แดดอ่อนทอแสงแรกผ่านม่านเขาสูง ส่งกระทบหยาดน้ำค้างที่พร่างพราวบนยอดหญ้า ความชุ่มชื้นจากพื้นที่อุ้มน้ำฝนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เริ่มคลายตัวออกเนื่องจากแสงแดดที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาสัตว์ตามธรรมชาติน้อยใหญ่ ต่างดำรงชีวิตกันไปตาม วัฏจักรแห่งชีวิตบนพื้นที่ไร่ทั้งสองนี้
บ้านไร่จินตราและไร่กรุณาธรเป็นไร่ผลไม้ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มกลางหุบเขา ไร่ทั้งสองนี้มีลักษณะที่คล้ายกัน กล่าวคือ มีภูเขายืนตระหง่านอยู่ด้านหลัง มีลำธารเล็ก ๆ จากทิวเขาด้านหลังไหลผ่าน ลำธารแห่งนี้มีสายน้ำไหลไม่เคยขาดแม้ว่าจะเป็นฤดูแล้งก็ตาม
ในอดีตไร่ทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง เกิดจากเพื่อนรักสองเกลอ ที่เข้ามาบุกเบิกทำไร่ผลไม้ โดยเลือกที่จะปลูกให้เหมาะสมตามสภาพอากาศที่เป็นอยู่ และได้ขยายพื้นที่ออกไปจนสุดเชิงเขาทั้งสองด้าน สุดลูกหูลูกตาเป็นคำกล่าวของชาวบ้านในหมู่บ้านเล็ก ๆ เชิงเขาด้านหลังที่อยู่ถัดจากไร่ทั้งสองไปไม่ไกลนัก
เพื่อนรักทั้งสองต่างมีครอบครัว ดำเนินการของตนเองให้อยู่รอดมาจนถึงรุ่นลูก และกำลังจะส่งต่อให้กับรุ่นหลานของพวกเขา
หลังจากเจเนอเรชันคุณปู่คุณตาผู้บุกเบิกผ่านพ้นไป เจเนอเรชันต่อมา ก็รับช่วงต่ออย่างสมศักดิ์ศรี ไร่ทั้งสองต่างถูกพัฒนา ทั้งสายพันธุ์พืชที่ให้ผลดกงาม เทคโนโลยีการดูแลดิน ลดการใช้สารเคมีในดิน และบางส่วนก็ไม่ใช้สารเคมีเลย
เจ้าของไร่ทั้งสองครอบครัวต่างไปมาหาสู่กันเป็นประจำ สืบเนื่องกันมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิก แบ่งปันความรู้ใหม่ ๆ ช่วยเหลือกันยามเกิดเหตุวิกฤตให้ผ่านพ้นอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน
‘หลิน’ นายหญิงของบ้านไร่จินตรา เธอสนิทสนมกับ ‘เฟื่องฟ้า’ นายหญิงของไร่กรุณาธรมาตั้งแต่แต่งงานเข้าเป็นสะใภ้ในบ้านไร่ จินตรา เธอเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรที่มาประจำอยู่ในจังหวัด มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน
ไม่นาน เจเนอเรชันต่อมาก็เกิดขึ้น โดยทางไร่กรุณาธรได้ลูกสาวก่อน เฟื่องฟ้าให้ชื่อลูกของเธอว่า ‘ดาวเรือง’ เป็นการพ้องกับเธอที่ชื่อเป็นดอกไม้ จนผ่านไปอีกไม่กี่ปี ไร่ทั้งสองก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นอีก ไร่กรุณาธร ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ‘ทานตะวัน’ ชื่อพ้องกับผู้เป็นแม่อีกเช่นเคย ส่วนบ้านไร่จินตรา ได้ลูกชายคนแรก ‘คชา’ หรือชื่อเล่น ‘ออโต้’ เป็นที่ยินดีของทั้งสองบ้านไร่ในเวลานั้น
เกือบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หากไม่มีธุระปะปังที่ใดทั้งสองบ้านมักจะผลัดกันมาเยี่ยมเยือน เพื่ือให้เด็ก ๆ ทั้งสองบ้านได้มาเล่นด้วยกัน ซึ่งต่อมาพบว่าลูกสาวของไร่กรุณาธรมีความเป็นผู้นำสูงสุดนั่น อาจจะเพราะเธอเป็นพี่สาวคนโตจึงมักบงการน้องทั้งสอง ให้ไปทำโน่นทำนี่ต้องอย่างนั้นอย่างนี้จนเด็กทั้งสองลงความเห็นกันว่าจะเรียกดาวเรืองว่า‘เจ้’ซึ่งดาวเรืองดูชอบกับฉายานี้ไม่น้อย
ดาวเรืองผู้เป็นพี่ใหญ่ มักจะพาน้องทั้งสองไปเล่นที่ท้ายไร่กรุณาธร เนื่องจากที่ท้ายไร่มีแก่งและหาดทรายขนาดเล็ก สามารถนั่งเล่นน้ำได้ หากเป็นฤดูฝน ก็จะเปลี่ยนที่นั่งเล่นไปเป็นแถบโรงเก็บเมล็ดพันธุ์ เพราะในฤดูฝนน้ำจากลำธารจะมีมากกว่าฤดูอื่นอาจเกิดน้ำป่าไหล หลากมาจนเป็นอันตรายได้
ลำธารดังกล่าวนี้ไหลทอดต่อไปที่ท้ายบ้านไร่จินตราแต่ไม่มีหาดให้ เล่นน้ำได้เหมือนไร่กรุณาธร
พอเริ่มเข้าเรียน
ดาวเรืองต้องเข้าเรียนก่อนทานตะวันผู้เป็นน้องและเพื่อนบ้านออโต้ เมื่อน้องทั้งสองเข้าเรียนตามหลังมา เธอจึงกลายเป็นติวเตอร์น้อย ๆ ให้กับน้องทั้งสองไปโดยปริยาย
ออโต้ลูกชายของบ้านไร่จินตรา มีอายุมากกว่าทานตะวัน น้องชายของเธอเพียงไม่กี่เดือนเรียกว่าอายุรุ่นเดียวกันเลยก็ว่าได้ แต่ความแตกต่างของทั้งสองคนนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ แต่เพราะความที่ยังเป็นเด็ก จึงได้แต่เพียงแค่มองเวลาได้เห็นน้องสองคนง่องแง่งกัน เธอก็สุขใจอย่างประหลาด
ด้วยความรู้สึกแบบนี้เธอจึงยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอเป็นมันคืออาการของ ‘สาววาย’ สาวที่ชอบเห็นผู้ชายชอบกัน รักกัน ซึ่งกว่าเธอจะเข้าใจก็เริ่มเข้าสู่สังคมวัยรุ่นแล้ว
ออโต้ มักวิ่งเล่นกับทานตะวันและลูกของคนงาน 2-3 คนเสมอ โดยเฉพาะการเล่น‘ผจญภัย’การเดินไปเล่นในไร่หรือไปเล่นน้ำที่ ลำธาร จะต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ใหญ่ก่อนในช่วงแรก แต่ต่อมา พอเริ่มโตขึ้น บรรดาพ่อแม่ก็อนุญาตให้เด็ก ๆ ไปเล่นกันไกล ๆ ได้ แต่ได้มีกำชับให้คนงานคอยสอดส่องดูแลอยู่ห่าง ๆ
เด็กชายทั้งสองถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลในตัวอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไร่มากนักทั้งคู่ไป - กลับบ้านด้วยกันโดยรถรับส่งของโรงเรียน มีเพียงแค่เวลาเรียนที่พวกเขาจะเรียนคนละห้องกันเท่านั้น เมื่อขึ้นชั้นประถมทั้งสอง ยังคงอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่ได้เรียนห้องเดียวกันอีกเช่นเคย สาเหตุเป็นเพราะทานตะวันค่อนข้างมีผลการเรียนที่ดีกว่าออโต้ โดยเฉพาะวิชาคำนวณเมื่อกลับบ้านทั้งสองผลัดกันสอนการบ้านโดยไม่ต้องให้ดาวเรืองมา สอนอีก ออโต้มักจะขอความช่วยเหลือหากทำการบ้านวิชาคณิต ศาสตร์ไม่ได้ในขณะเดียวกันออโต้จะช่วยทานตะวันทำงานประดิษฐ์ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้ฝีมือ จนกระทั่งจบชั้นประถม ความเปลี่ยนแปลงจึงเริ่มเกิดขึ้น “ตะวัน แม่เราบอกว่าตะวันจะไปเรียนกรุงเทพฯ เหรอ” ออโต้ถามทานตะวันขณะที่กำลังเดินเล่นในไร่องุ่นของบ้านไร่จินตรา ทานตะวันชะงัก เขาหันมามองหน้าออโต้“อืม ใช่ พ่อกับแม่ตะวันจะให้ไปเรียนที่กรุงเทพฯ ”“แล้วไปนานไหม” ออโต้ถามด้วยความอยากรู้ ในความคิดของเขา ทานตะวันคงไปเรียนแค่ช่วงเปิดเทอม พอปิดเทอมก็คงกลับมา แต่“พ่อบอกว่าจะให้ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ จนกว่าจะเรียนจบ แล้วค่อยว่ากันอีกที”ทานตะวันบ
Part ทานตะวัน11 ปีผ่านไป[ฮาโหล เจ้][ใครเจ้แก ฉันไม่ได้มีเชื้อจีน ต้องเรียกฉันว่าพี่สิยะ][เอาน่า ติดปากแล้ว ขอนะ]ผมมักเรียกพี่ดาวเรืองว่า ‘เจ้’ จนติดปาก ถึงแม้ว่าตัวจริงของนางจะโคตรแมนก็ตามที สวัสดีครับ ผมชื่อทานตะวัน จะเรียกว่าตะวันเฉย ๆ ก็ได้ครับ ผมเพิ่งพบกับพ่อแม่และเจ้ดาวเรืองล่าสุดเมื่อ 5 วันก่อน ที่จริงมันเป็นวันที่พิเศษสุดของผมวันหนึ่งวันอะไรเหรอ?วันรับพระราชทานปริญญาบัตรไงครับ ผมเรียนจบปริญญาตรีเรียบร้อยแล้ว ตามที่ได้คุยกับทางบ้านไว้ว่า เมื่อเรียบจบผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแต่ที่วันนี้ยังเอ้อระเหยโทรศัพท์คุยกับเจ้ดาวเรืองอยู่นี่ ก็เพราะเพื่อน ๆ ที่คณะขอให้อยู่ต่ออย่าเพิ่งกลับ ผมจึงขอพ่ออยู่ต่ออีก 5 วันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะครับ บ้านที่กรุงเทพฯ ผมก็ยังไป ๆ มา ๆ ได้อยู่ คุณลุงใจดีกับผมมาก ท่านรักผมเหมือนลูก เพราะลุงไม่มีลูกเนอะผมอยู่ที่กรุงเทพฯ กับลุงตั้งแต่เริ่มชั้นมัธยมต้น ในทีแรกก็มีเหงาบ้าง แต่ลุงมักชวนผมทำกิจกรรมมากมายทั้งที่ชอบและไม่ชอบ จนเราสนิทกัน คุณน้าหลินก็ใจดีมากจนแทบจะเป็นแม่ผมอีกคนแล้วหลังจากร่ำลากับเพื่อนในคณะ และบอกพวกมันว่าสามารถแวะไปเที่ยวท
“ไม่มีใครอยู่ แกไม่เช็คก่อนมานี่ ย่าไปทอดผ้าป่ากะพวกญาติ ๆ ไม่มีใครอยู่หรอก”ผมได้ยินดังนั้นก็หน้าเหวอ จริงอย่างที่เจ้บอก ผมไม่ได้คอนเฟิร์มว่าจะเข้าไปนอนที่บ้านย่า เลยไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแผนกันไปทอดผ้าป่าเป็นที่เรียบร้อย นี่ถ้าเจ้ดาวเรืองไม่ออกมารอรับ ผมคงต้องหาโรงแรมแถวนี้พักก่อนแน่ ๆ“เออ ขอบคุณเจ้ งั้นก็กลับบ้านเลย”“ก็ต้องงั้น”เจ้ดาวเรืองช่วยผมลากกระเป๋าไปใส่ท้ายรถเอสยูวีคันสูงที่จอดอยู่ไกลออกไปจากชานชาลารถ เวลานี้ พอมองไปรอบ ๆ ก็แอบวังเวงอยู่ไม่น้อย ผู้คนต่างพากันหายไปไหนหมดแล้ว เมื่อสักครู่ตอนลงจากรถยังเดินกันเต็มไปหมด“หิวไหม เอ้าน้ำเปล่า วางอยู่ในช่องด้านข้าง ประทังไปก่อน เดี๋ยวถึงบ้านค่อยว่ากัน” พี่สาวของผมรอบคอบเสมอ เธอส่งขวดน้ำขนาด ห้าร้อยมิลฯ มาให้ ผมคว้าโดยไม่รีรอ เปิดฝาได้ก็กระดก อึก อึก“เบาแก เดี๋ยวสำลักตาย”“หิวอ่ะ ขอบใจเจ้ว่ะ”ผมปิดฝาแล้วหันไปยิ้มหล่อให้หนึ่งที เจ้ส่ายหน้าก่อนออกรถมุ่งหน้าสู่ไร่กรุณาธร ไร่อันเป็นบ้านเกิดของผม ไร่ที่มีพ่อกับแม่รอผมอยู่ใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที รถของเจ้ก็เลี้ยวเข้าสู่ไร่กรุณาธร ผมชะเง้อมองดูความเปลี่ยนแปลงสิบเอ็ดปีที่ผมไปจากที่นี่ ตอ
ก๊อก ก๊อก“แก! ตื่นได้แล้ว เสียงไก่ของไร่เรามันไม่ดังพอใช่ไม๊” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ประตูห้องผมแหม ผมเพิ่งจะกลับมา ขอพักสักวันสองวันไม่ได้รึไง อีกอย่างวันนี้ก็คิดว่าจะขอยืมรถเข้าเมืองไปดูอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาติดตั้งในบ้าน รวมถึงสำรวจร้านคอมพิวเตอร์ในตัวอำเภอว่าพอจะดิวไว้เป็นเพื่อนเป็นซัพพลายให้ได้ไหม ซึ่งร้านเหล่านี้ไม่ได้เปิดเช้าซะหน่อย“ตื่นแล้วจ้า เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะรีบลงไปนะที่รัก”ผมตะโกนกลับพร้อมดีดตัวเองจากเตียงที่แสนนุ่มสบาย อากาศยามเช้าที่นี่ค่อนข้างเย็น เครื่องปรับอากาศที่เมื่อคืนช่วยคลายร้อน ตอนนี้กลับร้อนกว่าอากาศข้างนอก ปิดเพื่อประหยัดไฟ เป็นทางเลือกที่ดีผมปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดม่าน ยกหน้าต่างขึ้นด้านบน“สดชื่นสุด ๆ ฮิ้วว” ผมโห่ร้องเมื่ออากาศแรกของภายนอกสัมผัสถูกหน้าของตัวเองความชุ่มชื่น อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย หายใจทั่วท้อง เป็นเอกลักษณ์ที่ไร่ของผมรวมถึงหมู่บ้านแถบนี้มีไว้ให้ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการผมรีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุดลำลองก่อนจะลงมาที่ห้องครัว“สวัสดีครับพ่อแม่” ผมยกมือไหว้เมื่อเจอท่านทั้งสองที่กำลังดำเนินกิจกรรมประจำวันของตัวท่านเองอยู่พ่อที่อยู่ในชุดเตรียมลงไ
“ไม่ไปได้ไหมเจ้” ผมอุทธรณ์“ไม่ได้ ฉันรับปากไปแล้ว” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ผมแม่มองเจ้ดาวเรืองอย่างตำหนิ“ทำไมไม่ถามน้องก่อน”“แหมแม่ ก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว หายไปแค่สิบกว่าปี ไม่น่าจะมีผลนี่นา ทีเมื่อก่อน วิ่งเข้าไปถึงห้องนอนน้าสมชายก็ทำมาแล้วนี่แก”ประโยคหลัง ทำให้พ่อแม่หันมามองผมเป็นตาเดียว คือเอาจริงนะครับ เรื่องนี้มันก็นานมาแล้วตั้งแต่เด็ก เอามาเผาทำไมนี่เจ้“ลูกไปเล่นถึงในห้องนอนเขาเลยเหรอ” แม่เฟื่องฟ้าของผมเริ่มไม่สบอารมณ์“คุณ เด็ก ๆ มันเล่นกันใช่ไหม?” พ่อมงคลของผม เห็นนิ่ง ๆ แบบนี้ ช่วยผมตลอดแหละครับผมทำหน้าแหย มันเป็นเรื่องเก่ามาก ๆ จนผมเองยังแทบจะจำได้ไม่ได้ เจ้ดาวเรืองนี่“โอเคครับ ผมไปก็ได้ เย็นนี้นะ” ผมตัดบท เพราะดูท่าแม่ผมจะเริ่มไม่ชอบใจเท่าไร แม่เป็นคนที่ไม่ชอบให้คนในบ้านไปยุ่มย่ามอะไรในที่ของคนอื่น ไปเล่นไปคุยไปกินข้าวได้ แต่การเข้าไปถึงห้องนอน แม่ไม่ชอบครับแพลนของที่วางไว้หลังจากกลับมาบ้านคืออยากเข้าเมืองไปเซอร์เวย์ร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไป จนถึงร้านแบรนด์ดัง ซึ่งแพลนนั้นคือวันนี้นี่แหละผมไปขอยืมกุญแจรถของพ่อ ซึ่งพ่อบอกว่าให้ไปขอแม่ เพราะ แม่เป็นผู้ดูแลรถทั้งหมด ผมยังไม่อยากข
ยามเย็นอีก 15 นาทีจะ 4 โมงเย็น แสงแดดสีเหลืองเกือบแดง สาดส่องรอดช่องหน้าต่างห้องผมเข้ามา ตอนนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อย เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ตามสภาพอากาศที่ยังร้อน และร้อนอยู่อย่างนี้ก๊อก ก๊อก“เปิดมาเลยครับ” ผมตะโกนบอกเจ้ดาวเรืองเดินเข้ามาในชุดที่ดูไม่เหมือนชาวไร่เท่าไร นี่มันชุดอะไรวะ? นายพราน หรือทหารพราน! เสื้อยืดพับแขน กับกางเกงลายพราง“เจ้จะไปออกหน่วยพิทักษ์ป่าเหรอ” ผมถามติดตลก กลั้นขำไว้แทบไม่อยู่เมื่อมองสภาพโดยรวมอีกครั้ง“อะไรแก นี่แหละชุดประจำชาติของฉัน”เจ้แกพูดพร้อมก้มมองชุดของตัวเองสลับซ้ายขวาไปมาด้วยความภาคภูมิใจ“ถามจริง เจ้เป็นทอมรึเปล่าเนี่ยะ ใส่แต่ละชุด ไม่ออกพิทักษ์ป่า ก็เหมือนทหารพรานออกลาดตระเวน” ผมว่าตามที่เห็น ชุดเมื่อคืนที่ขับรถมารับผม เหมือนทหารหญิงครึ่งท่อน กางเกงลายพราง เสื้อสีดำ มาวันนี้เสื้อสีเขียวพับแขนซะสูง ยัดเสื้อในกางเกงลายพรางสีเขียวอีก“เข้าประเด็นดีมากแก” เจ้ดีดนิ้ว แล้วกระโดดไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงผม“เจ้ว่า เจ้ไม่ใช่ทอม ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงนะยะ”ผมพยักหน้าหงึก ๆ ประมาณว่า ‘เชื่อก็ได้’“เอาเป็นหญิงห้าวก่อนก็แล้วกันเจ้”ผมพยายามเดาว่าเจ้ห้าว มากกว่าเป็น
เจ้ดาวเรือง ขับรถพาผมเลี้ยวเข้ามาที่หน้าประตูบ้านไร่จินตรา ผมจำได้ว่าเมื่อสมัยเด็ก เราไม่ต้องอ้อมมาเข้าทางหน้าประตูแบบนี้ เราใช้วิธีลอดรั้วลวดหนามไปมาระหว่างกัน ซึ่งใช้เฉพาะพวกเด็ก ๆ อย่างผม ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็คงต้องเข้าตามเส้นทางที่เขาเข้ากันแหละเนอะ“เจ้ ไอ้ที่เราเคยมุดข้ามไปมา มันยังอยู่ไหม?” หลังจากนึกถึงวันเก่า ที่บังเอิญไปนึกถึงทางพิเศษที่สมัยเด็กเคยใช้เดินทางระหว่างไร่ ตอนนี้ไม่รู้มันเป็นยังไง“ตอนนี้ก่อรั้วเป็นอิฐสูงเท่าเอวยาวไปจนสุดเขตแล้วล่ะ” เจ้อธิบายขณะที่ผ่านประตูหน้าของไร่จินตราเข้าไป“มีปัญหากันเหรอ” ผมถามเพราะปกติไม่เคยเห็นต้องกั้นรั้วถาวรกันตั้งแต่แรก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามันจะเกิดปัญหาอะไร ยิ่งในขณะนี้ ผมกับเจ้กำลังจะไปร่วมกินอาหารเย็นกับพวกเขา“เปล่านะ มันกลายเป็นประตูต่างหาก”“อ้าว”ผมเหวอ แล้วทำไมต้องขับรถมาทางนี้ด้วยล่ะ เดินผ่านทางนั้น เดินชิว ๆ เลยนะ ผมไม่เข้าใจเจ้ดาวเรืองของผมจริง ๆ“เออน่า รอบหน้าค่อยเดินผ่านประตูด้านข้างก็แล้วกัน ไปเหอะ” เจ้ตัดบทเอาดื้อ ๆ เปิดประตูแล้วเดินลงไปรอผมที่
อาหารมื้อค่ำ ณ บ้านไร่จินตรา เป็นไปค่อนข้างดี น้าชายกับน้าหลินดูแลผมดี ส่วนออโต้ ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เขาพูดเรื่องอะไรมา ผมก็เออออไป เอาจริงนะ ผมจำหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาได้เลือนราง จนแอบเห็นเขาทำหน้ามึนกับเจ้ดาวเรือง“มันนานมาแล้วน่ะ” ผมใช้ประโยคนี้หลายรอบอยู่นอกนั้น เป็นน้าชายบ้าง น้าหลินบ้าง สลับกันถามผมไปมา เรื่องที่ถามเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป เรื่องอนาคตในไร่ (แอบจริงจัง) และตำหนิผมกับเจ้ดาวเรืองที่ไม่ยอมบอกเรื่องรับพระราชทานปริญญาบัตร“ขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ให้พ่อแม่บอกใครเอง มันเล็กน้อยครับ เรื่องใหญ่กว่าคือผมต้องกลับมาแล้วพัฒนาให้อะไร ๆ มันไปต่อได้ทันโลกครับ”คำพูดของผมทำให้น้าสมชายยิ้มร่า ขณะที่น้าหลินหันไปมองลูกชายสุดหล่อของตัวเองเป็นระยะ ๆ“ออโต้เรียนจบเกษตรที่นี่ หนูทานตะวัน ถ้ามีอะไรให้พวกน้าหลินช่วยบอกได้เลยนะ เราเหมือนญาติกัน ใช่ไหมดาวเรือง”ประโยคทิ้งท้ายของน้าหลิน ฟังแล้วแปลก แต่ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจ ส่วนเจ้ดาวเรืองของผมเหรอครับ รายนั้นอร่อยจัด มูมมาม ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี นี่ถ้าเจ้แกอ้วนนะ ผมจะเรียกว
Part ทานตะวันผมจ้องมองหน้าจอจนแน่ใจว่าไฟล์เสียงที่เจ้ดาวแชร์มาให้ มันเป็นคลิปจากเครื่องของเจ้เองและจากเครื่องของพี่อัค ตอนนี้ส่งมาครบถ้วนแล้วขณะนั้นเองท้องฟ้าเมฆดำอิ่มตัว เริ่มร้องคำราม ฝนน่าจะตกหนักในไม่ช้า ผมเห็นเจ้ดาวกับพวกพากันวิ่งออกไปเก็บลังผลไม้หน้าร้านเพื่อไม่ให้ถูกฝนเข้ามาในร้าน ผมจึงคิดได้ว่าถ้ารีบไปหาออโต้แล้วทำความเข้าใจกับเขาโดยให้ฟังคลิปเสียงนี้ เขาน่าจะเข้าใจผมมากขึ้นรออะไรล่ะ ไปสิครับ ก่อนที่ฝนจะลง ผมเดินออกทางหลังร้านลัดไปยังลานจอดรถเพื่อขับรถไปไร่กรุณาธร ซึ่งผมก็คงต้องจอดอยู่แค่หน้าไร่นั่นแหละ ตายิ้มแกคงไม่ยอมให้ผมเข้าไปอยู่ แต่เรื่องแบบนี้มันก็ต้องเสี่ยงใช่ไหมผมเงยหน้ามองท้องฟ้าเมื่อลงจากรถ ฝนใกล้จะตกเต็มแก่แล้ว แต่มันยังไม่เท่ากับความต้องการพิสูจน์ให้ออโต้ได้รู้ว่าบ้านผมบริสุทธิ์ใจจริงผมเดินไปที่ป้อมหน้าของบ้านไร่กรุณาธร เห็นตายิ้มยืนมองอยู่ก็รู้แล้วว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น“ตายิ้ม ผมมาหาออโต้”“คุณกลับไปเถอะครับ” ตายิ้มพูดอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นชั่วโมงกว่า ๆ อัคก็เดินทางมาถึงไร่ ดาวสั่งให้ป้อมหน้าเปิดรอรับประดุจแขกวีไอพี. เดินทางมาเที่ยวชมไร่เลยค่ะ แต่เปล่านะคะ ที่จริงเตรียมการสอบสวนอย่างเข้มงวดไว้รอต่างหาก“เข้ามาก่อนตรงนี้เลยครับ” ทานตะวันเชื้อเชิญเพื่อนของดาวเข้าบ้านอย่างเสแสร้ง แต่พอให้หลังอัค ทานตะวันก็กดล็อกประตูหน้าบ้านทันที น้องฉันไม่ธรรมดาเหมือนกันส่วนดาวในตอนนี้ได้เตรียมภาพเอกสารหลักฐานและหันกล้องวงจรปิดที่อัดเสียงได้มาเตรียมรอ รู้ค่ะว่ามันผิดกฎหมาย แต่ทำยังไงได้คะ จะจับผู้ร้ายมันก็ต้องเก็บหลักฐานสิคะอัคนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางกระตือรือร้น มองซ้ายมองขวากวาดตา มองไปรอบห้อง“นายมองหาอะไรอัค” ดาวถามเพื่อนเสียงต่ำ เวลานี้บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึมครึมขึ้นมา แม่บ้านเดินมาเสิร์ฟน้ำด้วยท่าทีมึนตึงตึ๊ก...แม่บ้านวางแก้วกระแทกโต๊ะ อัคสะดุ้งเฮือก แต่กิริยากลับไม่มีใครต่อว่า ใครจะว่าล่ะค่ะ ทุกอย่าง...‘การละคร’ ค่ะทานตะวันเข้าไปนัดแนะให้พี่แม่บ้านทำมึนตึงออกไปเสิร์ฟน้ำ ซึ่งอาการของอัคทำใ
Part ดาวเรืองดาวรู้เรื่องที่น้าชายเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จากทานตะวัน จึงพยายามติดต่อกลับไปเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่า ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นน้าสมชายเอง น้าหลิน และออโต้ ไม่มีใครรับสายหรืออ่านข้อความ เดาว่าน่าจะยุ่งอยู่กับเรื่องอุบัติเหตุ จึงบอกกับทานตะวันว่ารุ่งขึ้นให้ลองติดต่ออีกทีรุ่งขึ้น แม่เฟื่องฟ้าบอกว่าติดต่อกับน้าหลินได้แล้ว น้าหลินบอกว่าน้าสมชายไม่เป็นอะไรมากขณะที่ดาวกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่เฟื่องฟ้า พ่อมงคลก็เข้ามาสมทบ แล้วบอกว่า ระหว่างพ่อแม่ กับน้าชายน้าหลิน เราเชื่อใจกัน แต่ก็คงต้องหาข้อมูลว่ามันเป็นการข่มขู่ หรืออุบัติเหตุจริง ๆ“คุณดาวเรือง พี่มีเรื่องจะรายงานและแจ้งข่าวครับ”พี่ไม้ ผู้ดูแลน้องรถถังของดาว โผล่หน้าเข้ามาด้วยความไม่แน่ใจว่าจะสะดวกรึเปล่า“เข้ามาสิพี่ น้องรถถังไปทำเรื่องอะไรอีกล่ะ” ดาวคิดว่าเป็นเรื่องของรถถัง แต่กลับไม่ใช่“ไม่ใช่รถถังครับ แต่เป็นเรื่องที่ตอนนี้กำลังเกิด เรื่องไร่ข้าง ๆ ครับ”
ผมเดินลงมาจากบ้านเพื่อจะไปดูรถของพ่อที่พี่ผันขับมาจอดไว้ที่หน้าบ้านแล้ว แต่กลับพบว่าตายิ้มกับพี่ผันยืนรอผมอยู่“รถเป็นไงบ้างพี่” ผมถามพี่ผัน“ผมขับรถกลับมาแล้ว รถเสียศูนย์ต้องไปตั้งศูนย์ใหม่ แล้วก็กันชนบุบนิดหน่อย ไฟแตกข้างซ้าย ที่เหลือไม่เป็นอะไรครับ”พี่ผันรายงาน“ส่วนอีกเรื่อง มีข่าวลือว่าที่คุณสมชายโดนรถปาดหน้า จะเป็นเพราะไม่ยอมขายที่รึเปล่า แบบว่าข่มขู่เหมือนในละครน่ะ” ตายิ้มที่นาน ๆ จะพูดที ร่ายยาวผมเอง ในตอนแรกไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้เลย กลับต้องมาฉุกคิดทันที เพราะพ่อสมชายอยู่มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเลย สักครั้งก็ไม่เคยมีแต่พอมีนายหน้ามาติดต่อจะซื้อที่ดิน แล้วพ่อไม่ยอมขาย หลังจากนั้นก็เกิดเรื่อง เวลามันคล้องจองมาก“แล้วยังไงต่อตายิ้ม” ผมเห็นว่าแกยังฮึดฮัดอยู่กับพี่ผัน เหมือนพี่ผันไม่อยากให้ตายิ้มพูดอะไรต่อ“มีอะไรว่ามาเลยตายิ้ม พี่ผัน ให้แกพูดเถอะ”ผมปรามพี่ผัน ทำให้พี่ผันจำยอม ถอยห่างออกจากตายิ้ม“คื
Part ออโต้ช่วงนี้งานเยอะครับ หลังจากที่พ่อตัดสินใจว่าเพิ่มกำลังการผลิตพืชไฮโดรโปนิกส์ให้มากขึ้น ทันต่อปริมาณการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นมาอย่างพรวดพราดอันเกิดจากการเปิดไร่เข้าสู่โลกออนไลน์เรื่องนี้ยกให้ทานตะวันเขาล่ะครับความสนิทของเราทั้งสองกลับมาได้ดีกว่าเดิมมาก นั่นอาจเป็นเพราะเราทั้งคู่โตขึ้นมาก รึเปล่า?แต่ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาไปเจอทานตะวันเท่าไร เวลาเขามา หากไม่ได้บอกไว้ก่อน ก็ต้องเข้าไร่ไปหาผมอีกที คุยอะไรก็ไม่ถนัดเพราะมันอยู่ในโรงปลูกไฮโดรโปนิกส์ มีคนงานหลายคน สำคัญคือมันร้อน ทานตะวันไม่ชอบสิ่งนี้ครับขณะที่ผมกำลังช่วยปรับสารเคมีสำหรับใช้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ผมเห็นพ่อนั่งพักร้อนอยู่ใต้ต้นไม้หน้าโรง จึงพักงานแล้วออกไปนั่งคุยด้วยพ่อเล่าให้ผมฟัง ว่ามีนายหน้าเข้ามาสอบถามว่าอยากขายที่ดินไหม ผมขมวดคิ้วทันที ส่วนพ่อ พอเห็นผมขมวดคิ้วก็หัวเราะเบา ๆ ออกมา“ปฏิเสธไปแล้วน่ะ เขาก็ไม่อะไรนะ แต่ถือว่ากล้าบ้าบิ่นมากที่ใช้ความเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารอ
Part ทานตะวันผมหลับไปตอนไหน จำไม่ได้จริง ๆ แต่พอตื่นขึ้นมา มันปวดหัวเหมือนคนดื่มเหล้ามาแบบสุดซอย ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว ใช่แล้ว วันนี้ผมมีธุระสำคัญอย่างหนึ่ง และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดหัวใช่แล้ว ผมต้องไปหาออโต้กิจวัตรยามเช้าประจำวันของผมหลังจากทำกิจส่วนตัวเสร็จ ก็ต่อด้วยอาหารเช้ากับพ่อแม่และพี่สาว ซึ่งบางวันพ่ออาจจะไม่ได้มาร่วมโต๊ะเพราะต้องเข้าไร่แต่เช้ามืด บางวันก็เหลือแต่ผมกับแม่ เจ้ดาวเรืองจะหายตามพ่อไปด้วยอีกคนวันนี้เจ้ดาวไปธุระกับพ่อในเมือง บ่าย ๆ คงกลับมา จึงเหลือแค่เพียงผมกับแม่ที่ร่วมโต๊ะอาหารกันมื้อนี้เป็นโจ๊กที่แม่บ้านทำเตรียมไว้ให้ บางวันมีปาท่องโก๋พ่วงท้ายมาด้วย ที่มาที่ไปของปาท่องโก๋นี้คือ แม่เฟื่องฟ้าฝากให้พี่คนงานที่มาทำงานเช้าซื้อเข้ามาจากตลาดในหมู่บ้านบางวันก็เป็นขนมครก ผมยังเคยคิดว่าจะชวนออโต้เข้าไปเดินเล่นที่ตลาดในหมู่บ้านบ้าง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่เคยได้ไปสักที ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ตื่นไม่ทัน ตลาดวายก่อน
Part ทานตะวันผมยังอยู่ในสภาพจมที่นอนหลังจากที่นั่งตัดคลิปวิดีโออยู่จนดึก ถึงแม้ว่าจะตัดได้ไม่ขั้นเทพเหมือนคนอื่น แต่ก็ถือว่าพอใช้งานได้ก็แล้วกันวันอาทิตย์แบบนี้ ผมไม่อยากตื่นเท่าไร อยากจมอยู่บนที่นอนแบบนี้อีกสักหน่อย แต่ทว่า“แก ตื่นได้แล้ว” เสียงเกือบตะโกนจากหน้าประตูห้องผมดังขึ้นผมพยายามไม่ตอบ แต่ทำไม่ได้น่ะสิ“ตื่นแล้ว โอ๊ย นี่วันอาทิตย์นะ” ผมโวยกลับ“หัดตื่นมาใส่บาตรกับที่บ้านบ้าง”ผมนึกถึงการใส่บาตร จริงสินะ ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน ยังไม่เคยตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อใส่บาตรไหว้พระอะไรเลยเอาจริง แม่เคยถามผมเรื่องบวชพระ แต่ผมยังไม่ได้ตอบอะไร ไม่มีแพลนอะไรเกี่ยวกับการบวช รู้แหละครับว่าพวกเขาอยากให้บวชเพราะอะไร แต่ผมอยากถามว่ามันจำเป็นด้วยเหรอ กฎหมายกำหนดรึเปล่า ไม่นะ แต่คงเป็นไปตามจารีตประเพณีที่ว่า บ้านไหนมีลูกชาย ก็อยากจะให้บวชเผื่อเกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์รอก่อนนะ ผมยังไม่คิดผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนัง แม่เจ้า
เช้าวันเสาร์ท้ายสัปดาห์ที่แสนวุ่นวายของอัค หลังจากที่เขาตัดสินใจว่าจะเดินทางเข้าไปที่บ้านไร่จินตรา ครั้งนี้เขากะว่าหลังจากไปขอพบเจ้าของบ้านไร่จินตราแล้ว ค่อยแวะหาเพื่อนของเขาตอนจะกลับอีกทีชายหนุ่มแต่งตัวในชุดสุภาพตามสไตล์ของเขา ไม่มีการนัดล่วงหน้าใด ๆ กับเจ้าของไร่ ดูบ้าบิ่นที่สุด ในทีแรกเขาเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามและรวดเร็วแบบนี้‘เงินจำนวนมหาศาลรอเขาอยู่’อัคเป็นพนักงานธนาคารสายสินเชื่อที่มีความรอบรู้ในเนื้องานการปล่อยสินเชื่อมากพอประมาณ แต่อาชีพการเป็นนายหน้า ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขามาก การนั่งอยู่กับโต๊ะหรือออกตลาดเพื่อหาลูกค้ามาขอสินเชื่อ ทำได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก หากเข้าถึงความจำเป็นการใช้เงินของลูกค้า กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชวนให้น่าสนใจขณะที่อาชีพการเป็นนายหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายหน้าในเรื่องใดก็ตาม แก่นของมันคือ ‘จับแพะชนแกะ’ หาคู่ให้ลงตัว เมื่อความต้องการมาตรงกัน ค่าตอบแทนที่ได้จากฝ่ายที่ขอให้จัดหา มันค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจ เพียงเ
เช้าวันเสาร์ท้ายสัปดาห์ที่แสนวุ่นวายของอัค หลังจากที่เขาตัดสินใจว่าจะเดินทางเข้าไปที่บ้านไร่จินตรา ครั้งนี้เขากะว่าหลังจากไปขอพบเจ้าของบ้านไร่จินตราแล้ว ค่อยแวะหาเพื่อนของเขาตอนจะกลับอีกทีชายหนุ่มแต่งตัวในชุดสุภาพตามสไตล์ของเขา ไม่มีการนัดล่วงหน้าใด ๆ กับเจ้าของไร่ ดูบ้าบิ่นที่สุด ในทีแรกเขาเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามและรวดเร็วแบบนี้‘เงินจำนวนมหาศาลรอเขาอยู่’อัคเป็นพนักงานธนาคารสายสินเชื่อที่มีความรอบรู้ในเนื้องานการปล่อยสินเชื่อมากพอประมาณ แต่อาชีพการเป็นนายหน้า ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขามาก การนั่งอยู่กับโต๊ะหรือออกตลาดเพื่อหาลูกค้ามาขอสินเชื่อ ทำได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก หากเข้าถึงความจำเป็นการใช้เงินของลูกค้า กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชวนให้น่าสนใจขณะที่อาชีพการเป็นนายหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายหน้าในเรื่องใดก็ตาม แก่นของมันคือ ‘จับแพะชนแกะ’ หาคู่ให้ลงตัว เมื่อความต้องการมาตรงกัน ค่าตอบแทนที่ได้จากฝ่ายที่ขอให้จัดหา มันค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจ เพียงเ