แดดอ่อนทอแสงแรกผ่านม่านเขาสูง ส่งกระทบหยาดน้ำค้างที่พร่างพราวบนยอดหญ้า ความชุ่มชื้นจากพื้นที่อุ้มน้ำฝนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เริ่มคลายตัวออกเนื่องจากแสงแดดที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาสัตว์ตามธรรมชาติน้อยใหญ่ ต่างดำรงชีวิตกันไปตาม วัฏจักรแห่งชีวิตบนพื้นที่ไร่ทั้งสองนี้
บ้านไร่จินตราและไร่กรุณาธรเป็นไร่ผลไม้ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มกลางหุบเขา ไร่ทั้งสองนี้มีลักษณะที่คล้ายกัน กล่าวคือ มีภูเขายืนตระหง่านอยู่ด้านหลัง มีลำธารเล็ก ๆ จากทิวเขาด้านหลังไหลผ่าน ลำธารแห่งนี้มีสายน้ำไหลไม่เคยขาดแม้ว่าจะเป็นฤดูแล้งก็ตาม
ในอดีตไร่ทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง เกิดจากเพื่อนรักสองเกลอ ที่เข้ามาบุกเบิกทำไร่ผลไม้ โดยเลือกที่จะปลูกให้เหมาะสมตามสภาพอากาศที่เป็นอยู่ และได้ขยายพื้นที่ออกไปจนสุดเชิงเขาทั้งสองด้าน สุดลูกหูลูกตาเป็นคำกล่าวของชาวบ้านในหมู่บ้านเล็ก ๆ เชิงเขาด้านหลังที่อยู่ถัดจากไร่ทั้งสองไปไม่ไกลนัก
เพื่อนรักทั้งสองต่างมีครอบครัว ดำเนินการของตนเองให้อยู่รอดมาจนถึงรุ่นลูก และกำลังจะส่งต่อให้กับรุ่นหลานของพวกเขา
หลังจากเจเนอเรชันคุณปู่คุณตาผู้บุกเบิกผ่านพ้นไป เจเนอเรชันต่อมา ก็รับช่วงต่ออย่างสมศักดิ์ศรี ไร่ทั้งสองต่างถูกพัฒนา ทั้งสายพันธุ์พืชที่ให้ผลดกงาม เทคโนโลยีการดูแลดิน ลดการใช้สารเคมีในดิน และบางส่วนก็ไม่ใช้สารเคมีเลย
เจ้าของไร่ทั้งสองครอบครัวต่างไปมาหาสู่กันเป็นประจำ สืบเนื่องกันมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิก แบ่งปันความรู้ใหม่ ๆ ช่วยเหลือกันยามเกิดเหตุวิกฤตให้ผ่านพ้นอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน
‘หลิน’ นายหญิงของบ้านไร่จินตรา เธอสนิทสนมกับ ‘เฟื่องฟ้า’ นายหญิงของไร่กรุณาธรมาตั้งแต่แต่งงานเข้าเป็นสะใภ้ในบ้านไร่ จินตรา เธอเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรที่มาประจำอยู่ในจังหวัด มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน
ไม่นาน เจเนอเรชันต่อมาก็เกิดขึ้น โดยทางไร่กรุณาธรได้ลูกสาวก่อน เฟื่องฟ้าให้ชื่อลูกของเธอว่า ‘ดาวเรือง’ เป็นการพ้องกับเธอที่ชื่อเป็นดอกไม้ จนผ่านไปอีกไม่กี่ปี ไร่ทั้งสองก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นอีก ไร่กรุณาธร ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ‘ทานตะวัน’ ชื่อพ้องกับผู้เป็นแม่อีกเช่นเคย ส่วนบ้านไร่จินตรา ได้ลูกชายคนแรก ‘คชา’ หรือชื่อเล่น ‘ออโต้’ เป็นที่ยินดีของทั้งสองบ้านไร่ในเวลานั้น
เกือบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หากไม่มีธุระปะปังที่ใดทั้งสองบ้านมักจะผลัดกันมาเยี่ยมเยือน เพื่ือให้เด็ก ๆ ทั้งสองบ้านได้มาเล่นด้วยกัน ซึ่งต่อมาพบว่าลูกสาวของไร่กรุณาธรมีความเป็นผู้นำสูงสุดนั่น อาจจะเพราะเธอเป็นพี่สาวคนโตจึงมักบงการน้องทั้งสอง ให้ไปทำโน่นทำนี่ต้องอย่างนั้นอย่างนี้จนเด็กทั้งสองลงความเห็นกันว่าจะเรียกดาวเรืองว่า‘เจ้’ซึ่งดาวเรืองดูชอบกับฉายานี้ไม่น้อย
ดาวเรืองผู้เป็นพี่ใหญ่ มักจะพาน้องทั้งสองไปเล่นที่ท้ายไร่กรุณาธร เนื่องจากที่ท้ายไร่มีแก่งและหาดทรายขนาดเล็ก สามารถนั่งเล่นน้ำได้ หากเป็นฤดูฝน ก็จะเปลี่ยนที่นั่งเล่นไปเป็นแถบโรงเก็บเมล็ดพันธุ์ เพราะในฤดูฝนน้ำจากลำธารจะมีมากกว่าฤดูอื่นอาจเกิดน้ำป่าไหล หลากมาจนเป็นอันตรายได้
ลำธารดังกล่าวนี้ไหลทอดต่อไปที่ท้ายบ้านไร่จินตราแต่ไม่มีหาดให้ เล่นน้ำได้เหมือนไร่กรุณาธร
พอเริ่มเข้าเรียน
ดาวเรืองต้องเข้าเรียนก่อนทานตะวันผู้เป็นน้องและเพื่อนบ้านออโต้ เมื่อน้องทั้งสองเข้าเรียนตามหลังมา เธอจึงกลายเป็นติวเตอร์น้อย ๆ ให้กับน้องทั้งสองไปโดยปริยาย
ออโต้ลูกชายของบ้านไร่จินตรา มีอายุมากกว่าทานตะวัน น้องชายของเธอเพียงไม่กี่เดือนเรียกว่าอายุรุ่นเดียวกันเลยก็ว่าได้ แต่ความแตกต่างของทั้งสองคนนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ แต่เพราะความที่ยังเป็นเด็ก จึงได้แต่เพียงแค่มองเวลาได้เห็นน้องสองคนง่องแง่งกัน เธอก็สุขใจอย่างประหลาด
ด้วยความรู้สึกแบบนี้เธอจึงยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอเป็นมันคืออาการของ ‘สาววาย’ สาวที่ชอบเห็นผู้ชายชอบกัน รักกัน ซึ่งกว่าเธอจะเข้าใจก็เริ่มเข้าสู่สังคมวัยรุ่นแล้ว
ออโต้ มักวิ่งเล่นกับทานตะวันและลูกของคนงาน 2-3 คนเสมอ โดยเฉพาะการเล่น‘ผจญภัย’การเดินไปเล่นในไร่หรือไปเล่นน้ำที่ ลำธาร จะต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ใหญ่ก่อนในช่วงแรก แต่ต่อมา พอเริ่มโตขึ้น บรรดาพ่อแม่ก็อนุญาตให้เด็ก ๆ ไปเล่นกันไกล ๆ ได้ แต่ได้มีกำชับให้คนงานคอยสอดส่องดูแลอยู่ห่าง ๆ
เด็กชายทั้งสองถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลในตัวอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไร่มากนักทั้งคู่ไป - กลับบ้านด้วยกันโดยรถรับส่งของโรงเรียน มีเพียงแค่เวลาเรียนที่พวกเขาจะเรียนคนละห้องกันเท่านั้น เมื่อขึ้นชั้นประถมทั้งสอง ยังคงอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่ได้เรียนห้องเดียวกันอีกเช่นเคย สาเหตุเป็นเพราะทานตะวันค่อนข้างมีผลการเรียนที่ดีกว่าออโต้ โดยเฉพาะวิชาคำนวณเมื่อกลับบ้านทั้งสองผลัดกันสอนการบ้านโดยไม่ต้องให้ดาวเรืองมา สอนอีก ออโต้มักจะขอความช่วยเหลือหากทำการบ้านวิชาคณิต ศาสตร์ไม่ได้ในขณะเดียวกันออโต้จะช่วยทานตะวันทำงานประดิษฐ์ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้ฝีมือ จนกระทั่งจบชั้นประถม ความเปลี่ยนแปลงจึงเริ่มเกิดขึ้น “ตะวัน แม่เราบอกว่าตะวันจะไปเรียนกรุงเทพฯ เหรอ” ออโต้ถามทานตะวันขณะที่กำลังเดินเล่นในไร่องุ่นของบ้านไร่จินตรา ทานตะวันชะงัก เขาหันมามองหน้าออโต้“อืม ใช่ พ่อกับแม่ตะวันจะให้ไปเรียนที่กรุงเทพฯ ”“แล้วไปนานไหม” ออโต้ถามด้วยความอยากรู้ ในความคิดของเขา ทานตะวันคงไปเรียนแค่ช่วงเปิดเทอม พอปิดเทอมก็คงกลับมา แต่“พ่อบอกว่าจะให้ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ จนกว่าจะเรียนจบ แล้วค่อยว่ากันอีกที”ทานตะวันบ
Part ทานตะวัน11 ปีผ่านไป[ฮาโหล เจ้][ใครเจ้แก ฉันไม่ได้มีเชื้อจีน ต้องเรียกฉันว่าพี่สิยะ][เอาน่า ติดปากแล้ว ขอนะ]ผมมักเรียกพี่ดาวเรืองว่า ‘เจ้’ จนติดปาก ถึงแม้ว่าตัวจริงของนางจะโคตรแมนก็ตามที สวัสดีครับ ผมชื่อทานตะวัน จะเรียกว่าตะวันเฉย ๆ ก็ได้ครับ ผมเพิ่งพบกับพ่อแม่และเจ้ดาวเรืองล่าสุดเมื่อ 5 วันก่อน ที่จริงมันเป็นวันที่พิเศษสุดของผมวันหนึ่งวันอะไรเหรอ?วันรับพระราชทานปริญญาบัตรไงครับ ผมเรียนจบปริญญาตรีเรียบร้อยแล้ว ตามที่ได้คุยกับทางบ้านไว้ว่า เมื่อเรียบจบผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแต่ที่วันนี้ยังเอ้อระเหยโทรศัพท์คุยกับเจ้ดาวเรืองอยู่นี่ ก็เพราะเพื่อน ๆ ที่คณะขอให้อยู่ต่ออย่าเพิ่งกลับ ผมจึงขอพ่ออยู่ต่ออีก 5 วันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะครับ บ้านที่กรุงเทพฯ ผมก็ยังไป ๆ มา ๆ ได้อยู่ คุณลุงใจดีกับผมมาก ท่านรักผมเหมือนลูก เพราะลุงไม่มีลูกเนอะผมอยู่ที่กรุงเทพฯ กับลุงตั้งแต่เริ่มชั้นมัธยมต้น ในทีแรกก็มีเหงาบ้าง แต่ลุงมักชวนผมทำกิจกรรมมากมายทั้งที่ชอบและไม่ชอบ จนเราสนิทกัน คุณน้าหลินก็ใจดีมากจนแทบจะเป็นแม่ผมอีกคนแล้วหลังจากร่ำลากับเพื่อนในคณะ และบอกพวกมันว่าสามารถแวะไปเที่ยวท
“ไม่มีใครอยู่ แกไม่เช็คก่อนมานี่ ย่าไปทอดผ้าป่ากะพวกญาติ ๆ ไม่มีใครอยู่หรอก”ผมได้ยินดังนั้นก็หน้าเหวอ จริงอย่างที่เจ้บอก ผมไม่ได้คอนเฟิร์มว่าจะเข้าไปนอนที่บ้านย่า เลยไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแผนกันไปทอดผ้าป่าเป็นที่เรียบร้อย นี่ถ้าเจ้ดาวเรืองไม่ออกมารอรับ ผมคงต้องหาโรงแรมแถวนี้พักก่อนแน่ ๆ“เออ ขอบคุณเจ้ งั้นก็กลับบ้านเลย”“ก็ต้องงั้น”เจ้ดาวเรืองช่วยผมลากกระเป๋าไปใส่ท้ายรถเอสยูวีคันสูงที่จอดอยู่ไกลออกไปจากชานชาลารถ เวลานี้ พอมองไปรอบ ๆ ก็แอบวังเวงอยู่ไม่น้อย ผู้คนต่างพากันหายไปไหนหมดแล้ว เมื่อสักครู่ตอนลงจากรถยังเดินกันเต็มไปหมด“หิวไหม เอ้าน้ำเปล่า วางอยู่ในช่องด้านข้าง ประทังไปก่อน เดี๋ยวถึงบ้านค่อยว่ากัน” พี่สาวของผมรอบคอบเสมอ เธอส่งขวดน้ำขนาด ห้าร้อยมิลฯ มาให้ ผมคว้าโดยไม่รีรอ เปิดฝาได้ก็กระดก อึก อึก“เบาแก เดี๋ยวสำลักตาย”“หิวอ่ะ ขอบใจเจ้ว่ะ”ผมปิดฝาแล้วหันไปยิ้มหล่อให้หนึ่งที เจ้ส่ายหน้าก่อนออกรถมุ่งหน้าสู่ไร่กรุณาธร ไร่อันเป็นบ้านเกิดของผม ไร่ที่มีพ่อกับแม่รอผมอยู่ใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที รถของเจ้ก็เลี้ยวเข้าสู่ไร่กรุณาธร ผมชะเง้อมองดูความเปลี่ยนแปลงสิบเอ็ดปีที่ผมไปจากที่นี่ ตอ
ก๊อก ก๊อก“แก! ตื่นได้แล้ว เสียงไก่ของไร่เรามันไม่ดังพอใช่ไม๊” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ประตูห้องผมแหม ผมเพิ่งจะกลับมา ขอพักสักวันสองวันไม่ได้รึไง อีกอย่างวันนี้ก็คิดว่าจะขอยืมรถเข้าเมืองไปดูอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาติดตั้งในบ้าน รวมถึงสำรวจร้านคอมพิวเตอร์ในตัวอำเภอว่าพอจะดิวไว้เป็นเพื่อนเป็นซัพพลายให้ได้ไหม ซึ่งร้านเหล่านี้ไม่ได้เปิดเช้าซะหน่อย“ตื่นแล้วจ้า เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะรีบลงไปนะที่รัก”ผมตะโกนกลับพร้อมดีดตัวเองจากเตียงที่แสนนุ่มสบาย อากาศยามเช้าที่นี่ค่อนข้างเย็น เครื่องปรับอากาศที่เมื่อคืนช่วยคลายร้อน ตอนนี้กลับร้อนกว่าอากาศข้างนอก ปิดเพื่อประหยัดไฟ เป็นทางเลือกที่ดีผมปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดม่าน ยกหน้าต่างขึ้นด้านบน“สดชื่นสุด ๆ ฮิ้วว” ผมโห่ร้องเมื่ออากาศแรกของภายนอกสัมผัสถูกหน้าของตัวเองความชุ่มชื่น อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย หายใจทั่วท้อง เป็นเอกลักษณ์ที่ไร่ของผมรวมถึงหมู่บ้านแถบนี้มีไว้ให้ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการผมรีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุดลำลองก่อนจะลงมาที่ห้องครัว“สวัสดีครับพ่อแม่” ผมยกมือไหว้เมื่อเจอท่านทั้งสองที่กำลังดำเนินกิจกรรมประจำวันของตัวท่านเองอยู่พ่อที่อยู่ในชุดเตรียมลงไ
“ไม่ไปได้ไหมเจ้” ผมอุทธรณ์“ไม่ได้ ฉันรับปากไปแล้ว” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ผมแม่มองเจ้ดาวเรืองอย่างตำหนิ“ทำไมไม่ถามน้องก่อน”“แหมแม่ ก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว หายไปแค่สิบกว่าปี ไม่น่าจะมีผลนี่นา ทีเมื่อก่อน วิ่งเข้าไปถึงห้องนอนน้าสมชายก็ทำมาแล้วนี่แก”ประโยคหลัง ทำให้พ่อแม่หันมามองผมเป็นตาเดียว คือเอาจริงนะครับ เรื่องนี้มันก็นานมาแล้วตั้งแต่เด็ก เอามาเผาทำไมนี่เจ้“ลูกไปเล่นถึงในห้องนอนเขาเลยเหรอ” แม่เฟื่องฟ้าของผมเริ่มไม่สบอารมณ์“คุณ เด็ก ๆ มันเล่นกันใช่ไหม?” พ่อมงคลของผม เห็นนิ่ง ๆ แบบนี้ ช่วยผมตลอดแหละครับผมทำหน้าแหย มันเป็นเรื่องเก่ามาก ๆ จนผมเองยังแทบจะจำได้ไม่ได้ เจ้ดาวเรืองนี่“โอเคครับ ผมไปก็ได้ เย็นนี้นะ” ผมตัดบท เพราะดูท่าแม่ผมจะเริ่มไม่ชอบใจเท่าไร แม่เป็นคนที่ไม่ชอบให้คนในบ้านไปยุ่มย่ามอะไรในที่ของคนอื่น ไปเล่นไปคุยไปกินข้าวได้ แต่การเข้าไปถึงห้องนอน แม่ไม่ชอบครับแพลนของที่วางไว้หลังจากกลับมาบ้านคืออยากเข้าเมืองไปเซอร์เวย์ร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไป จนถึงร้านแบรนด์ดัง ซึ่งแพลนนั้นคือวันนี้นี่แหละผมไปขอยืมกุญแจรถของพ่อ ซึ่งพ่อบอกว่าให้ไปขอแม่ เพราะ แม่เป็นผู้ดูแลรถทั้งหมด ผมยังไม่อยากข
ยามเย็นอีก 15 นาทีจะ 4 โมงเย็น แสงแดดสีเหลืองเกือบแดง สาดส่องรอดช่องหน้าต่างห้องผมเข้ามา ตอนนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อย เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ตามสภาพอากาศที่ยังร้อน และร้อนอยู่อย่างนี้ก๊อก ก๊อก“เปิดมาเลยครับ” ผมตะโกนบอกเจ้ดาวเรืองเดินเข้ามาในชุดที่ดูไม่เหมือนชาวไร่เท่าไร นี่มันชุดอะไรวะ? นายพราน หรือทหารพราน! เสื้อยืดพับแขน กับกางเกงลายพราง“เจ้จะไปออกหน่วยพิทักษ์ป่าเหรอ” ผมถามติดตลก กลั้นขำไว้แทบไม่อยู่เมื่อมองสภาพโดยรวมอีกครั้ง“อะไรแก นี่แหละชุดประจำชาติของฉัน”เจ้แกพูดพร้อมก้มมองชุดของตัวเองสลับซ้ายขวาไปมาด้วยความภาคภูมิใจ“ถามจริง เจ้เป็นทอมรึเปล่าเนี่ยะ ใส่แต่ละชุด ไม่ออกพิทักษ์ป่า ก็เหมือนทหารพรานออกลาดตระเวน” ผมว่าตามที่เห็น ชุดเมื่อคืนที่ขับรถมารับผม เหมือนทหารหญิงครึ่งท่อน กางเกงลายพราง เสื้อสีดำ มาวันนี้เสื้อสีเขียวพับแขนซะสูง ยัดเสื้อในกางเกงลายพรางสีเขียวอีก“เข้าประเด็นดีมากแก” เจ้ดีดนิ้ว แล้วกระโดดไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงผม“เจ้ว่า เจ้ไม่ใช่ทอม ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงนะยะ”ผมพยักหน้าหงึก ๆ ประมาณว่า ‘เชื่อก็ได้’“เอาเป็นหญิงห้าวก่อนก็แล้วกันเจ้”ผมพยายามเดาว่าเจ้ห้าว มากกว่าเป็น
เจ้ดาวเรือง ขับรถพาผมเลี้ยวเข้ามาที่หน้าประตูบ้านไร่จินตรา ผมจำได้ว่าเมื่อสมัยเด็ก เราไม่ต้องอ้อมมาเข้าทางหน้าประตูแบบนี้ เราใช้วิธีลอดรั้วลวดหนามไปมาระหว่างกัน ซึ่งใช้เฉพาะพวกเด็ก ๆ อย่างผม ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็คงต้องเข้าตามเส้นทางที่เขาเข้ากันแหละเนอะ“เจ้ ไอ้ที่เราเคยมุดข้ามไปมา มันยังอยู่ไหม?” หลังจากนึกถึงวันเก่า ที่บังเอิญไปนึกถึงทางพิเศษที่สมัยเด็กเคยใช้เดินทางระหว่างไร่ ตอนนี้ไม่รู้มันเป็นยังไง“ตอนนี้ก่อรั้วเป็นอิฐสูงเท่าเอวยาวไปจนสุดเขตแล้วล่ะ” เจ้อธิบายขณะที่ผ่านประตูหน้าของไร่จินตราเข้าไป“มีปัญหากันเหรอ” ผมถามเพราะปกติไม่เคยเห็นต้องกั้นรั้วถาวรกันตั้งแต่แรก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามันจะเกิดปัญหาอะไร ยิ่งในขณะนี้ ผมกับเจ้กำลังจะไปร่วมกินอาหารเย็นกับพวกเขา“เปล่านะ มันกลายเป็นประตูต่างหาก”“อ้าว”ผมเหวอ แล้วทำไมต้องขับรถมาทางนี้ด้วยล่ะ เดินผ่านทางนั้น เดินชิว ๆ เลยนะ ผมไม่เข้าใจเจ้ดาวเรืองของผมจริง ๆ“เออน่า รอบหน้าค่อยเดินผ่านประตูด้านข้างก็แล้วกัน ไปเหอะ” เจ้ตัดบทเอาดื้อ ๆ เปิดประตูแล้วเดินลงไปรอผมที่
อาหารมื้อค่ำ ณ บ้านไร่จินตรา เป็นไปค่อนข้างดี น้าชายกับน้าหลินดูแลผมดี ส่วนออโต้ ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เขาพูดเรื่องอะไรมา ผมก็เออออไป เอาจริงนะ ผมจำหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาได้เลือนราง จนแอบเห็นเขาทำหน้ามึนกับเจ้ดาวเรือง“มันนานมาแล้วน่ะ” ผมใช้ประโยคนี้หลายรอบอยู่นอกนั้น เป็นน้าชายบ้าง น้าหลินบ้าง สลับกันถามผมไปมา เรื่องที่ถามเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป เรื่องอนาคตในไร่ (แอบจริงจัง) และตำหนิผมกับเจ้ดาวเรืองที่ไม่ยอมบอกเรื่องรับพระราชทานปริญญาบัตร“ขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ให้พ่อแม่บอกใครเอง มันเล็กน้อยครับ เรื่องใหญ่กว่าคือผมต้องกลับมาแล้วพัฒนาให้อะไร ๆ มันไปต่อได้ทันโลกครับ”คำพูดของผมทำให้น้าสมชายยิ้มร่า ขณะที่น้าหลินหันไปมองลูกชายสุดหล่อของตัวเองเป็นระยะ ๆ“ออโต้เรียนจบเกษตรที่นี่ หนูทานตะวัน ถ้ามีอะไรให้พวกน้าหลินช่วยบอกได้เลยนะ เราเหมือนญาติกัน ใช่ไหมดาวเรือง”ประโยคทิ้งท้ายของน้าหลิน ฟังแล้วแปลก แต่ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจ ส่วนเจ้ดาวเรืองของผมเหรอครับ รายนั้นอร่อยจัด มูมมาม ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี นี่ถ้าเจ้แกอ้วนนะ ผมจะเรียกว
<<<Z>>> <<<Z>>> <<<Z>>>/สวัสดีครับ//เฮ้ย ตะวัน จำเราได้รึเปล่า?//หึ ใคร?//ฟังนะ กู ชื่อ นิค//หยาบคาย ไอ้นิค//เอ๊า ผมชื่อนิคครับคุณทานตะวัน//เออ ค่อยดูมีการศึกษาหน่อย//ปากเหมือนเดิมนะมึง//เออ... มีอะไร//กูจะไปเที่ยวบ้านมึง//ตอนไหน อีก 2 ชั่วโมง//ห่ะ!?//เออ ๆ มาถูกเหรอ//ไร่มันดึง จีพีเอส. พามาได้ เดี๋ยวเจอกัน/นิค และเพื่อนสมัยเรียนกำลังเดินทางมาหาผมแบบเซอร์ไพรส์ ไม่ให้ผมได้ตั้งตัวตามนิสัยของนิคที่เป็นมาตั้งแต่เรียนแล้ว ผมต้องไปบอกแม่เฟื่องฟ้าก่อน เพราะพวกนี้มาคือยังไงก็คงค้างคืน แต่จะกี่คืนก็ไม่รู้พวกมัน“แม่ครับเพื่อนผมจะมาจากกรุงเทพฯ สามถึงสี่คน” ผมบอกแม่ที่ตอนนี้กำลังนั่งเคลียร์บิลอยู่ในห้องทำงาน“ค้างคืนไหมลูก” แม่ถาม“ค้างแหละแม่ แต่พวกอาหารอะไรนี่ เตรียมทันไหมครับ” ผมถามแม่เรื่องอาหาร เพราะปกติพวกเราก็กินอะไรไม่เยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าพวกนี้มา ส
ไร่กรุณาธร ตั้งขึ้นโดยคุณปู่ของดาวเรืองและทานตะวัน ในยุคแรก หลังจากเรื่องการหาที่ดินเสร็จสิ้นลง เขากับเพื่อน (ปู่ของออโต้) เริ่มดำเนินการด้วยเงินของตัวเองที่ได้มาจากมรดกและการสนับสนุนจากพ่อแม่บางส่วน มาดำเนินการ เริ่มแรกมีบ้านเล็ก ๆ สำหรับเขาและเริ่มจ้างผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการขุดสระน้ำด้านหลังพร้อมติดตั้งระบบจ่ายน้ำเดินท่อเข้ามาที่บริเวณที่จะก่อสร้างแปลงปลูกต้นองุ่น ใช้พื้นที่กว้างถึง 1 ไร่ในช่วงแรก เพราะในพื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถปลูกต้นองุ่นได้ราว ๆ 130-140 ต้น เป็นองุ่นสายพันธุ์ที่สามารถปลูกในประเทศไทย ทนร้อนได้ดี และจำหน่ายได้ราคาเขาวางแผนว่าจะจำหน่ายองุ่นออกไปให้เกิดรายได้ก่อน ขณะที่โครงการผลิตไวน์ของเขา เกิดปัญหาที่เขาคาดเดาไว้แล้ว นั่นคือเขาไม่ชำนาญในเรื่องนี้มากพอ ต้องมีอะไรอีกหลายอย่าง รวมถึงอุปสรรคมากมายก่อนจะทำให้เกิดโรงผลิตไวน์ได้ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ไร่กรุณาธร ยังคงเป็นไร่ที่ปลูกองุ่นขายเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวเขาเองก็ยังคงศึกษาการทำไวน์ เดินทางเข้าไปที่มหาวิทยาลัยบ่อยเพื่อหาอาจารย์ที่สอนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดก็ยังมิอาจสานฝัน
บ้านไร่จินตราเป็นหนึ่งในไม่กี่ไร่ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งปี มีพืชผลมากมายที่ผลัดกันออกผลตามฤดูกาลและนอกฤดูกาลอัน เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์พืชใหม่ ๆ ที่ได้รับจากต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่ ในเรื่องของทำเลที่ตั้ง บ้านไร่จินตรา มีลักษณะที่ตั้งที่ดี ด้านหลังเป็นภูเขา มีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน น้ำมาจากป่าบนเขา ด้านหน้าของไร่มีคลองชลประทานจากภาครัฐ มีถนนลาดยางอย่างดีจากอำเภอผ่านเข้าสู่ตัวหมู่บ้านที่อยู่ถัดไป ด้านข้างเป็นภูเขาที่ยาวต่อมาจากด้านหลังขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นไร่กัลยาณมิตรกันมีชื่อว่า “ไร่กรุณาธร” ที่ทำไร่ลักษณะคล้ายกันแต่มี พัฒนาการพันธุ์พืชที่เป็นของตัวเองและเน้นองุ่นเป็นหลัก เพราะมี โรงงานบ่มไวน์องุ่นเป็นของตัวเอง ขณะที่บ้านไร่จินตราจะเน้นพืชผลที่ส่งขายได้ตลอดทั้งปีปัจจุบันบ้านไร่จินตราอยู่ภายใต้การดูแลของคุณสมชายหรือที่ชาว หมู่บ้านเรียกว่า ‘น้าชาย’มีภรรยาชื่อหลิน และลูกชายชื่อคชา หรือน้องออโต้ เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่ช่วยกันบริหารไร่ มีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และบ้านไร่จินตราแห่งนี้ เป็นแหล่งอาชีพเล็ก ๆ ให้กับชาวหมู่บ้านแถบนั้นอีกด้วย
เรื่องราวของออโต้กับทานตะวัน ในทีแรกก็มีคนงานในไร่ทั้งสอง เอามาพูดคุยกันเรื่องที่ว่าผู้ชายรักผู้ชาย โดยเฉพาะไร่กรุณาธร แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอันเงียบหายไปเพราะมีคนงานอีกกลุ่มที่เปิดตัวเป็น LGBTQIA+ อยู่แล้วสามคนช่วยจัดการ‘แก๊งนารีผล’แก๊งนี้เปิดตัวขึ้นหลังจากทราบข่าวว่าออโต้กับทานตะวันคบหากันจริง ๆ แถมสุดท้าย ดาวเรืองดึง ‘แก๊งนารีผล’ มาเป็นทีมงาน คิว.ซี. และทีมเลขาให้กับตัวเองด้วย“พวกนี้เก่ง แถมยังปลื้มพวกเธอทั้งสองคนด้วยนะจ๊ะ” เจ้ดาวเรืองบอกกับทานตะวันและออโต้“สงสัยต้องนัดพวกน้อง ๆ มากินมื้อพิเศษแล้วล่ะ” ออโต้ทำพูดเล่น แต่ดาวเรืองกลับจริงจังขึ้นมา“จะดีเหรอเจ้” ทานตะวันไม่แน่ใจ“ดีสิ พวกนี้กลายเป็นสมุนเจ้ไปเรียบร้อยแล้ว” ดาวเรืองกอดอกอวดให้พวกเขาฟัง ดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับดาวเรืองที่จะมีลูกน้องคอยช่วยดูแลงานในไร่ และเป็นเพื่อนสายวายเหมือนกับเธอ“แล้วแต่เจ้เลย” ทานตะวันส่ายหน้าระอากับพี่สาวตัวเอง“พวกนางฝากถามมาถึงด้วยนะ” ดาวเรืองพูดพลางยกหลักฐานในมือถืออวดทา
Part ทานตะวันหลังจากที่ตกลงกับออโต้เป็นแฟนกัน ชีวิตไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนอกจากตัวติดกันมากขึ้นกว่าเดิม ในทีแรกผมก็มีความกังวลอยู่นิดหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา ภูเก็ต ที่จะมีผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือกันได้อย่างไม่ต้องเกรงสายตาใคร ซึ่งผมกับออโต้ก็ไม่มีโมเมนต์นั้นอยู่แล้ว‘ไม่ได้แคร์ แต่เกรงใจพ่อแม่ครับ’ดังนั้นการไปไหนมาไหนของเรา ก็ดูออกแหละว่าไม่ใช่เพื่อน แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร จริงนะหลัง ๆ มาออโต้แทบไม่ได้กลับบ้านเลย! นอกจากผมจะไปค้างที่บ้านเขา ในภายหลังจึงต้องตกลงกันว่าเราจะสลับวัน จันทร์ - อังคารอยู่บ้านผม พุธ - พฤหัสบดี อยู่บ้านออโต้ ศุกร์-เสาร์อยู่บ้าน ส่วนวันอาทิตย์ ก็ดูความเหมาะสมกันครับแม้จะตกลงกันอย่างนี้ แต่สุดท้าย ออโต้ก็มักจะนอนที่ห้องผมซะส่วนมากสืบจากลูกน้องของเจ้ดาวเรือง ‘แก๊งนารีผล’ ตูน แองจี้ และแจ๋ม ซึ่งเป็นคนงานวัยรุ่นในหมู่บ้านที่ถัดจากไร่ไป ได้ขอรูปผมกับออโต้ไปลงในเพจหมู่บ้าน ปร
แต่แล้วคนที่พูดกลับกลายเป็นน้าชายซะงั้น“น้าคิดว่าน้าไม่โอเค หากออโต้จะชอบผู้ชาย...คนอื่นนะ” น้าชายตัดจบง่าย ๆ“สำหรับน้า ก็คงเหมือนกับน้าชาย แต่น้ามีข้อแม้นะ เดี๋ยวจะบอกให้ ขอฟังความเห็นของเพื่อนบ้านก่อน” น้าหลินขยิบตามาให้ลูกชายตัวเอง ผมรับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องดีแหละผมหันไปมองพ่อแม่ของผมเอง นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจหมับ!!ผมสะดุ้งจนแม้แต่เจ้ดาวเรืองหันต้องหันมามองออโต้คว้ามือผมมาจับไว้ผมมองหน้าออโต้ เขานิ่งมาก กลายเป็นผมซะเองที่เสียอาการ“ออโต้ น้าถามหน่อย คิดยังไงกับเจ้าทานตะวันลูกของน้า” พ่อมงคลของผมเอาแล้วไงครับ สไตล์การถามที่ลูกได้รับการถ่ายทอดมาอย่างเต็ม ๆ นี่แหละพ่อมงคล ไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็ตรง ๆ แบบนี้เลยออโต้กำมือผมแน่นขึ้น เออ! ลืมไปเลยว่าเรานั่งจับมือกันอยู่ ฉิบ... ชักมือออกตอนนี้คงไม่ดีแน่ ปล่อยไว้ก่อน“ผม... ผมชอบทานตะวันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ”“...”เงียบ“กรี๊ดดดดด อุ๊บ อุ๊บ หนูบอกแล้ว” เจ้ดาวเรืองเผลอกรี๊ด
“อะ ไก่ทอด” ออโต้ตักน่องไก่ให้ผม“ตักเองได้น่า” ผมตักได้เองจริง ๆ“แหมแก เขาตักให้ก็ขอบคุณสิคะ ไม่น่ารักเลย” เจ้ดาวเรืองกลับไปเข้าข้างออโต้ซะงั้น“เออ ขอบคุณนะ” ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย ทุกทีกินข้าวด้วยกันก็ไม่เห็นจะตักให้ มาวันนี้เกิดอยากสำแดงอะไรต่อหน้าพ่อแม่กันล่ะครับ“คนงานเป็นไงบ้างตอนนี้” ฝ่ายผู้ใหญ่เริ่มเปิดประเด็นแล้ว นั่นคือพ่อผมเอง“ก็เรียกมาคุยทั้งไร่เรียบร้อย ตะวันกับออโต้ก็อยู่ด้วยนะ” น้าชายตอบ“เฮ้อ อย่างว่า ลูกน้องเขาก็คงรักพวกนายมาก ๆ ไม่งั้นจะทำอย่างนี้เหรอ ใช่ไหม?” พ่อมงคลอของผมให้ความเห็น ข้อดีของพ่อก็คือเขามักจะคิดบวกเสมอ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถ้าคิดบวกมันก็คือดี แต่ที่แย่คือใจดำไปหน่อยปล่อยให้ผมรอกลางฝนแบบนั้น“แล้วตายิ้มที่ป้อมหน้าล่ะ” แม่เฟื่องฟ้าถามถึงที่ไม่ยอมปล่อยให้ผมเข้ามาในไร่“อือม จริงสิ เงียบไปเลยหลังจากเรียกประชุม ตอนนั้นแกก็ดูจะหลบ ๆ หน้าอยู่” น้าสมชายบอกกับแม่เฟื่องฟ้า“อย่าไปทำอะไรเขาล่ะ” พ่อผมพูดติดตลก“ก็คงไม่หรอก เพราะตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าลู
คนงานในไร่จินตราทยอยเดินเข้ามาในห้องโถงกลางบ้านที่ตอนนี้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้รอรับ แต่ละคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไร บางคนก็มีท่าทีวิตกอย่างเห็นได้ชัดสมชายผู้เป็นใหญ่ที่สุดในไร่ออกมานั่งที่เก้าอี้รับแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีหลินผู้เป็นภรรยานั่งอยู่ข้าง ๆ และเมื่อออโต้ลงมาจากชั้นบนพร้อมทานตะวันและดาวเรือง บรรดาคนงานยิ่งมีอาการวิตกกังวลกันมากขึ้น ต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาที่เย็นเยือกของสมชายอย่างเห็นได้ชัดเจน“นั่งตรงนี้ลูก” หลินหันไปบอกทั้ง 3 คนให้นั่งตรงชุดโซฟาที่ถัดออกไปสมชายลุกขึ้นยืน คนงานพากันเงียบลงในทันที“มากันครบแล้วใช่ไหม ยิ้มมารึยัง”“มะ มาแล้วครับ” ตายิ้มที่นั่งอยู่ด้านหลังยกมือขึ้น“ดี”สมชายกวาดตามองคนงานเรียงจากซ้ายไปขวา ส่วนมากจะนั่งก้มหน้ากันมากกว่า เหมือนรู้ว่าสิ่งที่สมชายจะพูดต่อจากนี้คืออะไร“พี่ไม่รู้นะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ไร่ของเราไม่เคยมีมาก่อน” สมชายหยุดหายใจ“ไร่ของเรากับไร่กรุ
+++++ตะวันกลับออกมาด้วยเสื้อผ้าของผม“น่ารักว่ะ”“อะไร!?” ตะวันทำหน้าตื่นเมื่อผมชมว่าน่ารักแต่ตะวันก็คือตะวัน เขาเปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นตัวเองอย่างเร็ว“เรามารอเพื่อเอาหลักฐานมาให้ดูว่าบ้านเราบริสุทธิ์”ตะวันพยายามยื่นมือถือมาให้ผม“เชื่อแล้ว...” ผมตอบ“อะไร ทำไมเชื่อง่าย ๆ ทีก่อนหน้านี้ ไม่ยอมเจอเลย ปิดบ้านหนีอีกต่างหาก” ตะวันก็ยังคงเป็นตะวัน เขาเริ่มเปลี่ยนเป็นโวยวายจนผมต้องรีบยกมือห้าม“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ไหนหลักฐานที่อยากให้ฟัง เปิดให้ฟังสิ” ผมรีบห้ามก่อนที่ตะวันจะโวยวายไปมากกว่านี้ตะวันยอมสงบ เขากดเปิดเสียงให้ผมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ“เชื่อตะวันแล้วใช่ไหม”“ก็ไม่เคยไม่เชื่อนะ” ผมตอบจากใจ“เอ้าแล้วทำไมปิดเครื่องหนี ติดต่ออะไรไม่ได้ ปิดประตูทุกช่องทาง” ตะวันกลับมาเริ่มโวยวายอีกจนผมต้องใช้ไม้ตายหมับ!ผมกอดตะวันไว้แน่น ตะวันเริ่มหายใจราบเรียบขึ้น ผมสัมผัสได้ว่าหัวใจของตะวันเต้นแรงและเร็ว ซึ่งไม่ต่างจากผมในตอนนี้ที่&