แชร์

ตอนที่ 3. มาร(อ่อน)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-02 22:10:42

“เสี่ยวชวน เป็นอย่างไรบ้าง” อู๋หมิ่นเยี่ยนโผล่หน้าออกมาถามด้วยความห่วงใย

“ข้าไม่เป็นไร พวกท่านไปเถอะ แล้วเจอกัน” อู๋เหริ่นชวนโบกไม้โบกมือให้บรรดาศิษย์พี่ ศิษย์น้อง ทว่าคล้อยหลังขบวนรถม้า เขาก็กลับลดมือลงคลำก้นตนเองป้อยๆ สูดปากเสียงดัง 

“เจ้านี่จริงๆ เลย” ว่าแล้วก็หยัดกายลุกขึ้นยืน นัยน์ตา  ปราวระยับยามเดินลัดเลาะไปตามแนวปา แรกทีเดียวก็เดินไปตามเส้นทางรถม้าอยู่หรอก แต่นานเข้าก็นึกสนุก ออกนอกเส้นทางเข้ามาในป่าเสียเลย 

“อยู่ข้างนอกนี่ ช่างอิสระเสรีเหลือเกิน มีความสุขจริงๆ เลย” อู๋เหริ่นชวนตะโกนก้องผืนป่า ยิ้มน้อยๆ ให้กับเสียงสะท้อนก้องกลับไปกลับมาของตนเอง 

สองเท้าก้าวเรื่อยผ่านแนวต้นมะค่า แผ่กิ่งก้านสาขาเขียวครึ้ม สายลมพัดหมู่ไม้เอนไหว ยินเสียงนกร้องมาแต่ไกล 

แต่แล้ว ความสุขสำราญของประมุขน้อย ก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ เพียงแค่เหยียบกองใบไม้ใต้ต้นมะค่าต้นหนึ่ง ตาข่ายกลดักปีศาจก็ตกลงมาคลุมร่างเขาเอาไว้ ก่อนจะถูกดึงขึ้นไปแขวนอยู่บนกิ่งไม้ ยิ่งดิ้นรน ตาข่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นทุกที 

“มีใครอยู่แถวนี้บ้าง ช่วยข้าด้วย” อู๋เหริ่นชวนตะโกนก้อง หน้าตาตื่น กวาดสายตาไปรอบๆ 

ขณะที่เบื้องล่างนั้น บรรดาศิษย์รุ่นหนุ่มของเผ่าเซียนต่างกรูเข้ามายืนแหงนหน้ามองตาข่ายดักปีศาจเป็นตาเดียว 

ดูจากหน้าตา ท่าทางแล้ว คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับเขานี่ละ แต่ละคนสวมเสื้อผ้าตัวยาวสีขาวสะอาด เรือนผมยาวผูกด้วยผ้าสีขาว แต่ท่าทีนี่สิ ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย 

“ปีศาจติดกับแล้ว รีบดึงลงมาเลย”

“ปีศาจ! ปีศาจที่ไหนกัน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” 

“ได้ ข้าจะปล่อยเจ้า มู่เฉิน ซานไป๋ ช่วยกันดึงเชือก” สิ้นคำพูดนั้น เจ้าหนุ่มหน้าละอ่อนทั้งสามก็ช่วยกันดึงตาข่ายลงมาจากต้นไม้ ทว่าออกแรงเท่าไหร่ ตาข่ายก็กลับไม่มีทีท่าว่าจะขะเยื่อนลงมาเลยแม้แต่น้อย 

“ท่าทางปีศาจตนนี้จะหนักมากเลยนะเนี่ย ลองตัดตาข่ายออกเลยดีกว่า” จิวยี่กำลังจะคว้าพัดเวทย์ออกมาตัดตาข่ายดักปีศาจ ทว่ามู่เฉินกลับรีบห้ามเอาไว้

“ไม่ได้นะ เกิดปีศาจหลุดออกมาได้ ทำร้ายเราจะทำยังไง”

“จริงด้วยสิ” มู่เฉินเห็นด้วย 

“นี่พวกเจ้า ข้าไม่ใช่ปีศาจนะ”

“ไม่ใช่ แล้วทำไมตัวเจ้าถึงหนักผิดมนุษย์แบบนี้ล่ะ เท่าที่ดู เจ้าไม่มีปานเซียน ย่อมไม่ใช่เซียนอยู่แล้ว” ซานไป๋จ้องหน้าคนติดตาข่ายอย่างคนช่างสังเกตทุกสิ่งรอบตัว 

“รีบไปตามอาจารย์มาก่อนดีกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยก็มีอาจารย์อยู่” มู่เฉินออกความเห็น ซึ่งสหายของเขาก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย 

ขณะที่อู๋เหริ่นชวนยังคงดิ้นรน ให้ตนเองหลุดจากพันธนาการ ปากก็ด่าทอลั่น

“เจ้าพวกตาถั่ว เจ้าลูกกระต่าย ปล่อยข้าลงไปนะ อย่าให้ข้าหลุดไปได้นะ ไม่อย่างนั้น ข้าจะกินพวกเจ้าแน่” ถูกเข้าใจว่าเป็นปีศาจเช่นนี้แล้ว ประมุขน้อยแห่งพรรคมารโลหิตก็ขู่สำทับเสียเลย แต่แทนที่เจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามจะฟังเสียง มู่เฉินกลับยิงพลุส่งสัญญาณขึ้นฟ้า 

ครู่ต่อมา เสียงตะกายอากาศก็เคลื่อนใกล้เข้ามา อู๋เหริ่นชวนมองไปตามทิศทางของเสียงก็เห็นว่า บุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งกำลังเหินกายเข้ามาใกล้ 

น่าแปลกที่ประมุขน้อยหนุ่มกลับรู้สึกคุ้นตา คล้ายเคยพบเขาที่ใดมาก่อน ดวงตาคู่เรียวดุจตาหงส์ รับกับคิ้วมังกรคู่นั้น ดวงหน้างดงามเหมาะเจาะราวรูปสลัก ช่างชวนมองเสียจริง ยิ่งมีปานเซียนบนหน้าผากด้วยแล้ว ยิ่งเสริมส่งให้เขาดูงามสง่า สมเป็นเซียนหนุ่ม หากเป็นหญิงงาม ได้มาเห็นบุรุษแต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวสะอาดเช่นนี้ก็คงจ้องมองไม่คลาดสายตา 

แต่สำหรับคนถูกหาว่าเป็นปีศาจเช่นเขา หรือจะอยากมองความสง่างามตรงหน้า เพียงเห็นบุรุษหนุ่มเคลื่อนใกล้เข้ามา ก็ตะโกนออกไปทันที

“นี่เจ้า รีบปล่อยข้าลงไปนะ” 

สิ้นคำพูดของเขา บุรุษเซียนก็สะบัดพัดสีฟ้าน้ำทะเล สลักลวดลายเครือเถาในมือ พุ่งเข้าตัดเชือกเหนือตาข่าย พาให้ร่างของประมุขน้อยหนุ่มร่วงลงสู่พื้นอย่างไม่ปราณีปราศรัย ดีว่าเขายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ก็ตรงยอมเสกตาข่ายออกไปนี่ละ 

ทันทีที่อู๋เหริ่นชวนเป็นอิสระ เจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามก็ถอยกรูดเข้าหากัน ต่างเสกพัดเวทย์ขึ้นมาถือไว้คนละอัน

เจ้ามู่เฉินถือพัดสีน้ำตาล เขียนอักษร ดิน ซานไป๋ถือพัดสีฟ้า เขียนอักษร น้ำ ส่วนเจ้าจิวยี่ถือพัดโปร่งใส สลักอักษรลม พัดแต่ละอันไร้ลวดลาย มีเพียงอักษรแสดงธาตุทั้งสามเท่านั้น คะเนด้วยสายตาแล้ว คงเป็นธาตุกำเนิดของเจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามนั่นแหละ คงมีเพียงพัดของบุรุษหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ ผู้นั้นละ ที่ดูแปลกตากว่าใครๆ 

จากที่เคยอ่านในตำรา คงจะเป็นพัดเวทย์เสียมากกว่าพัดหรืออาวุธพัดธรรมดา

“อาจารย์ นี่ขอรับปีศาจที่พวกเราจับได้ ตัวหนักเหลือเกิน พวกเราช่วยกันดึงลงมาจากต้นไม้เท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ”

“ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ปีศาจ”

“หากไม่ใช่ แล้วทำไมเจ้าจึงเดินมาติดตาข่ายของพวกเราได้ล่ะ” ซานไป๋ยังไม่อาจคลายความสงสัยลงไปได้

“ก็ข้าเป็นมารไง พอจะติดตาข่ายของพวกเจ้าได้มั้ยล่ะ” 

“อย่างเจ้าน่ะหรือจะเป็นมาร มีแค่ชาดแต้มหน้าผาก จะเป็นมารได้ยังไง ดูจากการแต่งกายของเจ้า ดูคล้ายปีศาจจิ้งจอกชัดๆ ข้าว่าเจ้าจะต้องเป็นปีศาจจิ้งจอกปลอมตัวมาแน่ๆเลย” จิวยี่สันนิษฐาน ซึ่งเจ้าหน้าละอ่อนอีกสองคนก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“พวกเจ้านี่ช่างเดาเก่งซะจริงนะ” อู๋เหริ่นชวนเบ้ปาก เสมองไปทางอื่น นึกไม่ถึงเลยว่า บุรุษรูปงามผู้ไม่พูดอะไรสักคำ จะวาดนิ้วมือขึ้นแตะหน้าผากตนเอง จนเกิดลำแสงสีฟ้า ก่อนวาดเข้าใส่กลางหน้าผากของเขา 

เพียงครู่ภาพตรามารก็ปรากฎขึ้นในห้วงคำนึง ตามมาด้วยภาพบุรุษหนุ่มน้อยตรงหน้าสวมอาภรณ์ดำ ปักลายดอกปี๋อั้น อันเป็นเครื่องแต่งกายของมารชั้นสูงแห่งพรรคมารโลหิต 

“เขาไม่ใช่ปีศาจ” 

“เห็นมั้ยว่า บุรุษผู้นี้สายตาแหลมคมจริงๆ”

“แล้วเขาเป็นใครขอรับอาจารย์” ซานไป๋เอ่ยถามขึ้น ทั้งยังไม่ละสายตาจากคนที่เขาคิดว่าเป็นปีศาจอยู่นั่นเอง 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่4.เข้าใจคุณชายผิดไป

    “มนุษย์ ตาข่ายกลคงเกิดปัญหาขึ้น จึงทำให้เขาติดตาข่ายได้ พวกเจ้าเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเถิด แล้วพบกันที่เจียงหนาน”“ขอรับ” เจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามประสานมือคารวะนอบน้อม ก่อนมู่เฉินจะหันมาคารวะผู้ที่เขาเข้าใจว่าเป็นปีศาจ“ข้ากับสหายต้องขอโทษด้วย ที่เข้าใจคุณชายผิดไป”“ข้าด้วย”“ข้าด้วย” เห็นมู่เฉินแสดงกิริยานอบน้อม ทั้งซานไป๋และจิวยี่ก็ต่างแสดงการคารวะตาม เจ้ามู่เฉินก็ดูสุภาพ จริงใจดีอยู่หรอก แต่เจ้าซานไป๋กับจิวยี่นี่สิ เพียงทำไปเพราะอยู่ต่อหน้าอาจารย์หรอก มองปราดเดียว อู๋เหริ่นชวนก็เห็นไปถึงใจของศิษย์เซียนทั้งคู่แล้ว“ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสาหรอก” อู๋เหริ่นชวนเอ่ยตามที่คิดจริงๆ ไม่แน่หรอก ที่เขาเดินมาติดตาข่ายดักปีศาจนี่ได้ อาจเพราะเขาเป็นบุตรประมุขพรรคมาร มีไอมรณะแผ่ออกมาจากตัวก็ได้ บอกตนเองแล้ว ประมุขน้อยหนุ่มก็นั่งลงตรงใต้ต้นไม้นั่นเอง รอกระทั่งบรรดาศิษย์ทั้งสามของบุรุษหนุ่มผู้นั้นจากไปแล้ว จึงเอ่ยถามเขาว่า“ท่านรู้แล้วนี่ว่า ข้าเป็นมาร เหตุใดจึงไม่บอกศิษย์ของท่านไปล่ะ” “ที่เจ้าออกเดินทางมาตามลำพังเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่า ตนเองเป็นใครไม่ใช่หรือ” “ก็จริง” อู๋เหริ่นชวนพยักหน้าเห็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-02
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่5. หนีตายไปกับเขา

    “เฮ้อ… ข้าไม่น่าติดร่างแหมากับเขาเลย ซวยชะมัด” ประมุขน้อยหนุ่มบ่น มองผ่านปากถ้ำออกไป แลเห็นหลัวเซียนผู้นั้น เรียกกู่ฉินออกมา ดีดบรรเลงเพียงไม่กี่ช่องเสียง ก่อนจะซัดพลังเวทย์จากสายฉินทั้ง 7 เข้าใส่ เพียงลำแสงพลังเวทย์จากสายฉินพุ่งเข้าใส่ มนุษย์พิษกลุ่มนั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าทุลีไปในพริบตา แต่แล้ว อู๋เหริ่นชวนก็ต้องละความสนใจจากภาพตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงขู่ฟ่อ ดังมาจากเบื้องหลัง หันไปมองตามเสียง จึงแลเห็นจงอางตัวใหญ่ ศีรษะกลมมน เกล็ดบริเวณส่วนหัวใหญ่ มีเขี้ยว 2 เขี้ยวที่ขากรรไกรด้านบน พร้อมจะฉกกัดปล่อยพิษเข้าใส่เหยื่อ หน้าตาดุดัน จมูกทู่ บริเวณขอบตาบนมีเกล็ดยื่นงองุ้มออกมา มองลึกเข้าไปแลเห็นม่านตากลม ลำคอมีขนาดสมส่วน ลำตัวขนาดใหญ่เรียวยาว ขนาดเท่าลำตาล กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา ก่อนชูคอแผ่แม่เบี้ย ลิ้นสองแฉกแลบแผลบ ชวนให้ขยะแขยง จนต้องถอยกรูดออกมาทางปากถ้ำ แต่ก็ยังช้ากว่างูจงอางยักษ์ตัวนั้นอยู่ดี มันอ้าปากกว้าง แลเห็นเขี้ยวทั้งสองตรงขากรรไกรบนขาววับ เสียงขู่คำรามนั้น ไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้าย ประมุขน้อยหนุ่มสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อในช่องอกโลดแรง จมูกสัมผัสกลิ่นฉุนรุนแรงจากละไอพิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-02
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่ 1 สงครามระหว่างมารกับเซียน

    ภายในโรงเตี๊ยม กลางเมืองยวี่เทียน นักเล่านิทานแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีอ่อน กลืนกับเรือนผมหงอกขาวเกล้าขึ้นสูงประดับปิ่นไม้สีน้ำตาล กำลังเล่านิทานเรื่องหนึ่งอยู่ สีหน้าและน้ำเสียงสูงๆ ต่ำๆ พาให้เรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมานั้น มีชีวิตชีวา “...เมื่อร้อยปีก่อน ทุกท่านรู้หรือไม่ว่า อู๋เซียงอี๋ ประมุขเผ่ามาร บำเพ็ญตะบะมานับพันปีจนแก่กล้า ปกครองเผ่ามารด้วยความเที่ยงธรรม เผ่ามารต่างร่มเย็นเป็นสุข ยามนั้นเผ่าเซียน นำโดยหลัวเฟิง ต้องการแผ่ขยายอำนาจ ยึดครองเผ่ามนุษย์และมารมาเป็นของตนเอง จึงสั่งให้คนของเขาปลอมตนเป็นมาร สวมอาภรณ์สีดำ แต้มชาดบนหน้าผากอย่างมาร ออกเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทำให้เจ้าแคว้นเผ่ามนุษย์เข้าใจผิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือเผ่ามาร จึงร้องต่อเผ่าเซียนให้ส่งคนไปปราบเผ่ามารให้สิ้นซาก…”“ดูสิ เผ่าเซียนช่างชั่วร้ายนัก ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย เพราะความลุ่มหลง มัวเมาในอำนาจแท้ๆ เผ่ามารจึงต้องประสบกับเคราะห์กรรมเช่นนี้” เด็กหนุ่มผู้หนึ่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำ หน้าตาหมดจด ผิวพรรณขาวจัด ตัดกับเรือนผมดำขลับเกล้าขึ้น ผูกผ้าสีน้ำเงินเข้ม วางจอกน้ำชาลงบนโต๊ะโดยแรง จนน้ำชาในจอกกระฉอกออกมา ดวงตาคู่คมปร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-02
  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่2.เคหาสน์พันดาว

    ที่ทำให้หนุ่มน้อยต้องตกตะลึงก็คือ เบื้องหน้าของเขามีจิ้งจอกเก้าหางหนุ่มรูปงาม สวมอาภรณ์ขาวสะอาด พวงหางสีขาวทั้งเก้าพลิ้วไหวยามก้าวเดินเชื่องช้า ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ดูเหมือนจิ้งจอกหนุ่มรูปงามผู้นั้นจะยืนนิ่ง จับจ้องมองหอวั่งเซียงครู่หนึ่ง “อดีตที่ผ่านมาแล้ว ลืมมันไปก็ดี” ว่าแล้วจิ้งจอกหนุ่มรูปงามก็ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นจรดปาก ดื่มน้ำแกงลืมอดีตจนหมดถ้วย ก่อนก้าวข้ามสะพานไน่เหอ เข้าสู่ประตูทรงโค้ง คล้ายกระจกบานใหญ่ไป ทว่าบุรุษอาภรณ์ดำกลับไม่ทำเช่นนั้น เขาเพียงยืนนิ่ง มองหอวั่งเซียงเบื้องหน้า นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด “ข้ายินดีลืมเลือนทุกสิ่ง แต่ข้าขอสาบานต่อฟ้าดิน ต่อแม่น้ำวั่งชวน สะพานไน่เหอ หอวั่งเซียงแห่งนี้ว่า ข้า...จะไม่ขอลืมเลือนเจ้า แม้ว่าข้าจะดื่มน้ำแกงลืมอดีตนี้แล้วก็ตาม” สิ้นคำสาบานนั้น เสียงฟ้าร้องครืนครั่นก็ดังมาจากที่ไกลแสนไกล เกิดสายฟ้าแลบขึ้นสายหนึ่ง คล้ายรับรู้คำสาบานนั้น ยามบุรุษอาภรณ์ดำก้าวผ่านประตูบานใหญ่นั้นไปสู่ภพภูมิเบื้องหน้า “เสี่ยวชวน...เสี่ยวชวน ตื่นรึยัง” เสียงตะโกนดังมาจากหน้าเรือนพัก ปลุกให้ “อู๋เหริ่นชวน” นามรอง “เสี่ยวชวน” สะดุ้งตื่นจากความฝันประหลาด ประมุขน้อยแห่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-02

บทล่าสุด

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่5. หนีตายไปกับเขา

    “เฮ้อ… ข้าไม่น่าติดร่างแหมากับเขาเลย ซวยชะมัด” ประมุขน้อยหนุ่มบ่น มองผ่านปากถ้ำออกไป แลเห็นหลัวเซียนผู้นั้น เรียกกู่ฉินออกมา ดีดบรรเลงเพียงไม่กี่ช่องเสียง ก่อนจะซัดพลังเวทย์จากสายฉินทั้ง 7 เข้าใส่ เพียงลำแสงพลังเวทย์จากสายฉินพุ่งเข้าใส่ มนุษย์พิษกลุ่มนั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าทุลีไปในพริบตา แต่แล้ว อู๋เหริ่นชวนก็ต้องละความสนใจจากภาพตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงขู่ฟ่อ ดังมาจากเบื้องหลัง หันไปมองตามเสียง จึงแลเห็นจงอางตัวใหญ่ ศีรษะกลมมน เกล็ดบริเวณส่วนหัวใหญ่ มีเขี้ยว 2 เขี้ยวที่ขากรรไกรด้านบน พร้อมจะฉกกัดปล่อยพิษเข้าใส่เหยื่อ หน้าตาดุดัน จมูกทู่ บริเวณขอบตาบนมีเกล็ดยื่นงองุ้มออกมา มองลึกเข้าไปแลเห็นม่านตากลม ลำคอมีขนาดสมส่วน ลำตัวขนาดใหญ่เรียวยาว ขนาดเท่าลำตาล กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา ก่อนชูคอแผ่แม่เบี้ย ลิ้นสองแฉกแลบแผลบ ชวนให้ขยะแขยง จนต้องถอยกรูดออกมาทางปากถ้ำ แต่ก็ยังช้ากว่างูจงอางยักษ์ตัวนั้นอยู่ดี มันอ้าปากกว้าง แลเห็นเขี้ยวทั้งสองตรงขากรรไกรบนขาววับ เสียงขู่คำรามนั้น ไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้าย ประมุขน้อยหนุ่มสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อในช่องอกโลดแรง จมูกสัมผัสกลิ่นฉุนรุนแรงจากละไอพิ

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่4.เข้าใจคุณชายผิดไป

    “มนุษย์ ตาข่ายกลคงเกิดปัญหาขึ้น จึงทำให้เขาติดตาข่ายได้ พวกเจ้าเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเถิด แล้วพบกันที่เจียงหนาน”“ขอรับ” เจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามประสานมือคารวะนอบน้อม ก่อนมู่เฉินจะหันมาคารวะผู้ที่เขาเข้าใจว่าเป็นปีศาจ“ข้ากับสหายต้องขอโทษด้วย ที่เข้าใจคุณชายผิดไป”“ข้าด้วย”“ข้าด้วย” เห็นมู่เฉินแสดงกิริยานอบน้อม ทั้งซานไป๋และจิวยี่ก็ต่างแสดงการคารวะตาม เจ้ามู่เฉินก็ดูสุภาพ จริงใจดีอยู่หรอก แต่เจ้าซานไป๋กับจิวยี่นี่สิ เพียงทำไปเพราะอยู่ต่อหน้าอาจารย์หรอก มองปราดเดียว อู๋เหริ่นชวนก็เห็นไปถึงใจของศิษย์เซียนทั้งคู่แล้ว“ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสาหรอก” อู๋เหริ่นชวนเอ่ยตามที่คิดจริงๆ ไม่แน่หรอก ที่เขาเดินมาติดตาข่ายดักปีศาจนี่ได้ อาจเพราะเขาเป็นบุตรประมุขพรรคมาร มีไอมรณะแผ่ออกมาจากตัวก็ได้ บอกตนเองแล้ว ประมุขน้อยหนุ่มก็นั่งลงตรงใต้ต้นไม้นั่นเอง รอกระทั่งบรรดาศิษย์ทั้งสามของบุรุษหนุ่มผู้นั้นจากไปแล้ว จึงเอ่ยถามเขาว่า“ท่านรู้แล้วนี่ว่า ข้าเป็นมาร เหตุใดจึงไม่บอกศิษย์ของท่านไปล่ะ” “ที่เจ้าออกเดินทางมาตามลำพังเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่า ตนเองเป็นใครไม่ใช่หรือ” “ก็จริง” อู๋เหริ่นชวนพยักหน้าเห็

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่ 3. มาร(อ่อน)

    “เสี่ยวชวน เป็นอย่างไรบ้าง” อู๋หมิ่นเยี่ยนโผล่หน้าออกมาถามด้วยความห่วงใย“ข้าไม่เป็นไร พวกท่านไปเถอะ แล้วเจอกัน” อู๋เหริ่นชวนโบกไม้โบกมือให้บรรดาศิษย์พี่ ศิษย์น้อง ทว่าคล้อยหลังขบวนรถม้า เขาก็กลับลดมือลงคลำก้นตนเองป้อยๆ สูดปากเสียงดัง “เจ้านี่จริงๆ เลย” ว่าแล้วก็หยัดกายลุกขึ้นยืน นัยน์ตา ปราวระยับยามเดินลัดเลาะไปตามแนวปา แรกทีเดียวก็เดินไปตามเส้นทางรถม้าอยู่หรอก แต่นานเข้าก็นึกสนุก ออกนอกเส้นทางเข้ามาในป่าเสียเลย “อยู่ข้างนอกนี่ ช่างอิสระเสรีเหลือเกิน มีความสุขจริงๆ เลย” อู๋เหริ่นชวนตะโกนก้องผืนป่า ยิ้มน้อยๆ ให้กับเสียงสะท้อนก้องกลับไปกลับมาของตนเอง สองเท้าก้าวเรื่อยผ่านแนวต้นมะค่า แผ่กิ่งก้านสาขาเขียวครึ้ม สายลมพัดหมู่ไม้เอนไหว ยินเสียงนกร้องมาแต่ไกล แต่แล้ว ความสุขสำราญของประมุขน้อย ก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ เพียงแค่เหยียบกองใบไม้ใต้ต้นมะค่าต้นหนึ่ง ตาข่ายกลดักปีศาจก็ตกลงมาคลุมร่างเขาเอาไว้ ก่อนจะถูกดึงขึ้นไปแขวนอยู่บนกิ่งไม้ ยิ่งดิ้นรน ตาข่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นทุกที “มีใครอยู่แถวนี้บ้าง ช่วยข้าด้วย” อู๋เหริ่นชวนตะโกนก้อง หน้าตาตื่น กวาดสายตาไปรอบๆ ขณะที่เบื้องล่างนั้น บรรดาศิษย

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่2.เคหาสน์พันดาว

    ที่ทำให้หนุ่มน้อยต้องตกตะลึงก็คือ เบื้องหน้าของเขามีจิ้งจอกเก้าหางหนุ่มรูปงาม สวมอาภรณ์ขาวสะอาด พวงหางสีขาวทั้งเก้าพลิ้วไหวยามก้าวเดินเชื่องช้า ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ดูเหมือนจิ้งจอกหนุ่มรูปงามผู้นั้นจะยืนนิ่ง จับจ้องมองหอวั่งเซียงครู่หนึ่ง “อดีตที่ผ่านมาแล้ว ลืมมันไปก็ดี” ว่าแล้วจิ้งจอกหนุ่มรูปงามก็ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นจรดปาก ดื่มน้ำแกงลืมอดีตจนหมดถ้วย ก่อนก้าวข้ามสะพานไน่เหอ เข้าสู่ประตูทรงโค้ง คล้ายกระจกบานใหญ่ไป ทว่าบุรุษอาภรณ์ดำกลับไม่ทำเช่นนั้น เขาเพียงยืนนิ่ง มองหอวั่งเซียงเบื้องหน้า นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด “ข้ายินดีลืมเลือนทุกสิ่ง แต่ข้าขอสาบานต่อฟ้าดิน ต่อแม่น้ำวั่งชวน สะพานไน่เหอ หอวั่งเซียงแห่งนี้ว่า ข้า...จะไม่ขอลืมเลือนเจ้า แม้ว่าข้าจะดื่มน้ำแกงลืมอดีตนี้แล้วก็ตาม” สิ้นคำสาบานนั้น เสียงฟ้าร้องครืนครั่นก็ดังมาจากที่ไกลแสนไกล เกิดสายฟ้าแลบขึ้นสายหนึ่ง คล้ายรับรู้คำสาบานนั้น ยามบุรุษอาภรณ์ดำก้าวผ่านประตูบานใหญ่นั้นไปสู่ภพภูมิเบื้องหน้า “เสี่ยวชวน...เสี่ยวชวน ตื่นรึยัง” เสียงตะโกนดังมาจากหน้าเรือนพัก ปลุกให้ “อู๋เหริ่นชวน” นามรอง “เสี่ยวชวน” สะดุ้งตื่นจากความฝันประหลาด ประมุขน้อยแห่

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่ 1 สงครามระหว่างมารกับเซียน

    ภายในโรงเตี๊ยม กลางเมืองยวี่เทียน นักเล่านิทานแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีอ่อน กลืนกับเรือนผมหงอกขาวเกล้าขึ้นสูงประดับปิ่นไม้สีน้ำตาล กำลังเล่านิทานเรื่องหนึ่งอยู่ สีหน้าและน้ำเสียงสูงๆ ต่ำๆ พาให้เรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมานั้น มีชีวิตชีวา “...เมื่อร้อยปีก่อน ทุกท่านรู้หรือไม่ว่า อู๋เซียงอี๋ ประมุขเผ่ามาร บำเพ็ญตะบะมานับพันปีจนแก่กล้า ปกครองเผ่ามารด้วยความเที่ยงธรรม เผ่ามารต่างร่มเย็นเป็นสุข ยามนั้นเผ่าเซียน นำโดยหลัวเฟิง ต้องการแผ่ขยายอำนาจ ยึดครองเผ่ามนุษย์และมารมาเป็นของตนเอง จึงสั่งให้คนของเขาปลอมตนเป็นมาร สวมอาภรณ์สีดำ แต้มชาดบนหน้าผากอย่างมาร ออกเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทำให้เจ้าแคว้นเผ่ามนุษย์เข้าใจผิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือเผ่ามาร จึงร้องต่อเผ่าเซียนให้ส่งคนไปปราบเผ่ามารให้สิ้นซาก…”“ดูสิ เผ่าเซียนช่างชั่วร้ายนัก ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย เพราะความลุ่มหลง มัวเมาในอำนาจแท้ๆ เผ่ามารจึงต้องประสบกับเคราะห์กรรมเช่นนี้” เด็กหนุ่มผู้หนึ่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำ หน้าตาหมดจด ผิวพรรณขาวจัด ตัดกับเรือนผมดำขลับเกล้าขึ้น ผูกผ้าสีน้ำเงินเข้ม วางจอกน้ำชาลงบนโต๊ะโดยแรง จนน้ำชาในจอกกระฉอกออกมา ดวงตาคู่คมปร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status