ก๊อก ก๊อก
“แก! ตื่นได้แล้ว เสียงไก่ของไร่เรามันไม่ดังพอใช่ไม๊” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ประตูห้องผม
แหม ผมเพิ่งจะกลับมา ขอพักสักวันสองวันไม่ได้รึไง อีกอย่างวันนี้ก็คิดว่าจะขอยืมรถเข้าเมืองไปดูอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาติดตั้งในบ้าน รวมถึงสำรวจร้านคอมพิวเตอร์ในตัวอำเภอว่าพอจะดิวไว้เป็นเพื่อนเป็นซัพพลายให้ได้ไหม ซึ่งร้านเหล่านี้ไม่ได้เปิดเช้าซะหน่อย
“ตื่นแล้วจ้า เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะรีบลงไปนะที่รัก”
ผมตะโกนกลับพร้อมดีดตัวเองจากเตียงที่แสนนุ่มสบาย อากาศยามเช้าที่นี่ค่อนข้างเย็น เครื่องปรับอากาศที่เมื่อคืนช่วยคลายร้อน ตอนนี้กลับร้อนกว่าอากาศข้างนอก ปิดเพื่อประหยัดไฟ เป็นทางเลือกที่ดี
ผมปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดม่าน ยกหน้าต่างขึ้นด้านบน
“สดชื่นสุด ๆ ฮิ้วว” ผมโห่ร้องเมื่ออากาศแรกของภายนอกสัมผัสถูกหน้าของตัวเอง
ความชุ่มชื่น อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย หายใจทั่วท้อง เป็นเอกลักษณ์ที่ไร่ของผมรวมถึงหมู่บ้านแถบนี้มีไว้ให้ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการ
ผมรีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุดลำลองก่อนจะลงมาที่ห้องครัว
“สวัสดีครับพ่อแม่” ผมยกมือไหว้เมื่อเจอท่านทั้งสองที่กำลังดำเนินกิจกรรมประจำวันของตัวท่านเองอยู่
พ่อที่อยู่ในชุดเตรียมลงไปในไร่ กำลังนั่งจิบกาแฟสดกลิ่นละมุน กับขนมปังโฮลวีทที่ดูก็รู้ว่าแม่เป็นคนทำเองแน่นอน เพราะรูปทรงเป็น ‘เอกลักษณ์’
ส่วนแม่ก็กำลังชงกาแฟสดอีกแก้วเพื่อนำมาเสิร์ฟให้ผมพอดี
“โห หอมมากแม่”
“หอมก็นั่งลงแล้วดื่มซะ”
แม่เฟื่องฟ้าของผมใจดีเสมอ อันที่จริงพ่อผมก็ใจดีนะ แต่เขาพูดไม่มาก เลือกที่จะใช้การแสดงออกทางสีหน้ามากกว่าเช่น ยิ้ม นิ่ง ปากหุบ คิ้วย่น คือไม่ต้องพูดก็รู้อะไรประมาณนี้
“กลับมาแล้วจะทำอะไร มีโครงการไหม บอกพ่อหน่อยลูก” นี่ไงครับ หากได้เวลาพูดพ่อผมก็จะพูดลักษณะนี้แหละ
‘เป็นการเป็นงาน’
ซึ่งผมรู้ตัวอยู่แล้ว่าจะต้องเจอคำถามนี้ อย่างว่านะครับ พ่อต้องดูแลทั้งหมด ลูกที่บอกว่าจะกลับมาช่วยงานในไร่ ตอนนี้มีอะไรจะช่วยบ้างก็ควรต้องบอกไป
“ผมว่าจะต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยสองส่วน ส่วนแรกคือบริหารจัดการสินค้าคงคลัง ส่วนที่สองงานดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งครับ”
พ่อยกกาแฟขึ้นดื่มต่อ ส่วนแม่ผม ตอนนี้เดินกลับมานั่งข้างพ่อแล้ว ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องนอนก็ยังไม่เห็นเจ้อีกเลย คิดว่าเจ้น่าจะเข้าสวนหรือไปไหนสักแห่งแต่เช้าแน่ ๆ
พ่อยิ้ม แสดงว่าพอใจ มั้ง?!
“อือ พ่อจะเล่าเรื่องงานของพ่อบ้าง จะได้นำไปพิจารณาประกอบกับการสร้างระบบนะ”
พ่อวางแก้วกาแฟลง ผมขยับตัวตั้งท่าจะฟัง ส่วนแม่เอาแต่นั่งยิ้ม
“เราใช้การบ่มไวน์ด้วยวิธีดั้งเดิม เพื่อให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะของเรา ใช้เครื่องมือเครื่องจักรขนาดเล็กเข้ามาช่วยไม่มาก การจัดเก็บข้อมูลก็ใช้พวกโปรแกรมเวิร์กชีต พรินต์งานออกมาเก็บแฟ้มแล้วก็ตรวจสอบตามเวลา สต็อกก็นับตามจำนวนลัง บันทึกเป็นรุ่น ๆ ไป”
พ่อเล่าจบก็จิบกาแฟต่อจนหมดแก้ว ผมมองภาพออกตั้งแต่แรกแล้วจึงอธิบายโครงการที่ผมมีต่อจากพ่อทันที
“ที่ผมจะทำคือเขียนโปรแกรมฐานข้อมูลออกมาใช้ช่วยบันทึกเป็นส่วน ๆ เช่นวัตถุดิบแรกเข้าที่คิดเป็นสายพันธุ์ต่อน้ำหนักต่อราคาองุ่น ณ วันที่ใช้ แล้วก็บันทึกสต็อกตามแบทนัมเบอร์ เรียกใช้งานผ่าน รหัสเลขซึ่งเรากำหนดเป็นหลักที่จะยึดถือด้วยกัน เรียกเลขเดียวดูได้ทุกสิ่งอย่าง หากมีการชำรุด ก็ใช้การแจ้งเลขแบทนัมเบอร์นี่แหละครับ แท็กกลับได้ว่าเป็นลอตไหน”
ผมว่าพ่อน่าจะงง แต่คิดผิดครับ พ่อพยักหน้ารับ แถมกำชับว่า หากมีโปรแกรมสำเร็จรูปหรือจ้างเขียนภายใต้การควบคุมของเรา จะเร็วกว่า ไม่ต้องเขียนเอง ซึ่งผมเองก็... ก็ดีนะ เอาเวลาไปทำโซเชียลหาตลาด หาคนซื้อเพิ่มยังดีกว่า ผมจึงคิดว่าจะจ้างเพื่อนที่สนิทกันในกรุงเทพฯ เขียนให้
“ตามนั้นครับ”
ในระหว่างกินอาหารเช้าด้วยกัน ดาวเรืองนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะบอกทานตะวัน เธอจึงใช้โอกาสบนโต๊ะอาหารบอกให้ทุกคนทราบ
“พ่อแม่คะ มื้อเย็นนี้ขอพาสุดหล่อไปบ้านไร่จินตรานะคะ น้าหลินโทรมาชวนไปกินข้าวเย็นค่ะ หนูเลยบอกไปว่าจะพาทานตะวันไปด้วยค่ะ”
ผมที่กำลังอร่อยกับน่องไก่ ถึงกับหันไปมอง เพิ่งกลับมาวันแรกก็พาออกงานแล้วเหรอ
“ไม่ไปได้ไหมเจ้” ผมอุทธรณ์“ไม่ได้ ฉันรับปากไปแล้ว” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ผมแม่มองเจ้ดาวเรืองอย่างตำหนิ“ทำไมไม่ถามน้องก่อน”“แหมแม่ ก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว หายไปแค่สิบกว่าปี ไม่น่าจะมีผลนี่นา ทีเมื่อก่อน วิ่งเข้าไปถึงห้องนอนน้าสมชายก็ทำมาแล้วนี่แก”ประโยคหลัง ทำให้พ่อแม่หันมามองผมเป็นตาเดียว คือเอาจริงนะครับ เรื่องนี้มันก็นานมาแล้วตั้งแต่เด็ก เอามาเผาทำไมนี่เจ้“ลูกไปเล่นถึงในห้องนอนเขาเลยเหรอ” แม่เฟื่องฟ้าของผมเริ่มไม่สบอารมณ์“คุณ เด็ก ๆ มันเล่นกันใช่ไหม?” พ่อมงคลของผม เห็นนิ่ง ๆ แบบนี้ ช่วยผมตลอดแหละครับผมทำหน้าแหย มันเป็นเรื่องเก่ามาก ๆ จนผมเองยังแทบจะจำได้ไม่ได้ เจ้ดาวเรืองนี่“โอเคครับ ผมไปก็ได้ เย็นนี้นะ” ผมตัดบท เพราะดูท่าแม่ผมจะเริ่มไม่ชอบใจเท่าไร แม่เป็นคนที่ไม่ชอบให้คนในบ้านไปยุ่มย่ามอะไรในที่ของคนอื่น ไปเล่นไปคุยไปกินข้าวได้ แต่การเข้าไปถึงห้องนอน แม่ไม่ชอบครับแพลนของที่วางไว้หลังจากกลับมาบ้านคืออยากเข้าเมืองไปเซอร์เวย์ร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไป จนถึงร้านแบรนด์ดัง ซึ่งแพลนนั้นคือวันนี้นี่แหละผมไปขอยืมกุญแจรถของพ่อ ซึ่งพ่อบอกว่าให้ไปขอแม่ เพราะ แม่เป็นผู้ดูแลรถทั้งหมด ผมยังไม่อยากข
ยามเย็นอีก 15 นาทีจะ 4 โมงเย็น แสงแดดสีเหลืองเกือบแดง สาดส่องรอดช่องหน้าต่างห้องผมเข้ามา ตอนนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อย เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ตามสภาพอากาศที่ยังร้อน และร้อนอยู่อย่างนี้ก๊อก ก๊อก“เปิดมาเลยครับ” ผมตะโกนบอกเจ้ดาวเรืองเดินเข้ามาในชุดที่ดูไม่เหมือนชาวไร่เท่าไร นี่มันชุดอะไรวะ? นายพราน หรือทหารพราน! เสื้อยืดพับแขน กับกางเกงลายพราง“เจ้จะไปออกหน่วยพิทักษ์ป่าเหรอ” ผมถามติดตลก กลั้นขำไว้แทบไม่อยู่เมื่อมองสภาพโดยรวมอีกครั้ง“อะไรแก นี่แหละชุดประจำชาติของฉัน”เจ้แกพูดพร้อมก้มมองชุดของตัวเองสลับซ้ายขวาไปมาด้วยความภาคภูมิใจ“ถามจริง เจ้เป็นทอมรึเปล่าเนี่ยะ ใส่แต่ละชุด ไม่ออกพิทักษ์ป่า ก็เหมือนทหารพรานออกลาดตระเวน” ผมว่าตามที่เห็น ชุดเมื่อคืนที่ขับรถมารับผม เหมือนทหารหญิงครึ่งท่อน กางเกงลายพราง เสื้อสีดำ มาวันนี้เสื้อสีเขียวพับแขนซะสูง ยัดเสื้อในกางเกงลายพรางสีเขียวอีก“เข้าประเด็นดีมากแก” เจ้ดีดนิ้ว แล้วกระโดดไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงผม“เจ้ว่า เจ้ไม่ใช่ทอม ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงนะยะ”ผมพยักหน้าหงึก ๆ ประมาณว่า ‘เชื่อก็ได้’“เอาเป็นหญิงห้าวก่อนก็แล้วกันเจ้”ผมพยายามเดาว่าเจ้ห้าว มากกว่าเป็น
เจ้ดาวเรือง ขับรถพาผมเลี้ยวเข้ามาที่หน้าประตูบ้านไร่จินตรา ผมจำได้ว่าเมื่อสมัยเด็ก เราไม่ต้องอ้อมมาเข้าทางหน้าประตูแบบนี้ เราใช้วิธีลอดรั้วลวดหนามไปมาระหว่างกัน ซึ่งใช้เฉพาะพวกเด็ก ๆ อย่างผม ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็คงต้องเข้าตามเส้นทางที่เขาเข้ากันแหละเนอะ“เจ้ ไอ้ที่เราเคยมุดข้ามไปมา มันยังอยู่ไหม?” หลังจากนึกถึงวันเก่า ที่บังเอิญไปนึกถึงทางพิเศษที่สมัยเด็กเคยใช้เดินทางระหว่างไร่ ตอนนี้ไม่รู้มันเป็นยังไง“ตอนนี้ก่อรั้วเป็นอิฐสูงเท่าเอวยาวไปจนสุดเขตแล้วล่ะ” เจ้อธิบายขณะที่ผ่านประตูหน้าของไร่จินตราเข้าไป“มีปัญหากันเหรอ” ผมถามเพราะปกติไม่เคยเห็นต้องกั้นรั้วถาวรกันตั้งแต่แรก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามันจะเกิดปัญหาอะไร ยิ่งในขณะนี้ ผมกับเจ้กำลังจะไปร่วมกินอาหารเย็นกับพวกเขา“เปล่านะ มันกลายเป็นประตูต่างหาก”“อ้าว”ผมเหวอ แล้วทำไมต้องขับรถมาทางนี้ด้วยล่ะ เดินผ่านทางนั้น เดินชิว ๆ เลยนะ ผมไม่เข้าใจเจ้ดาวเรืองของผมจริง ๆ“เออน่า รอบหน้าค่อยเดินผ่านประตูด้านข้างก็แล้วกัน ไปเหอะ” เจ้ตัดบทเอาดื้อ ๆ เปิดประตูแล้วเดินลงไปรอผมที่
อาหารมื้อค่ำ ณ บ้านไร่จินตรา เป็นไปค่อนข้างดี น้าชายกับน้าหลินดูแลผมดี ส่วนออโต้ ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เขาพูดเรื่องอะไรมา ผมก็เออออไป เอาจริงนะ ผมจำหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาได้เลือนราง จนแอบเห็นเขาทำหน้ามึนกับเจ้ดาวเรือง“มันนานมาแล้วน่ะ” ผมใช้ประโยคนี้หลายรอบอยู่นอกนั้น เป็นน้าชายบ้าง น้าหลินบ้าง สลับกันถามผมไปมา เรื่องที่ถามเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป เรื่องอนาคตในไร่ (แอบจริงจัง) และตำหนิผมกับเจ้ดาวเรืองที่ไม่ยอมบอกเรื่องรับพระราชทานปริญญาบัตร“ขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ให้พ่อแม่บอกใครเอง มันเล็กน้อยครับ เรื่องใหญ่กว่าคือผมต้องกลับมาแล้วพัฒนาให้อะไร ๆ มันไปต่อได้ทันโลกครับ”คำพูดของผมทำให้น้าสมชายยิ้มร่า ขณะที่น้าหลินหันไปมองลูกชายสุดหล่อของตัวเองเป็นระยะ ๆ“ออโต้เรียนจบเกษตรที่นี่ หนูทานตะวัน ถ้ามีอะไรให้พวกน้าหลินช่วยบอกได้เลยนะ เราเหมือนญาติกัน ใช่ไหมดาวเรือง”ประโยคทิ้งท้ายของน้าหลิน ฟังแล้วแปลก แต่ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจ ส่วนเจ้ดาวเรืองของผมเหรอครับ รายนั้นอร่อยจัด มูมมาม ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี นี่ถ้าเจ้แกอ้วนนะ ผมจะเรียกว
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าช่างเป็นใจสุด ๆ อากาศเย็นชื้นสดชื่นบริสุทธิ์อยู่รายล้อมรอบตัว ผมตื่นขึ้นโดยไม่ต้องมีใครมาปลุก นั่นคงเพราะได้นอนอย่างเต็มอิ่มแปดชั่วโมงจริง ๆความจริงแล้ววันนี้ ผมกะว่าจะจัดห้อง ปรับปรุงให้ห้องมันเป็นห้องสำหรับผมหน่อย ความบ้าเทคโนโลยีของผม ทำให้ผมมีไอแพด แท็บเล็ต วินโดวส์แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก พีซีตัวแรง และมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ ของพวกนี้พ่อช่วยขนกลับมาก่อนที่ผมจะกลับ 5 วันตอนนี้มันกองอยู่ที่ปลายเตียงของผมโต๊ะทำงานขนาดใหญ่เข้ามุมใกล้พร้อมสำหรับทำงานแล้ว แต่พ่อบอกว่า มีห้องทำงานสร้างไว้อยู่อีกฟากของบ้าน เป็นออฟฟิศเล็ก ๆ ที่แม่เฟื่องฟ้าให้สร้างเพื่อเป็นสัดส่วน ทำให้ตอนกลางวัน พวกเราก็จะพบกันในห้องนั้นนั่นแหละผมเห็นว่าช่วงเช้ายังพอมีเวลาจึงยกพีซีกับจอใหญ่ของผมไปวางไว้ที่ห้องทำงานก่อน พอไปถึงก็พบกับเจ้ดาวเรืองในชุดเตรียมเข้าไร่“อ้าวแกตื่นแล้วเหรอ แล้วนี่ขนอะไรมา” เจ้ดาวเรืองมองพีซีในมือผม“จะเอามาทำเซิร์ฟเวอร์” ผมบอกแค่นี้พอ บอกมากกว่านี้จะเข้าใจอะไรบ้าง เจ้พยักหน้า แล้วเธอก็พาผมไปที่ห้องเล็กด้านหลังอีกห้
“แกไปนั่งกับออโต้ ฉันจะนั่งข้างหลังเอง” ว่าแล้วเจ้ก็กระโดดขึ้นท้ายรถอย่างชำนาญ ผมเลยไม่ต้องถามอีกว่าจะนั่งตรงไหน เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างออโต้อย่างไม่ลังเลรถเริ่มถอยหลัง มันเงียบกริบจริง ๆพอรถเริ่มออกตัว มันก็ไปได้ค่อนข้างช้าเพราะทางไม่ได้เรียบเหมือนถนนใหญ่ มันเป็นทางกรวดที่ทำไว้สำหรับใช้งานในไร่จริง ๆ“ไม่ชอบอะไรรึเปล่า ไม่ค่อยคุยกับเราเลย” ออโต้ที่กำลังขับรถ อยู่ดี ๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา“เปล่านิ เราเอ่อ ตะวันแค่กำลังปรับตัว” ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ไอ้ครั้นจะบอกว่าประหม่าเพราะแกแหละออโต้ มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ เดี๋ยวเกิดออโต้ไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดไว้ จะเข้าหน้าไม่ติด จะเกิดเรื่องแย่ขึ้นในรุ่นผมได้“ปรับตัวอะไร แต่เราว่าตะวันเงียบลงเยอะ สุขุม แล้วก็...” เขาหยุดพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปขับรถต่อผมที่ตั้งใจฟังก็คาใจสิ“ก็อะไร” ปากถาม มือเริ่มทำงานอย่างเคยชิน เอื้อมไปจับแขนเสื้อออโต้ไว้ คาดคั้น“น่ารักขึ้นมากด้วย” ออโต้พูดโดยไม่ได้หันมามองผม แต่สิ่งที่ฟ้องว่าเขาเองก็เขินมากอยู่นั่นคือ ‘หู’เอ ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ กลิ่นมันตุอยู่นะนายออ
ไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา ผมได้แต่ชะเง้อมองด้วยความทึ่ง คนงานบางส่วนที่กำลังออกไปเก็บองุ่น พอเห็นเจ้ดาวเรือง ต่างก็ตะโกนทักทาย ขณะเดียวกันเจ้ก็โบกมือทักทายกลับ แหม เจ้เรา แต่พอพวกนั้นเห็นผม ต่างก็ทำตาโต โดยเฉพาะพวกคนเก่าที่ยังมีเหลืออยู่หลายคนมองผมยังกะตัวประหลาด ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้จนผมต้องรีบโบกมือไปมา พร้อมตะโกนว่า “ไม่ต้องไหว้ครับ ไม่ต้อง โว้วว”เจ้ดาวเรืองกับออโต้พากันหัวเราะผม ผมไม่ชอบให้ใครมาไหว้นี่กว่าจะสงบได้ เฮ้อผมรีบพาตัวเองเดินเข้าไปที่โรงเก็บองุ่น ที่นี่ น่าจะเรียกว่าโรงงานได้ เพราะมีเครื่องจักร เครื่องมือประเภทสายพานลำเลียง มีโต๊ะสำหรับนั่งคัดขนาด ใช้แรงงานคนล้วน ๆ ครับ สาเหตุน่าจะเพราะมันเป็นแหล่งอาชีพให้กับชาวบ้านแถบนี้ด้วยตามที่พ่อเคยเล่าให้ฟังคนงานหลายคนมองหน้าผมแล้วเกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายมาก บางคนก็ก้มหน้างุดทำงานอย่างขยันขันแข็ง บางคนก็มองค้างอยู่อย่างนั้น น้องผู้หญิงหลายคนพอเห็นผมก็อายม้วนเป็นก้อนผ้าพับไปเลย หนักสุดก็คนชาย (ไม่แท้) สองสามคนหน้าแดงหันไปซุบซิบแล้วหัวเราะต่อกระซิกกันผมล่ะ กลอกตาไปมาสิครับ ทำอะไ
เดือนมิถุนายนของทุกปี หากเป็นที่กรุงเทพฯ ฯ ผมต้องพกร่มออกไปเรียนเป็นประจำ รวมถึงระยะหลังต้องหากระเป๋ากันน้ำด้วย มันไม่คุ้มเลยหากชีตที่ได้มาจะเปียกจนขาด อ่านไม่ได้ ต้องไปรบกวนเพื่อน ๆ อีกช่วงที่เรียนปี 3 ปี 4 ดีหน่อยที่เอกสารเกือบทั้งหมด อาจารย์ส่งให้ทางอีเมล เป็นพีดีเอฟ. ที่ไม่ต้องเปลืองกระดาษ แค่ต้องปรับตัวกับมันนิดหน่อย สำหรับผมแล้ว เรื่องจิ๊บ จิ๊บ มากเวลานี้ ไร่กรุณาธรมีระบบเครือข่ายไร้สายครบถ้วนแล้ว แต่ปัญหายังมีอยู่บ้างเรื่องสัญญาณที่ส่งไปท้ายไร่ ตอนหลังผมเลยแก้ปัญหาด้วยการใช้แอร์การ์ดแยกระบบออนไลน์ท้ายไร่ออกเป็นอีกส่วน เพื่อใช้ในการควบคุมกล้องวงจรปิด ซึ่งมันก็ได้ผล และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อย เพราะผมใช้แบบมัลติซิมการ์ด เบอร์เดียวแยกออกเป็นสองซิม แค่นี้ก็ควบคุมได้ไม่ยากอีกประการที่เป็นปัญหาคืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาก ๆ ยังมาไม่ถึงอำเภอนี้ แต่จากการสอบถามทางหน่วยที่ให้บริการแจ้งว่ากำลังขยายเคเบิ้ลมา หากมีโหนด*มาขยายใกล้ ๆ ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเหมือนในเมืองได้เช่นกัน‘ก็หวังว่าจ
<<<Z>>> <<<Z>>> <<<Z>>>/สวัสดีครับ//เฮ้ย ตะวัน จำเราได้รึเปล่า?//หึ ใคร?//ฟังนะ กู ชื่อ นิค//หยาบคาย ไอ้นิค//เอ๊า ผมชื่อนิคครับคุณทานตะวัน//เออ ค่อยดูมีการศึกษาหน่อย//ปากเหมือนเดิมนะมึง//เออ... มีอะไร//กูจะไปเที่ยวบ้านมึง//ตอนไหน อีก 2 ชั่วโมง//ห่ะ!?//เออ ๆ มาถูกเหรอ//ไร่มันดึง จีพีเอส. พามาได้ เดี๋ยวเจอกัน/นิค และเพื่อนสมัยเรียนกำลังเดินทางมาหาผมแบบเซอร์ไพรส์ ไม่ให้ผมได้ตั้งตัวตามนิสัยของนิคที่เป็นมาตั้งแต่เรียนแล้ว ผมต้องไปบอกแม่เฟื่องฟ้าก่อน เพราะพวกนี้มาคือยังไงก็คงค้างคืน แต่จะกี่คืนก็ไม่รู้พวกมัน“แม่ครับเพื่อนผมจะมาจากกรุงเทพฯ สามถึงสี่คน” ผมบอกแม่ที่ตอนนี้กำลังนั่งเคลียร์บิลอยู่ในห้องทำงาน“ค้างคืนไหมลูก” แม่ถาม“ค้างแหละแม่ แต่พวกอาหารอะไรนี่ เตรียมทันไหมครับ” ผมถามแม่เรื่องอาหาร เพราะปกติพวกเราก็กินอะไรไม่เยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าพวกนี้มา ส
ไร่กรุณาธร ตั้งขึ้นโดยคุณปู่ของดาวเรืองและทานตะวัน ในยุคแรก หลังจากเรื่องการหาที่ดินเสร็จสิ้นลง เขากับเพื่อน (ปู่ของออโต้) เริ่มดำเนินการด้วยเงินของตัวเองที่ได้มาจากมรดกและการสนับสนุนจากพ่อแม่บางส่วน มาดำเนินการ เริ่มแรกมีบ้านเล็ก ๆ สำหรับเขาและเริ่มจ้างผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการขุดสระน้ำด้านหลังพร้อมติดตั้งระบบจ่ายน้ำเดินท่อเข้ามาที่บริเวณที่จะก่อสร้างแปลงปลูกต้นองุ่น ใช้พื้นที่กว้างถึง 1 ไร่ในช่วงแรก เพราะในพื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถปลูกต้นองุ่นได้ราว ๆ 130-140 ต้น เป็นองุ่นสายพันธุ์ที่สามารถปลูกในประเทศไทย ทนร้อนได้ดี และจำหน่ายได้ราคาเขาวางแผนว่าจะจำหน่ายองุ่นออกไปให้เกิดรายได้ก่อน ขณะที่โครงการผลิตไวน์ของเขา เกิดปัญหาที่เขาคาดเดาไว้แล้ว นั่นคือเขาไม่ชำนาญในเรื่องนี้มากพอ ต้องมีอะไรอีกหลายอย่าง รวมถึงอุปสรรคมากมายก่อนจะทำให้เกิดโรงผลิตไวน์ได้ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ไร่กรุณาธร ยังคงเป็นไร่ที่ปลูกองุ่นขายเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวเขาเองก็ยังคงศึกษาการทำไวน์ เดินทางเข้าไปที่มหาวิทยาลัยบ่อยเพื่อหาอาจารย์ที่สอนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดก็ยังมิอาจสานฝัน
บ้านไร่จินตราเป็นหนึ่งในไม่กี่ไร่ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งปี มีพืชผลมากมายที่ผลัดกันออกผลตามฤดูกาลและนอกฤดูกาลอัน เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์พืชใหม่ ๆ ที่ได้รับจากต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่ ในเรื่องของทำเลที่ตั้ง บ้านไร่จินตรา มีลักษณะที่ตั้งที่ดี ด้านหลังเป็นภูเขา มีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน น้ำมาจากป่าบนเขา ด้านหน้าของไร่มีคลองชลประทานจากภาครัฐ มีถนนลาดยางอย่างดีจากอำเภอผ่านเข้าสู่ตัวหมู่บ้านที่อยู่ถัดไป ด้านข้างเป็นภูเขาที่ยาวต่อมาจากด้านหลังขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นไร่กัลยาณมิตรกันมีชื่อว่า “ไร่กรุณาธร” ที่ทำไร่ลักษณะคล้ายกันแต่มี พัฒนาการพันธุ์พืชที่เป็นของตัวเองและเน้นองุ่นเป็นหลัก เพราะมี โรงงานบ่มไวน์องุ่นเป็นของตัวเอง ขณะที่บ้านไร่จินตราจะเน้นพืชผลที่ส่งขายได้ตลอดทั้งปีปัจจุบันบ้านไร่จินตราอยู่ภายใต้การดูแลของคุณสมชายหรือที่ชาว หมู่บ้านเรียกว่า ‘น้าชาย’มีภรรยาชื่อหลิน และลูกชายชื่อคชา หรือน้องออโต้ เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่ช่วยกันบริหารไร่ มีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และบ้านไร่จินตราแห่งนี้ เป็นแหล่งอาชีพเล็ก ๆ ให้กับชาวหมู่บ้านแถบนั้นอีกด้วย
เรื่องราวของออโต้กับทานตะวัน ในทีแรกก็มีคนงานในไร่ทั้งสอง เอามาพูดคุยกันเรื่องที่ว่าผู้ชายรักผู้ชาย โดยเฉพาะไร่กรุณาธร แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอันเงียบหายไปเพราะมีคนงานอีกกลุ่มที่เปิดตัวเป็น LGBTQIA+ อยู่แล้วสามคนช่วยจัดการ‘แก๊งนารีผล’แก๊งนี้เปิดตัวขึ้นหลังจากทราบข่าวว่าออโต้กับทานตะวันคบหากันจริง ๆ แถมสุดท้าย ดาวเรืองดึง ‘แก๊งนารีผล’ มาเป็นทีมงาน คิว.ซี. และทีมเลขาให้กับตัวเองด้วย“พวกนี้เก่ง แถมยังปลื้มพวกเธอทั้งสองคนด้วยนะจ๊ะ” เจ้ดาวเรืองบอกกับทานตะวันและออโต้“สงสัยต้องนัดพวกน้อง ๆ มากินมื้อพิเศษแล้วล่ะ” ออโต้ทำพูดเล่น แต่ดาวเรืองกลับจริงจังขึ้นมา“จะดีเหรอเจ้” ทานตะวันไม่แน่ใจ“ดีสิ พวกนี้กลายเป็นสมุนเจ้ไปเรียบร้อยแล้ว” ดาวเรืองกอดอกอวดให้พวกเขาฟัง ดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับดาวเรืองที่จะมีลูกน้องคอยช่วยดูแลงานในไร่ และเป็นเพื่อนสายวายเหมือนกับเธอ“แล้วแต่เจ้เลย” ทานตะวันส่ายหน้าระอากับพี่สาวตัวเอง“พวกนางฝากถามมาถึงด้วยนะ” ดาวเรืองพูดพลางยกหลักฐานในมือถืออวดทา
Part ทานตะวันหลังจากที่ตกลงกับออโต้เป็นแฟนกัน ชีวิตไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนอกจากตัวติดกันมากขึ้นกว่าเดิม ในทีแรกผมก็มีความกังวลอยู่นิดหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา ภูเก็ต ที่จะมีผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือกันได้อย่างไม่ต้องเกรงสายตาใคร ซึ่งผมกับออโต้ก็ไม่มีโมเมนต์นั้นอยู่แล้ว‘ไม่ได้แคร์ แต่เกรงใจพ่อแม่ครับ’ดังนั้นการไปไหนมาไหนของเรา ก็ดูออกแหละว่าไม่ใช่เพื่อน แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร จริงนะหลัง ๆ มาออโต้แทบไม่ได้กลับบ้านเลย! นอกจากผมจะไปค้างที่บ้านเขา ในภายหลังจึงต้องตกลงกันว่าเราจะสลับวัน จันทร์ - อังคารอยู่บ้านผม พุธ - พฤหัสบดี อยู่บ้านออโต้ ศุกร์-เสาร์อยู่บ้าน ส่วนวันอาทิตย์ ก็ดูความเหมาะสมกันครับแม้จะตกลงกันอย่างนี้ แต่สุดท้าย ออโต้ก็มักจะนอนที่ห้องผมซะส่วนมากสืบจากลูกน้องของเจ้ดาวเรือง ‘แก๊งนารีผล’ ตูน แองจี้ และแจ๋ม ซึ่งเป็นคนงานวัยรุ่นในหมู่บ้านที่ถัดจากไร่ไป ได้ขอรูปผมกับออโต้ไปลงในเพจหมู่บ้าน ปร
แต่แล้วคนที่พูดกลับกลายเป็นน้าชายซะงั้น“น้าคิดว่าน้าไม่โอเค หากออโต้จะชอบผู้ชาย...คนอื่นนะ” น้าชายตัดจบง่าย ๆ“สำหรับน้า ก็คงเหมือนกับน้าชาย แต่น้ามีข้อแม้นะ เดี๋ยวจะบอกให้ ขอฟังความเห็นของเพื่อนบ้านก่อน” น้าหลินขยิบตามาให้ลูกชายตัวเอง ผมรับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องดีแหละผมหันไปมองพ่อแม่ของผมเอง นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจหมับ!!ผมสะดุ้งจนแม้แต่เจ้ดาวเรืองหันต้องหันมามองออโต้คว้ามือผมมาจับไว้ผมมองหน้าออโต้ เขานิ่งมาก กลายเป็นผมซะเองที่เสียอาการ“ออโต้ น้าถามหน่อย คิดยังไงกับเจ้าทานตะวันลูกของน้า” พ่อมงคลของผมเอาแล้วไงครับ สไตล์การถามที่ลูกได้รับการถ่ายทอดมาอย่างเต็ม ๆ นี่แหละพ่อมงคล ไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็ตรง ๆ แบบนี้เลยออโต้กำมือผมแน่นขึ้น เออ! ลืมไปเลยว่าเรานั่งจับมือกันอยู่ ฉิบ... ชักมือออกตอนนี้คงไม่ดีแน่ ปล่อยไว้ก่อน“ผม... ผมชอบทานตะวันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ”“...”เงียบ“กรี๊ดดดดด อุ๊บ อุ๊บ หนูบอกแล้ว” เจ้ดาวเรืองเผลอกรี๊ด
“อะ ไก่ทอด” ออโต้ตักน่องไก่ให้ผม“ตักเองได้น่า” ผมตักได้เองจริง ๆ“แหมแก เขาตักให้ก็ขอบคุณสิคะ ไม่น่ารักเลย” เจ้ดาวเรืองกลับไปเข้าข้างออโต้ซะงั้น“เออ ขอบคุณนะ” ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย ทุกทีกินข้าวด้วยกันก็ไม่เห็นจะตักให้ มาวันนี้เกิดอยากสำแดงอะไรต่อหน้าพ่อแม่กันล่ะครับ“คนงานเป็นไงบ้างตอนนี้” ฝ่ายผู้ใหญ่เริ่มเปิดประเด็นแล้ว นั่นคือพ่อผมเอง“ก็เรียกมาคุยทั้งไร่เรียบร้อย ตะวันกับออโต้ก็อยู่ด้วยนะ” น้าชายตอบ“เฮ้อ อย่างว่า ลูกน้องเขาก็คงรักพวกนายมาก ๆ ไม่งั้นจะทำอย่างนี้เหรอ ใช่ไหม?” พ่อมงคลอของผมให้ความเห็น ข้อดีของพ่อก็คือเขามักจะคิดบวกเสมอ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถ้าคิดบวกมันก็คือดี แต่ที่แย่คือใจดำไปหน่อยปล่อยให้ผมรอกลางฝนแบบนั้น“แล้วตายิ้มที่ป้อมหน้าล่ะ” แม่เฟื่องฟ้าถามถึงที่ไม่ยอมปล่อยให้ผมเข้ามาในไร่“อือม จริงสิ เงียบไปเลยหลังจากเรียกประชุม ตอนนั้นแกก็ดูจะหลบ ๆ หน้าอยู่” น้าสมชายบอกกับแม่เฟื่องฟ้า“อย่าไปทำอะไรเขาล่ะ” พ่อผมพูดติดตลก“ก็คงไม่หรอก เพราะตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าลู
คนงานในไร่จินตราทยอยเดินเข้ามาในห้องโถงกลางบ้านที่ตอนนี้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้รอรับ แต่ละคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไร บางคนก็มีท่าทีวิตกอย่างเห็นได้ชัดสมชายผู้เป็นใหญ่ที่สุดในไร่ออกมานั่งที่เก้าอี้รับแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีหลินผู้เป็นภรรยานั่งอยู่ข้าง ๆ และเมื่อออโต้ลงมาจากชั้นบนพร้อมทานตะวันและดาวเรือง บรรดาคนงานยิ่งมีอาการวิตกกังวลกันมากขึ้น ต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาที่เย็นเยือกของสมชายอย่างเห็นได้ชัดเจน“นั่งตรงนี้ลูก” หลินหันไปบอกทั้ง 3 คนให้นั่งตรงชุดโซฟาที่ถัดออกไปสมชายลุกขึ้นยืน คนงานพากันเงียบลงในทันที“มากันครบแล้วใช่ไหม ยิ้มมารึยัง”“มะ มาแล้วครับ” ตายิ้มที่นั่งอยู่ด้านหลังยกมือขึ้น“ดี”สมชายกวาดตามองคนงานเรียงจากซ้ายไปขวา ส่วนมากจะนั่งก้มหน้ากันมากกว่า เหมือนรู้ว่าสิ่งที่สมชายจะพูดต่อจากนี้คืออะไร“พี่ไม่รู้นะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ไร่ของเราไม่เคยมีมาก่อน” สมชายหยุดหายใจ“ไร่ของเรากับไร่กรุ
+++++ตะวันกลับออกมาด้วยเสื้อผ้าของผม“น่ารักว่ะ”“อะไร!?” ตะวันทำหน้าตื่นเมื่อผมชมว่าน่ารักแต่ตะวันก็คือตะวัน เขาเปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นตัวเองอย่างเร็ว“เรามารอเพื่อเอาหลักฐานมาให้ดูว่าบ้านเราบริสุทธิ์”ตะวันพยายามยื่นมือถือมาให้ผม“เชื่อแล้ว...” ผมตอบ“อะไร ทำไมเชื่อง่าย ๆ ทีก่อนหน้านี้ ไม่ยอมเจอเลย ปิดบ้านหนีอีกต่างหาก” ตะวันก็ยังคงเป็นตะวัน เขาเริ่มเปลี่ยนเป็นโวยวายจนผมต้องรีบยกมือห้าม“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ไหนหลักฐานที่อยากให้ฟัง เปิดให้ฟังสิ” ผมรีบห้ามก่อนที่ตะวันจะโวยวายไปมากกว่านี้ตะวันยอมสงบ เขากดเปิดเสียงให้ผมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ“เชื่อตะวันแล้วใช่ไหม”“ก็ไม่เคยไม่เชื่อนะ” ผมตอบจากใจ“เอ้าแล้วทำไมปิดเครื่องหนี ติดต่ออะไรไม่ได้ ปิดประตูทุกช่องทาง” ตะวันกลับมาเริ่มโวยวายอีกจนผมต้องใช้ไม้ตายหมับ!ผมกอดตะวันไว้แน่น ตะวันเริ่มหายใจราบเรียบขึ้น ผมสัมผัสได้ว่าหัวใจของตะวันเต้นแรงและเร็ว ซึ่งไม่ต่างจากผมในตอนนี้ที่&