“ไม่มีใครอยู่ แกไม่เช็คก่อนมานี่ ย่าไปทอดผ้าป่ากะพวกญาติ ๆ ไม่มีใครอยู่หรอก”
ผมได้ยินดังนั้นก็หน้าเหวอ จริงอย่างที่เจ้บอก ผมไม่ได้คอนเฟิร์มว่าจะเข้าไปนอนที่บ้านย่า เลยไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแผนกันไปทอดผ้าป่าเป็นที่เรียบร้อย นี่ถ้าเจ้ดาวเรืองไม่ออกมารอรับ ผมคงต้องหาโรงแรมแถวนี้พักก่อนแน่ ๆ
“เออ ขอบคุณเจ้ งั้นก็กลับบ้านเลย”
“ก็ต้องงั้น”
เจ้ดาวเรืองช่วยผมลากกระเป๋าไปใส่ท้ายรถเอสยูวีคันสูงที่จอดอยู่ไกลออกไปจากชานชาลารถ เวลานี้ พอมองไปรอบ ๆ ก็แอบวังเวงอยู่ไม่น้อย ผู้คนต่างพากันหายไปไหนหมดแล้ว เมื่อสักครู่ตอนลงจากรถยังเดินกันเต็มไปหมด
“หิวไหม เอ้าน้ำเปล่า วางอยู่ในช่องด้านข้าง ประทังไปก่อน เดี๋ยวถึงบ้านค่อยว่ากัน” พี่สาวของผมรอบคอบเสมอ เธอส่งขวดน้ำขนาด ห้าร้อยมิลฯ มาให้ ผมคว้าโดยไม่รีรอ เปิดฝาได้ก็กระดก อึก อึก
“เบาแก เดี๋ยวสำลักตาย”
“หิวอ่ะ ขอบใจเจ้ว่ะ”
ผมปิดฝาแล้วหันไปยิ้มหล่อให้หนึ่งที เจ้ส่ายหน้าก่อนออกรถมุ่งหน้าสู่ไร่กรุณาธร ไร่อันเป็นบ้านเกิดของผม ไร่ที่มีพ่อกับแม่รอผมอยู่
ใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที รถของเจ้ก็เลี้ยวเข้าสู่ไร่กรุณาธร ผมชะเง้อมองดูความเปลี่ยนแปลงสิบเอ็ดปีที่ผมไปจากที่นี่ ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเหมือนหนังคนละม้วนเลย
รั้วสีส้มก่ออิฐมอญสวยงาม มีป้ายชื่อไร่ติดตั้งไว้ตรงปากทางเข้า ป้อม รปภ. เปิดไฟเจิดจ้าอยู่ด้านหน้า พอเจ้ขับรถเข้ามาถึง มีพี่คนหนึ่งตัวใหญ่ ๆ เดินออกมาทำวันทยาหัตถ์ที่รถ เจ้ไม่ได้เปิดกระจกตอบอะไร แต่ขับรถผ่านเข้าไปด้วยความเร็วกำลังเหมาะ
“ไง นี่ยังมืด รอตอนเช้า แล้วจะต้อง ว้าว!” เจ้พูดจบก็หัวเราะ ผมไม่เข้าใจกับคำว่า ‘ว้าว’ ของเจ้
“ยังไง ทำไมต้องว้าว ก็เคยเห็นในรูปที่ส่งไป ก็โอเคแหละ พัฒนาไปเยอะแยะ อ้อ ติดตั้งไฟส่องสว่างตามจุดที่อยากให้ว้าวบ้างนะ ตอนนี้มองอะไรไม่เห็นเลย” ผมแซะกลับไปบ้าง เพราะตั้งแต่ผ่านประตูเข้ามา นอกจากไฟด้านหน้ารถแล้ว ผมยังมองไม่เห็นอะไรข้างทางที่มันน่าว้าวเลย
สักนิดเดียว!
เจ้ดาวเรืองไม่ตอบอะไร นั่งอมยิ้มขับรถต่อไปจนถึงลานจอดข้างบ้านที่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เรียกว่าบ้านหลังใหม่น่าจะถูกต้องมากกว่า เพราะบ้านหลังที่ผมเคยอยู่ ตอนนี้...
“บ้านเราสร้างใหม่ บ้านเดิมให้คนงานอยู่แล้วล่ะ” นี่เป็นคำตอบจากเจ้ดาวเรือง ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้
นี่แสดงว่าห้องนอนเดิมของผมตอนนี้ก็ไม่มีแล้วสิ
“ไหนห้องผมล่ะ?” ผมถาม เมื่อประมวลแล้วแน่ใจว่าห้องผมที่บ้านเก่าคงถูกปรับเปลี่ยนไปจนหมดแล้ว
เจ้ดาวเรืองจอดรถสนิทแล้วจึงหันมาบอกผมเกี่ยวกับห้อง
“ห้องน้องน่ะ พ่อสั่งย้ายไปอยู่บ้านใหม่แล้ว โน้นแยกออกไปปีกขวาเลยจ้า”
เธอทำปากยื่น บุ้ยใบ้ไปยังทิศทางที่มีเรือนขนาดย่อมยื่นออกไปในความมืดจากปีกขวาของตัวบ้าน
“เยี่ยมว่ะเจ้ ดีมาก” ผมเอ่ยชม เพราะเดิมที ห้องผมก็แยกออกไปอีกโซนไม่ติดกับห้องใครเลย ด้วยนิสัยของผมที่ไม่ชอบวอแวกับใครนัก
เจ้ดาวเรืองช่วยผมขนกระเป๋าอีกเช่นเคย เธอเปิดประตูเข้าบ้านแล้วพาเลี้ยวไปยังปีกขวาของบ้านเพื่อไปยังห้องนอนใหม่ของผม
“ว้าว” ผมร้องเมื่อเห็นห้องนอนของตัวเอง มันทันสมัยจนไม่น่าจะมาอยู่กลางไร่กลางเขาแบบนี้ได้
“พ่อให้เฮาส์โปรจากในจังหวัดมาดีไซน์เฉพาะให้แกเลยนะ ไอ้น้องรัก” เจ้ดาวเรืองเล่าถึงที่มาของห้อง
ผมเดินเข้าไปดู ตอนนี้วิวข้างนอกคงมองไม่เห็นอะไร เสียงปิ๊บดังขึ้นจนผมต้องเหลียวไปมอง เจ้ดาวเรืองกดสวิทซ์เปิดเครื่องปรับอากาศให้ผม
“ฤดูนี้มันก็จะร้อน ๆ หน่อย” เธอบอก ซึ่งมันก็จริงน่ะแหละ ร้อนเหงื่อไหลผ่านกลางหลังผมแล้วในตอนนี้
เจ้ดาวเรืองขอตัวกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อพักผ่อน ส่วนผมก็ขอทำความคุ้นเคยกับห้องใหม่ ตู้เสื้อผ้าใหม่ โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่รอให้ผมมาติดตั้งอุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรตามที่ผมอยากจะใส่เข้าไป ถึงจะเป็นกลางไร่แบบนี้ แต่เจ้เคยเล่าว่า น้ำ ไฟ อินเทอร์เน็ตเข้าถึงหมดแล้ว
วันนี้ผมขอพักผ่อนเอาแรงก่อนก็แล้วกัน ก่อนอื่นผมมองหาห้องน้ำ
“เยี่ยม” ผมพูดกับตัวเองเมื่อพบว่า ห้องนอนของผมมีห้องน้ำส่วนตัวด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยไปหาพ่อกับแม่ วันนี้ขออาบน้ำเข้านอนก่อนก็แล้วกัน
กว่าผมจะได้เข้านอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสองจริง ๆ ตามที่น้าบอก ด้วยความไม่คุ้นชินกับห้องใหม่ ทำให้ผมกว่าจะนอนหลับใช้เวลานาน
แต่ก็ ราตรีสวัสดิ์ครับ
ก๊อก ก๊อก“แก! ตื่นได้แล้ว เสียงไก่ของไร่เรามันไม่ดังพอใช่ไม๊” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ประตูห้องผมแหม ผมเพิ่งจะกลับมา ขอพักสักวันสองวันไม่ได้รึไง อีกอย่างวันนี้ก็คิดว่าจะขอยืมรถเข้าเมืองไปดูอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาติดตั้งในบ้าน รวมถึงสำรวจร้านคอมพิวเตอร์ในตัวอำเภอว่าพอจะดิวไว้เป็นเพื่อนเป็นซัพพลายให้ได้ไหม ซึ่งร้านเหล่านี้ไม่ได้เปิดเช้าซะหน่อย“ตื่นแล้วจ้า เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะรีบลงไปนะที่รัก”ผมตะโกนกลับพร้อมดีดตัวเองจากเตียงที่แสนนุ่มสบาย อากาศยามเช้าที่นี่ค่อนข้างเย็น เครื่องปรับอากาศที่เมื่อคืนช่วยคลายร้อน ตอนนี้กลับร้อนกว่าอากาศข้างนอก ปิดเพื่อประหยัดไฟ เป็นทางเลือกที่ดีผมปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดม่าน ยกหน้าต่างขึ้นด้านบน“สดชื่นสุด ๆ ฮิ้วว” ผมโห่ร้องเมื่ออากาศแรกของภายนอกสัมผัสถูกหน้าของตัวเองความชุ่มชื่น อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย หายใจทั่วท้อง เป็นเอกลักษณ์ที่ไร่ของผมรวมถึงหมู่บ้านแถบนี้มีไว้ให้ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการผมรีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุดลำลองก่อนจะลงมาที่ห้องครัว“สวัสดีครับพ่อแม่” ผมยกมือไหว้เมื่อเจอท่านทั้งสองที่กำลังดำเนินกิจกรรมประจำวันของตัวท่านเองอยู่พ่อที่อยู่ในชุดเตรียมลงไ
“ไม่ไปได้ไหมเจ้” ผมอุทธรณ์“ไม่ได้ ฉันรับปากไปแล้ว” เจ้ดาวเรืองแหวใส่ผมแม่มองเจ้ดาวเรืองอย่างตำหนิ“ทำไมไม่ถามน้องก่อน”“แหมแม่ ก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว หายไปแค่สิบกว่าปี ไม่น่าจะมีผลนี่นา ทีเมื่อก่อน วิ่งเข้าไปถึงห้องนอนน้าสมชายก็ทำมาแล้วนี่แก”ประโยคหลัง ทำให้พ่อแม่หันมามองผมเป็นตาเดียว คือเอาจริงนะครับ เรื่องนี้มันก็นานมาแล้วตั้งแต่เด็ก เอามาเผาทำไมนี่เจ้“ลูกไปเล่นถึงในห้องนอนเขาเลยเหรอ” แม่เฟื่องฟ้าของผมเริ่มไม่สบอารมณ์“คุณ เด็ก ๆ มันเล่นกันใช่ไหม?” พ่อมงคลของผม เห็นนิ่ง ๆ แบบนี้ ช่วยผมตลอดแหละครับผมทำหน้าแหย มันเป็นเรื่องเก่ามาก ๆ จนผมเองยังแทบจะจำได้ไม่ได้ เจ้ดาวเรืองนี่“โอเคครับ ผมไปก็ได้ เย็นนี้นะ” ผมตัดบท เพราะดูท่าแม่ผมจะเริ่มไม่ชอบใจเท่าไร แม่เป็นคนที่ไม่ชอบให้คนในบ้านไปยุ่มย่ามอะไรในที่ของคนอื่น ไปเล่นไปคุยไปกินข้าวได้ แต่การเข้าไปถึงห้องนอน แม่ไม่ชอบครับแพลนของที่วางไว้หลังจากกลับมาบ้านคืออยากเข้าเมืองไปเซอร์เวย์ร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไป จนถึงร้านแบรนด์ดัง ซึ่งแพลนนั้นคือวันนี้นี่แหละผมไปขอยืมกุญแจรถของพ่อ ซึ่งพ่อบอกว่าให้ไปขอแม่ เพราะ แม่เป็นผู้ดูแลรถทั้งหมด ผมยังไม่อยากข
ยามเย็นอีก 15 นาทีจะ 4 โมงเย็น แสงแดดสีเหลืองเกือบแดง สาดส่องรอดช่องหน้าต่างห้องผมเข้ามา ตอนนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อย เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ตามสภาพอากาศที่ยังร้อน และร้อนอยู่อย่างนี้ก๊อก ก๊อก“เปิดมาเลยครับ” ผมตะโกนบอกเจ้ดาวเรืองเดินเข้ามาในชุดที่ดูไม่เหมือนชาวไร่เท่าไร นี่มันชุดอะไรวะ? นายพราน หรือทหารพราน! เสื้อยืดพับแขน กับกางเกงลายพราง“เจ้จะไปออกหน่วยพิทักษ์ป่าเหรอ” ผมถามติดตลก กลั้นขำไว้แทบไม่อยู่เมื่อมองสภาพโดยรวมอีกครั้ง“อะไรแก นี่แหละชุดประจำชาติของฉัน”เจ้แกพูดพร้อมก้มมองชุดของตัวเองสลับซ้ายขวาไปมาด้วยความภาคภูมิใจ“ถามจริง เจ้เป็นทอมรึเปล่าเนี่ยะ ใส่แต่ละชุด ไม่ออกพิทักษ์ป่า ก็เหมือนทหารพรานออกลาดตระเวน” ผมว่าตามที่เห็น ชุดเมื่อคืนที่ขับรถมารับผม เหมือนทหารหญิงครึ่งท่อน กางเกงลายพราง เสื้อสีดำ มาวันนี้เสื้อสีเขียวพับแขนซะสูง ยัดเสื้อในกางเกงลายพรางสีเขียวอีก“เข้าประเด็นดีมากแก” เจ้ดีดนิ้ว แล้วกระโดดไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงผม“เจ้ว่า เจ้ไม่ใช่ทอม ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงนะยะ”ผมพยักหน้าหงึก ๆ ประมาณว่า ‘เชื่อก็ได้’“เอาเป็นหญิงห้าวก่อนก็แล้วกันเจ้”ผมพยายามเดาว่าเจ้ห้าว มากกว่าเป็น
เจ้ดาวเรือง ขับรถพาผมเลี้ยวเข้ามาที่หน้าประตูบ้านไร่จินตรา ผมจำได้ว่าเมื่อสมัยเด็ก เราไม่ต้องอ้อมมาเข้าทางหน้าประตูแบบนี้ เราใช้วิธีลอดรั้วลวดหนามไปมาระหว่างกัน ซึ่งใช้เฉพาะพวกเด็ก ๆ อย่างผม ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็คงต้องเข้าตามเส้นทางที่เขาเข้ากันแหละเนอะ“เจ้ ไอ้ที่เราเคยมุดข้ามไปมา มันยังอยู่ไหม?” หลังจากนึกถึงวันเก่า ที่บังเอิญไปนึกถึงทางพิเศษที่สมัยเด็กเคยใช้เดินทางระหว่างไร่ ตอนนี้ไม่รู้มันเป็นยังไง“ตอนนี้ก่อรั้วเป็นอิฐสูงเท่าเอวยาวไปจนสุดเขตแล้วล่ะ” เจ้อธิบายขณะที่ผ่านประตูหน้าของไร่จินตราเข้าไป“มีปัญหากันเหรอ” ผมถามเพราะปกติไม่เคยเห็นต้องกั้นรั้วถาวรกันตั้งแต่แรก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามันจะเกิดปัญหาอะไร ยิ่งในขณะนี้ ผมกับเจ้กำลังจะไปร่วมกินอาหารเย็นกับพวกเขา“เปล่านะ มันกลายเป็นประตูต่างหาก”“อ้าว”ผมเหวอ แล้วทำไมต้องขับรถมาทางนี้ด้วยล่ะ เดินผ่านทางนั้น เดินชิว ๆ เลยนะ ผมไม่เข้าใจเจ้ดาวเรืองของผมจริง ๆ“เออน่า รอบหน้าค่อยเดินผ่านประตูด้านข้างก็แล้วกัน ไปเหอะ” เจ้ตัดบทเอาดื้อ ๆ เปิดประตูแล้วเดินลงไปรอผมที่
อาหารมื้อค่ำ ณ บ้านไร่จินตรา เป็นไปค่อนข้างดี น้าชายกับน้าหลินดูแลผมดี ส่วนออโต้ ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เขาพูดเรื่องอะไรมา ผมก็เออออไป เอาจริงนะ ผมจำหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาได้เลือนราง จนแอบเห็นเขาทำหน้ามึนกับเจ้ดาวเรือง“มันนานมาแล้วน่ะ” ผมใช้ประโยคนี้หลายรอบอยู่นอกนั้น เป็นน้าชายบ้าง น้าหลินบ้าง สลับกันถามผมไปมา เรื่องที่ถามเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป เรื่องอนาคตในไร่ (แอบจริงจัง) และตำหนิผมกับเจ้ดาวเรืองที่ไม่ยอมบอกเรื่องรับพระราชทานปริญญาบัตร“ขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ให้พ่อแม่บอกใครเอง มันเล็กน้อยครับ เรื่องใหญ่กว่าคือผมต้องกลับมาแล้วพัฒนาให้อะไร ๆ มันไปต่อได้ทันโลกครับ”คำพูดของผมทำให้น้าสมชายยิ้มร่า ขณะที่น้าหลินหันไปมองลูกชายสุดหล่อของตัวเองเป็นระยะ ๆ“ออโต้เรียนจบเกษตรที่นี่ หนูทานตะวัน ถ้ามีอะไรให้พวกน้าหลินช่วยบอกได้เลยนะ เราเหมือนญาติกัน ใช่ไหมดาวเรือง”ประโยคทิ้งท้ายของน้าหลิน ฟังแล้วแปลก แต่ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจ ส่วนเจ้ดาวเรืองของผมเหรอครับ รายนั้นอร่อยจัด มูมมาม ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี นี่ถ้าเจ้แกอ้วนนะ ผมจะเรียกว
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าช่างเป็นใจสุด ๆ อากาศเย็นชื้นสดชื่นบริสุทธิ์อยู่รายล้อมรอบตัว ผมตื่นขึ้นโดยไม่ต้องมีใครมาปลุก นั่นคงเพราะได้นอนอย่างเต็มอิ่มแปดชั่วโมงจริง ๆความจริงแล้ววันนี้ ผมกะว่าจะจัดห้อง ปรับปรุงให้ห้องมันเป็นห้องสำหรับผมหน่อย ความบ้าเทคโนโลยีของผม ทำให้ผมมีไอแพด แท็บเล็ต วินโดวส์แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก พีซีตัวแรง และมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ ของพวกนี้พ่อช่วยขนกลับมาก่อนที่ผมจะกลับ 5 วันตอนนี้มันกองอยู่ที่ปลายเตียงของผมโต๊ะทำงานขนาดใหญ่เข้ามุมใกล้พร้อมสำหรับทำงานแล้ว แต่พ่อบอกว่า มีห้องทำงานสร้างไว้อยู่อีกฟากของบ้าน เป็นออฟฟิศเล็ก ๆ ที่แม่เฟื่องฟ้าให้สร้างเพื่อเป็นสัดส่วน ทำให้ตอนกลางวัน พวกเราก็จะพบกันในห้องนั้นนั่นแหละผมเห็นว่าช่วงเช้ายังพอมีเวลาจึงยกพีซีกับจอใหญ่ของผมไปวางไว้ที่ห้องทำงานก่อน พอไปถึงก็พบกับเจ้ดาวเรืองในชุดเตรียมเข้าไร่“อ้าวแกตื่นแล้วเหรอ แล้วนี่ขนอะไรมา” เจ้ดาวเรืองมองพีซีในมือผม“จะเอามาทำเซิร์ฟเวอร์” ผมบอกแค่นี้พอ บอกมากกว่านี้จะเข้าใจอะไรบ้าง เจ้พยักหน้า แล้วเธอก็พาผมไปที่ห้องเล็กด้านหลังอีกห้
“แกไปนั่งกับออโต้ ฉันจะนั่งข้างหลังเอง” ว่าแล้วเจ้ก็กระโดดขึ้นท้ายรถอย่างชำนาญ ผมเลยไม่ต้องถามอีกว่าจะนั่งตรงไหน เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างออโต้อย่างไม่ลังเลรถเริ่มถอยหลัง มันเงียบกริบจริง ๆพอรถเริ่มออกตัว มันก็ไปได้ค่อนข้างช้าเพราะทางไม่ได้เรียบเหมือนถนนใหญ่ มันเป็นทางกรวดที่ทำไว้สำหรับใช้งานในไร่จริง ๆ“ไม่ชอบอะไรรึเปล่า ไม่ค่อยคุยกับเราเลย” ออโต้ที่กำลังขับรถ อยู่ดี ๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา“เปล่านิ เราเอ่อ ตะวันแค่กำลังปรับตัว” ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ไอ้ครั้นจะบอกว่าประหม่าเพราะแกแหละออโต้ มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ เดี๋ยวเกิดออโต้ไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดไว้ จะเข้าหน้าไม่ติด จะเกิดเรื่องแย่ขึ้นในรุ่นผมได้“ปรับตัวอะไร แต่เราว่าตะวันเงียบลงเยอะ สุขุม แล้วก็...” เขาหยุดพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปขับรถต่อผมที่ตั้งใจฟังก็คาใจสิ“ก็อะไร” ปากถาม มือเริ่มทำงานอย่างเคยชิน เอื้อมไปจับแขนเสื้อออโต้ไว้ คาดคั้น“น่ารักขึ้นมากด้วย” ออโต้พูดโดยไม่ได้หันมามองผม แต่สิ่งที่ฟ้องว่าเขาเองก็เขินมากอยู่นั่นคือ ‘หู’เอ ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ กลิ่นมันตุอยู่นะนายออ
ไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา ผมได้แต่ชะเง้อมองด้วยความทึ่ง คนงานบางส่วนที่กำลังออกไปเก็บองุ่น พอเห็นเจ้ดาวเรือง ต่างก็ตะโกนทักทาย ขณะเดียวกันเจ้ก็โบกมือทักทายกลับ แหม เจ้เรา แต่พอพวกนั้นเห็นผม ต่างก็ทำตาโต โดยเฉพาะพวกคนเก่าที่ยังมีเหลืออยู่หลายคนมองผมยังกะตัวประหลาด ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้จนผมต้องรีบโบกมือไปมา พร้อมตะโกนว่า “ไม่ต้องไหว้ครับ ไม่ต้อง โว้วว”เจ้ดาวเรืองกับออโต้พากันหัวเราะผม ผมไม่ชอบให้ใครมาไหว้นี่กว่าจะสงบได้ เฮ้อผมรีบพาตัวเองเดินเข้าไปที่โรงเก็บองุ่น ที่นี่ น่าจะเรียกว่าโรงงานได้ เพราะมีเครื่องจักร เครื่องมือประเภทสายพานลำเลียง มีโต๊ะสำหรับนั่งคัดขนาด ใช้แรงงานคนล้วน ๆ ครับ สาเหตุน่าจะเพราะมันเป็นแหล่งอาชีพให้กับชาวบ้านแถบนี้ด้วยตามที่พ่อเคยเล่าให้ฟังคนงานหลายคนมองหน้าผมแล้วเกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายมาก บางคนก็ก้มหน้างุดทำงานอย่างขยันขันแข็ง บางคนก็มองค้างอยู่อย่างนั้น น้องผู้หญิงหลายคนพอเห็นผมก็อายม้วนเป็นก้อนผ้าพับไปเลย หนักสุดก็คนชาย (ไม่แท้) สองสามคนหน้าแดงหันไปซุบซิบแล้วหัวเราะต่อกระซิกกันผมล่ะ กลอกตาไปมาสิครับ ทำอะไ
<<<Z>>> <<<Z>>> <<<Z>>>/สวัสดีครับ//เฮ้ย ตะวัน จำเราได้รึเปล่า?//หึ ใคร?//ฟังนะ กู ชื่อ นิค//หยาบคาย ไอ้นิค//เอ๊า ผมชื่อนิคครับคุณทานตะวัน//เออ ค่อยดูมีการศึกษาหน่อย//ปากเหมือนเดิมนะมึง//เออ... มีอะไร//กูจะไปเที่ยวบ้านมึง//ตอนไหน อีก 2 ชั่วโมง//ห่ะ!?//เออ ๆ มาถูกเหรอ//ไร่มันดึง จีพีเอส. พามาได้ เดี๋ยวเจอกัน/นิค และเพื่อนสมัยเรียนกำลังเดินทางมาหาผมแบบเซอร์ไพรส์ ไม่ให้ผมได้ตั้งตัวตามนิสัยของนิคที่เป็นมาตั้งแต่เรียนแล้ว ผมต้องไปบอกแม่เฟื่องฟ้าก่อน เพราะพวกนี้มาคือยังไงก็คงค้างคืน แต่จะกี่คืนก็ไม่รู้พวกมัน“แม่ครับเพื่อนผมจะมาจากกรุงเทพฯ สามถึงสี่คน” ผมบอกแม่ที่ตอนนี้กำลังนั่งเคลียร์บิลอยู่ในห้องทำงาน“ค้างคืนไหมลูก” แม่ถาม“ค้างแหละแม่ แต่พวกอาหารอะไรนี่ เตรียมทันไหมครับ” ผมถามแม่เรื่องอาหาร เพราะปกติพวกเราก็กินอะไรไม่เยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าพวกนี้มา ส
ไร่กรุณาธร ตั้งขึ้นโดยคุณปู่ของดาวเรืองและทานตะวัน ในยุคแรก หลังจากเรื่องการหาที่ดินเสร็จสิ้นลง เขากับเพื่อน (ปู่ของออโต้) เริ่มดำเนินการด้วยเงินของตัวเองที่ได้มาจากมรดกและการสนับสนุนจากพ่อแม่บางส่วน มาดำเนินการ เริ่มแรกมีบ้านเล็ก ๆ สำหรับเขาและเริ่มจ้างผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการขุดสระน้ำด้านหลังพร้อมติดตั้งระบบจ่ายน้ำเดินท่อเข้ามาที่บริเวณที่จะก่อสร้างแปลงปลูกต้นองุ่น ใช้พื้นที่กว้างถึง 1 ไร่ในช่วงแรก เพราะในพื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถปลูกต้นองุ่นได้ราว ๆ 130-140 ต้น เป็นองุ่นสายพันธุ์ที่สามารถปลูกในประเทศไทย ทนร้อนได้ดี และจำหน่ายได้ราคาเขาวางแผนว่าจะจำหน่ายองุ่นออกไปให้เกิดรายได้ก่อน ขณะที่โครงการผลิตไวน์ของเขา เกิดปัญหาที่เขาคาดเดาไว้แล้ว นั่นคือเขาไม่ชำนาญในเรื่องนี้มากพอ ต้องมีอะไรอีกหลายอย่าง รวมถึงอุปสรรคมากมายก่อนจะทำให้เกิดโรงผลิตไวน์ได้ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ไร่กรุณาธร ยังคงเป็นไร่ที่ปลูกองุ่นขายเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวเขาเองก็ยังคงศึกษาการทำไวน์ เดินทางเข้าไปที่มหาวิทยาลัยบ่อยเพื่อหาอาจารย์ที่สอนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดก็ยังมิอาจสานฝัน
บ้านไร่จินตราเป็นหนึ่งในไม่กี่ไร่ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งปี มีพืชผลมากมายที่ผลัดกันออกผลตามฤดูกาลและนอกฤดูกาลอัน เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์พืชใหม่ ๆ ที่ได้รับจากต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่ ในเรื่องของทำเลที่ตั้ง บ้านไร่จินตรา มีลักษณะที่ตั้งที่ดี ด้านหลังเป็นภูเขา มีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน น้ำมาจากป่าบนเขา ด้านหน้าของไร่มีคลองชลประทานจากภาครัฐ มีถนนลาดยางอย่างดีจากอำเภอผ่านเข้าสู่ตัวหมู่บ้านที่อยู่ถัดไป ด้านข้างเป็นภูเขาที่ยาวต่อมาจากด้านหลังขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นไร่กัลยาณมิตรกันมีชื่อว่า “ไร่กรุณาธร” ที่ทำไร่ลักษณะคล้ายกันแต่มี พัฒนาการพันธุ์พืชที่เป็นของตัวเองและเน้นองุ่นเป็นหลัก เพราะมี โรงงานบ่มไวน์องุ่นเป็นของตัวเอง ขณะที่บ้านไร่จินตราจะเน้นพืชผลที่ส่งขายได้ตลอดทั้งปีปัจจุบันบ้านไร่จินตราอยู่ภายใต้การดูแลของคุณสมชายหรือที่ชาว หมู่บ้านเรียกว่า ‘น้าชาย’มีภรรยาชื่อหลิน และลูกชายชื่อคชา หรือน้องออโต้ เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่ช่วยกันบริหารไร่ มีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และบ้านไร่จินตราแห่งนี้ เป็นแหล่งอาชีพเล็ก ๆ ให้กับชาวหมู่บ้านแถบนั้นอีกด้วย
เรื่องราวของออโต้กับทานตะวัน ในทีแรกก็มีคนงานในไร่ทั้งสอง เอามาพูดคุยกันเรื่องที่ว่าผู้ชายรักผู้ชาย โดยเฉพาะไร่กรุณาธร แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอันเงียบหายไปเพราะมีคนงานอีกกลุ่มที่เปิดตัวเป็น LGBTQIA+ อยู่แล้วสามคนช่วยจัดการ‘แก๊งนารีผล’แก๊งนี้เปิดตัวขึ้นหลังจากทราบข่าวว่าออโต้กับทานตะวันคบหากันจริง ๆ แถมสุดท้าย ดาวเรืองดึง ‘แก๊งนารีผล’ มาเป็นทีมงาน คิว.ซี. และทีมเลขาให้กับตัวเองด้วย“พวกนี้เก่ง แถมยังปลื้มพวกเธอทั้งสองคนด้วยนะจ๊ะ” เจ้ดาวเรืองบอกกับทานตะวันและออโต้“สงสัยต้องนัดพวกน้อง ๆ มากินมื้อพิเศษแล้วล่ะ” ออโต้ทำพูดเล่น แต่ดาวเรืองกลับจริงจังขึ้นมา“จะดีเหรอเจ้” ทานตะวันไม่แน่ใจ“ดีสิ พวกนี้กลายเป็นสมุนเจ้ไปเรียบร้อยแล้ว” ดาวเรืองกอดอกอวดให้พวกเขาฟัง ดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับดาวเรืองที่จะมีลูกน้องคอยช่วยดูแลงานในไร่ และเป็นเพื่อนสายวายเหมือนกับเธอ“แล้วแต่เจ้เลย” ทานตะวันส่ายหน้าระอากับพี่สาวตัวเอง“พวกนางฝากถามมาถึงด้วยนะ” ดาวเรืองพูดพลางยกหลักฐานในมือถืออวดทา
Part ทานตะวันหลังจากที่ตกลงกับออโต้เป็นแฟนกัน ชีวิตไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนอกจากตัวติดกันมากขึ้นกว่าเดิม ในทีแรกผมก็มีความกังวลอยู่นิดหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา ภูเก็ต ที่จะมีผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือกันได้อย่างไม่ต้องเกรงสายตาใคร ซึ่งผมกับออโต้ก็ไม่มีโมเมนต์นั้นอยู่แล้ว‘ไม่ได้แคร์ แต่เกรงใจพ่อแม่ครับ’ดังนั้นการไปไหนมาไหนของเรา ก็ดูออกแหละว่าไม่ใช่เพื่อน แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร จริงนะหลัง ๆ มาออโต้แทบไม่ได้กลับบ้านเลย! นอกจากผมจะไปค้างที่บ้านเขา ในภายหลังจึงต้องตกลงกันว่าเราจะสลับวัน จันทร์ - อังคารอยู่บ้านผม พุธ - พฤหัสบดี อยู่บ้านออโต้ ศุกร์-เสาร์อยู่บ้าน ส่วนวันอาทิตย์ ก็ดูความเหมาะสมกันครับแม้จะตกลงกันอย่างนี้ แต่สุดท้าย ออโต้ก็มักจะนอนที่ห้องผมซะส่วนมากสืบจากลูกน้องของเจ้ดาวเรือง ‘แก๊งนารีผล’ ตูน แองจี้ และแจ๋ม ซึ่งเป็นคนงานวัยรุ่นในหมู่บ้านที่ถัดจากไร่ไป ได้ขอรูปผมกับออโต้ไปลงในเพจหมู่บ้าน ปร
แต่แล้วคนที่พูดกลับกลายเป็นน้าชายซะงั้น“น้าคิดว่าน้าไม่โอเค หากออโต้จะชอบผู้ชาย...คนอื่นนะ” น้าชายตัดจบง่าย ๆ“สำหรับน้า ก็คงเหมือนกับน้าชาย แต่น้ามีข้อแม้นะ เดี๋ยวจะบอกให้ ขอฟังความเห็นของเพื่อนบ้านก่อน” น้าหลินขยิบตามาให้ลูกชายตัวเอง ผมรับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องดีแหละผมหันไปมองพ่อแม่ของผมเอง นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจหมับ!!ผมสะดุ้งจนแม้แต่เจ้ดาวเรืองหันต้องหันมามองออโต้คว้ามือผมมาจับไว้ผมมองหน้าออโต้ เขานิ่งมาก กลายเป็นผมซะเองที่เสียอาการ“ออโต้ น้าถามหน่อย คิดยังไงกับเจ้าทานตะวันลูกของน้า” พ่อมงคลของผมเอาแล้วไงครับ สไตล์การถามที่ลูกได้รับการถ่ายทอดมาอย่างเต็ม ๆ นี่แหละพ่อมงคล ไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็ตรง ๆ แบบนี้เลยออโต้กำมือผมแน่นขึ้น เออ! ลืมไปเลยว่าเรานั่งจับมือกันอยู่ ฉิบ... ชักมือออกตอนนี้คงไม่ดีแน่ ปล่อยไว้ก่อน“ผม... ผมชอบทานตะวันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ”“...”เงียบ“กรี๊ดดดดด อุ๊บ อุ๊บ หนูบอกแล้ว” เจ้ดาวเรืองเผลอกรี๊ด
“อะ ไก่ทอด” ออโต้ตักน่องไก่ให้ผม“ตักเองได้น่า” ผมตักได้เองจริง ๆ“แหมแก เขาตักให้ก็ขอบคุณสิคะ ไม่น่ารักเลย” เจ้ดาวเรืองกลับไปเข้าข้างออโต้ซะงั้น“เออ ขอบคุณนะ” ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย ทุกทีกินข้าวด้วยกันก็ไม่เห็นจะตักให้ มาวันนี้เกิดอยากสำแดงอะไรต่อหน้าพ่อแม่กันล่ะครับ“คนงานเป็นไงบ้างตอนนี้” ฝ่ายผู้ใหญ่เริ่มเปิดประเด็นแล้ว นั่นคือพ่อผมเอง“ก็เรียกมาคุยทั้งไร่เรียบร้อย ตะวันกับออโต้ก็อยู่ด้วยนะ” น้าชายตอบ“เฮ้อ อย่างว่า ลูกน้องเขาก็คงรักพวกนายมาก ๆ ไม่งั้นจะทำอย่างนี้เหรอ ใช่ไหม?” พ่อมงคลอของผมให้ความเห็น ข้อดีของพ่อก็คือเขามักจะคิดบวกเสมอ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถ้าคิดบวกมันก็คือดี แต่ที่แย่คือใจดำไปหน่อยปล่อยให้ผมรอกลางฝนแบบนั้น“แล้วตายิ้มที่ป้อมหน้าล่ะ” แม่เฟื่องฟ้าถามถึงที่ไม่ยอมปล่อยให้ผมเข้ามาในไร่“อือม จริงสิ เงียบไปเลยหลังจากเรียกประชุม ตอนนั้นแกก็ดูจะหลบ ๆ หน้าอยู่” น้าสมชายบอกกับแม่เฟื่องฟ้า“อย่าไปทำอะไรเขาล่ะ” พ่อผมพูดติดตลก“ก็คงไม่หรอก เพราะตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าลู
คนงานในไร่จินตราทยอยเดินเข้ามาในห้องโถงกลางบ้านที่ตอนนี้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้รอรับ แต่ละคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไร บางคนก็มีท่าทีวิตกอย่างเห็นได้ชัดสมชายผู้เป็นใหญ่ที่สุดในไร่ออกมานั่งที่เก้าอี้รับแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีหลินผู้เป็นภรรยานั่งอยู่ข้าง ๆ และเมื่อออโต้ลงมาจากชั้นบนพร้อมทานตะวันและดาวเรือง บรรดาคนงานยิ่งมีอาการวิตกกังวลกันมากขึ้น ต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาที่เย็นเยือกของสมชายอย่างเห็นได้ชัดเจน“นั่งตรงนี้ลูก” หลินหันไปบอกทั้ง 3 คนให้นั่งตรงชุดโซฟาที่ถัดออกไปสมชายลุกขึ้นยืน คนงานพากันเงียบลงในทันที“มากันครบแล้วใช่ไหม ยิ้มมารึยัง”“มะ มาแล้วครับ” ตายิ้มที่นั่งอยู่ด้านหลังยกมือขึ้น“ดี”สมชายกวาดตามองคนงานเรียงจากซ้ายไปขวา ส่วนมากจะนั่งก้มหน้ากันมากกว่า เหมือนรู้ว่าสิ่งที่สมชายจะพูดต่อจากนี้คืออะไร“พี่ไม่รู้นะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ไร่ของเราไม่เคยมีมาก่อน” สมชายหยุดหายใจ“ไร่ของเรากับไร่กรุ
+++++ตะวันกลับออกมาด้วยเสื้อผ้าของผม“น่ารักว่ะ”“อะไร!?” ตะวันทำหน้าตื่นเมื่อผมชมว่าน่ารักแต่ตะวันก็คือตะวัน เขาเปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นตัวเองอย่างเร็ว“เรามารอเพื่อเอาหลักฐานมาให้ดูว่าบ้านเราบริสุทธิ์”ตะวันพยายามยื่นมือถือมาให้ผม“เชื่อแล้ว...” ผมตอบ“อะไร ทำไมเชื่อง่าย ๆ ทีก่อนหน้านี้ ไม่ยอมเจอเลย ปิดบ้านหนีอีกต่างหาก” ตะวันก็ยังคงเป็นตะวัน เขาเริ่มเปลี่ยนเป็นโวยวายจนผมต้องรีบยกมือห้าม“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ไหนหลักฐานที่อยากให้ฟัง เปิดให้ฟังสิ” ผมรีบห้ามก่อนที่ตะวันจะโวยวายไปมากกว่านี้ตะวันยอมสงบ เขากดเปิดเสียงให้ผมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ“เชื่อตะวันแล้วใช่ไหม”“ก็ไม่เคยไม่เชื่อนะ” ผมตอบจากใจ“เอ้าแล้วทำไมปิดเครื่องหนี ติดต่ออะไรไม่ได้ ปิดประตูทุกช่องทาง” ตะวันกลับมาเริ่มโวยวายอีกจนผมต้องใช้ไม้ตายหมับ!ผมกอดตะวันไว้แน่น ตะวันเริ่มหายใจราบเรียบขึ้น ผมสัมผัสได้ว่าหัวใจของตะวันเต้นแรงและเร็ว ซึ่งไม่ต่างจากผมในตอนนี้ที่&