา 

สำนักเจียงอู่แห่งนี้ มีตำหนักหลังงามลือชื่อ นาม ตำหนักเจียงอู่ ปลูกสร้างด้วยหินขาวทั้งหลัง หลังคาทรงเก๋งจีน ตัวเสาและคานแกะสลักลวดลายกลีบบัวอ่อนช้อย คล้ายจำลองวิมานของเง็กเซียนมาไว้ในแดนมนุษย์กระนั้น 

เมื่ออู๋เหริ่นชวนก้าวพ้นทางเดินคดเคียวขึ้นมา ก็พบว่าชาวยุทธจากทั้งสองเผ่า หลายสำนัก ต่างแต่งกายงดงาม ตามรูปแบบสำนักของตนเอง กำลังทยอยก้าวไปหยุดอยู่ตรงเชิงบันได รับกุหลาบขาวจากเจ้าสำนักเจียงอู่ ก่อนก้าวผ่านบันไดกว่ายี่สิบขั้น ทอดขึ้นสู่ตัวตำหนัก ไปปักลงบนกระถางดินเผาขนาดใหญ่หลายใบ ด้านหน้าตำหนัก

ประมุขน้อยหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาคนจากพรรคมารโลหิต ครั้นเห็นอู๋หมิ่นเยี่ยน พร้อมด้วยบรรดาพี่น้องของตนเองเดินอยู่ข้างหน้า ใกล้จะถึงจุดรับกุหลาบจากมือเจ้าสำนักเจียงอู่อยู่แล้ว จึงร้องเรียกเสียงดัง 

“ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง” เขาโบกไม้โบกมือให้ พร้อมกับวิ่งตรงเข้าไปหาราวกับเด็กชายตัวน้อย 

เห็นคนไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขา ที่มักจะแสดงท่าทีเมินเฉยใส่ แสดงท่าทีดีอกดีใจจนออกนอกหน้าเช่นนี้แล้ว หลัวเซียนก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่า เหตุใดอู๋เหริ่นชวน จึงเป็นมิตรได้กับคนทุกคน ยกเว้นเขา

แม้แต่ยามอยู่ต่อหน้าหูซื่อเยว่ เขาก็มักจะชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย 

แต่กับเขา อู๋เหริ่นชวนกับทำราวกับเขาไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น

“ไปเถอะ เจ้าหนุ่ม” เสียงเรียกของหูซื่อเยว่ดึงหลัวเซียนออกจากความสงสัยนั้น บุรุษหนุ่มเพียงพยักหน้าให้ผู้สูงวัยกว่าน้อยๆ ก่อนจะเดินตามไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าสำนักเจียงอู่

“ข้าน้อย หลัวเซียน จากเขาเซียนกู่ คารวะท่านเจ้าสำนักเจียงขอรับ” 

“ดี ดีจริงๆ เมื่อครู่พรรคมารโลหิตก็เพิ่งจะส่งคนมา วันนี้มากันทั้งผู้นำเผ่ามาร เผ่าเซียนเลย นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีจริงๆ ที่ความสงบสุขจะคงอยู่กับยุทธภพนี้ตลอดไป เชิญๆ” เจ้าสำนักเจียงอู่ นามเจียงเหวินส่งกุหลาบให้บุรุษหนุ่มคราวหลาน ก่อนจะเบนสายตามาหยุดอยู่ที่บุรุษหนุ่มผู้ยืนอยู่เคียงข้างหลัวเซียน

“ไม่ทราบว่า ท่านผู้นี้คือ…”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่10. คร้านจะอธิบาย

    “ข้าหูซื่อเยว่ เซียนกระบี่แห่งเขาเทียนคง” เห็นคนที่ภายนอกดูอ่อนอาวุโสกว่ามากส่งยิ้มน้อยๆ มาแล้ว เจียงเหวินก็เข้าใจว่า หนุ่มน้อยผู้นี้คงจะเป็นศิษย์ผู้หนึ่งของผู้อาวุโสแห่งเขาเทียนคงเป็นแน่ ขณะที่หูซื่อเยว่เอง คร้านจะอธิบาย จำเป็นด้วยหรือที่เขาจะเที่ยวป่าวประกาศบอกแก่คนในใต้หล้าว่า เขาคือเซียนกระบี่ผู้มีชีวิตยืนยาวมานับร้อยปี โดยคงความหนุ่มเอาไว้ดังเดิมมาเนิ่นนาน จนลืมอายุของตนเองไปแล้ว แทนที่จะเอ่ยอะไรต่อ จึงเพียงรับกุหลาบจากมือคนอ่อนอาวุโสแต่หน้าตาแก่วัยกว่ามาถือไว้ในมือ ขณะสองเท้าก้าวเนิบช้าไปตามขั้นบันได ทอดขึ้นสู่ตำหนักเจียงอู่นั่นเอง เซียนกระบี่หน้าละอ่อนก็แทบลืมหายใจ สองเท้าคล้ายถูกตรึงแน่นอยู่กับที่ เพียงสายตาไปปะทะเข้ากับดวงหน้างดงามของสตรีผู้ยืนเคียงข้างอู๋เหริ่นชวน และกำลังหันมาทางเขาพอดี ดวงหน้านาง ขาวนวลราวไข่ปอก ดวงตาคู่เรียวภายใต้เส้นคิ้วโค้งงามตามธรรมชาติ รับกันดีกับสันจมูกโด่ง เหนือริมฝีปากอิ่มงามสีชมพูระเรื่อ แม้แตะแต้มด้วยชาตเพียงเบาบาง แม้ไม่งดงามที่สุดในใต้หล้า แต่มีหรือหัวใจเขาจะลืมดวงหน้านี้ได้ลง หากไม่เห็นกับตาตนเอง หูซื่อเยว่ก็คงไม่เชื่อว่า ในใต้หล้านี้จะม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-09
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่11.คารวะอาจารย์

    ครู่ต่อมา อู๋เหริ่นชวนพร้อมด้วยศิษย์พี่ของเขาก็มายืนอยู่หน้าห้องพักส่วนตัวของหลัวเซียน กลั้นใจรอเพียงเสี้ยวนาที เจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตูรับ “แม่นางอู๋” บุรุษหนุ่มรูปงามประสานมือคารวะนอบน้อม ปากเอ่ยชื่ออู๋หมินเยี่ยน ทว่าสายตากลับมองเลยมายังประมุขน้อยหนุ่มด้านหลัง เข้ามาในห้องพักส่วนตัวของเขาได้ อู๋เหริ่นชวนก็รีบส่งสาส์นลับในมือให้เขาทันที“ท่านพ่อฝากมาให้ท่าน”หลัวเซียนยิ้มน้อยๆ ยามรับสาส์นกระดาษสีทองนั้นมาเปิดอ่าน เพียงตัวอักษรเวทย์ผ่านสายตาไป ว่าที่ประมุขเผ่าเซียนก็เข้าใจความประสงค์ของประมุขพรรคมารจนสิ้น “ประมุขอู๋ ให้ข้ารับศิษย์ใหม่ ตามสัญญาสันติระหว่างสองเผ่า”“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” อู๋หมิ่นเยี่ยนเลิกคิ้ว จ้องหน้าว่าที่ประมุขเผ่าเซียนแน่วนิ่ง อดสงสัยไม่ได้เลยว่า อู๋ลี่หมิงจะให้ใครมาเป็นศิษย์ของหลัวเซียนกันแน่“ท่านประมุขอู๋ ให้ข้ารับประมุขน้อยอู๋เหริ่นชวนเป็นศิษย์” คำพูดช้าชัดหนักแน่น คล้ายแส้ฟาดลงกลางหลังอู๋เหริ่นชวนก็ไม่ปาน ใครเลยจะนึกฝันว่า จะต้องมาเป็นศิษย์ของคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเช่นนี้“ไม่ เป็นไปไม่ได้!” ประมุขน้อยหนุ่มไม่โวยวายเปล่า ปราดเข้ามาแย่งสาส์นในมือบุร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-09
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่12.คลี่ยิ้มน้อยๆ

    ขณะเดียวกัน อู๋หมิ่นเยี่ยนเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องพักของตนเอง ดวงตาทั้งคู่แข็งค้าง จนมิอาจเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ข่มตาหลับลงได้ ด้วยความเป็นห่วงศิษย์น้องแม้อู๋เหริ่นชวนจะกำชับหนักหนา ไม่ให้นางไปที่ห้องของหลัวเซียน ในระหว่างการดวลสุราที่กำลังดำเนินไป แต่นางก็มิอาจวางใจได้ จากที่เดินไปเดินมาจนเมื่อยไปทั้งขา จึงต้องออกจากห้อง ก้าวเร็วๆ มายังห้องพักของหลัวเซียนหากยังไม่ทันจะได้ยกมือขึ้นเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง“แม่นางอู๋”นางหันขวับกลับไปมอง กลีบปากงามคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าหูซื่อเยว่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า เสื้อผ้าตัวยาวสีขาวสะอาดที่เขาสวมใส่ ผนวกกับดวงหน้าอ่อนเยาว์ของคนตรงหน้า ทำให้เขาดูไม่ต่างอะไรจากเทพบุตรลอยลงมาจากจันทราเต็มดวงเบื้องบนเสียจริงๆ นางจะต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ที่อยากจะหยุดเวลามีค่าเช่นนี้เอาไว้ตราบนานเท่านาน เพียงแค่รู้ว่าเขามาจากเขาเทียนคง สำเร็จวิชากระบี่เงาสังหาร ก็ปลื้มในความเก่งกาจของเขา จนอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น หากใครล่วงรู้ความคิดของนาง คงจะปรามาตว่าเป็นสตรีไร้ยางอายเป็นแน่“แม่นาง มีธุระอะไรกับคุณชายหลัวหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-09
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่13.เห็ดหัวเราะ

    เจ้า!”“เจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป เพราะถึงอย่างไร ใจข้าก็ไม่มีวันนับถือเจ้าเป็นอาจารย์แน่” “ไม่เป็นไร ขอเพียงเจ้าติดตามข้าไปเขาเซียนกู่ก็เพียงพอแล้ว”“เช่นนั้นก็ดี” อู๋เหริ่นชวนค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น ขณะที่หลัวเซียนเดินไปรินชาแก้เมามาส่งให้ “ดื่มซะ”แทนที่จะขอบคุณ เขากลับรับจอกชามาอย่างกระแทกกระทั้นเต็มที แล้วเหลือบมองกาน้ำหยดบนโต๊ะริมหน้าต่าง“ยามเหม่าแล้ว ขอตัวล่ะ”ประมุขน้อยหนุ่มกำลังจะเดินไปที่ประตู ทว่ามือของคนแซ่หลัวกลับฉุดต้นแขนเขาเอาไว้“เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ”เจ้าไม่นอนรึไง”แทนคำตอบ หลัวเซียนกลับเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ยกขาขึ้นขัดสมาธิ หลับตาลง “คงอยากบำเพ็ญเพียรนอกสถานที่สินะ ได้” ว่าแล้วอู๋เหริ่นชวนก็กลับขึ้นเตียง แต่จนแล้วจนรอดก็มิอาจข่มตาหลับลงได้ ดูเหมือนฝันประหลาด ผนวกกับชาแก้เมาเมื่อครู่จะทำให้ความง่วงหายไปเสียแล้ว จากที่จะแกล้งหลับให้เวลาผ่านพ้นไป จึงหรี่มองคนนั่งสมาธิอยู่ด้วยประกายตาเจ้าเล่ห์ ในเมื่อเป็นศิษย์อาจารย์กันแล้ว เขานี่แหละจะเป็นคนต้อนรับอาจารย์คนใหม่อย่างสมเกียรติทีเดียวประมุขน้อยหนุ่มบอกตนเอง กลีบปากแย้มน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนอื่นขอคิดแผนการก่อน แล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-09
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่14.ศิษย์น้องเจ้าให้มาน่ะ

    “ข้าอยากกินของหวานน่ะ รับสักถ้วยมั้ย”เป็นครั้งแรกละกระมัง ที่อู๋เหริ่นชวนมีแก่ใจเผื่อแผ่ของกินให้เขา บุรุษเซียนรูปงามจึงไม่คิดอะไร รับถ้วยของหวานไว้ แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะของตนเอง “อาจารย์ ของหวานที่โต๊ะเรามีแล้วนี่ขอรับ” ซานไป๋ทักขึ้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์หนุ่มถือถ้วยของหวานมาวางลงบนโต๊ะ“ศิษย์น้องเจ้าให้มาน่ะ”“ใครขอรับ” มู่เฉินขมวดคิ้ว เขาก็เหมือนกับจิวยี่ ซานไป๋นั่นละ ที่ไม่รู้เรื่องเลยว่า อาจารย์ไปรับศิษย์คนใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “ต่อไปอู๋เหริ่นชวน ประมุขน้อยพรรคมารจะมาเป็นศิษย์น้องของพวกเจ้า”คำตอบของอาจารย์หนุ่ม พาให้ศิษย์ทั้งสามต่างเบิกตากว้าง อ้าปากค้างไปตามๆ กัน“อาจารย์หมายถึง คนที่ผู้อื่นต่างร่ำลือว่าเป็นคนไร้ประโยชน์น่ะหรือขอรับ” จิวยี่เอ่ยตามตรง ในสิ่งที่เขาได้ยินมาแต่เมื่อเห็นสายตาดุของอาจารย์กราดมา จึงต้องก้มหน้า“ข้าก็แค่ได้ยินมาแบบนี้น่ะขอรับ” น้ำเสียงเอ่ยออกไปนั้นอ่อนอ่อย “ไม่ว่าเจ้าจะได้ยินสิ่งใดมาก็ตาม อย่าได้หมิ่นแคลนผู้อื่น”“ขอรับ”“ว่าแต่เหตุใด เขาจึงกลายมาเป็นศิษย์น้องของพวกเราได้ล่ะขอรับ” มู่เฉินยังคงไม่คลายความสงสัยอยู่นั่นเอง “เขาเป็นทูตตามสัญญาสันติระ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-09
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่15.รับโทษแทนศิษย์

    อู๋เหริ่นชวนสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบขวดยาออกมาถือไว้“ขอเพียงพวกเขายอมขอขมาศิษย์พี่ข้า ก็จะได้ยาถอนพิษไป”ศิษย์ปากเปราะต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก เพิ่งรู้ว่า คนที่ตนเองหมิ่นแคลนไว้ร้ายกาจเพียงใด ก็ในยามนี้เอง หากไม่รีบขอขมาสตรีผู้นี้ มีหวังพวกเขาต้องหัวเราะจนขาดใจตายเป็นแน่ พวกเขาจึงต้องยอมคุกเข่าลงตรงหน้าอู๋หมิ่นเยี่ยน“ข้า ต้องขอโทษแม่นางด้วย ที่หมิ่นแคลนแม่นางออกไป”“ข้าเองก็ต้องขอโทษท่านประมุขน้อยด้วยขอรับ”“ท่านทั้งสองโปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด” แม้จะเป็นการขอขมาปนเสียงหัวเราะไปสักหน่อย แต่ประมุขน้อยหนุ่มก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะต้องต่อความยาวสาวความยืดอยู่อีก จึงส่งยาถอนพิษขวดนั้นให้เกาหย่วนแต่โดยดีเรื่องวุ่นวายคงจบลงเพียงเท่านี้อยู่หรอก หากบุคคลที่สามไม่สอดมือเข้ามาอีกคน“ประมุขน้อยอู๋ โทษฐานที่ท่านก่อเรื่องวุ่นวายในตำหนักเจียงอู่ ท่านเองก็ต้องรับโทษของสำนักเจียงอู่ด้วย จะยินยอมหรือไม่”ได้ยินคำถามเฉียบขาด กับแววตาวาวโรจน์ไร้ปราณีคู่นั้นแล้ว อู๋เหริ่นชวนก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาครามครัน ใครเลยจะไม่รู้ว่า บทลงโทษของสำนักเจียงอู่นั้น ขึ้นชื่อว่ารุนแรงกว่าที่ใดในใต้หล้า “ท่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-09
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่16 จะทำอะไร

    “เกิดอะไรขึ้น!” อู๋หมิ่นเยี่ยนเดินผ่านมาประสบเหตุเข้าถามหน้าตาตื่น คงเห็นสภาพย่ำแย่ของหลัวเซียนไม่ต่างจากเขานั่นละ “ศิษย์พี่ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย รบกวนเตรียมน้ำสะอาดให้ข้าที” “อึม” อู๋หมิ่นเยี่ยนรับคำ ก่อนจะก้าวเร็วๆ ผละจากไป อู๋เหริ่นชวนพาหลัวเซียนมานั่งลงบนที่นอนนุ่ม หากไม่เพราะเขาผนึกชีพจรวิญญาณ อาการบาดเจ็บคงจะไม่หนักหนาเช่นนี้ “เป็นไงบ้าง” “ข้าไม่เป็นไร” หลัวเซียนตอบเสียงอ่อน คงอีกสักชั่วยามกว่าชีพจรวิญญาณจะคลาย และใช้พลังปราณขับพิษออกมาได้ ระหว่างนี้คงต้องอดทนกับความเจ็บปวดจากพิษบาดแผลถูกโบย และพิษจากลูกธนูไปก่อน “หน้าซีดปากเขียวขนาดนี้ ยังจะทำอวดเก่งอีก” อู๋เหริ่นชวนว่าเข้าให้ กำลังจะถอดเสื้อตัวนอกของอีกฝ่ายออก ทว่าหลัวเซียนกลับปัดป้อง “จะทำอะไร” “ก็ถอดเสื้อไง ไม่ถอดแล้วจะทำแผลยังไง” “ไม่เป็นไร ข้าทำเอง” “หุบปากไปเลย ท่านมีตาหลังรึไง ท่านเป็นบุรุษ ข้าก็เป็นบุรุษ ใยต้องอายอะไรอีก มา!” คนเจ็บอ่อนแรงจนแทบทรงกายนั่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่ 17 เบื้องหลังแผนลอบสังหาร

    ณ เขาเซียนกู่ภายในตำหนักหวงหลัน อันโอ่อ่า ปลูกสร้างด้วยอิฐสีเหลือง หลังคาทรงเก๋งจีน รอบบริเวณเต็มไปด้วยดอกหวงหลัน บ้างตูมบ้างบาน ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วบริเวณ แม้ในยามกลางคืน สายลมเย็นยามดึกหอบเอากลิ่นหวงหลันเข้ามาภายในตำหนัก ก็ยิ่งพาให้บรรยากาศโดยรอบชื่นมื่น หลัวจุ้นซิน โอบเอวสตรีร่างแน่งน้อย หน้าตาหมดจดงดงาม ดุจรุปสลักสองนางไว้ในอ้อมแขนคนละข้าง ดื่มสุราจากจอกที่นางทั้งสองป้อนให้ พลางหัวเราะสิ่งใดเลยจะทำให้เขามีความสุขเท่ากับการที่ศิษย์พี่ของเขาไม่ได้อยู่ที่เขาเซียนกู่อีกเป็นไม่มีนับตั้งแต่รู้ว่า หลัวเซียนลงเขาไป พร้อมกับศิษย์เอกทั้งสามและศิษย์โง่อีกสิบสี่คนแล้ว เขาก็สั่งให้คนตระเตรียมอาหารคาวหวาน สุรารสเลิศพร้อมสรรพ สำหรับค่ำคืนอันแสนสุข ขณะกำลังส่งจอกสุราใส่มือหนึ่งในสองสตรี แล้วเลยฉวยโอกาสจับทรวงอกหยุ่นนิ่ม ละมุนมือเล่น “ไห่เยี่ยน” จอมยุทธหนุ่มเผ่าเซียน ดวงหน้าสี่เหลี่ยม ริมฝีปากหนา ดวงตาคมราวดวงตานกอินทรีย์ ปลายจมูกงุ้ม ดูคล้ายจะงอยปากนก ก็เดินเข้ามาในห้องรับรอง พร้อมประสานมือคารวะนอบน้อม“นายท่าน”“เจ้ามาก็ดีแล้ว มือสังหารที่ส่งไปทำงานลุล่วงหรือไม่” แววตาและน้ำเสียงของหลัวจุ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13

บทล่าสุด

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่64 คัมภีร์ที่ถูกคัดลอกใหม่

    เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ค่ายกลในเจดีย์ก็พลันหยุดทำงาน พร้อมๆ กับคนจากเผ่ามนุษย์คนสุดท้าย จบชีวิตลง ภายใต้คมกระบี่กรีดฟ้าเช่นกัน“เอาล่ะ ไม่มีผู้ใดรบกวนท่านแล้ว ซ้ำค่ายกลก็หยุดทำงานแล้ว เรามาคัดคัมภีร์กันเถอะ”หลัวจุ้นซินเสกกระดาษ พู่กัน และหมึกออกมาจากทั้งสองมือ ทั้งยังเสกโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้ขึ้นมาด้วยอู๋เหริ่นชวนยิ้มน้อยๆ หัวเราะเบาๆ ยามหย่อนกายลงบนเก้าอี้ ถือพู่กันไว้ในมือ จรดลงกับกระดาษนิ่งนึกอยู่ครู่ก็เขียนตัวอักษรลงไปเพียงอักษรตัวแรกปรากฏบนกระดาษ ปลายกระบี่กรีดฟ้าก็พุ่งมาพาดบนคอของประมุขน้อยหนุ่ม“ท่านจะทำอะไร”“ข้าต้องแน่ใจสิว่า เจ้าจะไม่แพร่งพรายเนื้อหาในคัมภีร์แก่ผู้อื่นอีก”“ท่านไม่ต้องห่วงหรอก หากข้าให้คัมภีร์แก่ท่านแล้ว ข้าจะฆ่าตัวตายเอง เก็บกระบี่ของท่านเสียก่อนเถิด หากข้าตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขียนข้อความผิดขึ้นมาจะทำอย่างไร”นั่นละ หลัวจุ้นซินจึงต้องสอดกระบี่เก็็บ็บเข้าฝักประมุขน้อยหนุ่มจึงจรดพู่กันเขียนข้อความต่อไป บทแล้วบทเล่า ยื้อเวลาให้ถึงยามห้าย การคัดคัมภีร์จึงเสร็จสิ้นลง“เอาล่ะ ข้าคัดเสร็จแล้ว เชิญท่านฝึกวิชาในคัมภีร์บทนี้ได้เลย”หลัวจุ้นซินรับกระดาษมากมายม

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่63 สิ้นคำประกาศก้องนั้น

    “ที่ทุกท่านมาถึงเขาเซียนกู่แห่งนี้ คงเพราะเห็นข้ากลายร่างเป็นวิหคโลหิตในวันรับตำแหน่งของท่านประมุขหลัว หลายท่านคงมาเพราะคัมภีร์มหาเวทย์ในหัวข้า ข้าคิดใคร่ครวญมาตลอดทั้งคืนแล้ว ว่าควรจะให้คัมภีร์แก่ใครดี แล้วข้าก็คิดขึ้นมาได้ว่า ในฐานะที่ประมุขหลัวจุ้นซิน เป็นประมุขเผ่าเซียน เขาสมควรได้รับคัมภีร์มหาเวทย์นี้”สิ้นคำประกาศก้องนั้น เซียนยุทธทั้งหลายดูจะไม่ประหลาดใจสักเท่าไหร่ตรงกันข้ามกับคนเผ่ามนุษย์ที่ต่างมองหน้ากัน สนทนากันเบาๆ สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดแจ้ง“คัมภีร์มหาเวทย์เป็นของเผ่ามนุษย์ เจ้าจะให้คนเผ่าเซียนครอบครองได้อย่างไร” ชายวัยกลางคน หน้ากระดูกจากพรรคหวันซา ต่อว่าขึ้น“นั่นสิ เจ้าควรจะคืนคัมภีร์มหาเวทย์ให้เผ่ามนุษย์ แล้วฆ่าตัวตายไปซะ คัมภีร์จะได้ไม่ตกถึงมือผู้ใดอีก” ชายร่างกำยำ ดวงตาสามเหลี่ยมจากพรรคเหม่ยลี่ต่อว่าขึ้นบ้าง“ใช่ๆ” คนของแคว้นไป่ลี่เองก็เห็นด้วยกับคนเผ่าเดียวกันเช่นกัน“ข้าตัดสินใจแล้ว หากข้าไม่มอบคัมภีร์ให้ประมุขหลัว ท่านว่าจะเป็นเช่นไร ข้าเป็นคนเผ่ามาร ย่อมไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างเผ่ามารกับเผ่าเซียนอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน แต่คัมภีร์

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่62 ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล

    “ยามนี้คงไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าคัมภีร์มหาเวทย์แล้ว ท่านเจียงเหวินขอรับ ก่อนนักพรตผู้นั้นจะให้ข้าท่องคัมภีร์มหาเวทย์ไว้ แล้วทำลายมันทิ้ง ท่านเคยบอกข้าว่า หากคัมภีร์นี้ตกอยู่ในมือของคนชั่วช้า ใจอัมหิต ยุทธภพ หรือแม้แต่เซียนภพย่อมลุกเป็นไฟ ข้าจึงกังวลว่า จะทำเช่นไรดี จึงจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น หากข้าให้ท่านประมุขจุ้นซินได้คัมภีร์ไปก่อนผู้อื่น เจ้าสำนักอื่นๆ ย่อมไม่พอใจเป็นแน่ ท่านว่า ข้าควรทำเช่นไรดีขอรับ แม้ข้าจะอ่อนอาวุโส ทั้งยังไร้ฝีมือ แต่ข้าก็ไม่ปรารถนาจะให้สงครามดังเมื่อร้อยปีก่อนเกิดขึ้นอีก”“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล”“ขอรับ ข้าไม่เพียงอาศัยคำพูดลอยๆ หลังจากแยกย้ายกันที่เจียงอู่ ข้ามาอยู่ที่เซียนกู่ ตามสัญญาสันติภาพระหว่างสองเผ่า ท่านเจ้าสำนักคงไม่รู้ว่า หลัวเซียนถูกทำร้ายในงานวันประลองยุทธของสำนักเซียนเอง ข้าจึงต้องพาเขาหลบหนีไปยังเผ่ามนุษย์ นึกไม่ถึงเลยว่า จะพบนักพรตท่านนั้น และได้คัมภีร์มหาเวทย์มา นับจากนั้น พรรคหวันซา พรรคเหมยลี่ คนของแคว้นไป่ลี่ก็ล้วนแล้วแต่ตามล่าข้ากับหลัวเซียนเพื่อสิ่งนี้ ที่พวกเขามายังเซียนกู่ ก็คงเพื่อแย่งชิงคัมภีร์มหาเวทย์ ยามนี้ ดูท่าแล้ว ปร

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่61 หาพันธมิตร

    ขณะเดียวกัน หลัวจุ้นซินเองก็กำลังจับจ้องเจดีย์ขังมารในอุ้งมือด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม อยากรู้นักว่าป่านนี้ ศิษย์พี่ของเขาจะมีสภาพเป็นเช่นไรแล้ว บอกตนเองเช่นนั้นแล้ว ประมุขเผ่าเซียนก็ร่ายคาถาตามที่ได้รับสืบทอดมาจากท่านอาจารย์ “...เทียน ชื่อเต้า ตี้ชื่อเต้า หยิน ชื่อเต้า หยาง ชื่อเต้า เก๋ย หว่อ ซื่อ โหยว…” ไม่ว่าจะท่องอีกสักกี่หน ประตูเจดีย์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก หรือเขาจะจำผิด… ไม่สิ เขาเข้าไปในหอคัมภีร์ คัดลอกคาถาบทนั้นด้วยลายมือตนเอง จะผิดพลาดได้อย่างไร เช่นนี้แล้ว หากหลัวเซียนตายไปแล้ว เขาจะเข้าไปดูดซับเอาปราณเซียนได้อย่างไร เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งเขา ด้วยเรื่องบัดซบเช่นนี้ได้ ขณะเดียวกัน หลัวเซียนปรือตาขึ้นช้าๆ พบว่า รอบกายของเขายังคงว่างเปล่า แสงจากตะเกียงจุดสว่างจากทุกมุมภายในเจดีย์ บอกให้รู้ว่า บัดนี้กลไกต่างๆ ได้หยุดทำงานแล้ว เมื่อหยัดกายลุกขึ้น จึงไม่มีพลังเวทย์วารีพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาอีก พลันบุรุษเซียนก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น ริมฝีปากหยักได้รูปเผยอขึ้นน้อยๆ เมื่อพบเงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้าจากเลือนราง ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ที่น่าประหลาดก็คือ หางเป

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่60 เจดีย์ขังมาร

    “มีสิ อันที่จริง ข้าก็มิได้ห่วงใยเขาเท่าไหร่หรอก เพียงเวทนาที่เขาดวงตาพิการเท่านั้น เรื่องคัมภีร์มหาเวทย์ ข้าให้ท่านได้อยู่แล้ว จะว่าไปข้าก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร สู้ให้คนที่คู่ควรยังดีซะกว่า ส่วนศิษย์พี่ของท่าน ท่านอยากทำอะไรก็ตามใจเถอะ ข้าจะไม่ยุ่ง” “ไม่คิดว่า ประมุขน้อยจะเฉลียวฉลาด รู้จักรักษาตัวรอดเช่นนี้”“แน่อยู่แล้ว ชีวิตน้อยๆ ของข้าเพิ่งจะลืมตาดูโลกได้เพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ใครเล่าจะอยากตายก่อนวัยอันสมควร ขอเพียงท่านดูแลข้าเป็นอย่างดี ระหว่างที่ข้าอยู่บนเขาเซียนกู่ คัมภีร์มหาเวทย์ก็จะตกเป็นของท่านทันที”แม้จะระแวงอู๋เหริ่นชวนอยู่ แต่ความอยากได้คัมภีร์มหาเวทย์นั้นมีมากกว่า เมื่อเดินทางมาถึงเขาเซียนกู่ เขาจึงจัดให้ประมุขน้อยหนุ่มพักที่เรือนรับรอง มีการเฝ้ายามแน่นหนา ป้องกันมิให้เซียนยุทธ ชาวยุทธทั่วหล้าเข้ามาช่วงชิงคัมภีร์มหาเวทย์ได้ทว่าสำหรับหลัวเซียนกลับตรงกันข้าม เพียงเดินทางมาถึงก็ถูกจำขังในเจดีย์ขังมารเจดีย์ขังมารเป็นเจดีย์เจ็ดชั้น หลังคาทรงเก๋งจีน ลดหลั่นกันลงมา สามารถเพิ่มลดขนาดได้ตามใจผู้ใช้ ถือเป็นของวิเศษประจำเผ่าเซียนเลยก็ว่าได้ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องกว้าง ชั้นล่า

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่59 ยอมถูกจับไปด้วยกัน

    พร้อมกับคำพูดนั้นของหลัวเซียน หูซื่อเยว่ อู๋หมิ่นเยี่ยนก็เดินเข้ามาสมทบ “ศิษย์พี่ สหายหู ท่านได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่”อู๋หมิ่นเยี่ยนพยักหน้าแทนคำตอบ “ท่านประมุขโปรดวางใจเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยให้สหายอู๋กับจิ้งเทียนได้รับอันตรายอย่างแน่นอน” หูซื่อเยว่ให้คำมั่น เห็นเซียนกระบี่อาวุโสยื่นมือเข้าช่วยอีกแรงแล้ว อู๋ลี่หมิงก็ค่อยวางใจ เมื่อเตรียมการรับมือไว้แล้ว ประมุขอู๋ลี่หมิงจึงมิได้ประหลาดใจกับการมาของหลัวจุ้นซินเลยแม้แต่น้อย แม้จะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้มาก่อนก็ตามขณะที่หลัวเซียนเอง ยังคงแสร้งตาบอดต่อไป เพื่อลอบดูท่าทีของศิษย์น้องเช่นกันดูเหมือนยามนี้ ท่าทีของหลัวจุ้นซินจะเต็มไปด้วยการเสแสร้งเสียมากกว่าจริงใจ “ข้านึกอยู่แล้วว่า ท่านประมุขจะต้องยึดถือคุณธรรมเป็นที่ตั้ง ยอมมอบตัวศิษย์พี่กับประมุขน้อยให้ชาวยุทธทั้งสามเผ่าแต่โดยดี ท่านโปรดวางใจเถอะ อย่างไร ข้าจะต้องสืบสวนเรื่องนี้ คืนความเป็นธรรมให้ประมุขน้อยอย่างแน่นอน” ดูเหมือนหลัวจุ้นซินผู้นี้ จะมิได้พูดถึงความเป็นธรรมของศิษย์พี่ตนเลยแม้แต่การเสแสร้งก็ไม่อาจละเว้นหลัวเซียนได้เลยจริงๆ สายตายามลอบมองมาทางหลัวเซียนรึก็เต็มไปด้วยความสาสมใจ

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่58 บดรักในห้องยา2

    ขณะที่การประชุมกำลังดำเนินไปนั่นเอง ชาวยุทธกลุ่มหนึ่งจากเผ่ามนุษย์ก็ถูกเชื้อเชิญเข้ามา“คารวะท่านประมุข” บุรุษวัยประมาณห้าสิบต้นๆ ผู้หนึ่ง แต่งกายคล้ายนักพรต เรือนผมแซมหงอก หนวดเครายาว ดวงตาสามเหลี่ยม ประสานมือคารวะนอบน้อม เบื้องหลังของเขา มีชาวยุทธแต่งกายแตกต่าง บ่งบอกว่ามาจากต่างสำนักยืนแถวตอนเรียงสี่เป็นระเบียบ ทำการคารวะ ค้อมกายเล็กน้อย ในลักษณะเดียวกันเมื่อมีผู้มาเยือนมากมายเช่นนี้ โถงรับรองของตำหนักหวงหลัน จึงดูแคบไปถนัดตา“ทุกท่านคงมาจากต่างสำนักกันใช่หรือไม่” หลัวจุ้นซินแย้มริมฝีปากน้อยๆ เลื่อนสายตาจ้องหน้าผู้มาเยือนด้วยไมตรี“ขอรับ ข้าได้รับประกาศจากท่านประมุขแล้ว จึงเห็นว่า ควรนำผู้ได้รับความเดือดร้อนจากหลัวเซียน และอู๋เหริ่นชวนมาที่นี่”“เดือดร้อนหรือ… ไม่ทราบว่าทุกท่านได้รับความเดือดร้อนเรื่องใดกัน”“หลายเดือนก่อน หลัวเซียนและประมุขน้อยพรรคมารได้หลบหนีเข้าไปในเผ่ามนุษย์ แย่งชิงคัมภีร์มหาเวทย์ คัมภีร์สำคัญของเผ่ามนุษย์ไป”“มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ” หลัวจุ้นซินถึงกับผุดลุกจากเก้าอี้ นึกไม่ถึงเลยว่าอะไรๆ จะมาบรรจบกันอย่างประจวบเหมาะเช่นนี้ อย่างน้อยก็มีศัตรูของหลัวเซ

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่57 บดรักในห้องยา1

    เพิ่งรู้ว่า บุรุษเซียนคนเดิมผู้มิใช่หนุ่มน้อยอ่อนแอในโอวาทของเขาคืนกลับมาแล้วก็ในยามนี้เอง ความตระหนกพาให้ประมุขน้อยหนุ่มเบิกตากว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง เป็นโอกาสให้คนตรงหน้าสอดปลายสัมผัสเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานจากโพรงปากเล็กกว่าเสียอีก คนถูกรุกแบบไม่ทันตั้งตัวจึงเผลอครางแผ่วอย่างพออกพอใจ รอให้อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปแล้ว จึงเอาคืนด้วยการยื่นหน้าเข้าไปขบเม้มตรงติ่งหูของอีกฝ่ายเบาๆ “พอเถอะ” หลัวเซียนร้องห้ามเสียงสั่น แทนที่จะห้ามอีกฝ่ายไม่ให้รุกคืบหนักข้อเข้า กลับเป็นการเชิญชวนเสียนี่ “เสี่ยวชวน”“อะไร” ประมุขน้อยหนุ่มงึมงำ ลากเลื่อนเรียวลิ้นลงมาวนเวียนตรงลำคอของเขาอย่างเอาใจ “เดี๋ยวผู้อื่นมาเห็นเข้า” แทนที่จะหยุด ประมุขน้อยหนุ่มเพียงกะพริบตา ประตูห้องยาก็ปิด ซ้ำยังลงกลอนเอง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังพลิกฝ่ามือร่ายอาคมกำกับไว้อีกต่างหาก “เท่านี้ก็ไม่มีผู้ใดเห็นแล้ว ต่อให้เจ้าร้องดังแค่ไหน ก็ไม่มีใครได้ยินด้วย” อู๋เหริ่นชวนยิ้มยั่วเย้า คิดจะแกล้งอีกฝ่ายเล่นเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่า เพียงหลัวเซียนพลิกวาดฝ่ามือในอากาศไม่กี่ครั้ง เสื้อผ้าของประมุขน้อยเช่นเขา จะรูดลงไปกองที่พื้น โดยเจ้าตัวไม่

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่56 กลับมามองเห็นอีกครั้ง

    เงียบ ไร้เสียงตอบกลับมา สังหรณ์ใจแล้วว่า ตนเองคงถูกประมุขน้อยหนุ่มแกล้งเข้าให้แล้ว จึงเดินออกมาจากห้องน้ำ ทั้งที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันกายท่อนล่าง นึกไม่ถึงเลยว่า คนที่เขาเรียกหาเมื่อครู่ จะเดินมาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลัง พร้อมกับสวมเสื้อตัวใหม่ให้ ผูกสายรัดเอวให้เรียบร้อย แล้วจัดการดึงผ้าเช็ดตัวพันกายออกให้เสียด้วย “เจ้าเอาเสื้อผ้าข้าไปหรือ”“ใช่แล้วจะทำไม ข้าหายไปตั้งหลายวัน ลืมแล้วหรือว่า ใครต้องดูแลเจ้าน่ะ”“เจ้าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เมื่อก่อนเจ้าก็สอนให้ข้าทำโน่นทำนี่เองไม่ใช่หรือ แม้แต่หาอาหาร เจ้าก็ยังให้ข้าเป็นคนไปหามาให้เจ้ากินเลย” นึกถึงการใช้ชีวิตระหกระเหิน ไม่รู้เหนือใต้กลางป่าเขาแล้ว หลัวเซียนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตนเองผ่านมันมาได้อย่างไร วันใดสมาธิไม่มั่นคง ดวงตาที่สามปรากฎภาพไม่ชัดเจน เมื่อต้องออกหาอาหารเพียงลำพัง บ่อยครั้งมีสะดุดรากไม้ล้มหน้าคะมำบ้าง ยามหาผลไม้ ถูกมดแดงรุมกัดตามเนื้อตัวบ้าง แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ โดยไม่เคยปริปากบอกแก่อู๋เหริ่นชวนเลยแม้แต่คำเดียว เพราะรู้ว่ายามนั้น ประมุขน้อยหนุ่มเองก็ไม่ต่างจากเขา คนหนึ่งพลังวิญญาณน้อยนิดจนแทบสูญสิ้น ซ้ำยังตาบอดสนิทอี

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status