เจ้ดาวเรือง ขับรถพาผมเลี้ยวเข้ามาที่หน้าประตูบ้านไร่จินตรา ผมจำได้ว่าเมื่อสมัยเด็ก เราไม่ต้องอ้อมมาเข้าทางหน้าประตูแบบนี้ เราใช้วิธีลอดรั้วลวดหนามไปมาระหว่างกัน ซึ่งใช้เฉพาะพวกเด็ก ๆ อย่างผม ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็คงต้องเข้าตามเส้นทางที่เขาเข้ากันแหละเนอะ“เจ้ ไอ้ที่เราเคยมุดข้ามไปมา มันยังอยู่ไหม?” หลังจากนึกถึงวันเก่า ที่บังเอิญไปนึกถึงทางพิเศษที่สมัยเด็กเคยใช้เดินทางระหว่างไร่ ตอนนี้ไม่รู้มันเป็นยังไง“ตอนนี้ก่อรั้วเป็นอิฐสูงเท่าเอวยาวไปจนสุดเขตแล้วล่ะ” เจ้อธิบายขณะที่ผ่านประตูหน้าของไร่จินตราเข้าไป“มีปัญหากันเหรอ” ผมถามเพราะปกติไม่เคยเห็นต้องกั้นรั้วถาวรกันตั้งแต่แรก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามันจะเกิดปัญหาอะไร ยิ่งในขณะนี้ ผมกับเจ้กำลังจะไปร่วมกินอาหารเย็นกับพวกเขา“เปล่านะ มันกลายเป็นประตูต่างหาก”“อ้าว”ผมเหวอ แล้วทำไมต้องขับรถมาทางนี้ด้วยล่ะ เดินผ่านทางนั้น เดินชิว ๆ เลยนะ ผมไม่เข้าใจเจ้ดาวเรืองของผมจริง ๆ“เออน่า รอบหน้าค่อยเดินผ่านประตูด้านข้างก็แล้วกัน ไปเหอะ” เจ้ตัดบทเอาดื้อ ๆ เปิดประตูแล้วเดินลงไปรอผมที่
อาหารมื้อค่ำ ณ บ้านไร่จินตรา เป็นไปค่อนข้างดี น้าชายกับน้าหลินดูแลผมดี ส่วนออโต้ ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เขาพูดเรื่องอะไรมา ผมก็เออออไป เอาจริงนะ ผมจำหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาได้เลือนราง จนแอบเห็นเขาทำหน้ามึนกับเจ้ดาวเรือง“มันนานมาแล้วน่ะ” ผมใช้ประโยคนี้หลายรอบอยู่นอกนั้น เป็นน้าชายบ้าง น้าหลินบ้าง สลับกันถามผมไปมา เรื่องที่ถามเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป เรื่องอนาคตในไร่ (แอบจริงจัง) และตำหนิผมกับเจ้ดาวเรืองที่ไม่ยอมบอกเรื่องรับพระราชทานปริญญาบัตร“ขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ให้พ่อแม่บอกใครเอง มันเล็กน้อยครับ เรื่องใหญ่กว่าคือผมต้องกลับมาแล้วพัฒนาให้อะไร ๆ มันไปต่อได้ทันโลกครับ”คำพูดของผมทำให้น้าสมชายยิ้มร่า ขณะที่น้าหลินหันไปมองลูกชายสุดหล่อของตัวเองเป็นระยะ ๆ“ออโต้เรียนจบเกษตรที่นี่ หนูทานตะวัน ถ้ามีอะไรให้พวกน้าหลินช่วยบอกได้เลยนะ เราเหมือนญาติกัน ใช่ไหมดาวเรือง”ประโยคทิ้งท้ายของน้าหลิน ฟังแล้วแปลก แต่ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจ ส่วนเจ้ดาวเรืองของผมเหรอครับ รายนั้นอร่อยจัด มูมมาม ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี นี่ถ้าเจ้แกอ้วนนะ ผมจะเรียกว
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าช่างเป็นใจสุด ๆ อากาศเย็นชื้นสดชื่นบริสุทธิ์อยู่รายล้อมรอบตัว ผมตื่นขึ้นโดยไม่ต้องมีใครมาปลุก นั่นคงเพราะได้นอนอย่างเต็มอิ่มแปดชั่วโมงจริง ๆความจริงแล้ววันนี้ ผมกะว่าจะจัดห้อง ปรับปรุงให้ห้องมันเป็นห้องสำหรับผมหน่อย ความบ้าเทคโนโลยีของผม ทำให้ผมมีไอแพด แท็บเล็ต วินโดวส์แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก พีซีตัวแรง และมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ ของพวกนี้พ่อช่วยขนกลับมาก่อนที่ผมจะกลับ 5 วันตอนนี้มันกองอยู่ที่ปลายเตียงของผมโต๊ะทำงานขนาดใหญ่เข้ามุมใกล้พร้อมสำหรับทำงานแล้ว แต่พ่อบอกว่า มีห้องทำงานสร้างไว้อยู่อีกฟากของบ้าน เป็นออฟฟิศเล็ก ๆ ที่แม่เฟื่องฟ้าให้สร้างเพื่อเป็นสัดส่วน ทำให้ตอนกลางวัน พวกเราก็จะพบกันในห้องนั้นนั่นแหละผมเห็นว่าช่วงเช้ายังพอมีเวลาจึงยกพีซีกับจอใหญ่ของผมไปวางไว้ที่ห้องทำงานก่อน พอไปถึงก็พบกับเจ้ดาวเรืองในชุดเตรียมเข้าไร่“อ้าวแกตื่นแล้วเหรอ แล้วนี่ขนอะไรมา” เจ้ดาวเรืองมองพีซีในมือผม“จะเอามาทำเซิร์ฟเวอร์” ผมบอกแค่นี้พอ บอกมากกว่านี้จะเข้าใจอะไรบ้าง เจ้พยักหน้า แล้วเธอก็พาผมไปที่ห้องเล็กด้านหลังอีกห้
“แกไปนั่งกับออโต้ ฉันจะนั่งข้างหลังเอง” ว่าแล้วเจ้ก็กระโดดขึ้นท้ายรถอย่างชำนาญ ผมเลยไม่ต้องถามอีกว่าจะนั่งตรงไหน เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างออโต้อย่างไม่ลังเลรถเริ่มถอยหลัง มันเงียบกริบจริง ๆพอรถเริ่มออกตัว มันก็ไปได้ค่อนข้างช้าเพราะทางไม่ได้เรียบเหมือนถนนใหญ่ มันเป็นทางกรวดที่ทำไว้สำหรับใช้งานในไร่จริง ๆ“ไม่ชอบอะไรรึเปล่า ไม่ค่อยคุยกับเราเลย” ออโต้ที่กำลังขับรถ อยู่ดี ๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา“เปล่านิ เราเอ่อ ตะวันแค่กำลังปรับตัว” ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ไอ้ครั้นจะบอกว่าประหม่าเพราะแกแหละออโต้ มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ เดี๋ยวเกิดออโต้ไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดไว้ จะเข้าหน้าไม่ติด จะเกิดเรื่องแย่ขึ้นในรุ่นผมได้“ปรับตัวอะไร แต่เราว่าตะวันเงียบลงเยอะ สุขุม แล้วก็...” เขาหยุดพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปขับรถต่อผมที่ตั้งใจฟังก็คาใจสิ“ก็อะไร” ปากถาม มือเริ่มทำงานอย่างเคยชิน เอื้อมไปจับแขนเสื้อออโต้ไว้ คาดคั้น“น่ารักขึ้นมากด้วย” ออโต้พูดโดยไม่ได้หันมามองผม แต่สิ่งที่ฟ้องว่าเขาเองก็เขินมากอยู่นั่นคือ ‘หู’เอ ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ กลิ่นมันตุอยู่นะนายออ
ไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา ผมได้แต่ชะเง้อมองด้วยความทึ่ง คนงานบางส่วนที่กำลังออกไปเก็บองุ่น พอเห็นเจ้ดาวเรือง ต่างก็ตะโกนทักทาย ขณะเดียวกันเจ้ก็โบกมือทักทายกลับ แหม เจ้เรา แต่พอพวกนั้นเห็นผม ต่างก็ทำตาโต โดยเฉพาะพวกคนเก่าที่ยังมีเหลืออยู่หลายคนมองผมยังกะตัวประหลาด ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้จนผมต้องรีบโบกมือไปมา พร้อมตะโกนว่า “ไม่ต้องไหว้ครับ ไม่ต้อง โว้วว”เจ้ดาวเรืองกับออโต้พากันหัวเราะผม ผมไม่ชอบให้ใครมาไหว้นี่กว่าจะสงบได้ เฮ้อผมรีบพาตัวเองเดินเข้าไปที่โรงเก็บองุ่น ที่นี่ น่าจะเรียกว่าโรงงานได้ เพราะมีเครื่องจักร เครื่องมือประเภทสายพานลำเลียง มีโต๊ะสำหรับนั่งคัดขนาด ใช้แรงงานคนล้วน ๆ ครับ สาเหตุน่าจะเพราะมันเป็นแหล่งอาชีพให้กับชาวบ้านแถบนี้ด้วยตามที่พ่อเคยเล่าให้ฟังคนงานหลายคนมองหน้าผมแล้วเกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายมาก บางคนก็ก้มหน้างุดทำงานอย่างขยันขันแข็ง บางคนก็มองค้างอยู่อย่างนั้น น้องผู้หญิงหลายคนพอเห็นผมก็อายม้วนเป็นก้อนผ้าพับไปเลย หนักสุดก็คนชาย (ไม่แท้) สองสามคนหน้าแดงหันไปซุบซิบแล้วหัวเราะต่อกระซิกกันผมล่ะ กลอกตาไปมาสิครับ ทำอะไ
เดือนมิถุนายนของทุกปี หากเป็นที่กรุงเทพฯ ฯ ผมต้องพกร่มออกไปเรียนเป็นประจำ รวมถึงระยะหลังต้องหากระเป๋ากันน้ำด้วย มันไม่คุ้มเลยหากชีตที่ได้มาจะเปียกจนขาด อ่านไม่ได้ ต้องไปรบกวนเพื่อน ๆ อีกช่วงที่เรียนปี 3 ปี 4 ดีหน่อยที่เอกสารเกือบทั้งหมด อาจารย์ส่งให้ทางอีเมล เป็นพีดีเอฟ. ที่ไม่ต้องเปลืองกระดาษ แค่ต้องปรับตัวกับมันนิดหน่อย สำหรับผมแล้ว เรื่องจิ๊บ จิ๊บ มากเวลานี้ ไร่กรุณาธรมีระบบเครือข่ายไร้สายครบถ้วนแล้ว แต่ปัญหายังมีอยู่บ้างเรื่องสัญญาณที่ส่งไปท้ายไร่ ตอนหลังผมเลยแก้ปัญหาด้วยการใช้แอร์การ์ดแยกระบบออนไลน์ท้ายไร่ออกเป็นอีกส่วน เพื่อใช้ในการควบคุมกล้องวงจรปิด ซึ่งมันก็ได้ผล และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อย เพราะผมใช้แบบมัลติซิมการ์ด เบอร์เดียวแยกออกเป็นสองซิม แค่นี้ก็ควบคุมได้ไม่ยากอีกประการที่เป็นปัญหาคืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาก ๆ ยังมาไม่ถึงอำเภอนี้ แต่จากการสอบถามทางหน่วยที่ให้บริการแจ้งว่ากำลังขยายเคเบิ้ลมา หากมีโหนด*มาขยายใกล้ ๆ ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเหมือนในเมืองได้เช่นกัน‘ก็หวังว่าจ
หลังจากกินอาหารเที่ยงกันเรียบร้อย ออโต้ลงไปนอนกลิ้งที่เตียงผมจนผล็อยหลับไป ส่วนผมกำลังเริ่มลงมือทำงานต่อแต่หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนผมหันไปมองที่เตียง อ้าว แขกแก้วของผมจมหายไปกับผ้านวมเรียบร้อย คงเป็นแบบเดียวกับผม ยิ่งเจอกับอากาศเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศด้วย ไม่แปลกที่ผู้มาเยือนจะหลับจมอยู่กับผ้านวมนุ่มนิ่มแบบนั้นผมผลักออโต้ให้กลิ้งไปอีกฟากของเตียง ขอเจ้าของห้องงีบบ้างสิครับ คุณชายแล้วผมก็หลับกลางวันตามแขกอย่างรวดเร็ว แหมคนมันง่วงนี่นา+++++ผลั๊ก!“แก ฉันกลับมาแล้ว ว้าย!!!”เสียงร้องของเจ้ดาวเรืองทำให้ผมกับออโต้ตื่นจากการนอนกลางวัน แล้วนี่เจ้จะร้องทำไมวะ เสียงดังมาก“แก...แก...นอนกอดกัน...กรี๊ดด”เจ้ดาวเรืองตอนนี้เหมือนหญิงเสียสติ กรีดร้องแต่ตาโตมองผมกับออโต้ตาค้างผมที่ขณะนี้สติกลับมาแล้ว มองตัวเองก็ถึงกับตกใจ ผมอยู่ในอ้อมกอดของออโต้ที่ยังงัวเงีย ที่สำคัญคือ“ออโต้...” ผมแทบตะโกนใส่หูแขกผู้มาหลับในห้องผม“อะไร เสียงดังมาก”“กอด... นายกอดเรา”“นายก็กอด
หลังจากที่ ‘รถถัง’ เข้ามาอยู่ในไร่กรุณาธร สิ่งที่รถถังแปลกและไม่เหมือนวัวตัวอื่น ๆ คือ รถถังเป็นวัวที่พูดรู้เรื่อง และมีนิสัยคล้ายเจ้าของ นั่นคือคล้ายกับเจ้ดาวเรืองนั่นเองเนื่องจากไร่ของเราไม่ได้เป็นไร่สำหรับการท่องเที่ยวอะไร หรือเรียกง่าย ๆ ว่าไร่ระบบปิด ไม่ได้เปิดให้เป็นคนทั่วไปมาเที่ยวเหมือนไร่ที่เขาทำกัน แต่มีผู้สนใจได้ยินข่าวนิด ๆ หน่อย ๆ มาจากในจังหวัด แล้วอยากเข้ามาเที่ยวชม ซึ่งทางเราและทางบ้านไร่กรุณาธร ต่างก็ปฏิเสธเหมือนกัน เว้นแต่ว่าทางการมีหนังสือมาขอเข้าตรวจเยี่ยมชม หรือตรวจมาตรฐานการผลิต อันนี้เรายินดีเต็มที่อยู่แล้ว ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ทางไร่เราเน้นที่สุดในตอนแรกผมกับเจ้เคยคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอาหารของเจ้ารถถัง คือเรามีอาหารเสริมอย่างอื่นตามที่ทางเกษตรอำเภอแนะนำ ที่เรากลัวกันคือ ‘กลัวหญ้าไม่พอให้รถถังบริโภค’ปัญหานี้ในขณะนี้ตัดไปได้เลยครับคุณชายออโต้จัดให้ บวกกับในตอนนี้ไร่เราปลูกหญ้าเอาไว้ให้เจ้ารถถังอีกส่วนหนึ่ง พ่อเลยให้จ้างพนักงานในไร่แบบรายวันเข้ามาทำความสะอาดที่พักของเจ้ารถถัง และเกี่ยวหญ้ามาเก็บไว้ให้มันกินด้วย ว่าง่าย ๆ คื
Part ทานตะวันผมจ้องมองหน้าจอจนแน่ใจว่าไฟล์เสียงที่เจ้ดาวแชร์มาให้ มันเป็นคลิปจากเครื่องของเจ้เองและจากเครื่องของพี่อัค ตอนนี้ส่งมาครบถ้วนแล้วขณะนั้นเองท้องฟ้าเมฆดำอิ่มตัว เริ่มร้องคำราม ฝนน่าจะตกหนักในไม่ช้า ผมเห็นเจ้ดาวกับพวกพากันวิ่งออกไปเก็บลังผลไม้หน้าร้านเพื่อไม่ให้ถูกฝนเข้ามาในร้าน ผมจึงคิดได้ว่าถ้ารีบไปหาออโต้แล้วทำความเข้าใจกับเขาโดยให้ฟังคลิปเสียงนี้ เขาน่าจะเข้าใจผมมากขึ้นรออะไรล่ะ ไปสิครับ ก่อนที่ฝนจะลง ผมเดินออกทางหลังร้านลัดไปยังลานจอดรถเพื่อขับรถไปไร่กรุณาธร ซึ่งผมก็คงต้องจอดอยู่แค่หน้าไร่นั่นแหละ ตายิ้มแกคงไม่ยอมให้ผมเข้าไปอยู่ แต่เรื่องแบบนี้มันก็ต้องเสี่ยงใช่ไหมผมเงยหน้ามองท้องฟ้าเมื่อลงจากรถ ฝนใกล้จะตกเต็มแก่แล้ว แต่มันยังไม่เท่ากับความต้องการพิสูจน์ให้ออโต้ได้รู้ว่าบ้านผมบริสุทธิ์ใจจริงผมเดินไปที่ป้อมหน้าของบ้านไร่กรุณาธร เห็นตายิ้มยืนมองอยู่ก็รู้แล้วว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น“ตายิ้ม ผมมาหาออโต้”“คุณกลับไปเถอะครับ” ตายิ้มพูดอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นชั่วโมงกว่า ๆ อัคก็เดินทางมาถึงไร่ ดาวสั่งให้ป้อมหน้าเปิดรอรับประดุจแขกวีไอพี. เดินทางมาเที่ยวชมไร่เลยค่ะ แต่เปล่านะคะ ที่จริงเตรียมการสอบสวนอย่างเข้มงวดไว้รอต่างหาก“เข้ามาก่อนตรงนี้เลยครับ” ทานตะวันเชื้อเชิญเพื่อนของดาวเข้าบ้านอย่างเสแสร้ง แต่พอให้หลังอัค ทานตะวันก็กดล็อกประตูหน้าบ้านทันที น้องฉันไม่ธรรมดาเหมือนกันส่วนดาวในตอนนี้ได้เตรียมภาพเอกสารหลักฐานและหันกล้องวงจรปิดที่อัดเสียงได้มาเตรียมรอ รู้ค่ะว่ามันผิดกฎหมาย แต่ทำยังไงได้คะ จะจับผู้ร้ายมันก็ต้องเก็บหลักฐานสิคะอัคนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางกระตือรือร้น มองซ้ายมองขวากวาดตา มองไปรอบห้อง“นายมองหาอะไรอัค” ดาวถามเพื่อนเสียงต่ำ เวลานี้บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึมครึมขึ้นมา แม่บ้านเดินมาเสิร์ฟน้ำด้วยท่าทีมึนตึงตึ๊ก...แม่บ้านวางแก้วกระแทกโต๊ะ อัคสะดุ้งเฮือก แต่กิริยากลับไม่มีใครต่อว่า ใครจะว่าล่ะค่ะ ทุกอย่าง...‘การละคร’ ค่ะทานตะวันเข้าไปนัดแนะให้พี่แม่บ้านทำมึนตึงออกไปเสิร์ฟน้ำ ซึ่งอาการของอัคทำใ
Part ดาวเรืองดาวรู้เรื่องที่น้าชายเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จากทานตะวัน จึงพยายามติดต่อกลับไปเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่า ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นน้าสมชายเอง น้าหลิน และออโต้ ไม่มีใครรับสายหรืออ่านข้อความ เดาว่าน่าจะยุ่งอยู่กับเรื่องอุบัติเหตุ จึงบอกกับทานตะวันว่ารุ่งขึ้นให้ลองติดต่ออีกทีรุ่งขึ้น แม่เฟื่องฟ้าบอกว่าติดต่อกับน้าหลินได้แล้ว น้าหลินบอกว่าน้าสมชายไม่เป็นอะไรมากขณะที่ดาวกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่เฟื่องฟ้า พ่อมงคลก็เข้ามาสมทบ แล้วบอกว่า ระหว่างพ่อแม่ กับน้าชายน้าหลิน เราเชื่อใจกัน แต่ก็คงต้องหาข้อมูลว่ามันเป็นการข่มขู่ หรืออุบัติเหตุจริง ๆ“คุณดาวเรือง พี่มีเรื่องจะรายงานและแจ้งข่าวครับ”พี่ไม้ ผู้ดูแลน้องรถถังของดาว โผล่หน้าเข้ามาด้วยความไม่แน่ใจว่าจะสะดวกรึเปล่า“เข้ามาสิพี่ น้องรถถังไปทำเรื่องอะไรอีกล่ะ” ดาวคิดว่าเป็นเรื่องของรถถัง แต่กลับไม่ใช่“ไม่ใช่รถถังครับ แต่เป็นเรื่องที่ตอนนี้กำลังเกิด เรื่องไร่ข้าง ๆ ครับ”
ผมเดินลงมาจากบ้านเพื่อจะไปดูรถของพ่อที่พี่ผันขับมาจอดไว้ที่หน้าบ้านแล้ว แต่กลับพบว่าตายิ้มกับพี่ผันยืนรอผมอยู่“รถเป็นไงบ้างพี่” ผมถามพี่ผัน“ผมขับรถกลับมาแล้ว รถเสียศูนย์ต้องไปตั้งศูนย์ใหม่ แล้วก็กันชนบุบนิดหน่อย ไฟแตกข้างซ้าย ที่เหลือไม่เป็นอะไรครับ”พี่ผันรายงาน“ส่วนอีกเรื่อง มีข่าวลือว่าที่คุณสมชายโดนรถปาดหน้า จะเป็นเพราะไม่ยอมขายที่รึเปล่า แบบว่าข่มขู่เหมือนในละครน่ะ” ตายิ้มที่นาน ๆ จะพูดที ร่ายยาวผมเอง ในตอนแรกไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้เลย กลับต้องมาฉุกคิดทันที เพราะพ่อสมชายอยู่มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเลย สักครั้งก็ไม่เคยมีแต่พอมีนายหน้ามาติดต่อจะซื้อที่ดิน แล้วพ่อไม่ยอมขาย หลังจากนั้นก็เกิดเรื่อง เวลามันคล้องจองมาก“แล้วยังไงต่อตายิ้ม” ผมเห็นว่าแกยังฮึดฮัดอยู่กับพี่ผัน เหมือนพี่ผันไม่อยากให้ตายิ้มพูดอะไรต่อ“มีอะไรว่ามาเลยตายิ้ม พี่ผัน ให้แกพูดเถอะ”ผมปรามพี่ผัน ทำให้พี่ผันจำยอม ถอยห่างออกจากตายิ้ม“คื
Part ออโต้ช่วงนี้งานเยอะครับ หลังจากที่พ่อตัดสินใจว่าเพิ่มกำลังการผลิตพืชไฮโดรโปนิกส์ให้มากขึ้น ทันต่อปริมาณการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นมาอย่างพรวดพราดอันเกิดจากการเปิดไร่เข้าสู่โลกออนไลน์เรื่องนี้ยกให้ทานตะวันเขาล่ะครับความสนิทของเราทั้งสองกลับมาได้ดีกว่าเดิมมาก นั่นอาจเป็นเพราะเราทั้งคู่โตขึ้นมาก รึเปล่า?แต่ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาไปเจอทานตะวันเท่าไร เวลาเขามา หากไม่ได้บอกไว้ก่อน ก็ต้องเข้าไร่ไปหาผมอีกที คุยอะไรก็ไม่ถนัดเพราะมันอยู่ในโรงปลูกไฮโดรโปนิกส์ มีคนงานหลายคน สำคัญคือมันร้อน ทานตะวันไม่ชอบสิ่งนี้ครับขณะที่ผมกำลังช่วยปรับสารเคมีสำหรับใช้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ผมเห็นพ่อนั่งพักร้อนอยู่ใต้ต้นไม้หน้าโรง จึงพักงานแล้วออกไปนั่งคุยด้วยพ่อเล่าให้ผมฟัง ว่ามีนายหน้าเข้ามาสอบถามว่าอยากขายที่ดินไหม ผมขมวดคิ้วทันที ส่วนพ่อ พอเห็นผมขมวดคิ้วก็หัวเราะเบา ๆ ออกมา“ปฏิเสธไปแล้วน่ะ เขาก็ไม่อะไรนะ แต่ถือว่ากล้าบ้าบิ่นมากที่ใช้ความเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารอ
Part ทานตะวันผมหลับไปตอนไหน จำไม่ได้จริง ๆ แต่พอตื่นขึ้นมา มันปวดหัวเหมือนคนดื่มเหล้ามาแบบสุดซอย ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว ใช่แล้ว วันนี้ผมมีธุระสำคัญอย่างหนึ่ง และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดหัวใช่แล้ว ผมต้องไปหาออโต้กิจวัตรยามเช้าประจำวันของผมหลังจากทำกิจส่วนตัวเสร็จ ก็ต่อด้วยอาหารเช้ากับพ่อแม่และพี่สาว ซึ่งบางวันพ่ออาจจะไม่ได้มาร่วมโต๊ะเพราะต้องเข้าไร่แต่เช้ามืด บางวันก็เหลือแต่ผมกับแม่ เจ้ดาวเรืองจะหายตามพ่อไปด้วยอีกคนวันนี้เจ้ดาวไปธุระกับพ่อในเมือง บ่าย ๆ คงกลับมา จึงเหลือแค่เพียงผมกับแม่ที่ร่วมโต๊ะอาหารกันมื้อนี้เป็นโจ๊กที่แม่บ้านทำเตรียมไว้ให้ บางวันมีปาท่องโก๋พ่วงท้ายมาด้วย ที่มาที่ไปของปาท่องโก๋นี้คือ แม่เฟื่องฟ้าฝากให้พี่คนงานที่มาทำงานเช้าซื้อเข้ามาจากตลาดในหมู่บ้านบางวันก็เป็นขนมครก ผมยังเคยคิดว่าจะชวนออโต้เข้าไปเดินเล่นที่ตลาดในหมู่บ้านบ้าง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่เคยได้ไปสักที ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ตื่นไม่ทัน ตลาดวายก่อน
Part ทานตะวันผมยังอยู่ในสภาพจมที่นอนหลังจากที่นั่งตัดคลิปวิดีโออยู่จนดึก ถึงแม้ว่าจะตัดได้ไม่ขั้นเทพเหมือนคนอื่น แต่ก็ถือว่าพอใช้งานได้ก็แล้วกันวันอาทิตย์แบบนี้ ผมไม่อยากตื่นเท่าไร อยากจมอยู่บนที่นอนแบบนี้อีกสักหน่อย แต่ทว่า“แก ตื่นได้แล้ว” เสียงเกือบตะโกนจากหน้าประตูห้องผมดังขึ้นผมพยายามไม่ตอบ แต่ทำไม่ได้น่ะสิ“ตื่นแล้ว โอ๊ย นี่วันอาทิตย์นะ” ผมโวยกลับ“หัดตื่นมาใส่บาตรกับที่บ้านบ้าง”ผมนึกถึงการใส่บาตร จริงสินะ ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน ยังไม่เคยตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อใส่บาตรไหว้พระอะไรเลยเอาจริง แม่เคยถามผมเรื่องบวชพระ แต่ผมยังไม่ได้ตอบอะไร ไม่มีแพลนอะไรเกี่ยวกับการบวช รู้แหละครับว่าพวกเขาอยากให้บวชเพราะอะไร แต่ผมอยากถามว่ามันจำเป็นด้วยเหรอ กฎหมายกำหนดรึเปล่า ไม่นะ แต่คงเป็นไปตามจารีตประเพณีที่ว่า บ้านไหนมีลูกชาย ก็อยากจะให้บวชเผื่อเกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์รอก่อนนะ ผมยังไม่คิดผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนัง แม่เจ้า
เช้าวันเสาร์ท้ายสัปดาห์ที่แสนวุ่นวายของอัค หลังจากที่เขาตัดสินใจว่าจะเดินทางเข้าไปที่บ้านไร่จินตรา ครั้งนี้เขากะว่าหลังจากไปขอพบเจ้าของบ้านไร่จินตราแล้ว ค่อยแวะหาเพื่อนของเขาตอนจะกลับอีกทีชายหนุ่มแต่งตัวในชุดสุภาพตามสไตล์ของเขา ไม่มีการนัดล่วงหน้าใด ๆ กับเจ้าของไร่ ดูบ้าบิ่นที่สุด ในทีแรกเขาเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามและรวดเร็วแบบนี้‘เงินจำนวนมหาศาลรอเขาอยู่’อัคเป็นพนักงานธนาคารสายสินเชื่อที่มีความรอบรู้ในเนื้องานการปล่อยสินเชื่อมากพอประมาณ แต่อาชีพการเป็นนายหน้า ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขามาก การนั่งอยู่กับโต๊ะหรือออกตลาดเพื่อหาลูกค้ามาขอสินเชื่อ ทำได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก หากเข้าถึงความจำเป็นการใช้เงินของลูกค้า กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชวนให้น่าสนใจขณะที่อาชีพการเป็นนายหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายหน้าในเรื่องใดก็ตาม แก่นของมันคือ ‘จับแพะชนแกะ’ หาคู่ให้ลงตัว เมื่อความต้องการมาตรงกัน ค่าตอบแทนที่ได้จากฝ่ายที่ขอให้จัดหา มันค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจ เพียงเ
เช้าวันเสาร์ท้ายสัปดาห์ที่แสนวุ่นวายของอัค หลังจากที่เขาตัดสินใจว่าจะเดินทางเข้าไปที่บ้านไร่จินตรา ครั้งนี้เขากะว่าหลังจากไปขอพบเจ้าของบ้านไร่จินตราแล้ว ค่อยแวะหาเพื่อนของเขาตอนจะกลับอีกทีชายหนุ่มแต่งตัวในชุดสุภาพตามสไตล์ของเขา ไม่มีการนัดล่วงหน้าใด ๆ กับเจ้าของไร่ ดูบ้าบิ่นที่สุด ในทีแรกเขาเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามและรวดเร็วแบบนี้‘เงินจำนวนมหาศาลรอเขาอยู่’อัคเป็นพนักงานธนาคารสายสินเชื่อที่มีความรอบรู้ในเนื้องานการปล่อยสินเชื่อมากพอประมาณ แต่อาชีพการเป็นนายหน้า ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขามาก การนั่งอยู่กับโต๊ะหรือออกตลาดเพื่อหาลูกค้ามาขอสินเชื่อ ทำได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก หากเข้าถึงความจำเป็นการใช้เงินของลูกค้า กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชวนให้น่าสนใจขณะที่อาชีพการเป็นนายหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายหน้าในเรื่องใดก็ตาม แก่นของมันคือ ‘จับแพะชนแกะ’ หาคู่ให้ลงตัว เมื่อความต้องการมาตรงกัน ค่าตอบแทนที่ได้จากฝ่ายที่ขอให้จัดหา มันค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจ เพียงเ