เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าช่างเป็นใจสุด ๆ อากาศเย็นชื้นสดชื่นบริสุทธิ์อยู่รายล้อมรอบตัว ผมตื่นขึ้นโดยไม่ต้องมีใครมาปลุก นั่นคงเพราะได้นอนอย่างเต็มอิ่มแปดชั่วโมงจริง ๆ
ความจริงแล้ววันนี้ ผมกะว่าจะจัดห้อง ปรับปรุงให้ห้องมันเป็นห้องสำหรับผมหน่อย ความบ้าเทคโนโลยีของผม ทำให้ผมมีไอแพด แท็บเล็ต วินโดวส์แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก พีซีตัวแรง และมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ ของพวกนี้พ่อช่วยขนกลับมาก่อนที่ผมจะกลับ 5 วัน
ตอนนี้มันกองอยู่ที่ปลายเตียงของผม
โต๊ะทำงานขนาดใหญ่เข้ามุมใกล้พร้อมสำหรับทำงานแล้ว แต่พ่อบอกว่า มีห้องทำงานสร้างไว้อยู่อีกฟากของบ้าน เป็นออฟฟิศเล็ก ๆ ที่แม่เฟื่องฟ้าให้สร้างเพื่อเป็นสัดส่วน ทำให้ตอนกลางวัน พวกเราก็จะพบกันในห้องนั้นนั่นแหละ
ผมเห็นว่าช่วงเช้ายังพอมีเวลาจึงยกพีซีกับจอใหญ่ของผมไปวางไว้ที่ห้องทำงานก่อน พอไปถึงก็พบกับเจ้ดาวเรืองในชุดเตรียมเข้าไร่
“อ้าวแกตื่นแล้วเหรอ แล้วนี่ขนอะไรมา” เจ้ดาวเรืองมองพีซีในมือผม
“จะเอามาทำเซิร์ฟเวอร์” ผมบอกแค่นี้พอ บอกมากกว่านี้จะเข้าใจอะไรบ้าง
เจ้พยักหน้า แล้วเธอก็พาผมไปที่ห้องเล็กด้านหลังอีกห้“แกไปนั่งกับออโต้ ฉันจะนั่งข้างหลังเอง” ว่าแล้วเจ้ก็กระโดดขึ้นท้ายรถอย่างชำนาญ ผมเลยไม่ต้องถามอีกว่าจะนั่งตรงไหน เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างออโต้อย่างไม่ลังเลรถเริ่มถอยหลัง มันเงียบกริบจริง ๆพอรถเริ่มออกตัว มันก็ไปได้ค่อนข้างช้าเพราะทางไม่ได้เรียบเหมือนถนนใหญ่ มันเป็นทางกรวดที่ทำไว้สำหรับใช้งานในไร่จริง ๆ“ไม่ชอบอะไรรึเปล่า ไม่ค่อยคุยกับเราเลย” ออโต้ที่กำลังขับรถ อยู่ดี ๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา“เปล่านิ เราเอ่อ ตะวันแค่กำลังปรับตัว” ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ไอ้ครั้นจะบอกว่าประหม่าเพราะแกแหละออโต้ มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ เดี๋ยวเกิดออโต้ไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดไว้ จะเข้าหน้าไม่ติด จะเกิดเรื่องแย่ขึ้นในรุ่นผมได้“ปรับตัวอะไร แต่เราว่าตะวันเงียบลงเยอะ สุขุม แล้วก็...” เขาหยุดพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปขับรถต่อผมที่ตั้งใจฟังก็คาใจสิ“ก็อะไร” ปากถาม มือเริ่มทำงานอย่างเคยชิน เอื้อมไปจับแขนเสื้อออโต้ไว้ คาดคั้น“น่ารักขึ้นมากด้วย” ออโต้พูดโดยไม่ได้หันมามองผม แต่สิ่งที่ฟ้องว่าเขาเองก็เขินมากอยู่นั่นคือ ‘หู’เอ ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ กลิ่นมันตุอยู่นะนายออ
ไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา ผมได้แต่ชะเง้อมองด้วยความทึ่ง คนงานบางส่วนที่กำลังออกไปเก็บองุ่น พอเห็นเจ้ดาวเรือง ต่างก็ตะโกนทักทาย ขณะเดียวกันเจ้ก็โบกมือทักทายกลับ แหม เจ้เรา แต่พอพวกนั้นเห็นผม ต่างก็ทำตาโต โดยเฉพาะพวกคนเก่าที่ยังมีเหลืออยู่หลายคนมองผมยังกะตัวประหลาด ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้จนผมต้องรีบโบกมือไปมา พร้อมตะโกนว่า “ไม่ต้องไหว้ครับ ไม่ต้อง โว้วว”เจ้ดาวเรืองกับออโต้พากันหัวเราะผม ผมไม่ชอบให้ใครมาไหว้นี่กว่าจะสงบได้ เฮ้อผมรีบพาตัวเองเดินเข้าไปที่โรงเก็บองุ่น ที่นี่ น่าจะเรียกว่าโรงงานได้ เพราะมีเครื่องจักร เครื่องมือประเภทสายพานลำเลียง มีโต๊ะสำหรับนั่งคัดขนาด ใช้แรงงานคนล้วน ๆ ครับ สาเหตุน่าจะเพราะมันเป็นแหล่งอาชีพให้กับชาวบ้านแถบนี้ด้วยตามที่พ่อเคยเล่าให้ฟังคนงานหลายคนมองหน้าผมแล้วเกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายมาก บางคนก็ก้มหน้างุดทำงานอย่างขยันขันแข็ง บางคนก็มองค้างอยู่อย่างนั้น น้องผู้หญิงหลายคนพอเห็นผมก็อายม้วนเป็นก้อนผ้าพับไปเลย หนักสุดก็คนชาย (ไม่แท้) สองสามคนหน้าแดงหันไปซุบซิบแล้วหัวเราะต่อกระซิกกันผมล่ะ กลอกตาไปมาสิครับ ทำอะไ
เดือนมิถุนายนของทุกปี หากเป็นที่กรุงเทพฯ ฯ ผมต้องพกร่มออกไปเรียนเป็นประจำ รวมถึงระยะหลังต้องหากระเป๋ากันน้ำด้วย มันไม่คุ้มเลยหากชีตที่ได้มาจะเปียกจนขาด อ่านไม่ได้ ต้องไปรบกวนเพื่อน ๆ อีกช่วงที่เรียนปี 3 ปี 4 ดีหน่อยที่เอกสารเกือบทั้งหมด อาจารย์ส่งให้ทางอีเมล เป็นพีดีเอฟ. ที่ไม่ต้องเปลืองกระดาษ แค่ต้องปรับตัวกับมันนิดหน่อย สำหรับผมแล้ว เรื่องจิ๊บ จิ๊บ มากเวลานี้ ไร่กรุณาธรมีระบบเครือข่ายไร้สายครบถ้วนแล้ว แต่ปัญหายังมีอยู่บ้างเรื่องสัญญาณที่ส่งไปท้ายไร่ ตอนหลังผมเลยแก้ปัญหาด้วยการใช้แอร์การ์ดแยกระบบออนไลน์ท้ายไร่ออกเป็นอีกส่วน เพื่อใช้ในการควบคุมกล้องวงจรปิด ซึ่งมันก็ได้ผล และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อย เพราะผมใช้แบบมัลติซิมการ์ด เบอร์เดียวแยกออกเป็นสองซิม แค่นี้ก็ควบคุมได้ไม่ยากอีกประการที่เป็นปัญหาคืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาก ๆ ยังมาไม่ถึงอำเภอนี้ แต่จากการสอบถามทางหน่วยที่ให้บริการแจ้งว่ากำลังขยายเคเบิ้ลมา หากมีโหนด*มาขยายใกล้ ๆ ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเหมือนในเมืองได้เช่นกัน‘ก็หวังว่าจ
หลังจากกินอาหารเที่ยงกันเรียบร้อย ออโต้ลงไปนอนกลิ้งที่เตียงผมจนผล็อยหลับไป ส่วนผมกำลังเริ่มลงมือทำงานต่อแต่หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนผมหันไปมองที่เตียง อ้าว แขกแก้วของผมจมหายไปกับผ้านวมเรียบร้อย คงเป็นแบบเดียวกับผม ยิ่งเจอกับอากาศเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศด้วย ไม่แปลกที่ผู้มาเยือนจะหลับจมอยู่กับผ้านวมนุ่มนิ่มแบบนั้นผมผลักออโต้ให้กลิ้งไปอีกฟากของเตียง ขอเจ้าของห้องงีบบ้างสิครับ คุณชายแล้วผมก็หลับกลางวันตามแขกอย่างรวดเร็ว แหมคนมันง่วงนี่นา+++++ผลั๊ก!“แก ฉันกลับมาแล้ว ว้าย!!!”เสียงร้องของเจ้ดาวเรืองทำให้ผมกับออโต้ตื่นจากการนอนกลางวัน แล้วนี่เจ้จะร้องทำไมวะ เสียงดังมาก“แก...แก...นอนกอดกัน...กรี๊ดด”เจ้ดาวเรืองตอนนี้เหมือนหญิงเสียสติ กรีดร้องแต่ตาโตมองผมกับออโต้ตาค้างผมที่ขณะนี้สติกลับมาแล้ว มองตัวเองก็ถึงกับตกใจ ผมอยู่ในอ้อมกอดของออโต้ที่ยังงัวเงีย ที่สำคัญคือ“ออโต้...” ผมแทบตะโกนใส่หูแขกผู้มาหลับในห้องผม“อะไร เสียงดังมาก”“กอด... นายกอดเรา”“นายก็กอด
หลังจากที่ ‘รถถัง’ เข้ามาอยู่ในไร่กรุณาธร สิ่งที่รถถังแปลกและไม่เหมือนวัวตัวอื่น ๆ คือ รถถังเป็นวัวที่พูดรู้เรื่อง และมีนิสัยคล้ายเจ้าของ นั่นคือคล้ายกับเจ้ดาวเรืองนั่นเองเนื่องจากไร่ของเราไม่ได้เป็นไร่สำหรับการท่องเที่ยวอะไร หรือเรียกง่าย ๆ ว่าไร่ระบบปิด ไม่ได้เปิดให้เป็นคนทั่วไปมาเที่ยวเหมือนไร่ที่เขาทำกัน แต่มีผู้สนใจได้ยินข่าวนิด ๆ หน่อย ๆ มาจากในจังหวัด แล้วอยากเข้ามาเที่ยวชม ซึ่งทางเราและทางบ้านไร่กรุณาธร ต่างก็ปฏิเสธเหมือนกัน เว้นแต่ว่าทางการมีหนังสือมาขอเข้าตรวจเยี่ยมชม หรือตรวจมาตรฐานการผลิต อันนี้เรายินดีเต็มที่อยู่แล้ว ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ทางไร่เราเน้นที่สุดในตอนแรกผมกับเจ้เคยคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอาหารของเจ้ารถถัง คือเรามีอาหารเสริมอย่างอื่นตามที่ทางเกษตรอำเภอแนะนำ ที่เรากลัวกันคือ ‘กลัวหญ้าไม่พอให้รถถังบริโภค’ปัญหานี้ในขณะนี้ตัดไปได้เลยครับคุณชายออโต้จัดให้ บวกกับในตอนนี้ไร่เราปลูกหญ้าเอาไว้ให้เจ้ารถถังอีกส่วนหนึ่ง พ่อเลยให้จ้างพนักงานในไร่แบบรายวันเข้ามาทำความสะอาดที่พักของเจ้ารถถัง และเกี่ยวหญ้ามาเก็บไว้ให้มันกินด้วย ว่าง่าย ๆ คื
“เรื่องนั้นแม่บอกหลินแล้วว่ามีใช้เงินนะ เขาไม่ติดเรื่องนี้ แต่ก็ให้บอกประมาณการเงินไปให้เขาหน่อย”“ได้ครับแม่ ถ้าเขามีคอมพิวเตอร์อยู่แล้วก็อาจจะแค่ต้องไปถ่ายรูป นั่น นี่ นู่นเยอะแยะอยู่นะครับ ไร่ของเราเองยังขาดพวกรูปภาพสวย ๆ ยังดีที่เรายังมีกล้องที่แม่เคยซื้อให้สมัยที่ผมเรียน มันยังใช้ได้ดี เดี๋ยวจะเอามาใช้กับงานพวกนี้เลย”ผมร่ายยาว จนทุกคนละทิ้งจากจานข้าวมาฟังผม“เพลินจังแก พูดเพราะ เสียงดี แกน่าจะเป็นนักร้องนะ” เจ้ดาวเรืองแกล้งทำตาเคลิ้ม“เหอะ ดนตรีพอได้แต่ให้ร้อง ไม่ไหวว่ะเจ้” ผมแขยงการร้องเพลงครับ ไม่เพี้ยน แต่ก็ไม่เพราะ ถ้าดนตรียังพอได้บ้างนะ พวกเปียโน คีย์บอร์ด ฟลูต ผมพอได้“แม่ ๆ คู่จิ้นคอนเทนต์ต้องมานะ” เจ้เสริมเรื่องที่ผมคิดไว้ จากสายตาที่ส่งมาของเจ้“ว่าแล้ว” เป็นหวยผมคงถูกรางวัลใหญ่ สายตาแบบนี้ผมเคยเห็นตอนที่ผมเผลอหลับบนเตียงเดียวกับออโต้เมื่อหลายวันก่อน“จิ้นกับใครเหรอดาวเรือง” เอาละครับ แม่ผมสนใจขึ้นมาแล้ว“หนุ่มไร่ข้าง ๆ เราไงแม่ ออโต้ ออโต้” ดาวเรืองเสนอชื่ออย่างไม่รีรอแม่ขำกิ๊ก ขณะที่พ่อยัง
ระหว่างทางเดิน ผมคิดว่าอยากเปลี่ยนไอ้ทางตัวหนอนนี่ให้มันเรียบแล้วใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขี่มา น่าจะเร็วและไม่ร้อนแบบนี้“ร้อนอิ๊บอ๋าย” ผมบ่นไปเดินไปไม่นานก็ถึงประตูทางเชื่อม ประตูเปิดไว้อ้าซ่าจริง ๆ มีร่องรอยอารยธรรมของเจ้ารถถังบ่งบอกว่ามันเดินมาถึงนี่แล้วก็ข้ามประตูนี้ไปอะไรรู้ไหม?อึวัวไงคุณ มันเป็นเครื่องย่อยต้นหญ้าเคลื่อนที่นะ กินปากออกตูด ตลอดวัน นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็น... คิดเองนะครับผมขอถือวิสาสะข้ามรั้วไป ผมพอจำทางได้ครับ พอข้ามรั้วไปผมก็เร่งฝีเท้าพร้อมกับดูซ้ายขวาไปตลอดทาง ร่องรอยของรถถังหายเข้าไปในดงหญ้าก่อนถึงตัวบ้านของออโต้ราว ๆ ร้อยเมตร มันตัดตรงลงพงหญ้าแล้วหายไปในนั้น ผมตามไปไม่ได้เพราะหญ้าค่อนข้างสูง“มันไปไหนของมันวะ ไอ้เด็กวัว” ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินต่อไปยังบ้านของออโต้เมื่อไปถึงก็พบว่าออโต้ยืนรอผมอยู่พร้อมรถไฟฟ้าคันเดิมที่ผมเคยนั่ง“รออยู่ เจ้โทรมาบอกแล้ว ตอนนี้น้าดิเรกช่วยจับวัวไว้ให้แล้ว”“เจอแล้วเหรอ” ผมที่เริ่มหอบเพราะร้อนและเหนื่อย ยิ้มออกมาได้“เห็นน้าว่ามันเดินเข้าไปหา ก็เลยจั
หลังจากคุยกับครอบครัวของออโต้เป็นที่เรียบร้อย ผมขอตัวกลับมาเอาโน้ตบุ๊กและไอแพดที่บ้าน ขากลับผมเห็นพี่ไม้ กำลังมาไล่เก็บอึของรถถัง พอเห็นผมก็รีบร้องทักทายอย่างดีใจ“สวัสดีครับคุณทานตะวัน” แล้วเขาก็หันกลับไปก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดต่ออย่างตั้งใจผมเดาว่าตอนนี้เจ้ารถถังน่าจะกลับไปบ้านเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ได้ถามอะไรเขาอีก ยิ้มให้แล้วรีบเดินข้ามประตูกลับไปที่บ้านผมลืมร่ม!เดินตากแดดไปสิครับ รอบนี้ เดี๋ยวกลับมาอีกรอบผมจะขับรถเข้ามาทางหน้าไร่แล้ว มีสัมภาระมาด้วยนี่เดินฝ่าแดดกลับมาไม่ไหวจริง ๆผมกลับมาถึงบ้าน เจอแค่แม่เฟื่องฟ้าที่กำลังนั่งดูงานบัญชีอยู่ ผมลืมเล่าไปว่า บ้านผมมีห้องแล็บด้วยนะจะบอกให้พ่อแม่ผมจบฟู้ดไซน์ เขาทั้งสองถนัดในการทำเครื่องดื่ม ไวน์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปสำหรับพวกเขา และห้องลดทองที่ว่า เหมือนเป็นห้องตรวจสอบคุณภาพไปด้วยในตัวแม่เล่าว่า บ่อยครั้งที่เราจะเมากันทั้งบ้าน เพราะต้องมาเทสไวน์กันด้วยดีงามมากผมเดินไปบอกแม่ว่าจะไปทำงานที่บ้านไร่จินตรา ท่านรับรู้แล้วโบกมือบ๊ายบายให้ผม คงกำลังติดพันงานอยู่&nb
<<<Z>>> <<<Z>>> <<<Z>>>/สวัสดีครับ//เฮ้ย ตะวัน จำเราได้รึเปล่า?//หึ ใคร?//ฟังนะ กู ชื่อ นิค//หยาบคาย ไอ้นิค//เอ๊า ผมชื่อนิคครับคุณทานตะวัน//เออ ค่อยดูมีการศึกษาหน่อย//ปากเหมือนเดิมนะมึง//เออ... มีอะไร//กูจะไปเที่ยวบ้านมึง//ตอนไหน อีก 2 ชั่วโมง//ห่ะ!?//เออ ๆ มาถูกเหรอ//ไร่มันดึง จีพีเอส. พามาได้ เดี๋ยวเจอกัน/นิค และเพื่อนสมัยเรียนกำลังเดินทางมาหาผมแบบเซอร์ไพรส์ ไม่ให้ผมได้ตั้งตัวตามนิสัยของนิคที่เป็นมาตั้งแต่เรียนแล้ว ผมต้องไปบอกแม่เฟื่องฟ้าก่อน เพราะพวกนี้มาคือยังไงก็คงค้างคืน แต่จะกี่คืนก็ไม่รู้พวกมัน“แม่ครับเพื่อนผมจะมาจากกรุงเทพฯ สามถึงสี่คน” ผมบอกแม่ที่ตอนนี้กำลังนั่งเคลียร์บิลอยู่ในห้องทำงาน“ค้างคืนไหมลูก” แม่ถาม“ค้างแหละแม่ แต่พวกอาหารอะไรนี่ เตรียมทันไหมครับ” ผมถามแม่เรื่องอาหาร เพราะปกติพวกเราก็กินอะไรไม่เยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าพวกนี้มา ส
ไร่กรุณาธร ตั้งขึ้นโดยคุณปู่ของดาวเรืองและทานตะวัน ในยุคแรก หลังจากเรื่องการหาที่ดินเสร็จสิ้นลง เขากับเพื่อน (ปู่ของออโต้) เริ่มดำเนินการด้วยเงินของตัวเองที่ได้มาจากมรดกและการสนับสนุนจากพ่อแม่บางส่วน มาดำเนินการ เริ่มแรกมีบ้านเล็ก ๆ สำหรับเขาและเริ่มจ้างผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการขุดสระน้ำด้านหลังพร้อมติดตั้งระบบจ่ายน้ำเดินท่อเข้ามาที่บริเวณที่จะก่อสร้างแปลงปลูกต้นองุ่น ใช้พื้นที่กว้างถึง 1 ไร่ในช่วงแรก เพราะในพื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถปลูกต้นองุ่นได้ราว ๆ 130-140 ต้น เป็นองุ่นสายพันธุ์ที่สามารถปลูกในประเทศไทย ทนร้อนได้ดี และจำหน่ายได้ราคาเขาวางแผนว่าจะจำหน่ายองุ่นออกไปให้เกิดรายได้ก่อน ขณะที่โครงการผลิตไวน์ของเขา เกิดปัญหาที่เขาคาดเดาไว้แล้ว นั่นคือเขาไม่ชำนาญในเรื่องนี้มากพอ ต้องมีอะไรอีกหลายอย่าง รวมถึงอุปสรรคมากมายก่อนจะทำให้เกิดโรงผลิตไวน์ได้ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ไร่กรุณาธร ยังคงเป็นไร่ที่ปลูกองุ่นขายเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวเขาเองก็ยังคงศึกษาการทำไวน์ เดินทางเข้าไปที่มหาวิทยาลัยบ่อยเพื่อหาอาจารย์ที่สอนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดก็ยังมิอาจสานฝัน
บ้านไร่จินตราเป็นหนึ่งในไม่กี่ไร่ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งปี มีพืชผลมากมายที่ผลัดกันออกผลตามฤดูกาลและนอกฤดูกาลอัน เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์พืชใหม่ ๆ ที่ได้รับจากต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่ ในเรื่องของทำเลที่ตั้ง บ้านไร่จินตรา มีลักษณะที่ตั้งที่ดี ด้านหลังเป็นภูเขา มีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน น้ำมาจากป่าบนเขา ด้านหน้าของไร่มีคลองชลประทานจากภาครัฐ มีถนนลาดยางอย่างดีจากอำเภอผ่านเข้าสู่ตัวหมู่บ้านที่อยู่ถัดไป ด้านข้างเป็นภูเขาที่ยาวต่อมาจากด้านหลังขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นไร่กัลยาณมิตรกันมีชื่อว่า “ไร่กรุณาธร” ที่ทำไร่ลักษณะคล้ายกันแต่มี พัฒนาการพันธุ์พืชที่เป็นของตัวเองและเน้นองุ่นเป็นหลัก เพราะมี โรงงานบ่มไวน์องุ่นเป็นของตัวเอง ขณะที่บ้านไร่จินตราจะเน้นพืชผลที่ส่งขายได้ตลอดทั้งปีปัจจุบันบ้านไร่จินตราอยู่ภายใต้การดูแลของคุณสมชายหรือที่ชาว หมู่บ้านเรียกว่า ‘น้าชาย’มีภรรยาชื่อหลิน และลูกชายชื่อคชา หรือน้องออโต้ เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่ช่วยกันบริหารไร่ มีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และบ้านไร่จินตราแห่งนี้ เป็นแหล่งอาชีพเล็ก ๆ ให้กับชาวหมู่บ้านแถบนั้นอีกด้วย
เรื่องราวของออโต้กับทานตะวัน ในทีแรกก็มีคนงานในไร่ทั้งสอง เอามาพูดคุยกันเรื่องที่ว่าผู้ชายรักผู้ชาย โดยเฉพาะไร่กรุณาธร แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอันเงียบหายไปเพราะมีคนงานอีกกลุ่มที่เปิดตัวเป็น LGBTQIA+ อยู่แล้วสามคนช่วยจัดการ‘แก๊งนารีผล’แก๊งนี้เปิดตัวขึ้นหลังจากทราบข่าวว่าออโต้กับทานตะวันคบหากันจริง ๆ แถมสุดท้าย ดาวเรืองดึง ‘แก๊งนารีผล’ มาเป็นทีมงาน คิว.ซี. และทีมเลขาให้กับตัวเองด้วย“พวกนี้เก่ง แถมยังปลื้มพวกเธอทั้งสองคนด้วยนะจ๊ะ” เจ้ดาวเรืองบอกกับทานตะวันและออโต้“สงสัยต้องนัดพวกน้อง ๆ มากินมื้อพิเศษแล้วล่ะ” ออโต้ทำพูดเล่น แต่ดาวเรืองกลับจริงจังขึ้นมา“จะดีเหรอเจ้” ทานตะวันไม่แน่ใจ“ดีสิ พวกนี้กลายเป็นสมุนเจ้ไปเรียบร้อยแล้ว” ดาวเรืองกอดอกอวดให้พวกเขาฟัง ดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับดาวเรืองที่จะมีลูกน้องคอยช่วยดูแลงานในไร่ และเป็นเพื่อนสายวายเหมือนกับเธอ“แล้วแต่เจ้เลย” ทานตะวันส่ายหน้าระอากับพี่สาวตัวเอง“พวกนางฝากถามมาถึงด้วยนะ” ดาวเรืองพูดพลางยกหลักฐานในมือถืออวดทา
Part ทานตะวันหลังจากที่ตกลงกับออโต้เป็นแฟนกัน ชีวิตไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนอกจากตัวติดกันมากขึ้นกว่าเดิม ในทีแรกผมก็มีความกังวลอยู่นิดหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา ภูเก็ต ที่จะมีผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือกันได้อย่างไม่ต้องเกรงสายตาใคร ซึ่งผมกับออโต้ก็ไม่มีโมเมนต์นั้นอยู่แล้ว‘ไม่ได้แคร์ แต่เกรงใจพ่อแม่ครับ’ดังนั้นการไปไหนมาไหนของเรา ก็ดูออกแหละว่าไม่ใช่เพื่อน แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร จริงนะหลัง ๆ มาออโต้แทบไม่ได้กลับบ้านเลย! นอกจากผมจะไปค้างที่บ้านเขา ในภายหลังจึงต้องตกลงกันว่าเราจะสลับวัน จันทร์ - อังคารอยู่บ้านผม พุธ - พฤหัสบดี อยู่บ้านออโต้ ศุกร์-เสาร์อยู่บ้าน ส่วนวันอาทิตย์ ก็ดูความเหมาะสมกันครับแม้จะตกลงกันอย่างนี้ แต่สุดท้าย ออโต้ก็มักจะนอนที่ห้องผมซะส่วนมากสืบจากลูกน้องของเจ้ดาวเรือง ‘แก๊งนารีผล’ ตูน แองจี้ และแจ๋ม ซึ่งเป็นคนงานวัยรุ่นในหมู่บ้านที่ถัดจากไร่ไป ได้ขอรูปผมกับออโต้ไปลงในเพจหมู่บ้าน ปร
แต่แล้วคนที่พูดกลับกลายเป็นน้าชายซะงั้น“น้าคิดว่าน้าไม่โอเค หากออโต้จะชอบผู้ชาย...คนอื่นนะ” น้าชายตัดจบง่าย ๆ“สำหรับน้า ก็คงเหมือนกับน้าชาย แต่น้ามีข้อแม้นะ เดี๋ยวจะบอกให้ ขอฟังความเห็นของเพื่อนบ้านก่อน” น้าหลินขยิบตามาให้ลูกชายตัวเอง ผมรับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องดีแหละผมหันไปมองพ่อแม่ของผมเอง นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจหมับ!!ผมสะดุ้งจนแม้แต่เจ้ดาวเรืองหันต้องหันมามองออโต้คว้ามือผมมาจับไว้ผมมองหน้าออโต้ เขานิ่งมาก กลายเป็นผมซะเองที่เสียอาการ“ออโต้ น้าถามหน่อย คิดยังไงกับเจ้าทานตะวันลูกของน้า” พ่อมงคลของผมเอาแล้วไงครับ สไตล์การถามที่ลูกได้รับการถ่ายทอดมาอย่างเต็ม ๆ นี่แหละพ่อมงคล ไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็ตรง ๆ แบบนี้เลยออโต้กำมือผมแน่นขึ้น เออ! ลืมไปเลยว่าเรานั่งจับมือกันอยู่ ฉิบ... ชักมือออกตอนนี้คงไม่ดีแน่ ปล่อยไว้ก่อน“ผม... ผมชอบทานตะวันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ”“...”เงียบ“กรี๊ดดดดด อุ๊บ อุ๊บ หนูบอกแล้ว” เจ้ดาวเรืองเผลอกรี๊ด
“อะ ไก่ทอด” ออโต้ตักน่องไก่ให้ผม“ตักเองได้น่า” ผมตักได้เองจริง ๆ“แหมแก เขาตักให้ก็ขอบคุณสิคะ ไม่น่ารักเลย” เจ้ดาวเรืองกลับไปเข้าข้างออโต้ซะงั้น“เออ ขอบคุณนะ” ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย ทุกทีกินข้าวด้วยกันก็ไม่เห็นจะตักให้ มาวันนี้เกิดอยากสำแดงอะไรต่อหน้าพ่อแม่กันล่ะครับ“คนงานเป็นไงบ้างตอนนี้” ฝ่ายผู้ใหญ่เริ่มเปิดประเด็นแล้ว นั่นคือพ่อผมเอง“ก็เรียกมาคุยทั้งไร่เรียบร้อย ตะวันกับออโต้ก็อยู่ด้วยนะ” น้าชายตอบ“เฮ้อ อย่างว่า ลูกน้องเขาก็คงรักพวกนายมาก ๆ ไม่งั้นจะทำอย่างนี้เหรอ ใช่ไหม?” พ่อมงคลอของผมให้ความเห็น ข้อดีของพ่อก็คือเขามักจะคิดบวกเสมอ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถ้าคิดบวกมันก็คือดี แต่ที่แย่คือใจดำไปหน่อยปล่อยให้ผมรอกลางฝนแบบนั้น“แล้วตายิ้มที่ป้อมหน้าล่ะ” แม่เฟื่องฟ้าถามถึงที่ไม่ยอมปล่อยให้ผมเข้ามาในไร่“อือม จริงสิ เงียบไปเลยหลังจากเรียกประชุม ตอนนั้นแกก็ดูจะหลบ ๆ หน้าอยู่” น้าสมชายบอกกับแม่เฟื่องฟ้า“อย่าไปทำอะไรเขาล่ะ” พ่อผมพูดติดตลก“ก็คงไม่หรอก เพราะตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าลู
คนงานในไร่จินตราทยอยเดินเข้ามาในห้องโถงกลางบ้านที่ตอนนี้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้รอรับ แต่ละคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไร บางคนก็มีท่าทีวิตกอย่างเห็นได้ชัดสมชายผู้เป็นใหญ่ที่สุดในไร่ออกมานั่งที่เก้าอี้รับแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีหลินผู้เป็นภรรยานั่งอยู่ข้าง ๆ และเมื่อออโต้ลงมาจากชั้นบนพร้อมทานตะวันและดาวเรือง บรรดาคนงานยิ่งมีอาการวิตกกังวลกันมากขึ้น ต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาที่เย็นเยือกของสมชายอย่างเห็นได้ชัดเจน“นั่งตรงนี้ลูก” หลินหันไปบอกทั้ง 3 คนให้นั่งตรงชุดโซฟาที่ถัดออกไปสมชายลุกขึ้นยืน คนงานพากันเงียบลงในทันที“มากันครบแล้วใช่ไหม ยิ้มมารึยัง”“มะ มาแล้วครับ” ตายิ้มที่นั่งอยู่ด้านหลังยกมือขึ้น“ดี”สมชายกวาดตามองคนงานเรียงจากซ้ายไปขวา ส่วนมากจะนั่งก้มหน้ากันมากกว่า เหมือนรู้ว่าสิ่งที่สมชายจะพูดต่อจากนี้คืออะไร“พี่ไม่รู้นะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ไร่ของเราไม่เคยมีมาก่อน” สมชายหยุดหายใจ“ไร่ของเรากับไร่กรุ
+++++ตะวันกลับออกมาด้วยเสื้อผ้าของผม“น่ารักว่ะ”“อะไร!?” ตะวันทำหน้าตื่นเมื่อผมชมว่าน่ารักแต่ตะวันก็คือตะวัน เขาเปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นตัวเองอย่างเร็ว“เรามารอเพื่อเอาหลักฐานมาให้ดูว่าบ้านเราบริสุทธิ์”ตะวันพยายามยื่นมือถือมาให้ผม“เชื่อแล้ว...” ผมตอบ“อะไร ทำไมเชื่อง่าย ๆ ทีก่อนหน้านี้ ไม่ยอมเจอเลย ปิดบ้านหนีอีกต่างหาก” ตะวันก็ยังคงเป็นตะวัน เขาเริ่มเปลี่ยนเป็นโวยวายจนผมต้องรีบยกมือห้าม“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ไหนหลักฐานที่อยากให้ฟัง เปิดให้ฟังสิ” ผมรีบห้ามก่อนที่ตะวันจะโวยวายไปมากกว่านี้ตะวันยอมสงบ เขากดเปิดเสียงให้ผมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ“เชื่อตะวันแล้วใช่ไหม”“ก็ไม่เคยไม่เชื่อนะ” ผมตอบจากใจ“เอ้าแล้วทำไมปิดเครื่องหนี ติดต่ออะไรไม่ได้ ปิดประตูทุกช่องทาง” ตะวันกลับมาเริ่มโวยวายอีกจนผมต้องใช้ไม้ตายหมับ!ผมกอดตะวันไว้แน่น ตะวันเริ่มหายใจราบเรียบขึ้น ผมสัมผัสได้ว่าหัวใจของตะวันเต้นแรงและเร็ว ซึ่งไม่ต่างจากผมในตอนนี้ที่&